หนิงเทียนลองทายสามครั้ง แต่ก็ผิดทั้งหมด
ชั้นที่ห้าของวังผ่านภาแตกต่างจากการคาดเดาของเขาอย่างสิ้นเชิง มันเป็พื้นที่ปิด ไม่มีหน้าต่าง ขนาดเล็กกว่าชั้นสี่เล็กน้อย และมีอาวุธิญญามากมายลอยว่อน
“ไอ้บ้าเอ๊ย! คลังแสงหรือ?”
ชิงผีซานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่”
หนิงเทียนพึมพำ “อย่าหลอกข้า สิ่งเหล่านี้เป็อาวุธที่ทรงพลังมาก สถานที่แห่งนี้จะเป็อะไรได้อีกหากไม่ใช่คลังแสง?”
“ไม่ใช่ว่าเ้ามีทักษะดวงเนตรที่มีประสิทธิภาพหรือ? เ้าควรดูให้ดีก่อนพูด”
หนิงเทียนขมวดคิ้วแน่นแล้วเปิดใช้ม่านตาเพลิง ม่านตาสุวรรณ และญาณทิพย์พร้อมกัน ในไม่ช้าเขาก็พบเบาะแสบางอย่าง “อาวุธและอาวุธิญญาเหล่านี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งนัก มันเป็อาวุธิญญาของหยวนซิวหรือ? แตู่เาไป่หลิงเป็ดินแดนของจื๋อซิวไม่ใช่หรือ?”
ชิงผีซานยิ้มและพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ “วังผ่านภาทั้งลึกลับและไม่อาจคาดการณ์ได้ อาวุธและอาวุธิญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากดินแดนหยวนซิง”
“อะไรนะ?” หนิงเทียนใมาก
ถ้าไม่ได้มาจากดินแดนหยวนซิง เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? นอกโลกหรือ?
“เหตุใดวังผ่านภาจึงรวมอาวุธและอาวุธิญญาของหยวนซิวเอาไว้เล่า?”
ชิงผีซานถามกลับ “ยามนี้หินิญญาไม่มีประโยชน์ต่อเ้าอีกแล้ว เช่นนั้นเหตุใดเ้ายังสะสมหินิญญาอีกเล่า?”
“ข้าถามเ้า ไม่ใช่ให้เ้ามาถามข้า”
“ข้าไม่ใช่วังผ่านภาจะรู้ได้อย่างไร? ไปกันเถอะ ชั้นห้านี้เตรียมไว้สำหรับหยวนซิว เราต้องขึ้นไปอีก”
สถานการณ์บนชั้นหกคล้ายกับชั้นห้ามาก อาวุธและอาวุธิญญาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยคว้างกลางอากาศ ทั้งยังส่องแสงระยิบระยับ
หนิงเทียนสังเกตอย่างละเอียดก่อนจะพบว่าอาวุธเหล่านี้ต่างจากในชั้นห้าเล็กน้อย พวกมันมีพลังแห่งดวงดาว ซึ่งน่าจะเป็อาวุธิญญาของเหล่าซิงซิว “สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ซิงซิวทิ้งไว้หรือ?”
ชิงผีซานพยักหน้าเบาๆ แล้วเล่าว่า “ตอนที่ข้าเข้าวังผ่านภาครั้งแรก มีอาวุธและอาวุธิญญาบนชั้นห้าและหกมากกว่ายามนี้เสียอีก”
“แล้วทำไมถึงมีจำนวนน้อยลงเล่า?”
“มียอดฝีมือซิงซิวและหยวนซิวมาทะลวงระดับที่นี่ และผู้ที่ถูกลิขิตจะได้รับอาวุธและอาวุธิญญาที่สอดคล้องกับตนเป็สิ่งตอบแทน”
หนิงเทียนเงยหน้ามองก่อนจะถามว่า “ที่ชั้นเจ็ดมีอาวุธิญญาจื๋อซิวหรือไม่?”
“เ้าคิดว่าอย่างไร?”
