ดวงจิตอสูรระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง ยังคงมีประโยชน์มากสำหรับเจียงเฉิน ด้วยทักษะร่างแปลงัได้ดูดซับมันโดยทันที ดวงจิตอสูรนี้ได้ช่วยเจียงเฉินสร้างตราประทับั เพิ่มขึ้นอีกสองดวง
เมื่อเจียงเฉินได้บรรลุเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น เขามีตราประทับัอยู่สิบห้าดวง จากที่เขาได้คำนวณการที่จะทะลวงสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางนั้นเขาต้องใช้ตราประทับัมากขึ้นเป็เท่าตัว ซึ่งก็คือสามสิบดวงและถ้าเขาอยากบรรลุขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายนั้น เขาจะต้องใช้ตราประทับั อย่างน้อยหกสิบดวง
เมื่อเจียงเฉิน ได้สะสมตราประทับั ครบหนึ่งแสนดวง เขาจะสามารถแปลงร่างเป็ัได้ อย่างไรก็ตาม เขาในตอนนี้ยังห่างไกลจากเป้าหมายยิ่งนัก นอกจากนั้น การจะสร้างตราประทับัให้ได้ตราหนึ่ง ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก เจียงเฉินได้เลือกเส้นทางนี้โดยที่รู้ว่า้าพลังงานจำนวนมาก มันจะกล่าวได้ว่าพลังงานที่เขา้าเป็จำนวนมากนั้นเทียบได้กับพลังงานที่ได้จากปีศาจมากกว่าพันมารวมกันเสียอีก
เจียงเฉินได้ดูดซับพลังจากดวงจิตอสูรของราชสีห์ทองคำในทันที ด้วยการช่วยเหลือของทักษะร่างแปลงั ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่แค่ไม่กี่นาทีก็สามารถดูดซับจนเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้ในทะเลลมปราณของเจียงเฉิน ได้มีตราประทับัหมุนเวียนอยู่รอบๆแก่นแท้มนุษย์ของเขาทั้งหมดสิบเจ็ดดวง ราวกับผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์
ทุกครั้งที่ตราประทับัดวงใหม่ได้ปรากฏขึ้น ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
สามวันต่อจากนั้น ทั้งสามได้อยู่ใกล้กับใจกลางของูเา ในเส้นทางของพวกเจียงเฉินนั้นได้เจอสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง ในจุดๆหนึ่ง พวกเขายังเจอหมาป่าฝูงใหญ่ โชคดีที่ทั้งสามนั้นแข็งแกร่ง จึงได้ฆ่าสัตว์อสูรที่มาขวางทางพวกเขา
เมื่อพวกเขาออกจากใจกลางของูเาต้นกำเนิดแล้ว เจียงเฉินพบว่าตราประทับัของเขาปรากฏเพิ่มขึ้นอีกสองดวง
ตราประทับัทั้งสี่ดวงนี้ นับว่าเป็รางวัลใหญ่จากการเดินทางครั้งนี้ แต่โชคไม่ดี ที่ไม่พบสัตว์อสูรสายเืหายาก ถ้าหากว่าพวกเขาพบ เจียงเฉินอาจได้รับความสามารถดั้งเดิมของสายเืนั้น
อีกคนหนึ่งที่ได้รับ รางวัลใหญ่ด้วย แน่นอนว่าเป็เยี่ยนเฉินหยวี่ นางไม่เพียงแต่ได้รับผลึกเยือกแข็งหมื่นปี หลังจากผ่านมาหลายวันในเขาต้นกำเนิด ความคิดและจิตใจของเธอได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ นางเคยชินกับการฆ่า และเธอคุ้นเคยกับการใช้ทักษะยุทธในการต่อสู้มากขึ้น ประสบการณ์ของเธอได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
มีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งกำลังเบื่อหน่ายอยู่ตอนนี้ นั่นคือ หวงต้า ใบหน้าของมันนั้นหมองคล้ำ เมื่อเห็นสหายทั้งสอง ได้อะไรมากมายจากการเดินทางนี้ แต่ตัวมันกับไม่ได้อะไรเลย ปล่อยให้มันเก็บความรู้สึกนี้ลงสู่กระเพาะของมัน
หวงต้าดมกลิ่นรอบๆด้วยความพยายามของมันทั้งหมด หวังว่าจะพบสมบัติหายาก นั่นจะช่วยเยียวยาความรู้สึกนี้ได้แต่ท้ายที่สุด มันก็พบแต่ความผิดหวัง
แม้ว่าเ้าหวงต้าผู้น่าสงสาร จะมีความสามารถในการหาสมบัติ แต่ไม่มีสมบัติระดับสูงอยู่ในสถานที่แห่งนี้สมบัติระดับสูงเพียงชิ้นเดียวที่พวกเขาเจอนั้นได้ยกให้เยี่ยนเฉินหยวี่
ทำไมชีวิตของหมาช่างขมขื่นอะไรเช่นนี้...
