“ปิงเหอเถิง!” ผู้นำทูเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
ผู้าุโใหญ่แห่งหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานปิงเหอเถิง มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 3 เช่นเดียวกับผู้นำหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานห่านเสวี่ยเทียน ในครั้งนี้เขาถึงกับต้องมาด้วยเอง เพราะปิงหยวนเป็ลูกศิษย์ของเขา แต่วันนี้กลับถูกสังหารที่เมืองเทียนลั้ว แล้วเขาจะไม่โมโหได้อย่างไร
“ผู้าุโปิง ท่านกับข้ามาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน แต่ท่านบ้าระห่ำขนาดนี้ มันจะดูไม่ดีเอานะ” ผู้นำทูหรี่ตาลงเล็กน้อย พอปิงเหอเถิงมาก็บอกให้เขาไสหัวไป มันทำให้เขาต้องเสียหน้ามาก
“ไม่ดี... เ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาพูดกับข้าเช่นนี้?” น้ำเสียงของปิงเหอเถิงแฝงไปด้วยเจตจำนงอันหนาวเหน็บ ผู้คนจากป้อมอีแร้งก็เป็เหมือนฝูงสุนัขและไก่ที่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ในความคิดของปิงเหอเถิง พวกมันทั้งหยาบคายและสกปรก แม้ว่าพวกมันจะมีอิทธิพลเล็กน้อยในเมืองเทียนลั้ว แต่ปิงเหอเถิงก็เกลียดชังพวกมัน
“แล้วข้าล่ะ!”
ตอนนี้เองได้มีเสียงที่เยือกเย็นอย่างมากดังขึ้น ทำให้ม่านตาของปิงเหอเถิงพลันหดลง วินาทีต่อมาเจตจำนงอันหนาวเหน็บได้กระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนสั่นเทาเพราะความหนาว
ในอากาศปรากฏร่างเงาที่กำลังลงมาจากท้องฟ้า เขาคนนั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก ขณะชกหมัดที่เต็มไปด้วยลมปราณอันชั่วร้ายไปยังปิงเหอเถิง
“หายไปซะ!” ปิงเหอเถิงะโอย่างเกรี้ยวกราด ขณะเดียวกันก็มีหิมะตกลงมาจากฟากฟ้า เกล็ดหิมะได้เปลี่ยนเป็น้ำแข็งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารพุ่งเข้าหากำปั้น
“ตูม!!!”
บรรยากาศพลันสั่นไหว หิมะตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างงดงาม และพัดไหวอยู่ในสายลม
“หนาวมาก!”
ฝูงชนที่อยู่ไกลๆ เริ่มสั่นเทา เมื่อความหนาวเย็นได้แทรกเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา
ฝูงชนเห็นร่างของปิงเหอเถิงถูกบังคับให้ถอยหลัง และบนพื้นได้ปรากฏรอยเท้าตามทาง เขากำลังจ้องมองคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาอย่างเอาเป็เอาตาย
คนผู้นี้ไว้ผมยาวกระเซอะกระเซิงพลิ้วไหวไปตามสายลม ั้แ่หัวจรดเท้า คนผู้นี้ดูราวกับจิติญญาที่ร้ายกาจ เขาถูกรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันชั่วร้าย อย่างไรก็ตามเมื่อปิงเหอเถิงเห็นคนผู้นี้แล้ว กลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
“คารวะท่านผู้นำ!”
ผู้คนของป้อมอีแร้งทั้งหมดต่างคุกเข่าลง ั์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เขาคือผู้นำของป้อมอีแร้งในตอนนี้ อย่างที่คิดไว้เลยเขาเป็คนลึกลับเหลือเกิน”
เมื่อฝูงชนเห็นคนผู้นั้น พวกเขาต่างหรี่ตาลงเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปิงเหอเถิงก็ยังคงจ้องมองไปที่เขา
“อะไรกัน เ้าจำสหายเก่าไม่ได้หรือไง”
ผู้นำของป้อมอีแร้งกล่าวขึ้นมากะทันหัน ทำให้ปิงเหอเถิงต้องตัวสั่นเทา ม่านตาพลันหดแคบลง ก่อนจะกล่าวอย่างตื่นตระหนกว่า “เ้า...!”