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกายและพูดอย่างกระตือรือร้น “เราลองขึ้นไปดูกันเถอะ”
ชิงผีซานแสดงสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะขยับริมฝีปากเล็กน้อยสองสามครั้ง แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
สภาพแวดล้อมบนชั้นเจ็ดของวังผ่านภายังคงคล้ายกับชั้นห้าและหก อาวุธิญญาจื๋อซิวลอยว่อนไปทั่วเพดาน ทั้งยังปล่อยคลื่นผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวราวกับม้าป่าหลุดจากสายจูง
นี่เป็เหมือนขุมทรัพย์แห่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ความแตกต่างก็คือบนชั้นเจ็ดจะมีสิ่งที่คล้ายแท่นบูชาซึ่งสลักลวดลายโบราณที่มีความลึกลับ
ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “ทรัพย์สมบัติมากมายทั้งหมดนี้ต้องเป็ของข้า!”
ใบหน้าของชิงผีซานกระตุก แต่ดวงตาของเขากลับมีแววเศร้าโศกที่ยากจะอธิบาย “อย่าหุนหันพลันแล่น สงบสติอารมณ์ลงก่อน”
หนิงเทียนมองเขาอย่างถี่ถ้วนพร้อมกับซักถาม “ที่นี่มีสมบัติล้ำค่ามากมาย เ้าไม่อยากได้หรือ? เฮ้! เ้าเป็อะไรไป? ทำท่าราวกับบิดาเสียอย่างไรอย่างนั้น?”
“เ้าเด็กแสบ พูดภาษามนุษย์ได้ไหม?”
หนิงเทียนหลบเลี่ยงฝ่ามือของชิงผีซานก่อนจะทำหน้าบูดบึ้ง “สุภาพบุรษตกลงกันด้วยวาจา ไม่ใช่ด้วยกำลัง”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้าพูดเื่ไร้สาระอีก คราวหน้าข้าจะตบหน้าเ้า” หายากที่ชิงผีซานจะแสดงสีหน้าจริงจัง เขามองไปยังแท่นหินโบราณพร้อมฉายแววตาแห่งความเคารพ
“มีอะไรหรือ? ที่นี่มีจุดที่ต้องพิถีพิถันหรือ?” เมื่อหนิงเทียนเห็นดังนั้น เขาก็ไม่กล้าวุ่นวายและถามเหตุผลด้วยเสียงแ่เบา
ชิงผีซานถอนหายใจ “ข้าเคยมาที่นี่และพยายามถึงสี่สิบเก้าครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง”
หนิงเทียนกล่าวอย่างประหลาดใจ “เ้าล้มเหลวถึงสี่สิบเก้าครั้งเชียวหรือ? เ้าไม่เคยคิดยอมแพ้เลยจริงๆ สินะ”
“ที่นี่มีความอัปยศที่ค้างคาอยู่ในประวัติศาสตร์ของจื๋อซิว อาวุธและอาวุธิญญาเหล่านี้เป็พยานในศึกนองเื จื๋อซิวเองก็เคยมียุครุ่งโรจน์มาก่อน แต่ต่อมาก็เข้าสู่ยุคที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ และโลกของจื๋อซิวก็เกือบถูกทำลายสิ้นแล้ว”
ใบหน้าของหนิงเทียนเปลี่ยนไปมาก เขานึกถึงไท่เสวียนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว รวมถึงเถาวัลย์เขียวในหลุมั์และหญ้าต้นน้อยในหลุมลึกด้วย ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้ข้ามผ่านยุคมืดเมื่อคราวที่แคว้นและครอบครัวถูกทำลายหรือ?
“มันเกี่ยวข้องกับซิงซิวและหยวนซิวใช่หรือไม่?”