หลังจากที่ออกเดินทางไปกว่าครึ่งเดือน พวกเขาได้มาใกล้ถึงชั้นในของแคว้นฉี พวกเขาต้องเดินอีกเพียงแค่หนึ่งพันลี้ ก่อนที่จะออกจากเขาต้นกำเนิด ในบริเวณนี้ไม่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง นั่นเป็เหตุว่าทำไมพวกเขาเดินทางได้อย่างรวดเร็ว
"อีกแค่พันลี้ พวกเราก็จะถึงชั้นในของแคว้นฉีแล้ว หวงต้าบอกข้ามาเกี่ยวกับนิกายที่แข็งแกร่งในแคว้นฉี"
เจียงเฉินมองไปยังหวงต้า มันมาจากชั้นในของแคว้นฉี แน่นอนว่ามันย่อมคุ้นเคยกับนิกายขนาดใหญ่ที่นั่น
"เ้าถามถูกคนแล้ว...!! บิดาผู้นี้ได้อยู่ในแคว้นฉีเป็เวลานาน บนทวีปตะวันออก ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้ มีแคว้นทั้งหมด 28 แคว้น และแคว้นฉี มีขนาดเล็กที่สุด มีพื้นที่โดยรวมเพียงแค่หนึ่งแสนลี้เท่านั้น "
หวงต้า กล่าว
"อะไรนะ? พื้นที่โดยรวมไม่หนึ่งแสนลี้เนี่ยนะ เล็กที่สุด!!"
เยี่ยนเฉินหยวี่ เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ พื้นที่ไม่กี่แสนลี้นั้น สำหรับนางนั้นอาจจะอธิบายได้ว่าเป็ขอบเขตที่ไร้สิ้นสุด แต่นี่มันเป็เพียงแค่แคว้นที่เล็กที่สุดเช่นนั้นหรือ นั้นหมายความว่าทวีปตะวันออกนั้นต้องใหญ่โตมโหฬารเป็แน่
และนี่แค่ทวีปตะวันออก แล้วทวีปศักดิ์สิทธิ์ล่ะ เยี่ยนเฉินหยวี่ไม่อาจคาดเดาได้เลย แน่นอนว่า นี้ไม่สามารถตำหนินางได้ นางเกิดที่เมืองชื่อและไม่เคยออกมานอกตระกูลเยี่ยนมาก่อน นางจึงไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับทวีปศักดิ์สิทธิ์
รอยยิ้มได้ปรากฏบนใบหน้าของเจียงเฉินในทันใด ที่หวงต้าพูดมานั้นถูกต้อง แคว้นนั้นมีพื้นที่เพียงแค่หนึ่งแสนลี้ มันไม่มีความหมายเมื่อเทียบกับทวีปศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องกล่าวถึงแคว้นฉี แม้แต่ทวีปตะวันออกนั้นก็เป็เพียงพื้นที่เล็กๆเท่านั้น
มีเพียงนักบุญที่ทรงพลังเท่านั้น ที่สามารถแหวกมิติด้วยมือเปล่า และเดินทางไปกว่าหนึ่งล้านลี้ได้ในพริบตา ไม่มีผู้ใดสามารถทำความเข้าใจได้เลยเกี่ยวกับเื่นี้ มีเพียงเจียงเฉินเท่านั้นที่เคยได้ใช้ตอนที่เขาอยู่จุดสูงสุดในชาติที่แล้วของเขา
"ข้าได้ยินมาว่ามีสี่นิกายใหญ่ภายในแคว้นฉี นอกเหนือจากนิกายเทียนเจี้ยน นิกายที่เหลืออีกสามนิกายมีอะไรบ้าง"
เจียงเฉินเอ่ยถาม
พวกเข้าใกล้จะถึงส่วนในของแคว้นฉี เขาต้องเข้าใจเกี่ยวกับนิกายภายในนั้นเสียก่อน สำหรับเขานั้นความรู้เื่นี้เป็ส่วนที่สำคัญ
