ในที่สุดพายุโหมกระหน่ำที่กินเวลายาวนานก็สิ้นสุดลง เย่เฟิงเอนกายลงกอดผิวเนียนนุ่มของหญิงสาวผู้มีชีวิตชีวาและแฝงความเร่าร้อนด้วยความรัก
‘ถ้าตอนนี้...’ เย่เฟิงใคร่ครวญ อาศัยพลังของแหวนกระบี่ัโบราณทำให้เธอเป็ผู้ฝึกวีถีเซียนเช่นกันได้หรือไม่? เขากำลังลังเลจึงยังไม่ได้ลงมือ
จะต้องเกิดการนองเืที่ทะเลตะวันออกเร็วๆ นี้แน่ ทำให้เธอเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนในเวลานี้ก็จะไม่ค่อยเหมาะ หากบังเอิญเจอคนจำพวกหลงโม่หรานแล้วฝ่ายตรงข้ามระแคะระคายก็คงไม่ดีนัก
การเปิดจุดพลังฟ้าดินที่ถูกกักเก็บไว้ในร่างชีพจรเซียนมีอานุภาพแข็งแกร่งมาก คงไม่สามารถทำตามใจได้ รอให้จบเื่ที่ทะเลตะวันออกนี่เสียก่อนแล้วค่อยหาสถานที่เงียบสงบน่าจะดีกว่า
หลงหว่านเอ๋อร์ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา นอนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเสือดาวตัวน้อยหลังกินอาหารอิ่มแล้ว
เย่เฟิงลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนของเธออย่างเพลินมือ รับรู้อุณหภูมิของร่างกาย สูดดมกลิ่นกายหอมเข้าจมูก จดจ้องผิวขาวราวหิมะ บั้นท้ายแสนงามงอน ไม่นานนักเย่เฟิงน้อยก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพราะกลัวเธอจะรับไม่ไหว ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงอดทนต่อไป...
“ถ้าเป็แบบนี้ไปเรื่อยๆ คงจะดี” หลงหว่านเอ๋อร์ขยับกายพร้อมวาดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง ดวงตาสวยสุกใสเหมือนดวงดาวสบกับดวงตาคมของคนรัก
“วันนั้นอยู่ไม่ไกลหรอก” เย่เฟิงกระชับอ้อมแขน หากครั้งนี้หาตัวท่านอาจารย์ซูเฟยหยิ่งพบ เขาจะติดตามท่านอาจารย์ไป แค่มีท่านอยู่ เขายังต้องสนใจคนอย่างหลงโม่หรานอีกเหรอ? แม้แต่ชายชราตระกูลหลงซึ่งบ่มเพาะพลังมานานนับศตวรรษตามข่าวลือล้วนไม่อาจเป็คู่ต่อสู้ของซูเฟยหยิ่ง
ตอนที่อยู่ในโลกเทวะ ซูเฟยหยิ่งไม่ได้มีเพียงความสวยเท่านั้น แต่ยังเป็เซียนที่มีพร์สูงส่ง สามารถบรรลุวิชาเซียนหลายแขนงที่สืบทอดโดยสำนักสุสานดวงดาวถึงขั้นที่สามอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีใครในระดับพลังลมปราณเดียวกันสามารถสู้เธอได้เลย
สองหนุ่มสาวโอบกอดกันแน่น ขณะเดียวกันเย่เฟิงก็ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจรอบๆ และพบว่ามีผู้ฝึกวรยุทธ์สี่คนเข้าพักในห้องชั้นล่าง ชายหนุ่มพลันระวังตัวอย่างช่วยไม่ได้
คนของสำนักหมัดเทวา!
ขณะโอบกอดหลงหว่านเอ๋อร์ เย่เฟิงอาศัยจิตหยั่งรู้แอบฟังการสนทนาของพวกที่อยู่ชั้นล่างทันที
............
ณ เมืองเยี่ยนจิง บรรยากาศครึกครื้นเป็พิเศษเมื่อเข้าสู่ยามราตรี
หลังจากผ่าน่เวลาอันเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน บรรดาผู้มีหน้ามีตาและบุคคลสำคัญทั้งหลายในเมืองเยี่ยนจิงต่างออกมาพบปะสังสรรค์ หัวข้อสนทนาที่คุยกันอย่างออกรสของพวกเขาในค่ำคืนนี้คงหนีไม่พ้นเื่หลินเหรินเทียนทำหน้าที่ประธานผู้พิพากษาในศาลเมื่อเช้านี้
พ่ายแพ้ยับเยิน!
