เมื่อคิดว่าสีเขียวที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดจะกลายเป็ทองคำระยิบระยับ หลินเยว่จึงเกิดอาการใจกระตุกอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจตามมา ถึงจะเป็เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เงินของเขา และเวลานี้เองเขาก็เกิดความทะเยอทะยานขึ้นในใจ เพราะเขามีพลังพิเศษ เหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นกับตัวเขาในสักวัน เพียงแค่ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
หลังจากหลินเยว่พยายามสะกดความทะเยอทะยานในใจให้หมดไป เขาจึงกลับมาจดจ่อกับตำแหน่งที่เขาเริ่มเพ่งหินหยกในครั้งแรกอีกครั้ง เขารวบรวมสมาธิอย่างต่อเนื่องและพยายามมองลึกลงไปในหินหยก เพราะตอนนี้เขาเพิ่งเห็นเพียงเปลือกนอกของหินหยกเท่านั้น
แต่ทว่าสถานการณ์ที่เขาเห็นกลับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วลึกอย่างไม่ตั้งใจ
เขามองลึกลงไปอีกสองสามมิลลิเมตร ประกายเจิดจ้าของหยกที่มีในตอนแรกกลับหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงสภาพหินสีเทาขาวปรากฏขึ้น นั่นก็แสดงว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อสักครู่เป็เพียงหยกรูปร่างแบนราบ เพียงแค่มีขนาดค่อนข้างกว้างเท่านั้น หากเป็เช่นนี้มูลค่าของมันก็ลดลงราวกับฟ้าและดิน ถึงแม้ว่าขนาดรวมทั้งหมดค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่หยกแบนราบแบบนี้ไม่สามารถทำเป็ของชิ้นใหญ่ ถ้าเป็เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าหินหยกก้อนนี้พนันเจ๊ง
บางทีอาจจะมีความหวังอยู่ตรงส่วนอื่นๆ!
หลังจากนั้นหลินเยว่จึงคิดถึงลายเส้นงูเหลือมหลายเส้นที่อยู่ทางด้านหลังของหินหยกก้อนนี้ ไม่แน่อาจจะมีสีเขียวปรากฏขึ้นตรงนั้นก็ได้
หลินเยว่จึงเพ่งมองต่อไป เขามองลึกลงไปประมาณครึ่งหนึ่งของหินหยก แต่ทว่าสิ่งที่ปรากฏก็ยังเป็เพียงสีเทาขาวของสภาพหินเท่านั้น ณ เวลานี้เอง ดวงตาของเขาก็เริ่มเกิดอาการเ็ป เขารู้สึกว่าสมองของเขากำลังบวมขึ้น หลินเยว่รู้ดีว่านี่คือการส่งสัญญาณเตือนว่าเขาเริ่มใช้สายตามากจนเกินไป แต่ทว่าหินหยกก้อนนี้ทำให้เขาเกิดความสงสัยใคร่รู้เป็อย่างมาก หากเขาไม่ได้สำรวจสภาพหินหยกก้อนนี้จนครบทั้งก้อน เขาคิดว่าคืนนี้เขาคงนอนหลับไม่สบายเป็แน่
หลินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาสำรวจต่อไปโดยไม่สนใจความเ็ปที่ดวงตา
สีเทาขาวของสภาพหินปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าเมื่อมองลึกจนถึงตรงมุมล่างซ้ายของหินหยก บริเวณนี้กลับเริ่มมีสภาพหินที่แตกต่างจากเดิม หลินเยว่รู้ดีว่านี่คือสัญญาณว่ากำลังจะมีหยกปรากฏขึ้น
ดังนั้น เขาจึงเพ่งความสนใจทั้งหมดไปยังตรงมุมล่างซ้าย ณ เวลานี้ ดวงตาของเขาเริ่มเกิดอาการเจ็บแสบ เขารู้สึกสมองบวมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เปลือกตาของเขาพยายามจะปิดลง แต่ตัวเขากลับพยายามฝืนไว้อย่างเต็มที่
หลินเยว่รวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อลืมตาขึ้นมา เขาพยายามรวบรวมความสนใจทั้งหมดไว้ที่ตัวหินหยก แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามฝืนเพียงใด เปลือกตาของเขาก็จะปิดลงอยู่ตลอด
เหลือเพียงนิดเดียว!
หลินเยว่พยายามบอกกับตัวเองอยู่ในใจ
เพื่อที่จะฝืนเพ่งต่อไป หลินเยว่จึงใช้มือขวาของตัวเองหยิกตรงแขนซ้ายของเขาอย่างแรง ความเ็ปอย่างรุนแรงทำให้สมองของเขากลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาพหินหยกทั้งก้อนจึงปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหน้าเขาทันที และในเวลานี้เอง หลินเยว่รู้สึกราวกับว่าสมองของเขาะเิดังเปรี้ยง เกิดเป็เสียงดังก้องอย่างฉับพลัน ภาพเบื้องหน้าพลันมืดสนิท และเขาก็หมดสติลงไปทันที......
