“ข้าโตแล้วเ้าค่ะ” กู้เหยาเถียงเสียงอ่อย
กู้เจิงยิ้มบางๆ “ในเมื่อระหว่างเ้ากับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเป็แค่มิตรภาพธรรมดาทั่วไป เช่นนั้นก็ควรเข้าใจเื่นี้ด้วย สักวันหนึ่งเ้าจะต้องออกเรือน และเขาก็จะต้องแต่งภรรยา ไม่ว่ามิตรภาพของพวกเ้าจะลึกซึ้งเพียงใด แต่สุดท้ายก็ต้องห่างกันไปอยู่ดี เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องเพิ่มปัญหาให้มากขึ้นด้วยเล่า?”
“ข้า...”
“เ้าลองคิดดู เพราะเื่ของเ้ากับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อย ทำให้พี่สามของเ้าถูกพระสนมซูตำหนิอยู่เสมอ ทั้งยังทำให้ท่านแม่เป็ห่วงอีกด้วย มิตรภาพของพวกเ้าลึกซึ้งจนต้องให้คนในบ้านได้รับความเดือดร้อนเพื่อเ้าอย่างนั้นหรือ?”
กู้เหยาเบะปาก นางก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“พี่สามของเ้ากลายเป็พระชายาตวนแล้ว นับแต่นี้ไป ตระกูลกู้กับจวนตวนอ๋องนับว่าเป็หนึ่งเดียวกัน ถึงขั้นต้องพึ่งพาจวนตวนอ๋องเพื่ออยู่ต่อและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ที่พูดมาก็เพราะเหตุผลนี้ เมื่อครู่เ้าถามว่า พระสนมซูมีสิทธิอะไรถึงมาก้าวก่ายเ้าเช่นนี้ เพราะสิ่งนี้ไงเล่า” กู้เจิงพูดสอนเรียบๆ
กู้เหยากัดริมฝีปากอย่างดื้อรั้น
กู้เจิงลูบศีรษะนาง แล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า “น้องสี่ มีประโยคหนึ่งที่เ้าต้องจำไว้ ตวนอ๋องมีเพียงคนเดียว แต่พระชายาตวนกลับมีได้มากมาย”
กู้เหยาอึ้งไปทันที “อะไรนะเ้าคะ?”
“เ้าเป็บุตรสาวคนรองของภรรยาเอก กินดีอยู่ดีั้แ่เล็ก แต่เ้าอย่าลืมว่า เมืองเยว่เฉิงกว้างใหญ่ จวนป๋อเจวี๋ยมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เ้าลืมการตายของฟู่ผิงเซียงไปแล้วหรือ แม้แต่การตายของมารดานางนอกจากจะกลายเป็หัวข้อสนทนาแล้ว ก็มิได้เกิดเื่ใดๆ อีก องค์ฮ่องเต้ไม่ได้กล่าวถึงอะไรแม้แต่คำเดียว กระทั่งการตายขององค์ชายสามและพระชายาสาม จนถึงวันนี้ ก็ใกล้จะเลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคนแล้ว”
“พี่ใหญ่?” กู้เหยามองกู้เจิงอย่างงุนงง ถ้อยคำที่นางพูดออกมานั้นน่ากลัวนัก
“ใเข้าแล้วงั้นหรือ?” กู้เจิงยิ้ม “น้องสี่ ในโลกนี้ เ้าไม่ใช่ผู้ที่สำคัญที่สุด ข้าก็ไม่ใช่เช่นกัน เราต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย มีเพียงแต่ต้องอยู่สูงกว่าข้อจำกัดพวกนี้ ถึงจะสามารถมีชีวิตอย่างอิสสระได้ ส่วนพระสนมซู นางอยู่ในระดับสูงแล้ว ทำให้นางสามารถบีบคนที่ยังอยู่ต่ำกว่านางได้ตามใจ”
กู้เหยาอ้าปากอยากจะโต้กลับ แต่นางก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