"แม้ว่า แคว้นฉีสำหรับพวกเราแล้วมีขนาดใหญ่ และเป็ดินแดนที่มีความหลากหลาย นิกายน้อยใหญ่ อยู่ในดินแดนแห่งนี้ แต่อำนาจที่แท้จริงที่เทียบเคียงกับนิกายเทียนเจี้ยนได้ นั้นคือ นิกายเซวียนอี้ , หุบเขาสุขสันต์ และ นิกายอัคคีผลาญฟ้า นิกายทั้งสี่นั้นต่างถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เ้าสามารถคาดเดาความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ง่ายๆ เฉกเช่น น้ำกับไฟ ศิษย์ของในแต่ละสำนักมีการปะทะกันอยู่เสมอ"
หวงต้าพูดอย่างขุ่นเคือง มันรู้ทุกเื่เกี่ยวกับนิกายในแคว้นฉี
"สถานที่ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้งั้นรึ ช่างเป็สถานที่น่าสนใจยิ่งนัก"
เจียงเฉินฉีกยิ้ม เขาเป็เหมือนปีศาจในคราบมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวที่จะต่อสู้
"หวงต้า เ้ารู้หรือไม่ว่าใครแข็งแกร่งที่สุดในสี่นิกายใหญ่นี้"
เจียงเฉินถามอีกครั้ง
"ถ้าเอานิกายเทียนเจี้ยนเป็เกณฑ์ละก็ ขอบเขตฉีไห่เป็ได้เพียงศิษย์อย่างไม่เป็ทางการ ขอบเขตแก่นแท่มนุษย์เป็ได้แค่ศิษย์ฝ่ายนอก และ ขอบเขตแก่นแท้์ ได้เป็ศิษย์ฝ่ายใน ข้าได้ยินมาว่า มีศิษย์ฝ่ายในเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าความคิดของข้าถูกต้อง เป็ไปได้สูงว่า มีผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธ ซ่อนตัวอยู่ภายในนิกายเทียนเจี้ยน นี่เป็เพียงความคิดของข้าเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธมีเพียงน้อยนิดยิ่งกว่ากำมือ ไม่มีทางที่จะมาอยู่ในทวีปตะวันออกเป็แน่"
หวงต้า กล่าว
"ขอบเขตจิติญญายุทธ"
รอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าของเจียงเฉิน ในเส้นทางของการฝึกตนนั้น ขอบเขตฉีจิง ขอบเขตฉีไห่ ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ ขอบเขตแก่นแท้์ ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์นั้น ขอบเขตเ่าั้เป็เพียงแค่รากฐานเท่านั้น หลังจากขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่มีร่างกายสำหรับต่อสู้โดยแท้จริงซึ่งหล่อหลอมรวมจิติญญาของการต่อสู้ภายในทะเลปราณ เรียกระดับนี้ว่า ขอบเขตจิติญญายุทธ
ความแตกต่างระหว่างผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์กับผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธนั้น เป็ดั่งหุบเหวที่กว้างใหญ่ มันยากเกินไปที่จะก้าวข้ามไปได้ หุบเหวนี้เป็เสมือนสิ่งกีดขวางโดยธรรมชาติ มันได้ขัดขวางผู้เชี่ยวชาญมากมายและเหล่าชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม ผู้เชี่ยวชาญระดับแก่นแท้์ทั้งหลายไม่สามารถก้าวข้ามหุบเหวนั้นได้ทั้งชีวิต ไม่ต้องกล่าวถึงระดับที่เหนือกว่านั้น