“ข้าเอง ปิงเหอเถิง เ้าคิดไม่ถึงล่ะสิ”
“ใช่ ข้าไม่คิดว่าเ้ามาที่เมืองเทียนลั้วแล้วจะกลายเป็ผู้นำของป้อมอีแร้ง” ปิงเหอเถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เขารู้จักคนผู้นี้ดี ในอดีตพวกเขาเคยต่อสู้กัน ปิงเหอเถิงเคยแข็งแกร่งกว่าคนผู้นี้เล็กน้อย ทว่าในตอนนี้พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว แต่การโจมตีของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอจะทำให้เขาถอยหลังไปได้
“หลังจากที่ลูกชายของข้าตาย ข้าได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น จนมาเป็ข้าในทุกวันนี้” คนคนนี้มีดวงตาที่เยือกเย็นอย่างมาก
“ปิงเหอเถิง ครั้งนี้พวกเราพบกันอีกครั้ง ทว่าเ้าและข้าล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน เช่นนั้นพวกเราควรจะสะสางเื่นั้นกันก่อน”
“เยี่ยม” ปิงเหอเถิงกล่าวขณะพยักหน้า
พวกเขาหันหลังกลับไปมองภัตตาคารเทียนซาน
“เข้าไปข้างในภัตตาคารและมาบอกข้า” ผู้นำของป้อมอีแร้งกล่าวเสียงเย็น ทันใดนั้นคนของป้อมอีแร้งรีบลุกขึ้นทันที ทำให้ฝูงชนถึงกับถอนหายใจ เพราะรู้สึกประหลาดใจ
ผู้นำของป้อมอีแร้งเป็คนที่น่าเกรงขามและดุดันเป็อย่างมาก ซึ่งนั่นเป็เหตุผลว่าทำไมคนของเขาถึงได้หวาดกลัวขนาดนี้
“ไม่จำเป็”
ขณะนั้นได้มีเสียงที่เยือกเย็นดังจากข้างในภัตตาคาร จากนั้นได้มีร่างเงาปรากฏตัวที่ประตูหน้าของภัตตาคาร
ด้านข้างของคนผู้นั้น มีร่างเงาที่บริสุทธิ์และสูงส่งอยู่ข้างกายราวกับเป็เงา
ผู้นำป้อมอีแร้ง ปิงเหอเถิง และพวกหลินเฟิงต่างกวาดสายตามองซึ่งกันและกัน
คนคุ้นเคย... ล้วนเป็คนคุ้นเคย!
“นั่นคือหลินเฟิงจากนิกายหยุนไห่นี่!” ดวงตาของปิงเหอเถิงกลายเป็เย็นเยียบมากขึ้น ขณะพึมพำในใจว่า “เ้าเด็กนี่เป็สัตว์ประหลาด มันจะต้องตายในวันนี้!”
การล่มสลายของนิกายหยุนไห่นั้น ปิงเหอเถิงก็มีส่วนรู้เห็นด้วย ในวันนั้นเขาได้เห็นความสามารถของหลินเฟิงบนลานประลองเป็ตายมาแล้ว จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาหนึ่งปีครึ่ง เด็กนั่นก็เติบโตขึ้นมาก แม้กระทั่งสามารถสังหารศิษย์หลักอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเสวี่ยอิงซานได้ หากหลินเฟิงน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่ปี เกรงว่าแม้แต่เขาก็ไม่อาจเอาชนะหลินเฟิงได้
วันนี้เขาต้องสังหารหลินเฟิงให้ได้ ไม่เพียงแต่แก้แค้นเท่านั้น แต่ยังขจัดภัยคุกคามในภายภาคหน้าอีกด้วย
ด้านข้างปิงเหอเถิง ดวงตาของผู้นำป้อมอีแร้งเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงขึ้นขณะจ้องมองหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย
“เป็เ้า!”