กู้เจิงหยิกแก้มเล็กของนางอย่างเอ็นดู กู้เหยาไม่ใช่เด็กแล้ว แต่นางมีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาและไม่ชอบถูกคนควบคุมมากที่สุด พอมีข้อจำกัดก็ย่อมต้องต่อต้าน กู้เจิงต้องเตือนให้นางรู้ว่า นางไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้น ต่อให้นางขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้พระสนมซูกีดกันรังเกียจ จนกระทั่งไปพาลโมโหใส่กู้อิ๋ง จนผลสุดท้ายอาจจะมีความคิดที่จะเปลี่ยนพระชายาตวนก็เป็ได้
“เ้าลองไปคิดดูแล้วกัน” กู้เจิงเอ่ยพลางลุกขึ้นเดินออกจากศาลาไป นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินกู้เหยาถามต่อว่า “พี่ใหญ่ ท่านมีชีวิตแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงยิ้มบางๆ “พอโตแล้ว ทุกคนก็ล้วนมีชีวิตแบบนี้”
“ข้าไม่้ามีชีวิตแบบนี้เ้าค่ะ”
“งั้นเ้าต้องไปอยู่คนเดียวแล้ว”
กู้เหยา “...”
กู้เจิงมองกู้เหยาอย่างขบขัน “นี่ก็คือชีวิตมนุษย์ เมื่อเ้าเข้าใจว่าชีวิตคืออะไร นั่นจึงถือว่าโตแล้ว”
เมื่อยามราตรีมาเยือน เสิ่นเยี่ยนก็ยังไม่กลับถึงบ้าน
หลังจากกู้เจิงทานอาหารเย็นเสร็จโดยที่กู้เหยาไม่ได้มากินด้วย ซู่หลันจึงถามว่าจะให้ไปเรียกคุณหนูสี่มาหรือไม่ กู้เจิงไม่ได้ให้ไป แต่ได้สั่งให้เก็บอาหารเอาไว้เผื่อกู้เหยาเกิดหิวขึ้นมา
“เอาเสื้อคลุมไปให้น้องสี่หน่อย อากาศตอนกลางคืนเย็นเดี๋ยวนางจะเป็หวัด” กู้เจิงสั่งซู่หลัน
“เ้าค่ะ”
“จริงสิ เ้าไปแจ้งกับท่านแม่เสียหน่อย ว่าคืนนี้น้องสี่จะพักอยู่ที่นี่กับข้า”
“บ่าวส่งคนไปแจ้งแล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้าอย่างพอใจ
กู้เจิงอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ จึงเอาหนังสือมาอ่านเล่นๆ
นางอ่านอ่านไปได้พักหนึ่ง เหอเซียงก็เข้ามารายงานว่าคุณหนูสี่ทานอาหารแล้ว และตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องทางปีกข้าง
“คุณหนูสี่มีอะไรผิดปกติหรือไม่?” กู้เจิงวางหนังสือลงก่อนถาม
“คุณหนูสี่เหมือนจะตัดสินใจอะไรได้แล้วเ้าค่ะ”
กู้เจิงยิ้ม “นางน่ะ เป็เช่นนั้นได้เพียงไม่นานก็จะกลับมาทำตัวเป็เด็กเหมือนเดิม”
เมื่อได้เวลาเข้านอนเสิ่นเยี่ยนก็ยังไม่กลับมา กู้เจิงถึงกับนอนไม่หลับ นางจึงสวมเสื้อคลุมก่อนลุกไปนั่งมองดวงดาวที่สาดแสงเป็ประกายเต็มท้องฟ้า
ยามที่เสิ่นเยี่ยนกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นภรรยาผลอยหลับอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง คืนนี้ที่เขากลับมาช้าก็เพราะเื่ของเสี่ยนอ๋อง เขารีบไปเปลี่ยนชุดเฉาฝูออกและล้างมือให้สะอาด ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหากู้เจิง
“เหนียงจื่อ?” เสิ่นเยี่ยนเรียกนางเบาๆ ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เขาหัวเราะเบาๆ ดูท่านางจะหลับสนิทจริงๆ เขาอุ้มภรรยาขึ้นมานอนบนเตียง และมองใบหน้าที่หลับสนิทของนาง“เ้าผอมลงหรือเปล่านะ”