**********************
“โย่วจ้าง หาเจอหรือยัง?”
ท่านเฮ่อฉางเหอถามขึ้น
เฮ่อโย่วจ้างใช้เวลาสำรวจหินหยกก้อนสุดท้ายนานถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าควรจะลากเส้นตรงไหน เขารู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย
ส่วนข้างกายของท่านเฮ่อฉางเหอมีสาวน้อยหน้าตาสวยหวานราวกับเ้าหญิงคนหนึ่ง เธอคนนี้ก็คือสาวน้อยที่ไปยังถนนหินหยกวัตถุโบราณที่อำเภอชางกับท่านเฮ่อฉางเหอนั่นเอง ขณะที่เธอได้ยินท่านเฮ่อฉางเหอถามออกมา เธอก็กำลังมองพี่ชายของตัวเองอย่างสงสัย
บริเวณรอบๆ ก็เป็เหมือนวันแรกที่มีการตัดหินหยก มีคนล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นสถานการณ์เบื้องหน้าในเวลานี้ ผู้คนรอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ออกมา
“หินหยกก้อนนี้มีลักษณะพิเศษที่ชัดเจนมากนะ ทำไมคุณชายโย่วจ้างถึงต้องสำรวจนานขนาดนี้?”
“นั่นสิ หินหยกก้อนนี้มีความเป็ไปได้สูงมาก เป็หินหยกก้อนแรกและก้อนเดียวที่ผมเคยเห็นในชีวิตที่มีลักษณะพิเศษทาง้าเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณชายโย่วจ้างถึงตัดสินใจไม่ได้สักที”
“ความจริงเหตุผลที่ซ่อนอยู่ก็ง่ายจะตาย เป็เพราะว่ามันดีเกินไป ก็เลยกลัวว่าจะตัดหยกข้างในเสีย ดังนั้น ก็เลยต้องรอบคอบเป็พิเศษ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่ลองค่อยๆ ฝนหินเพื่อดูสภาพภายในก่อนล่ะ?”
“เื่นี้...... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
……
สำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์รอบๆ ตัว ท่านเฮ่อฉางเหอก็ปิดหูปิดตาไม่สนใจ เขายังคงมองหลานชายตัวเองที่กำลังวุ่นอยู่กับการสำรวจหินหยก เขารู้ดีว่าหลานชายของตัวเองเป็คนหยิ่งผยองมากกว่าใครๆ มาั้แ่เด็ก เฮ่อโย่วจ้าง้าทำทุกเื่ให้สมบูรณ์แบบ อีกทั้งหากเป็เื่ที่ยากและท้าทาย เขาก็ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การค่อยๆ ฝนหินหยกเพื่อเปิดดูบางส่วนจึงถือว่าเป็การสร้างความสมบูรณ์แบบครั้งสุดท้าย ถึงแม้ว่าหินหยกเบื้องหน้านี้มีลักษณะพิเศษชัดเจน แต่ว่าภายในหินหยกมีความเป็ไปได้ที่จะพบหยกอยู่หลายแห่ง เพื่อไม่ให้หยกเกิดความเสียหาย ดังนั้น จึงจำเป็ต้องสำรวจอย่างระมัดระวังเป็พิเศษ
ตัวท่านเฮ่อฉางเหอรู้สึกชื่นชมกับท่าทีที่รอบคอบระมัดระวังเช่นนี้ของเฮ่อโย่วจ้างมาก
แต่ทว่าสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านเฮ่อฉางเหอกลับรู้สึกไม่พอใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ เธออดไม่ได้ที่จะงอริมฝีปาก
ผ่านไปอีกสิบกว่านาที ขณะที่ผู้คนรอบๆ เริ่มเกิดอาการทนไม่ได้นั้น เฮ่อโย่วจ้างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมถอนหายใจยาวๆ ออกมา การลุกขึ้นมาของเขาทำให้ผู้คนรอบๆ เกิดอาการตื่นเต้นขึ้น เพราะในที่สุดเวลาที่พวกเขารอคอยจะมาถึงแล้ว นั่นก็คือ การตัดหินหยก
เฮ่อโย่วจ้างหยิบปากกาจากด้านข้างขึ้นมา เขาลากเส้นๆ หนึ่งลงบนหินหยกอย่างระมัดระวัง เมื่อลากเสร็จแล้ว เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองท่านเฮ่อฉางเหอ
ท่านเฮ่อฉางเหอส่งยิ้มเรียบๆ ให้กับหลานชายของเขา หลังจากนั้นจึงเดินไปยังเบื้องหน้าของหินหยกและเริ่มสำรวจอย่างละเอียด
ณ เวลานี้ สาวน้อยที่อยู่ข้างๆ ท่านเฮ่อฉางเหอก็กะพริบตาปริบๆ ใส่เฮ่อโย่วจ้าง หลังจากนั้นเธอก็ยกนิ้วโป้งขึ้นพร้อมส่งยิ้มหวานให้เขา เฮ่อโย่วจ้างเห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ออกมา
ตอนแรกผู้คนในที่แห่งนี้คิดว่าท่านเฮ่อฉางเหอจะไม่สำรวจอีกแล้วแต่จะบอกให้ตัดหินหยกทันที คาดไม่ถึงว่าท่านก็ยัง้าสำรวจอีกครั้ง เพราะหากเป็เหตุการณ์ปกติเหมือนแต่ก่อน ท่านเฮ่อฉางเหอจะไม่สำรวจอีก แล้วเพราะเหตุใดครั้งนี้ถึงต้องสำรวจอีกครั้งล่ะ? หรือว่าหินหยกก้อนนี้มีปริศนาที่ไขไม่ออกอยู่?
