หวังเฉิงกล่าวทักทายกับไป๋เหมย หลังจากที่ไป๋เหมยออกไป ไป๋หลิงฮัวก็เข้ามา
หร่านซวี่จือนอนลงบนเตียง เขาหลับตาและเกือบจะผล็อยหลับไป ขณะที่สะลึมสะลืออยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่ามีคนลูบหน้าผากของตนเอง
มือนั้นเย็นเล็กน้อยแต่ก็อ่อนนุ่มมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเล็กน้อย หร่านซวี่จือรู้ทันทีว่านี่คือมือของไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวนั้นอ่อนโยนต่อไป๋หลิงมาก ถึงแม้ว่าหร่านซวี่จือจะหลับตาแต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าแววตาอ่อนโยนนั้นเป็ของไป๋หลิงฮัว
จากนั้น หร่านซวี่จือก็ผล็อยหลับไป
หร่านซวี่จือออกจากบ้านไปในตอนเช้า หวังเฉิงกำลังคาบหญ้าไว้ในปากและยืนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง ใบหน้าด้านข้างที่ราวกับถูกแกะสลักด้วยสิ่วนั้นกำลังเปล่งประกายอยู่ภายใต้แสงแดด
พอหวังเฉิงเห็นหร่านซวี่จือ เขาจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ในขณะที่กำลังจะเดินไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเรียกจากทางด้านหลัง
เมื่อหวังเฉิงหันศีรษะไปก็เห็นว่าคนคนนั้นคือเสี่ยวจาง เขาเป็คณะกรรมการหมู่บ้านอยู่ฝ่ายการเงิน
ชื่อเต็มของเสี่ยวจางคือ จางซวี่ แต่ปกติแล้วไม่มีใครเรียกชื่อเขา เนื่องจากคนคนนี้นั้น โดยปกติแล้วจะเป็คนโลกส่วนตัวสูง หลังก็ค่อม พูดจาเสียงค่อย ได้ยินมาว่าเขายังชอบเล่นไพ่นกกระจอก ฐานะที่บ้านก็ยากจน ส่วนการเล่นนั้นก็ไม่ได้ดีมาก กระทั่งเงินจะกินข้าวก็ยังไม่มีอยู่บ่อยครั้ง
“พี่หวัง” เสี่ยวจางยิ้มแล้วเดินมา ใบหน้านั้นมีแต่รอยย่นเต็มไปหมด “ผิงจื่อเกิดเื่มาหลายวันนี้ ทางผมก็…แหะๆ”
หวังเฉิงไม่ค่อยอยากที่จะสนใจเขาเท่าไหร่ ยิ่งได้ยินประโยคหลังก็เกิดความรำคาญเล็กน้อย “พอได้แล้ว นายกลับไปก่อนแล้วก็จดชื่อไว้”
“ขอบคุณพี่หวังมาก ขอบคุณครับ” เสี่ยวจางพยักหน้าแล้วถอยหลังกลับ
“ยืมเงินหรือ? ” หร่านซวี่จือเอ่ยถาม
หวังเฉิงไม่รู้ว่าไปหยิบองุ่นอบแห้งมาจากไหนได้หนึ่งถุง เขาโยนเข้าปากแล้วเคี้ยว “คนคนนี้คือน้องชายของผิงจื่อ แต่ก่อนเคยช่วยงานก็เลยปฏิเสธยากน่ะ”
หวังเฉิงป้อนองุ่นอบแห้งเข้าปากหร่านซวี่จือด้วยหนึ่งเม็ด
“หวานเกินไป” ใบหน้าเล็กขาวดุจหิมะของหร่านซวี่จือย่นเป็ริ้วทำให้หวังเฉิงอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเขา
“นายคิดว่าฉันชอบกินของหวานขนาดนี้หรือ? ”
“แล้วพี่ยังจะกินอีกทำไม? ”
“ไม่สูบบุหรี่ก็อยากเคี้ยวอะไรสักอย่าง” หวังเฉิงชำเลืองมอง “ไม่อย่างนั้นนายก็ให้ฉันเคี้ยวหน่อยสิ? ”
ที่เถียงนานี้ไม่มีใคร หวังเฉิงจึงหาเก้าอี้มานั่งแล้วดึงหร่านซวี่จือมานั่งบนตัว
หวังเฉิงลูบผมอ่อนนุ่มของเขา พลางเขยิบเข้าไปกัดริมฝีปากของเขา เมื่อหร่านซวี่จือเผยอริมฝีปากออกก็สามารถรับรู้ได้ถึงของหวานที่เปียกชุ่มเข้ามาอยู่เต็มปาก