ชิงผีซานพยักหน้าเบาๆ “เ้าสามารถเข้าไปเพื่อร่วมััสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคมืดของจื๋อซิวได้”
หนิงเทียนเกิดความรู้สึกแปลกๆ ทันที เขาเป็ผู้สืบทอดของไท่เสวียน แผนที่จิติญญาที่สามและสี่ของเขาก็เกี่ยวข้องกับยุคมืดในอดีต แต่เขาเกิดช้าไปหลายปีและไม่สามารถเห็นยุคมืดด้วยตาของตนเอง
“จะร่วมััได้อย่างไร?” ด้วยอารมณ์ที่แปลกประหลาด ใบหน้าของหนิงเทียนจึงมีค่อนข้างเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“ขึ้นไปบนแท่นหิน จากนั้นจงปลุกพลังของรากบ่มเพาะ เรียกใช้การฝึกเต๋า ััถึงอาวุธและอาวุธิญญาเ่าั้ด้วยหัวใจ หากเ้าคือผู้ที่ถูกลิขิตไว้ เ้าย่อมสามารถสร้างการสื่อสารทางจิติญญากับอาวุธิญญาบางชิ้นได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเ้าจะรู้เอง”
ดวงตาของหนิงเทียนลุกโชนอย่างแรงกล้า จากนั้นก็ก้าวไปยังแท่นหินทันที
“สู้ๆ!” ชิงผีซานมองแผ่นหลังของหนิงเทียนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความปรารถนามากมาย
เมื่อหนิงเทียนก้าวเท้าขึ้นไปบนแท่นหินโบราณที่สลักลวดลายลึกลับ ดูเหมือนห้วงมิติจำนวนนับไม่ถ้วนจะพุ่งผ่านไป ภาพมากมายกำลังกะพริบไหว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกลึกลับและแปลกประหลาด
หนิงเทียนมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง และกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ฟื้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ ราวกับััได้ถึงบางอย่าง
เส้นลมปราณหลักทั้งเจ็ดสั่นะเืโดยพร้อมเพรียง แผนที่จิติญญาหลักทั้งเจ็ดก็ถูกเปิดใช้อย่างสมบูรณ์ และยุทธศาสตร์ครอง์ก็เริ่มหมุนวนด้วยตัวของมันเอง
แท่นหินโบราณส่องแสงแวววาว เสียงจากยุคสมัยนับอนันต์ในห้วงมิติเวลาถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน มันทับซ้อนกันจนยุ่งเหยิง ทั้งยังวุ่นวายและน่าหวาดหวั่น
อาวุธและอาวุธิญญาจื๋อซิวโดยรอบล้วนสั่นไหว ทั้งหมดลอยมารวมตัวกันบริเวณแท่นหิน ก่อนจะล้อมรอบหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
หนิงเทียนกำลังให้ความสนใจกับความจริงที่ว่าอาวุธวิเศษและอาวุธิญญาจื๋อซิวนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็รากพฤกษาและรากอสูร
อาวุธิญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีข้อบกพร่อง บ้างก็ไม่สมบูรณ์ บ้างก็เสียหาย ทั้งยังมีอีกหลายชิ้นที่ส่องแสงและส่งคลื่นผันผวนที่แตกต่างกันออกมา
หลังจากยุทธศาสตร์ครอง์หมุนวนในรูปแบบต่างๆ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างก็อยู่ในสภาพตื่นตัว พร้อมคอยตรวจจับอาวุธและอาวุธิญญาเ่าั้อย่างระมัดระวัง
บนชั้นเจ็ดมีอาวุธิญญามากกว่าสามพันชิ้น สำหรับหนิงเทียนในยามนี้ ทุกชิ้นล้วนสามารถทำให้เขาเกิดความหวาดผวาได้ อีกทั้งแต่ละชิ้นยังระบายความโศกเศร้าออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก
หัวใจของหนิงเทียนสั่นคลอน เขาจับอะไรบางอย่างได้จากความคลุมเครือ บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว หญ้าต้นน้อย และเถาวัลย์เขียวปรากฏขึ้นทีละต้น มันทำให้แท่นหินสั่นะเื ก่อนที่อาวุธิญญารากพฤกษาและรากอสูรจะลอยเข้ามาโดยพลัน