เสิ่นเยี่ยนไม่รู้ว่าภรรยาฝันถึงอะไร ใบหน้าของนางอมยิ้มน้อยๆ อย่างน่าเอ็นดู เขาจึงอดที่จะเขี่ยจมูกน้อยๆ ของนางไม่ได้ หลังจากแหย่ภรรยาจนพอใจเขาก็ก้าวขึ้นเตียงและกอดนางไว้ก่อนจะหลับไป
กู้เจิงนอนหลับสนิทเป็พิเศษ แต่เมื่อยามที่นางลืมตาตื่นขึ้น กลับเห็นใบหน้าของกู้เหยาที่กำลังเบิกตาจ้องนางเขม็งจนชิดใบหน้า นางเกือบจะร้องออกมาด้วยความใ “เ้าจะทำให้ข้าใตายหรือ?”
กู้เหยาหมั่นไส้ที่เห็นพี่สาวนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจเช่นนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับนางที่นอนกระสับกระส่ายไปทั้งคืน นางโทษคำพูดของพี่ใหญ่เมื่อวานที่ทำให้นางต้องเก็บเอาไปคิดทั้งคืน “พี่ใหญ่ พี่เขยใหญ่ออกไปทำงานตั้งนานแล้ว แต่ท่านเพิ่งจะตื่น ท่านไม่ต้องปรนนิบัติพี่เขยใหญ่หรือเ้าคะ?”
“เมื่อคืนพี่เขยใหญ่ของเ้ากลับมาบ้านด้วยหรือ?” กู้เจิงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนางนั่งดูดาวอยู่ที่ริมหน้าต่าง คงเป็เสิ่นเยี่ยนที่อุ้มนางขึ้นมานอนบนเตียง
กู้เหยามองพี่ใหญ่อย่างเหนื่อยใจ แม้แต่สามีตัวเองกลับมาบ้านหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
“บางครั้งพี่เขยใหญ่ของเ้างานยุ่ง ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านก็มี” กู้เจิงลุกจากเตียงไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้ซู่หลันแต่งหน้าหวีผมให้
“คุณหนูสี่อาจจะไม่รู้” ซู่หลันเอ่ยขึ้น “นายท่านกับนายหญิงไม่ชอบให้บ่าวมาคอยปรนนิบัติตอนตื่นนอนหรอกเ้าค่ะ”
กู้เหยาคิดถึงบิดามารดา ั้แ่นางจำความได้ ท่านพ่อล้วนมีท่านแม่คอยปรนนิบัติดูแล แม้แต่ทางฝั่งพี่สามที่ได้กลายเป็พระชายาตวนแล้ว นางก็ยังต้องคอยปรนนิบัติดูแลตวนอ๋องหลังตื่นนอน นางจึงรู้สึกว่าพี่ใหญ่และพี่เขยใหญ่นั้นแปลกนัก
“พี่ใหญ่ ข้าอยากพักอยู่ที่นี่กับท่านอีกสักสองสามวัน ได้ไหมเ้าคะ?” กู้เหยาถาม
“ได้แน่นอน เ้าอยากอยู่นานแค่ไหนก็แล้วแต่เ้าเลย” กู้เจิงบอกอย่างใจกว้าง
อาหารเช้าวันนี้เป็เมี่ยนเกอตา ใส่ผัก กุ้งแม่น้ำ และหน่อไม้แห้ง คนครัวทำออกมาดูดีน่ากินทีเดียว
หลังจากกู้เหยาลองชิมเข้าไปคำหนึ่ง ดวงตาก็เป็กระกาย “อร่อยมากเ้าค่ะ”
“นายหญิง” เหอเซียงเดินเข้ามารายงาน “รถม้าพร้อมแล้วเ้าค่ะ”
“วันนี้พี่ใหญ่จะออกไปข้างนอกหรือเ้าคะ?” กู้เหยาถามหลังจากบ้วนน้ำล้างปากหลังกินข้าวเสร็จโดยมีซู่หลันคอยดูแล
“ข้าจะออกไปดูที่หอสมุดทางตะวันออกของเมืองน่ะ วันนี้ช่างไม้ต้องเข้าไปทำงาน ในเมื่อเ้าก็ไม่มีธุระอะไร งั้นก็ไปกับข้าแล้วกัน” กู้เจิงพูดพลางหยิบเอาภาพวาดออกมาจากช่องแขนเสื้อ
กู้เหยาขยับเข้าไปดูก่อนถาม “นี่ภาพอะไรหรือเ้าคะ?”