ปากของหวังเฉิงไม่มีกลิ่นบุหรี่แม้แต่น้อย มีแต่กลิ่นหอมหวานขององุ่นอบแห้งแทน
“ยังเจ็บหลังอยู่หรือเปล่า? ” หวังเฉิงจับเอวของเขา ค่อยๆ ใช้นิ้วมือ กดนวดเนื้อตรงต้นขาของหร่านซวี่จืออย่างช้าๆ
หร่านซวี่จืออ้าขาออก ตรงส่วนก้นอยู่บนส่วนนั้นของหวังเฉิงพอดีทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายจึงขยับเล็กน้อย “ไม่เจ็บเหมือนเมื่อวานแล้ว”
“ทำไมพี่ถึงชอบเรียกฉันว่ากระต่ายล่ะ? ” หร่านซวี่จือวางคางไว้บนบ่าของหวังเฉิงแล้วเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน
หวังเฉิงใช้มือลูบไล้จากด้านล่างขึ้นมาจนถึงหน้าอกของเขา ส่วนมืออีกข้างก็ปลดหัวเข็มขัดของหร่านซวี่จือ พลางล้วงเข้าไปด้านในแล้วช่วยนวดให้เขาจากด้านหลัง “ทั้งขาวทั้งนุ่ม ไม่ใช่กระต่ายแล้วจะเป็อะไร? ”
หร่านซวี่จือมองต่ำแล้วใช้นิ้วมือเลื่อนไปมาบนหลังของหวังเฉิง จู่ๆ ก็เอ่ย “บนหลังของพี่เป็อะไรไปน่ะ? ”
“ตรงไหน? ” หวังเฉิงถาม
หร่านซวี่จือนวดตรงส่วนนั้น ้านั้นยังมีปากแผลที่ไม่เล็กมากซึ่งรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างบาด
“ทำโดนเมื่อคืนหรือเปล่า? ” หวังเฉิงยิ้มแบบกวนโอ๊ยแล้วกุมมือของหร่านซวี่จือ “ก็เล็บของใครที่มันยาวแบบนี้ล่ะ? ”
หร่านซวี่จือหน้าแดงเล็กน้อยแล้วบิดตัวเพราะอยากลงจากบนตัวของหวังเฉิง
“อย่าขยับ” หวังเฉิงกดหร่านซวี่จือไว้ ในขณะนี้ ลมหายใจของเขาเริ่มไม่นิ่ง “พี่หวังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี”
หร่านซวี่จือเลื่อนสายตาลงด้านล่างก็มองเห็นด้านล่างตนเองมีเนินเล็กปูดขึ้นมา เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกับหวังเฉิง “ให้ผมช่วยไหม? ”
หวังเฉิงนึกว่าตนเองได้ยินไม่ชัด “อะไรนะ? ”
“ผมช่วยพี่จัดการเอง”
“หืม…” หวังเฉิงตาโตอ้าปากค้าง เขาเกือบจะหล่นจากตอไม้แล้วรีบคว้าศีรษะของหร่านซวี่จือที่กำลังก้มต่ำลงมา “นาย…เดี๋ยวก่อน! หยุด! ”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนขอนไม้ ริมฝีปากของเขาฉีกและสีหน้าก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก
หวังเฉิงกอดเขาอยู่ข้างๆ จูบตรงจอนผมของเขา “เมียจ๋าทำไมนายดีแบบนี้ พี่หวังเหมือนเก็บอัญมณีล้ำค่าได้เลย เฮ้ ครั้งหน้านาย…”
หวังเฉิงกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ เสียงของเขาก็หยุดชะงักไป
หร่านซวี่จือกำลังแปลกใจและเขาก็เห็นหวังเฉิงลากตนเองลุกขึ้นด้วย
ตรงเนินดินด้านหน้าปรากฏเงาของคนคนหนึ่งขึ้น คนคนนั้นสวมชุดกระโปรงสีขาวและเธอคือไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัว? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้
หวังเฉิงกอดหร่านซวี่จือให้นั่งย่อลงหลังโพรงหญ้า “อย่าส่งเสียง”