“ข้าเอง” หลินเฟิงเองก็มองไปที่เขา ผู้นำของป้อมอีแร้งคนนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จัก ในอดีตเขาเคยเป็คนของนิกายหยุนไห่และยังมีตำแหน่งสูงอีกด้วย
“ม่อชั่งหลัน นับวันเ้ายิ่งดูไม่เหมือนมนุษย์ มนุษย์ก็ไม่ใช่ ภูตผีก็ไม่เชิง!”
น่าแปลกที่ผู้นำป้อมอีแร้งเป็คนทรยศของนิกายหยุนไห่ เขาเป็หนึ่งในผู้าุโผู้คุมกฎของนิกายหยุนไห่ และเป็ผู้าุโม่อชั่งหลันที่พยายามช่วยลูกชายของเขา ม่อเสียเพื่อสังหารหลินเฟิง
ในวันที่นิกายหยุนไห่ถูกทำลาย เป็ม่อชั่งหลันที่ตัดแขนของหนานกงหลิง
“มนุษย์ก็ไม่ใช่ ภูตผีก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรือ?” ม่อชั่งหลันหัวเราะ “หน้าตาเป็เพียงแค่เปลือกนอก ไม่มีประโยชน์อะไร ความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญที่สุด ก็ยังดีกว่าเ้าก็แล้วกัน ที่ยังเยาว์วัยนักแต่วันนี้กลับต้องมาตายในเงื้อมมือข้า ผู้หญิงที่อยู่ข้างเ้าก็เช่นกัน แม้จะงดงาม แต่น่าเสียดายที่วันนี้ต้องตายตามเ้าไปด้วย”
ขณะมองใบหน้าชั่วร้ายของม่อชั่งหลัน ดวงตาของหลินเฟิงก็เริ่มเยือกเย็นขึ้น คนคนนี้จะต้องฝึกฝนทักษะที่ชั่วร้ายอย่างแน่นอน ถึงได้กลายเป็คนร้ายกาจอย่างวันนี้ ยามนี้ร่างกายของมันดูเน่าเปื่อยแต่มันก็ยังมีชีวิตอยู่ ดูน่าสยดสยองราวกับปีศาจร้าย
ฝูงชนต่างรู้สึกเศร้าสลดไปตามๆ กัน ใช่แล้ว… ในใต้หล้า ความแข็งแกร่งย่อมเป็สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ในขณะนี้หลินเฟิงกำลังอยู่ในอันตราย คงเป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้ วันนี้หลินเฟิงคงไม่รอดแน่นอน
“สารเลว” หลันเจียวลอบด่าหลินเฟิงเบาครั้งหนึ่ง นี่คือจุดจบของหลินเฟิง เขาไม่มีทางหลบหนีไปได้ เขาปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ภายใต้กับดักนี้
ผู้นำป้อมอีแร้ง ผู้าุโใหญ่แห่งหมู่บ้านเสวี่ยอิงซาน และรองผู้นำป้อมอีแร้ง ทั้งสามล้วนอยู่ในขอบเขตลี้ลับ เพราะอย่างนั้นหลินเฟิงจึงไม่มีทางหลบหนีพวกเขาไปได้
“หลินเฟิง เ้าอยากตายแบบไหน?” ม่อชั่งหลันกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิงด้วยสายตามุ่งร้าย ในอดีต ม่อเสีย ซึ่งเป็บุตรชายของเขาได้ถูกสังหารโดยผู้าุโคง เพราะหลินเฟิง และในตอนนี้เขาก็มีโอกาสสังหารหลินเฟิงเพื่อแก้แค้นให้บุตรชายที่ตายไปแล้ว
เมื่อเมิ่งฉิงได้ยินม่อชั่งหลันพูดว่า้าที่จะสังหารหลินเฟิง ทำให้นางก้าวเท้าไปข้างหน้า และปลดปล่อยเจตจำนงอันเยือกเย็นออกมา ทำให้พื้นดินกลายเป็น้ำแข็ง เจตจำนงที่นางปลดปล่อยออกมามันทรงพลังมาก
เจตจำนงอันเยือกเย็นที่เมิ่งฉิงปลดปล่อยออกมา ไม่ได้อ่อนแอกว่าปิงเหอเถิงเลยแม้แต่น้อย
“ขอบเขตลี้ลับ... ขั้นที่ 2”
ม่อชั่งหลันและปิงเหอเถิงต่างประหลาดใจ เพราะหญิงสาวตรงหน้ามีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 2 นอกจากนี้เจตจำนงอันเยือกเย็นของนางยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย มันทั้งเยือกเย็นและรุนแรงยิ่งกว่าเจตจำนงทั่วไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้นำอิงถึงถูกสังหาร
“ไม่เลว แต่น่าเสียดาย แม้ว่าเ้าจะขัดขวางพวกเราคนใดคนหนึ่งได้ แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม นั่นก็คือความตาย” ม่อชั่งหลันกล่าวด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“แม้ว่าข้าจะแก่แล้ว แต่ข้าก็มีความสุขที่ได้ร่วมวงกับพวกเ้า”
ในขณะนั้นเอง ได้มีเงาร่างของชายชราผู้หนึ่งกำลังตรงเข้ามาหาพวกเขา
“ท่านหัว!”