ขณะที่ผู้คนกำลังสงสัยอยู่นั้น ท่านเฮ่อฉางเหอกลับลุกขึ้นยืน การกระทำของท่านทำให้ผู้คนตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะการลุกนั่งของท่านใช้เวลาไปไม่ถึง 30 วินาที หรือว่าเพียงเวลาเท่านี้ก็สำรวจเสร็จแล้ว?
เฮ่อโย่วจ้างก็มองคุณปู่ของตัวเองอย่างข้องใจ
ท่านเฮ่อฉางเหอยิ้มพร้อมหยิบปากกาขึ้นมาและลากเส้นลงบนหินหยกหนึ่งเส้น เส้นที่ท่านลากขึ้นห่างจากเส้นของเฮ่อโย่วจ้างไม่มากนัก แค่เลื่อนออกไปทางด้านนอกอีกประมาณ 5 – 6 มิลลิเมตร
“ลองดูสิ” ท่านเฮ่อฉางเหอวางปากกาลงและพูดกับเฮ่อโย่วจ้าง
เฮ่อโย่วจ้างได้ยินเช่นนี้จึงขมวดคิ้วและเดินเข้าไปดูตรงระหว่างเส้นทั้งสองเส้นที่ถูกลากขึ้นมา เพราะเขาอยากรู้ว่ามันมีความแตกต่างอย่างไรกันแน่ เพราะเหตุใดคุณปู่ของเขาถึงได้ลากเส้นเลื่อนออกไปทางด้านนอกอีก 5 – 6 มิลลิเมตร
ส่วนสาวน้อยก็รู้สึกสงสัยมากเช่นกัน ดวงตากลมโตคู่สวยของเธอเบิกกว้าง เธอมองหินหยกอย่างสนใจ ราวกับว่า้ามองหินหยกให้ทะลุเลยทีเดียว
เฮ่อโย่วจ้างสังเกตลักษณะพิเศษของเปลือกหินหยกอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งดอกสน ลายเส้นงูเหลือมและลวดลาย เขาก็เก็บรายละเอียดเหล่านี้ไว้ทั้งหมดแล้ว เขาแอบคำนวณในใจ เส้นที่เขาลากเส้นนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเป็ตำแหน่งขอบของหยกที่จะปรากฏสีเขียวออกมาพอดี เพราะเหตุใดถึงต้องลากเส้นเลื่อนออกไปทางด้านนอกอีก 5 – 6 มิลลิเมตรล่ะ?