อาวุธิญญารากพฤกษาลอยวนรอบหนิงเทียน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและขมขื่น เนื่องจากเฝ้ารอการปลดปล่อยจากผู้ที่ถูกลิขิตไว้
นี่คือสัญชาตญาณของหนิงเทียนซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก
ทันใดนั้นเส้นลมปราณเส้นแรกในร่างก็สั่นะเื บงกชสีมรกตข้างกายสร้างความเชื่อมโยงบางอย่างกับอาวุธิญญารูปดอกบัว และก่อให้เกิดการเชื่อมต่อทางจิติญญาขึ้น
จากนั้นก็เกิดเสียงกึกก้องบนแท่นหิน รูปแบบจิติญญานับพันล้านเป็เหมือนหมอกแห่งแสงที่ปกคลุมร่างของหนิงเทียน ก่อนจะก่อตัวเป็คลื่นกระแทกจิติญญาอันลึกลับ
หนิงเทียนรู้สึกใจสั่น ภาพเหตุการณ์จากกาลเวลาหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเขา ก่อนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสติก็ถูกดึงออกจากร่าง เขาเดินทางผ่านห้วงมิติเวลาแล้วร่วงลงบนดาวเคราะห์ประหลาดดวงหนึ่ง
ทั่วเวหาสั่นะเืจากการต่อสู้ ซึ่งประกอบด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงคำราม
สัตว์ขนาดั์จำนวนมากพุ่งขึ้นไปในอากาศ เืกระเซ็นสาดใสู่เาและแม่น้ำ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นสูงเทียมฟ้า และพื้นโลกก็ถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิง
นกั์สยายปีกกว้างจนดูคล้ายก้อนเมฆบนนภา พวกมันต่างพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรู
ดอกไม้และต้นไม้พลิ้วไหว ปราณกระบี่รุนแรงปะทะั์ใหญ่ค้ำฟ้า พร้อมล่าสังหารจนเืไหลเป็สายน้ำ
หนิงเทียนทั้งใและหวาดกลัว
นี่มันเื่อะไรกัน?
แล้วที่นี่คือที่ใด? เหตุใดจึงมีการต่อสู้เช่นนี้?
ข้อมูลการรับรู้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของหนิงเทียน ทำให้เขาเข้าใจเหตุและผลได้ทันที
่ฤดูเหมันต์ในปีที่สามแสนหกหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยสี่สิบสามตามปฏิทินหลิงฮวง กองทัพหยวนซิวบุกรุกดินแดนคุนมู่บนดาวชุ่ยหวาและทำลายเมืองต่างๆ ั้แ่ชั้นที่เจ็ดขึ้นไปภายในสามเดือน ซึ่งิญญาเต๋าประมาณหกระดับถูกทำลายสิ้น
ณ เมืองซานสุ่ยซึ่งเป็ประตูสำคัญที่จื๋อซิวยึดมั่นก็เกิดการต่อสู้ต่อเนื่องยาวนานถึงยี่สิบสามวัน และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพหยวนซิว
เมื่อแว่นแคว้นถูกทำลายเสียหาย แล้วบ้านเรือนจะเหลืออะไร?
พฤกษาิญญาและอสูริญญาต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงคำรามที่สั่นะเืฟากฟ้าเต็มไปด้วยความโกรธอันไร้ขอบเขต เืและไฟบ่งบอกถึงความโเี้และน่าหวาดกลัวของกองทัพหยวนซิว
หนิงเทียนมองไปรอบๆ เขาเห็นเพียงูเาซากศพและธารโลหิต ความแค้นอันท่วมท้นรวมตัวกันเป็ความคิดชั่วร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั่วทั้งผืนนภาแปดเปื้อนไปด้วยเื
ั์ใหญ่สูงร้อยจั้งและพันจั้งต่างกวัดแกว่งอาวุธและอาวุธิญญา ไม่ว่ามันจะไปทางใดก็ล้วนเกิดดินถล่ม ูเาทลาย พื้นแตกร้าว จนไม่เหลือแม้แต่ใบหญ้า
ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าศีรษะในพริบตา หนิงเทียนใมากจนเกือบจะกรีดร้อง เขาไม่สามารถต้านทานพลังเช่นนี้ได้แน่
ทว่าสถานการณ์ดังกล่าวเพียงทำให้หนิงเทียนใเท่านั้น เพราะใน่เวลาวิกฤตเขาก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้จริงๆ
เหตุใดถึงเป็เช่นนั้น?
