หลังจากทานอาหารเรียบร้อย หลี่ชิงหยุนจึงถือโอกาสแวะไปดูหยวนเหลียงที่ห้องฝึกฝนเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าเกี่ยวกับเม็ดยาัคลั่ง
เมื่อไปถึงหลี่ชิงหยุนต้องพบกับหยวนเหลียงที่กำลังฝึกทักษะปรุงยาที่เขาเพิ่งให้ไป
[ บรรพบุรุษหยวนยังไม่ได้ลงมือปรุงยาหรอกหรือ? ]
สมุนไพรที่หลี่ชิงหยุนให้ไปมีแค่ชุดเดียวเท่านั้น ดังนั้นบรรพบุรุษหยวนเหลียงต้องทำมันให้สำเร็จในครั้งเดียว ความกดดันของเขาในครั้งจึงสูงผิดปกติ
เมื่อเห็นว่าหยวนเหลียงกำลังจมอยู่ในสมาธิ หลี่ชิงหยุนจึงจากไปและตรงไปที่อาคารที่เสี่ยวหลางอยู่เพื่อดูว่ากระบวนการตีดาบของเขาดำเนินการไปถึงไหนแล้ว
เมื่อหลี่ชิงหยุนไปถึงเขาพบเข้ากับเสี่ยวหลางและสมาชิกตระกูลเสี่ยวหลายสิบคน พวกเขาสามารถขึ้นโครงดาบได้แล้วและกำลังอยู่ในกระบวนการตีดาบผ่านความร้อนเพื่อกำจัดสิ่งเจือปน
"ผู้าุโ" หลี่ชิงหยุนทักทายเสี่ยวหลางอย่างเป็มิตร
"โอ้? เ้าหนู ดาบของเขาอาจจะใช้เวลาเกือบสามสัปดาห์ เมื่อข้าตีดาบอย่างสมบูรณ์ข้าจะให้เสี่ยวฉินไปส่งมอบให้กับเ้าเป็การส่วนตัว" เสี่ยวหลางบอกระยะเวลาในการตีดาบให้เสร็จ เขาจำเป็ต้องหยุดพักงานอื่นๆเพื่อมาสร้างดาบให้กับหลี่ชิงหยุนเพียงอย่างเดียว
งานตีดาบในครั้งนี้ถือเป็ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของเสี่ยวหลาง ด้วยวัสดุระดับสูงและขั้นตอนจากพิมพ์เขียว ดาบเล่มนี้จะสามารถกลายเป็ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถพัฒนาได้ หลังจากที่เขาได้ตำราวิชาตีดาบขั้นสูงมาจากหลี่ชิงหยุน ความสามารถในด้านนี้ของเสี่ยวหลางก็เพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ ตอนนี้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าดาบเล่มนี้จะไม่ขาดตกบกพร่องและจะเป็งานชิ้นโบว์แดงในชีวิตของเขาเป็แน่
"รบกวนพวกท่านแล้ว" หลี่ชิงหยุนประสานมือขอบคุณเสี่ยวหลางอีกครั้ง เขารู้ดีถึงความยากของการตีดาบตามพิมพ์เขียวที่เขาเขียนขึ้นมา โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อคงน้ำหนักไว้ไม่ให้หนักจนเกินไป ทุกขั้นตอนต้องใช้สมาธิและความปราณีตอย่างสูง
จากนั้นเขาก็ถามอะไรบางอย่าง "ผู้าุโ ท่านสามารถซ่อมแซมดาบเล่มนี้ได้หรือไม่?" หลี่ชิงหยุนหยิบดาบจันทราเยือกแข็งออกมาจากแหวนเก็บของ นี่คือดาบที่เขาเอาออกมาพร้อมกับกระบี่กลืนิญญาในคลังสมบัติส่วนตัวของโม่หยุนเทียน แต่ดาบจันทราเยือกแข็งนี้ต้องใช้วัสดุชนิดเดียวกันถึงจะสามารถซ่อมมันได้ เขาจึงลองถามเสี่ยวหลางดูเผื่อว่าเขาอาจจะมีวัสดุที่ใช้ซ่อมแซมมันได้
ดาบเล่มนี้หลี่ชิงหยุนตั้งใจจะมอบให้กับนาหลันเสี่ยวฉีซึ่งเป็ถึงอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ดาบเล่มนี้เป็อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ชำรุด จึงจำเป็้าผ่านหลอมและซ่อมแซมก่อนเท่านั้นจึงจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