“เป็ภาพแผนผังของหอสมุดทางตะวันออกของเมืองที่ข้ากำลังจะพาเ้าไป”
กู้เหยามองพี่ใหญ่อย่างแปลกใจ “ทำไมพี่ใหญ่ต้องไปเองด้วย ให้คนงานไปทำก็ได้นี่เ้าคะ?”
“ลงแรงทำเองกับมือ ถึงจะได้รู้ว่าอะไรเป็อะไร” กู้เจิงพับกระดาษกลับเข้ากระเป๋าแขนเสื้อ “เราไปกันเถอะ”
หอสมุดทางตะวันออกของเมืองเป็ตึกใหญ่สองชั้น ในหอสมุดมีลานกว้างที่มีบึงน้ำและสะพานข้าม ทิวทัศน์ภายในลานดูน่ารื่นรมย์ทีเดียว
วันนี้กู้เหยาสวมชุดกระโปรงลายดอกบัวสีฟ้าครามที่เหมาะกับตัว นางะโโลดเต้นเข้าไปในตัวตึก ทำให้ช่างไม้หลายคนที่เข้ามาทำงานอยู่ก่อนแล้วต่างถูกดึงดูดสายตาไปที่ตัวนาง
“ท่านลุงรองก็มาด้วยหรือ?” กู้เจิงเห็นท่านลุงรองเสิ่นมาทำงานไม้ในหอสมุดของนางด้วย
“อาเจิง ข้าก็มาด้วยนะ” อวิ๋นเหนียงกับเสิ่นกุ้ยเดินออกมาทักทาย
“ทักทายถางซยงกับพี่สะใภ้เ้าค่ะ” กู้เจิงกล่าวทักทายตอบ
กู้เหยาเองก็ทำความเคารพทุกคนตามพี่ใหญ่ของนาง
“คุณหนูสี่ พวกเราเคยเจอกันเมื่อครั้งก่อนแล้วเ้าค่ะ” วันนี้อวิ๋นเหนียงสวมเสื้อสีฟ้าอ่อนงดงาม นางยืนอยู่ข้างเสิ่นกุ้ยและส่งยิ้มน้อยๆ ให้กู้เหยา
กู้เหยานึกออกแล้ว เป็คืนงานเลี้ยงเข้าบ้านของพี่ใหญ่
“อาเจิง ขอบคุณเ้าที่รับข้าเข้าทำงานในหอสมุด” อวิ๋นเหนียงเข้ามาคล้องแขนกู้เจิงอย่างสนิทสนม “ดังนั้นวันนี้ข้าจึงตั้งใจทำขนมมาให้เ้าชิม”
“เดิมทีข้าอยากจะบอกว่าพวกเราล้วนเป็คนในครอบครัว มีอะไรจะต้องขอบคุณกัน แต่ในเมื่อมีของอร่อยมาด้วย งั้นท่านอยากจะขอบคุณข้าก็ไม่ว่าอะไรเ้าค่ะ” กู้เจิงตอบกลับอย่างติดตลก