แคว้นฉี เป็ดินแดนที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะมากมาย แม้ว่านิกายเทียนเจี้ยนจะมี ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ เป็ศิษย์ฝ่ายใน แต่มันยากที่จะกล่าวได้ว่า มียอดฝีมือจิติญญายุทธอยู่ที่นี่
"พวกเราได้ฆ่า ศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยน ในอนาคตหากเราพบเจอศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยน ทางที่ดีเราควรถอยออกห่างๆไว้"
หวงต้าเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น มีเส้นสีดำหลายเส้นปรากฏบนหน้าผากของเจียงเฉิน เขาอยากที่จะะโเข้าไปสับเ้าหมานี่ไปทำย่างกินเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะมันละก็ เขาก็ไม่มีเหตุผลต้องมีเื่บาดหมางกับนิกายใหญ่
"โธ่เว้ย ! เ้าหมาเดนตายนี่ หลังจากนี้พวกเราจะแยกย้ายกัน"
เจียงเฉินจำได้ทันทีว่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนกำลังตามหาเ้าหมานี่ ถ้าเ้าหมานี่ยังตามเขาอยู่ มันจะเป็เหมือนคำสาป เขาจินตนาการได้เลยว่า เขาต้องถูกนิกายเทียนเจี้ยนไล่ล่าในภายหลังเป็แน่
"บัดซบ !!! เ้าสารเลว คิดจะเนรคุณข้าเรอะ"
หวงต้า เผยคมเขี้ยวอันแหลมคมของมัน
ทันใดนั้นเอง มีชายสี่คน ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ชายทั้งสี่คนนี้มาจากอีกฟากหนึ่งของูเา พวกเขาได้เห็นเจียงเฉินเดินทางผ่านมา เมื่อเขาได้เห็น เ้าหมาสีเหลือง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
"บัดซบ ทำไมโลกมันแคบ ทำไมกัน ทำไมพวกศัตรูถึงได้ มุ่งไปในเส้นทางเดียวกับข้า"
หวงต้าแทบจะอาเจียนเป็เื เจียงเฉียนเอามือปิดบังใบหน้าของตนเอง เขารู้ว่าหากเริ่มต้นเช่นนี้ ชีวิตของเขาในแคว้นฉีต้องน่าสังเวชเป็แน่แท้
ชายทั้งสี่ตรงหน้านั้น สวมเสื้อคลุม มีรูปกระบี่ ปักอยู่บนอก นี่คือสัญลักษณ์ของนิกายเทียนเจี้ยนพวกเขามองไปยังหวงต้า มันมองมาราวกับจะกลืนกินพวกเขา
"เ้าหมาเดนตาย ดูสิ นี่มันเ้าหมาบ้านั่นนี่นา"
"บัดซบ !! เ้าหมานี่ยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง แล้วไหน ศิษย์น้องเฉินซวงกับพรรคพวกละ"
"คุยมามากพอละ ฆ่ามันเลย !!"