หนิงเทียนมองตัวเองก่อนจะตกตะลึงอย่างยิ่ง เขากลายเป็บงกชสีมรกตสูงพันจั้ง และกำลังต่อสู้กับั์หยวนซิวที่สูงพันจั้งเช่นกัน
เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น? เขากลายเป็พฤกษาิญญาั้แ่เมื่อใด?
ขณะที่หนิงเทียนกำลังครุ่นคิดก็มีความคิดอื่นแวบเข้ามาในใจ
เขาไม่ได้กลายเป็บงกชสีมรกต แต่จิตสำนึกของเขาติดอยู่กับมัน และจิติญญาของพวกเขาก็ผสานเข้าด้วยกัน
หนิงเทียนนึกถึงวังผ่านภา นึกถึงชั้นที่เจ็ด และนึกถึงแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรก ในที่สุดเขาก็เข้าใจปริศนาทั้งหมด
นี่คือสิ่งที่ชิงผีซานได้ัั ขณะที่ด่ำดิ่งอยู่ในฉากนั้นและได้ร่วมเป็สักขีพยานการต่อสู้ระหว่างจื๋อซิวและหยวนซิวบนดินแดนคุนมู่ในเวลาสามแสนหกหมื่นปีแห่งหลิงฮวง
บงกชสีมรกตพันจั้งช่างทรงพลัง แต่ศัตรูก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
หยวนซิวผู้นี้นามว่าเ้าหยวนหง เป็ผู้อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ดาบยาวในมือกลืนแสงอัสนีที่คำรามลั่นซึ่งบรรจุเพลิงสีชาดที่แท้จริง สายฟ้าและเพลิงสีชาดทนทานต่อศัสตราวุธ และเขาก็สังหารจื๋อซิวขอบเขตเปลี่ยนผ่านไปสามสิบเจ็ดตน
บงกชสีมรกตคำรามอย่างโกรธเคือง น้ำบนใบบัวเปรียบเสมือนหมอกก่อนจะกลายเป็แม่น้ำสายใหญ่เข้าห้ำหั่นกับเ้าหยวนหง
หนิงเทียนผสานเข้ากับจิติญญาของบงกชสีมรกต ยามนี้ราวกับเขาคือบงกชสีมรกต และด้วยการรับรู้ของมันเขาย่อมรู้เหตุและผล หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอันไม่มีที่สิ้นสุดต่อผู้รุกรานจากต่างแดนเหล่านี้
ภาพของผู้คนและสหายร่วมทางจำนวนนับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในใจ พวกเขาต่อสู้ในสมรภูมินองเืเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน แม้สุดท้ายิญญาของพวกเขาจะแตกสลาย และถูกทิ้งซากกระดูกอยู่ในซากปรักหักพัง
กองทัพหยวนซิวกวาดล้างดินแดนคุนมู่อย่างแข็งขันด้วยกองกำลังที่เหนือกว่าถึงสิบเท่า ทั้งยังใช้อุบายจนไม่เหลือแม้ต้นหญ้าไว้ข้างหลัง พวกเขา้าทำลายเส้นทางการบ่มเพาะและสังหารจื๋อซิวทั้งหมดโดยไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้
สรรพสัตว์นับไม่ถ้วนต่างร่ำไห้และกรีดร้อง โลกของพวกมันล้วนไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทว่ากลับต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด สุดท้ายจึงร่วมสู้จนตัวตายโดยไม่เสียดายชีวิต เพียงเพื่อหาทางออกให้กับสหายร่วมทางของตนและช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เมื่อหนิงเทียนได้เห็น ได้ยิน และได้คิดทบทวนถึงเื่นี้ เขาก็โกรธจัดและรู้สึกไม่ต่างกัน
เหตุใดหยวนซิวจึงทำลายจื๋อซิว?
แม้เื่ของบงกชสีมรกตยังไม่ชัดเจนนัก แต่หนิงเทียนก็รู้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการฟาดฟันระหว่างวังดารากับไท่เสวียนอย่างแน่นอน
นี่คือการแก้แค้นของหยวนซิว พวกเขาจึงระบายความโกรธใส่จื๋อซิวทั้งปวง!