แม้ว่าดาบจันทราเยือกแข็งจะเป็อาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยความคมของมันตอนนี้ มันไม่สามารถเอาชนะอาวุธระดับ 5 ได้ด้วยซ้ำ
"ขอข้าดูหน่อย" เสี่ยวหลางหยิบดาบจันทราเยือกแข็งจากมือของหลี่ชิงหยุนไปตรวจสอบ
ไม่นานเขาก็ขมวดคิ้วและส่ายหัว "วัสดุสำหรับดาบเล่มนี้หายากเกินไป หากข้ารั้นที่จะใช้วัสดุอื่นเพื่อทดแทน ข้าเชื่อว่าแกนกลางของมันอาจจะถูกทำลายลงทันที ทางที่ดีเ้าควรรอจนกว่าจะได้วัสดุที่ตรงกัน ข้าสามารถบอกได้ว่าวัสดุของดาบนี้หายากมาก บางทีมันอาจจะไม่ปรากฏในอาณาจักรเซวียนด้วยซ้ำ"
"เป็เช่นนั้น..." หลี่ชิงหยุนจำเป็ต้องหาวัสดุเพื่อมาซ่อมแซม แต่มีเพียงแค่วัสดุระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะซ่อมแซมได้ แต่ในอาณาจักรเซวียนนี้จะหาวัสดุศักดิ์สิทธิ์ได้จากที่ไหน?
"เอาล่ะ ผู้าุโขออภัยที่รบกวนท่าน" หลี่ชิงหยุนบอกลาเสี่ยวหลางและ้ากลับไปที่พัก
ดาบของเขาต้องใช้เวลากว่า 20 วัน เขาสามารถรอได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง มีเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์จนกว่ามิติโบราณจะเปิดออก เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการสำรวจนิกายที่ล่มสลายในครั้งนี้
หากหลี่หยุนเฟิงไม่ได้บอกให้เขาไปเขาอาจจะไม่ไปจริงๆ แต่เขามีลางสังหรณ์ว่ามิติโบราณนี้จะกลายเป็ตัวแปรสำคัญในการขึ้นลงและจุดชนวนความขัดแย้งภายในราชวงศ์โม่
บางทีอาจจะมีการฏหรือการต่อสู้ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนระบบของอาณาจักรเซวียนไปโดยสิ้นเชิง
หลี่ชิงหยุนกล้บไปยังที่พักของเขาที่เสี่ยวฉินได้จัดเตรียมไว้ให้
เขากำลังจะเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกฝน แต่จู่ๆมีก็สัญญาณหยกดังขึ้น หลี่ชิงหยุนหยิบหยกสื่อสารออกมาดู "องค์หญิง?"
[เหตุใดองค์หญิงจึงติดต่อมาตอนนี้? นางมีเื่อะไรสำคัญหรือไม่?]
เมื่อเปิดใช้งานหยกเสียงของโม่หยุนซีก็พูดขึ้น "หลี่ชิงหยุน เ้าอยู่ที่ไหน?"
"ข้าอยู่ที่เขตเสี่ยว...องค์หญิง มีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสามคนหรือไม่?" หลี่ชิงหยุนถามอย่างผิดปกติ เขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิงและปิงเสวี่ยเอ๋อร์ที่บ้านพักของเขา
โม่หยุนซีรีบคลายความเข้าใจผิดในทันที "มิใช่เช่นนั้น เพียงแต่พี่ชายคนโตของข้า้าเชิญเ้าเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้"
"องค์ชายลำดับที่หนึ่งงั้นหรือ?" คิ้วของหลี่ชิงหยุนเลิกขึ้นอย่างสงสัย "เขามีธุระอะไรกับข้าหรือไม่?"