ไป๋หลิงฮัวเดินออกมาจากเนินดินแล้วตรงมาใกล้ๆ ตอไม้ที่หร่านซวี่จือกับหวังเฉิงนั่งด้วยกันเมื่อครู่ เธอหมุนวนอยู่หลายรอบ จากนั้นก็นั่งบนนั้นแล้วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
หร่านซวี่จือเงยศีรษะ เขาเห็นหวังเฉิงขมวดคิ้วและท่าทีดูหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ไป๋หลิงฮัวไม่ได้อยู่นานนัก หญิงสาวสูบบุหรี่เสร็จก็ลุกขึ้นแล้วจากไป
“ถูกเห็นเข้าหรือเปล่า? ”
“คิดว่าคงตามพวกเรามา” หวังเฉิงเอ่ย
หร่านซวี่จือมองไปที่เงาด้านหลังของไป๋หลิงฮัวอีกรอบ ไม่นานนักเงานั้นก็หายไปจากเนินดิน
จ้าวผิงถูกฝังเรียบร้อย เนื่องจากคุณยายที่บ้านก็สติไม่ค่อยดี ญาติของจ้าวผิงจึงมาช่วยเหลือในการจัดงานศพและเชิญคนในหมู่บ้านมากินข้าว
คนบ้านแซ่ไป๋มากันหมด เมื่อหร่านซวี่จือมองเห็นไป๋หลิงฮัว เขาก็สบตากับเธอ
ท่าทีของไป๋หลิงฮัวไม่ได้แปลกไปและยังคงเรียบเฉยเหมือนแต่ก่อน เมื่อเห็นหร่านซวี่จือ เธอก็ยื่นกระเป๋าของเธอมา “เสี่ยวหลิง ช่วยพี่ถือไว้หน่อย”
หร่านซวี่จือก็รับไว้
คนค่อนข้างเยอะและเมนูอาหารนั้นก็ค่อนข้างเรียบง่าย หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว พลางมองดูหมอผีทำพิธีกรรมร่ายรำ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรืออย่างไร เขามักจะได้ยินเสียงอื่นแทรกอยู่ด้วย
หร่านซวี่จือมองไปทางอื่น คนอื่นๆ สีหน้าปกติ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้ยิน
หร่านซวี่จือตั้งใจฟังอย่างละเอียดแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาว เขาอยากเดินไปเข้าห้องน้ำตรงสวนหลังบ้าน
ขณะกำลังปลดกางเกง หร่านซวี่จือก็ได้ยินเสียงตบดังขึ้นจากที่ไม่ไกล
อะไรน่ะ?
หร่านซวี่จือดึงกางเกงขึ้นมาใหม่แล้วเดินตามเสียงนั้นไป
เสียงตบนั้นดังมาจากห้องๆ หนึ่งซึ่งประตูไม่ได้ปิดสนิทจึงเหลือรอยแยกไว้ หร่านซวี่จือก็มองลอดช่องเข้าไปด้านใน
คนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายสุดที่เพิ่งเจอเมื่อตอนกลางวันคือเสี่ยวจาง ขณะนี้กำลังเอามือปิดหน้าและมองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว
เมื่อหร่านซวี่จือมองไปอีกทางก็ทำให้เขารู้สึกใเล็กน้อย
คนคนนั้นคือคุณยายที่เป็แม่ของจ้าวผิง
จ้าวผิงกับจางซวี่เคยเป็พวกพ้องที่ดีต่อกันไม่ใช่หรือ? ทำไมแม่ของจ้าวผิงถึงทำร้ายจางซวี่ล่ะ?
หร่านซวี่จือกำลังจะฟังต่อ จู่ๆ ก็มีใครบางคนตบไหล่เขาหนึ่งที
“นี่เสี่ยวหลิงไม่ใช่หรือ? ” หร่านซวี่จือหันศีรษะไป มองเห็นคนรักของไป๋ซวงกำลังยืนอยู่ด้านหลังตนเองพอดีและก็มองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
หร่านซวี่จือสะดุ้ง ขณะที่มองไปที่รอยแยกประตูอีกครั้งก็ไม่เห็นคนทั้งสองแล้ว
“พี่เฉิง สวัสดีครับ” หร่านซวี่จือหน่ายใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โทษใคร อีกอย่างเฉิงจวิ้นนั้นออกจะซื่อๆ เหมือนกับว่ามีปัญหาทางด้านประสาท ถึงจะพูดไปก็คงไม่เข้าใจ