ไม่ใช่เื่เกินจริงหากจะใช้คำนี้บรรยายศึกนี้ของหลินเหรินเทียน ในเวลานี้คนในหัวข้อสนทนาอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร กำลังฟังรายงานอาการลูกชายจากแพทย์เ้าของไข้ จากการยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็รู้แล้วว่าโอกาสที่ลูกชายของเขาจะฟื้นตัวนั้นน้อยกว่าร้อยละศูนย์จุดหนึ่ง เื่นี้ทำให้ใบหน้าของเขาหม่นหมอง พูดได้ว่าต่อจากนี้ลูกชายของเขาจะเป็คนปัญญาอ่อนแบบนี้ใช่หรือไม่? ในฐานะสมาชิกตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิง หลินเหรินเทียนรู้สึกอัปยศอดสูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แม่หนูเซียวฉี่คนนั้นบอกว่า คืนวันนั้นหลินซิวเหวินถูกชายชราคนหนึ่งควบคุมไว้ จากนั้นเขาก็พยายามเข้าห้องมาเพื่อขืนใจเธอ แต่ต่อมากลับพบศพของชายชราคนนั้นในทะเลสาบเทียมบริเวณอะพาร์ตเม้นต์
จากการวินิจฉัยและรักษาหลายต่อหลายครั้ง สาเหตุที่หลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อนได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว ผลที่ได้ไม่มีอะไรซับซ้อนแต่กลับยากจะกล่าว เขาถูกกระตุ้นความ้าด้วยยาบางอย่าง แต่กลับไม่ได้ระบายความ้านั้นออกมา ผลลัพธ์จึงกลายเป็อย่างนี้
“หึ ไม่รู้ว่าแม่หนูตระกูลเซียวพูดจริงหรือเปล่า!” หลินเหรินเทียนหงุดหงิด ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นยิ่งนิ่งขรึม “ถ้ารักษาซิวเหวินไม่ได้ รอให้ผ่านไปสักระยะ เราจะสู่ขอแม่หนูตระกูลเซียวคนนั้นมาเป็สะใภ้ตระกูลหลินของเรา!”
ในเมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรซูเมิ่งหานกับเย่เฟิงได้ ก็เอาความโกรธแค้นนี้ไปลงที่เซียวฉี่แล้วกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมลูกชายเขาจนทำให้กลายเป็คนปัญญาอ่อนแบบนี้เหรอ? ดังนั้นก็ให้เธอรับผลกรรมนี้ไปซะ
ในความคิดหลินเหรินเทียน ลูกชายของเขาจะถูกใจใครหรืออยากได้ใครถือเป็เกียรติสูงสุดของอีกฝ่ายแล้ว นึกไม่ถึงว่าแม่หนูตระกูลเซียวจะไม่ซาบซึ้ง ลูกชายของเขาจึงกลายเป็คนปัญญาอ่อน และสมควรได้รับการชดใช้! ในมุมมองของหลินเหรินเทียน ความคิดนี้ถือว่าสมเหตุสมผล
ขณะเดียวกัน เซียวฉี่กับหลินซือฉิงกำลังเข้าอินเทอร์เน็ต ค้นหาคน คุยโทรศัพท์ และตรวจสอบข้อมูล สิ่งที่พวกเธอกำลังตามหาล้วนเป็ข้อมูลเกี่ยวกับเย่เฟิง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ และใน่บ่าย หลินซือฉิงก็พบอะไรบางอย่าง
‘เป็ไปได้ไหมว่าเย่เฟิงคือโม่จิ่วเกอ และโม่จิ่วเกอก็คือเย่เฟิง?’ คิ้วสวยของหลินซือฉิงขมวดแน่นเมื่อนึกถึงความเป็ไปได้นี้ หากเป็เช่นนี้ก็แปลว่าเพื่อนรักของเธอตกหลุมรักเย่เฟิง ซึ่งเย่เฟิงก็เป็คู่หมั้นของเธอ?
ไม่ดีแน่ อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน
แม้หลินซือฉิงจะไม่คิดว่าเย่เฟิงเป็คู่หมั้น ตามเหตุผลแล้วเซียวฉี่จะชอบเขาก็ไม่เป็ไร ทว่าในใจของหลินซือฉิงกลับมีความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมา เธอนึกถึงตอนที่โรงงานร้างะเิ ภาพเหตุการณ์ที่ถูกเขาปกป้อง เธอยังรู้สึกประทับใจ่เวลานั้นไม่หาย หากชายสวมหน้ากากเป็เย่เฟิงจริงๆ อย่างนั้นรูปลักษณ์น่าเกลียดนั่นก็เป็ของปลอมสินะ การแต่งงานที่คุณปู่เตรียมให้ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้... เมื่อคิดเื่นี้ ใบหน้าสวยก็แดงระเรื่อ
‘หวังว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนเดียวกัน’ เธอส่ายหัวแล้วถอนหายใจ เหลือบมองเซียวฉี่ที่ท่าทางตื่นเต้นอยู่ข้างๆ
แม่หนูน้อยคนนี้ดูเหมือนว่าอยากค้นข้อมูลของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติตลอดทั้งคืนเพื่อค้นหาตัวตนของโม่จิ่วเกอ เื่ของไช่เฉ่าหง ตอนนี้มีเพียงเซียวฉี่เท่านั้นที่เป็พยานและเป็ผู้อยู่ในเหตุการณ์ แน่นอนว่าเธอมีอำนาจในการดูข้อมูลเหล่านี้
‘ต้องหาให้ได้ว่าคุณเป็ใคร’ เซียวฉี่ตั้งมั่นในใจ!
ณ วิลล่าชิงเฟิง
เย่เวิ่นเทียนที่หลับมาตลอดทั้งบ่ายค่อยๆ รู้สึกตัวในที่สุด เมื่อลืมตามองด้านนอกก็อดแปลกใจไม่ได้
ตอนนี้พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟ้าเสียแล้ว นี่เขาเผลอหลับไปเหรอเนี่ย?
“คุณปู่หิวหรือยังคะ? ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” ซูเมิ่งหานที่ทำอาหารไว้หลายอย่าง พูดพลางยิ้ม
“เธอ… ไอ้เด็กเวรนั่นไปไหนแล้ว?” เย่เวิ่นเทียนถามขึ้นมาทันที
“เอ่อ... เขา...” ซูเมิ่งหานลังเล เธอไม่อยากบอกเื่นี้กับเย่เวิ่นเทียน แต่ก็ไม่อยากโกหกเขาเช่นกัน ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตนควรพูดอะไรออกไป
“ไปทะเลตะวันออกแล้ว? ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!” เย่เวิ่นเทียนลุกพรวด!
“คุณปู่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาไม่เป็อะไรหรอกค่ะ เขาจำเป็ต้องไปตามหาท่านอาจารย์ของเขา...” ซูเมิ่งหานช่วยอธิบายแทนเย่เฟิง
“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ทะเลตะวันออกอันตรายมากขนาดไหน?” เย่เวิ่นเทียนพูดต่อด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “แล้วเธอยังไปช่วยมันอีก เธอไม่กลัวว่าสามีเธอจะไม่กลับมาหรือไง?”
ใบหน้าสวยแดงแปร๊ด ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ “ไม่นะคะ... เป็ไปไม่ได้หรอกค่ะ เขาเก่งกาจขนาดนั้น...”
“เก่งกับผีน่ะสิ!” เย่เวิ่นเทียนพูดอย่างโมโห “เธอเรียกคนของแก๊งอสรพิษ์ให้มาขับรถพาพวกเราไป ส่วนตอนนี้ก็— ช่างมันเถอะ ไว้คุยกันหลังอาหารเย็นแล้วกัน”
“ค่ะ!” ซูเมิ่งหานพยักหน้ารัว
เธอแอบหัวเราะในใจ ตามคำสั่งของเย่เฟิง เมื่อถึงเวลานั้นให้คนสนิทคนหนึ่งของเตาปาขับรถฮัมเมอร์ไปส่งเขา รถฮัมเมอร์กินน้ำมันค่อนข้างมาก หากเดินทางจากเมืองเยี่ยนจิงไปตามถนนทางใต้ ต้องวิ่งๆ หยุดๆ สามารถถ่วงเวลาชายชราได้...
“จริงสิ เธอก็ต้องไปด้วย ถ้าอยู่ที่นี่กลัวว่าจะมีอันตราย” ระหว่างรับประทานอาหาร เย่เวิ่นเทียนก็พูดประโยคที่ยากจะปฏิเสธออกมา
เมื่อซูเมิ่งหานได้ยิน ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านในใจ ดูเหมือนคุณปู่จะคิดว่าเธอเป็คนในครอบครัวของเขาจริงๆ แล้วใช่ไหม?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้