เฮ่อโย่วจ้างมองคุณปู่ของตัวเองด้วยสายตาสงสัย และสายตาของทุกๆ คนต่างมองพุ่งตรงไปยังท่านเฮ่อฉางเหอ เหตุการณ์ครั้งนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ บุรุษสองวัยแห่งหรงเล่อเซวียนกำลังเปิดเวทีัปะทะพยัคฆ์ ผลออกมาจะเป็ “ยิ่งสูงวัยก็ยิ่งจัดจ้าน” หรือว่าจะเป็ “วีรบุรุษวัยหนุ่ม” กันแน่? ช่างเป็เหตุการณ์ที่หาเจอได้ยากจริงๆ ไม่ว่าใครจะถูกหรือผิดอย่างไรล้วนเป็ผลลัพธ์อันแสนยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน หากท่านเฮ่อฉางเหอชนะ นั่นก็แสดงว่ายิ่งสูงวัยก็ยิ่งจัดจ้าน ส่วนเฮ่อโย่วจ้างจำเป็ต้องฝึกฝนต่อไป แต่หากเฮ่อโย่วจ้างชนะ นั่นก็แสดงว่าผู้สืบทอดหรงเล่อเซวียนนั้นมีคุณสมบัติของปรมาจารย์แห่งหยกเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็อย่างไร ผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ย่อมสามารถนำเื่นี้ไปคุยกันออกรสได้อีกนาน เมื่อคิดว่าต่อไปตนเองจะสามารถนำเื่ราวไปคุยอวดกับพวกเพื่อนๆ ได้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
ท่านเฮ่อฉางเหอเดินเข้าไปหาหินหยกอีกครั้ง ท่านยกมือขึ้นชี้ไปยังลวดลายส่วนหนึ่งบนเปลือกหินหยก
ผู้คนทั้งหลายต่างไม่เข้าใจกับการกระทำของท่านเฮ่อฉางเหอ ส่วนเฮ่อโย่วจ้างกลับขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวเข้าไปสังเกตจุดที่ท่านเฮ่อฉางเหอชี้ขึ้น เมื่อเขาเห็นจุดนั้นเขาก็เข้าใจได้ทันที เขาลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งคำนวณภาพรวมออกมาอีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ควรจะลากเส้นเลื่อนออกไปทางด้านนอกอีกประมาณ 5 – 6 มิลลิเมตรจริงๆ เส้นที่คุณปู่ของเขาลากนั้นถูกต้องแม่นยำแล้ว
เมื่อเฮ่อโย่วจ้างถอยออกมา ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างทยอยกันเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อพวกเขาได้เห็นเต็มตาจึงเข้าใจได้ทันที ลวดลายตรงนั้นได้ซ่อนลายเส้นงูเหลือมเล็กๆ อยู่เส้นหนึ่ง พลัน... ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างชื่นชม
“ท่านเฮ่อช่างยิ่งสูงวัยยิ่งจัดจ้าน สมกับที่เป็ปรมาจารย์แห่งหยกจริงๆ!”
“ฉายาท่านเฮ่อ คือ ‘เฮ่ออีเหยี่ยน’ ซึ่งหมายถึงเพียงเหลียวมองก็มีมูลค่ามหาศาล เมื่อได้เห็นกับตาในวันนี้ก็สุดยอดสมคำร่ำลือจริงๆ”
……
ท่ามกลางคำชื่นชมของทุกๆ คน ท่านเฮ่อฉางเหอเพียงส่งยิ้มตอบอย่างราบเรียบ หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเขาได้ฟังคำชื่นชมแบบนี้มามากมายขนาดไหน เขารู้สึกคุ้นชินจนไม่ส่งผลใดๆ เสียแล้ว หากนักพนันหินเป็พวกใจร้อนวู่วาม การพนันหินเจ๊งก็ไม่ได้เป็เื่น่าแปลกใจอะไร เพราะการที่จะได้เป็ปรมาจารย์แห่งหยกจะต้องผ่านการฝึกฝนเื่สภาพจิตใจมาเป็อย่างดี
“คุณปู่เก่งจังเลย!” สาวน้อยปรบมือร้องะโอย่างร่าเริง เมื่อพูดจบดวงตาคู่สวยก็มองไปทางเฮ่อโย่วจ้าง “พี่ชายก็เก่งมากค่ะ!”
เมื่อเห็นความน่ารักสดใสของสาวน้อย ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างยิ้มออกมาอย่างสบายใจเช่นกัน
ท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะเสียงดังพร้อมลูบศีรษะของสาวน้อย “หลันเยว่ก็เก่งเหมือนกัน”
เฮ่อหลันเยว่ได้ยินคุณปู่ชมตัวเอง เธอก็แลบลิ้นเล็กๆ ของเธอด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
ชายชราและชายหนุ่มบุรุษทั้งสองวัยแห่งหรงเล่อเซวียนได้ทำการประชันกัน ท่านเฮ่อในฐานะที่เป็คนที่ยิ่งสูงวัยยิ่งเก่งกาจจึงชนะไปได้ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเฮ่อโย่วจ้างจะแพ้ไป แต่ก็ไม่มีใครแสดงความเห็นใดๆ เพราะลายเส้นงูเหลือมเส้นนั้นมันซ่อนตัวได้ลึกมาก คนธรรมดาทั่วไปแทบไม่มีทางมองเห็น เหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างมากเฮ่อโย่วจ้างก็แพ้ในเื่สายตาอันเฉียบคม ส่วนด้านอื่นๆ เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย