สองหนุ่มนั่งดื่มอยู่ที่บาร์พร้อมกับเสพบรรยากาศรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่วินจะเอ่ยถามถึงเื่ที่กวีมาคุยกับเพื่อนของเขาเมื่อสักครู่
“ที่ดินที่นายเคยบอกจะทำรีสอร์ตแบบที่เปิดให้คนนอกเข้ามาจับจองเป็เ้าของได้ด้วยน่ะเหรอ” วินหมายถึงโครงการที่ครอบครัวของเพื่อนกำลังวางแผนลงมือทำรีสอร์ตบนเนื้อที่กว่าหนึ่งร้อยไร่ที่ปากช่อง โดยจะลงทุนสร้างโรงแรมและบ้านพักให้คนเข้ามาพักอาศัยเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
ส่วนใครที่มีเงินทุนและอยากเป็เ้าของก็สามารถลงทุนซื้อที่ดินพร้อมบ้านพักเป็ของตัวเองได้ ซึ่งเ้าของบ้านต้องจองล่วงหน้าก่อนเข้าพักหนึ่งเดือน ส่วนวันอื่นๆ บ้านพักของตนจะถือเป็ส่วนหนึ่งของรีสอร์ตที่เปิดให้คนนอกเข้ามาพักอาศัยได้
ส่วนค่าที่พักก็ถือเป็รายได้ให้กับเ้าของบ้านและเ้าของโครงการโดยปันส่วนกันคนละครึ่ง ซี่งทางโครงการจะสงวนสิทธิ์ให้เ้าของบ้านเข้าพักที่บ้านพักตากอากาศของตนได้ปีละหกสิบวัน และจำกัดให้เข้าพักอาศัยสูงสุดได้แค่เดือนละห้าวันเท่านั้น
“ใช่ พี่กวีคงหมายถึงที่ตรงนั้นแหละ แต่แค่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนของพี่เขาสนใจที่ดินตรงส่วนไหน” นนท์ตอบพร้อมกับมองสำรวจรอบๆ ร้าน ก่อนจะหันไปมองทางหนุ่มรุ่นน้องที่ตอนนี้ย้ายโต๊ะไปนั่งคุยอยู่กับกลุ่มของสาวโต๊ะข้างๆ อย่างออกรสออกชาติ
ภายในโต๊ะนั้นมีสาวนั่งอยู่ด้วยกันถึงสาม คน แต่ละคนก็แต่งตัวตามสไตล์ที่ต่างกันออกไป เริ่มจากสาวชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำที่นั่งคุยกับ เตชินทร์อย่างสนิทชิดเชื้อ อีกคนคือสาวชุดเดรสสั้นเกาะอกซีทรูสีขาวที่นั่งมองวินอย่างแสดงออกอย่างชัดเจนว่า พึงพอใจในตัวเพื่อนของเขาและอยากจะสานสัมพันธ์ด้วย
ส่วนคนสุดท้ายคือสาวผมยาวตรงสลวยถึงกลางหลังในชุดเดรสสั้นเกาะอกผ้าย่นสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์ที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้กับเขา นนท์ส่งยิ้มหวานตอบรับไมตรีกลับไปและหันกลับมาคุยกับเพื่อนของเขา
“สาวโต๊ะนั้นแจ่ม อย่างที่ไอ้เตมันว่าเลยนะ พี่กูเปิดร้านมาตั้งนาน ไม่ยักรู้ว่าสาวๆ ชอบมาร้านนี้ ไม่งั้นกูกลายเป็ขาประจำไปนานแล้ว” นนท์บ่นอย่างเสียดายเพราะรู้สึกว่าตนเองเพิ่งจะมาค้นพบสถานที่เจริญหูเจริญตาแห่งใหม่ช้าไป
“เป็ขาประจำตอนนี้ก็ยังไม่สาย ถ้านายว่างพอที่จะถ่อมาอ่ะนะ เพราะจากที่ทำงานของพวกเรามาที่นี่มันก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย” วินพูดพลางยกค๊อกเทลขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ สำหรับเขาเที่ยวที่ไหนก็ได้เพราะทุกที่เป็ที่เจริญหูเจริญตาได้หมด แต่ถ้าต้องขับรถอ้อมเมืองเพื่อมาเที่ยวแค่ที่นี่ เขาคนหนึ่งล่ะที่ขอโบกมือลา
ส่วนนนท์กลับคิดว่า ถ้านานๆ ครั้งได้มาเปลี่ยนบรรยากาศแถวนี้บ้างมันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร และครั้งนี้เหมือนโอกาสจะมาถึงเขาแล้ว
“สาวชุดสีชมพูคนนั้นที่ส่งยิ้มมาให้กู น่ารักดีว่ะ เดี๋ยวกูมานะ ขอไปทำความรู้จักสักหน่อย” นนท์ลุกไปสมทบกับเตชินทร์ทันที ปล่อยให้วินนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียว
ชายหนุ่มจึงหันมองไปทางโต๊ะนั้นอีกครั้ง เห็นกลุ่มของหญิงสาวนั่งพูดคุยอยู่กับเตชินทร์อย่างสนุกสนาน โดยมีนนท์ที่เพิ่งเดินเข้าไปสมทบนั่งแทรกกลางวงของสาวๆ ซึ่งเพื่อนสนิทของเขาเลือกที่จะนั่งติดกับสาวชุดเดรสสั้นสีชมพูคนที่มันสนใจ ถัดไปเป็สาวชุดเดรสสั้นสีขาวที่กำลังมองมาที่เขาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ วินยิ้มรับแค่เพียงมุมปาก
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจในเจตนารมณ์ที่สาวสวยคนนั้นส่งมา พลันนึกขำกับชีวิตของตัวเองที่ทุกวันนี้เขาคิดแค่จะสนุกกับสาวไปวันๆ โดยไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร หลังจากที่ถูกหักหลังเมื่อสามปีก่อน จากคนที่เขาไว้ใจ คนที่เขาเรียกว่าเพื่อน
ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่เปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิตอีก เพราะเห็นแล้วว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเจอมาก็เหมือนกันหมด รักความสนุก รักความสบายไม่เคยรักใครจริง นอกจากรักตัวเอง
เขาถึงไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใครอีก กลัวจะเจ็บเหมือนที่ผ่านมา แต่บางครั้งเขาก็เคยนึกถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่ได้คำตอบ รู้แค่เพียงว่าตอนนี้เขายังไม่เจอใครที่ถูกใจหรือรู้สึกว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปจนวันตาย
ถ้าอย่างนั้นเขาก็ขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน ชายหนุ่มยิ้มและหัวเราะเบาๆ ในลำคอ หลังตัดสินใจได้เขาส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดในหัวให้ออกไป ก่อนจะตัดสินใจลุกไปสมทบกับเพื่อนสนิทและรุ่นน้องของเขาที่โต๊ะด้านข้างทันที
ด้านกวีที่เดินพาแพรมายังบาร์ค๊อกเทล ถึงกลับยืนงงอยู่พักใหญ่เพราะเมื่อทั้งคู่เดินมาถึง กลับพบแต่โต๊ะที่ว่างเปล่า ไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้นเลยสักคน
“อ้าว หายไปไหนกันหมด เมื่อกี้ยังนั่งคุยกันตรงนี้อยู่เลยหรือว่ากลับกันไปแล้วเนี่ย” พูดพลางกวาดตามองไปจนทั่วและพบว่าสามหนุ่มนั้นยังไม่กลับแต่แค่ย้ายไปนั่งคุยกับสาวโต๊ะอื่นอยู่ แหม ครบคู่ กวีมองแล้วก็แอบค่อนขอดอยู่ในใจ
“นั่นไง...นายนนท์” พูดพร้อมชี้นิ้วไปทางน้องชายตัวดี
“คนที่ตัวขาวๆ จมูกโด่งๆ นั่งอยู่ตรงกลางที่กำลังคุยกับสาวชุดสีชมพูอ่ะ”
แพรหันมองตามทิศทางที่กวีชี้นิ้วไป แต่เจอเข้ากับสายตาของผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างของคนที่ชื่อนนท์ เขากำลังมองมาที่เธอ สายตาของเขาสะกดให้เธอหยุดนิ่งและมองที่เขาแทนที่จะมองไปยังเป้าหมายที่กวีชี้ให้ดู ทั้งสองสบตากันเนิ่นนาน ก่อนที่หญิงสาวจะสะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกกวีสะกิดเข้าที่แขน
“เห็นแล้วใช่ไหม คนนั้นน่ะ ชื่อชานนท์ หรือจะเรียกว่านนท์ก็ได้ เขาเป็ลูกพี่ลูกของพี่และเป็เ้าของที่ดินตรงปากช่อง แปลงที่เธออยากจะได้ ไว้โอกาสหน้าพี่จะแนะนำให้รู้จักแล้วกัน ตอนนี้ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาสานสัมพันธ์กับสาวๆ ไปก่อนแล้วกันนะ”
พูดจบก็ตบไหล่ของหญิงสาวแล้วเดินจากไป แพรได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนมองกลับไปที่โต๊ะนั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ยังมองมาที่เธออย่างไม่ละสายตา จนหญิงสาวรู้สึกประหม่า เธอจึงเลือกเป็ฝ่ายหลบตาและเดินจากไปเสียเอง
วินมองตามจนเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเดินหลบมุมไปทางห้องน้ำ เขาไม่รอช้า รีบลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินตามเธอไปทันที แต่ถูกนนท์รั้งไว้
“จะไปไหนวิน”
“จะไปเข้าห้องน้ำ มึงรอตรงนี้แหละ”
“ไปด้วย...เดี๋ยวผมมานะครับ” นนท์หันไปบอกกับสาวข้างกายก่อนลุกตามวินไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้