หลินเฟิงประหลาดใจ ชายชราผู้นี้คือท่านหัวที่เขาได้นัดหมายไว้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาก่อนวันนัดหนึ่งวัน
“หืม” ท่านหัวพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อยขณะเดินไปหาเขา ขณะเดียวกันร่างของชายชราก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันร้อนแรงออกมา ซึ่งตรงกันข้ามกับเจตจำนงอันเยือกเย็นของเมิ่งฉิง
“ขอบเขตลี้ลับ... ขั้นที่ 3!”
ฝูงชนล้วนประหลาดใจที่มีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากปรากฏขึ้นอีกคนหนึ่ง มาช่วยเหลือหลินเฟิง
“ขอบคุณท่านหัวมาก!” หลินเฟิงกล่าวกับชายชราที่อยู่ข้างๆ แต่กลับเห็นท่านหัวยิ้มและกล่าวว่า “เ้ายังมีของบางอย่างที่จะแลกเปลี่ยนกับข้า แล้วข้าจะปล่อยให้ของสิ่งนั้นตกอยู่ในมือพวกมันได้อย่างไร?”
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ท่านหัว หลังจากเื่นี้จบสิ้น หลินเฟิงจะต้องขอบพระคุณท่านอย่างมาก”
“เ้ายังเยาว์วัยนัก แต่กลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ” ท่านหัวทั้งรอยยิ้ม เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้คือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับ 3 คน ท่านหัวเองก็ใช่ว่าหวาดกลัวศัตรู การบ่มเพาะของเขาก็ไม่มีปัญหา เพียงแค่เขา้าปกป้องหลินเฟิงเท่านั้น
เม็ดยาจิตโลหิต มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
“มารนหาที่ตายอีกคนเล้วสินะ!” ปิงเหอเถิงกล่าวอย่างเ็าขณะมองหลินเฟิง “เ้ามันช่างไร้เดียงสาจริงๆ คิดว่าพวกมันทั้งสองจะสามารถปกป้องเ้าได้อย่างนั้นหรือ? พวกข้ามีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตลี้ลับมากกว่าหนึ่งคน แล้วเ้าจะหยุดได้อย่างไรกัน?”
“ขอบเขตลี้ลับ!”
หลินเฟิงพึมพำและเหลือบมองผู้นำทู ก่อนหันไปกล่าวกับเมิ่งฉิงว่า “เมิ่งฉิงไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“ข้าสามารถป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ได้” เมิ่งฉิงกล่าวขณะจ้องเขม็งไปที่ปิงเหอเถิง
“ได้” หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “ท่านหัว หมอนี่จะใช่มนุษย์ก็ไม่ใช่ ภูตผีก็ไม่เชิง งั้นต้องรบกวนท่านแล้ว”
“ข้าไม่ได้ออกแรงมานานมากแล้ว แต่คนที่เ้าบอกคงไม่มีปัญหาสำหรับข้า” ท่านหัวตอบกลับ “แต่ยังมีอีกหนึ่งคน เ้าจะทำอย่างไร?”
“เหลืออีกคนหนึ่ง? งั้นข้าจะจัดการเอง!” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ตอนนี้เองได้มีแสงเจิดจ้าที่แหลมคมปรากฏขึ้น!