เมื่อศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนเห็นเ้าหมาสีเหลืองนี้ พวกเขามองไปยังมันราวกับมันเป็คนฆ่าครอบครัวของเขา พวกเขาโกรธแค้นและปลดปล่อยพลังหยวนออกมา สองในสี่คน ได้ชักอาวุธของพวกเขาออกมา จากพฤติกรรมของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยไปจนกว่าหวงต้าจะตาย
เจียงเฉินแทบร้องไห้ออกมา ขณะนี้เขาโกรธจนไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่าเขาทราบถึงสิ่งที่หวงต้าได้ทำลงไป ถ้าหากเขาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาต้องอยากเอาเ้าหมานี่ไปย่างทั้งเป็แน่
คนทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้าเขา สองคนอยู่ในระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น คนหนึ่งอยู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางและอีกคนอายุยี่สิบปี อยู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย การจะไปถึงขั้นนี้ด้วยอายุของเขา ถือได้ว่าสูงที่สุดของศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหมด
"เ้าหนุ่มจากนิกายเทียนเจี้ยนเอ๋ย เ้าจะไม่ยอมแพ้เรอะ เ้าเชื่อหรือไม่ว่าบิดาผู้นี้ จะไม่กัดเ้าจนตาย "
หวงต้า เริ่มมีควันออกจากจมูก และเริ่มข่มขู่พวกเขา
"ฮึ่ยยยย.... เ้าหมาบ้า บาปของเ้าไม่มีวันให้อภัย ก่อนที่แกจะตาย บอกพวกเรามา ศิษย์น้องเฉินซวงอยู่ที่ไหนกัน"
ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายนั่น ถามเสียงเย็น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงเฉินเข้าใจถึงเหตุผลที่ชายทั้งสี่คนนี้มายังเขาต้นกำเนิด ไม่ใช่เพียงแค่ไล่ตามหวงต้าเท่านั้น พวกเขายังตามหาเฉินซวง กับอีกสองคน
เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ สายตาของเจียงเฉินพลันเปลี่ยนเป็เ็า จิตสังหารของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย เขาไม่้าให้ชายทั้งสี่คนนี้ผ่านเขาต้นกำเนิด และเข้าไปยังเมืองชื่อได้ ถ้าพวกเขาได้เข้าไปยังเมืองชื่อ ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเมืองสีชื่อจะถูกเปิดเผย
"เ้าพวกเศษสวะสามตัวนั้น มันกล้าดียังไงมาล่าตามบิดา ดังนั้นบิดาผู้นี้จึงกินพวกมันทั้งหมด"
หวงต้าพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ
"เ้าว่าอะไรนะ ดูเหมือนมันจะจริงที่ศิษย์พี่เฉินซวง กับพรรคพวกได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว ศิษย์พี่เหลียงตง ได้โปรดฆ่าเ้าหมานั่น ล้างแค้นให้ศิษย์พี่เฉินซวงด้วย "
หนึ่งในพวกเขาได้กล่าวออกมาอย่างเคียดแค้น
ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายที่มีนามว่า เหลียงตง เมื่อได้ยินที่ หวงต้าพูด ความ้าที่จะสังหารมันได้ไหลทะลักออกมา ั์ตาของเขามองไปรอบๆมายังเจียงเฉิน และเยี่ยนเฉินหยวี่ แต่สายตาของเขาหยุดลงทันที เมื่อเห็นเยี่ยนเฉินหยวี่
เมื่อเห็นเยี่ยนเฉินหยวี่ ดวงตาของเหลียงตงเป็ประกาย มันเป็เพราะว่าเขาได้เห็นสาวงามล่มเมืองปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา เขาได้มองไปยังสาวงามเหมือนกับว่านางไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้
"ถ้าเ้ายังคงมองมาที่นางอีกละก็ ข้าสัญญาเลยว่าตลอดชีวิตของเ้าจะไม่มีทางได้เห็นสิ่งใดได้อีก"
เจียงเฉินขมวดคิ้วและกล่าวออกมาเย็นเยียบ จะไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้หยาบคายต่อเยี่ยนเฉินหยวี่!