โม่หยุนซีตอบอย่างนุ่มนวล "พี่ชายแค่้าเจอเ้าเท่านั้น ข้าสามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น"
หลังจากคิดทบทวนหลี่ชิงหยุนก็ตอบกลับ "เอาล่ะ หากข้าสามารถกลับไปทันเวลาข้าจะไป ที่นี่มีบางอย่างที่ข้าต้องจัดการให้เรียบร้อยอยู่"
"เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วย" โม่หยุนซีกล่าวพลางถอนหายใจ
"ทำไม? องค์หญิงเป็ห่วงข้าขึ้นมางั้นหรือ?" หลี่ชิงหยุนหยอกล้อ
"อัยยะ! หลงตัวเอง!" จากนั้นนางก็รีบตัดการเชื่อมต่อกับหยกสื่อสารไป
หลี่ชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเอง ดูเหมือนว่าการแกล้งโม่หยุนซีจะเป็เื่ที่สนุกสำหรับเขา
เขายืดเส้นยืดสายเล็กน้อย จากนั้นเขาหยิบสมุนไพรบางอย่างออกมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้คืนนี้
เขากำลังลังเลใจว่าจะสังหารผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลฉางดีหรือไม่? หลี่ชิงหยุนนั้นมีแผนในใจอยู่แล้ว แต่เขาอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเงาสีดำนั้นมากกว่า
เขาเชื่อว่าเงาสีดำนั้นต้องมีที่กบดานตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในอาณาจักรเซวียน หากเขาสามารถหาข้อมูลที่อยู่ของเงานั้นได้ ราชวงศ์โม่อาจจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้และเหตุการณ์การล่มสลายของราชวงศ์โม่อาจจะไม่เกิดขึ้น
หลี่ชิงหยุนวุ่นอยู่กับการเตรียมบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเวลาผ่านไปเขามองไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว
"ดูเหมือนจะได้เวลาแล้ว" หลี่ชิงหยุนหยุดการกระทำทั้งหมด เขาหยิบหน้ากากหยกมาส่วมใส่และหายไปจากที่พักทันที
เทวทูตแห่งความตายกำลังจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
.
.
.
~ ห้องส่วนตัวของเล่ยตงเทียน ~
เล่ยตงเทียนกำลังยุ่งอยู่กับเอกสารจำนวนมากที่กองอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดเป็บันทึกการเดินทางเข้าออกของราชวงศ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งนี้ใช้เพื่อค้นหาตัวตนของชายหน้ากากหยก
มันใช้เวลาไปเกือบทั้งวันกับข้อมูลที่อยู่บนโต๊ะ มูลค่าข้อมูลที่ซื้อมานั้นมีมูลค่าเกือบร้อยล้านเหรียญ จะเห็นได้ว่าเล่ยตงเทียนทุ่มสุดกำลังเพื่อชายหน้ากากหยกแค่คนเดียว
เล่ยตงเทียนมีสัญชาตญาณว่าชายหน้ากากหยกผู้นี้จะกลายเป็ตัวปัญหาขนาดใหญ่อย่างแน่นอนหากไม่รีบกำจัดเขาทิ้งเสียตอนนี้
หลังจากเสียเวลาไปกว่าครึ่งวัน ไม่ต้องคิดเลยว่าผู้ต้องสงสัยนั้นตกอยู่ที่หลี่ชิงหยุนแต่เพียงผู้เดียว!
บันทึกการเดินทางของหลี่ชิงหยุนนั้นแทบจะเป็่เวลาเดียวกันกับการเคลื่อนไหวของชายหน้ากากหยก แต่ก็ยังมีหลายจุดที่เล่ยตงเทียนไม่สามารถหาคำตอบได้
หลี่ชิงหยุนอยู่เพียงแค่ระดับการรวบรวมลมปราณเท่านั้นเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ตอนนี้เขากลับอยู่ที่ระดับลมปราณหยก เป็ไปไม่ได้ที่คนปกติจะข้ามระดับได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ จากระดับรวบรวมลมปราณไปสู่ระดับลมปราณเงิน, ระดับลมปราณทองและระดับลมปราณหยก หลี่ชิงหยุนสามารถพัฒนาระดับได้ถึงสามระดับภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ สามระดับอาจจะดูน้อยแต่ในความเป็จริงมันต้องข้ามมากกว่า 12 ขั้น แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่ชายหน้ากากหยก แต่พร์ของหลี่ชิงหยุนไม่ควรถูกมองข้ามอีกต่อไป เล่ยตงเทียนจึงจัดให้หลี่ชิงหยุนอยู่ในประเภทของผู้ที่มีพร์สูงสุด คนประเภทนี้หากควบคุมไม่ได้ก็ควรจะทำลายั้แ่ต้น
เล่ยตงเทียนจึงตั้งสมมติฐานว่าชายชุดขาวที่ปกป้องหลี่ชิงหยุนนั้นต้องเป็อาจารย์ของเขา และอาจารย์ของเขาต้องไม่ใช่คนจากอาณาจักรเซวียน มิเช่นนั้นเขาจะไม่สามารถเลี้ยงดูหลี่ชิงหยุนให้กลายเป็ผู้ฝึกฝนระดับลมปราณหยกได้เพียงแค่เวลาหนึ่งสัปดาห์
นี่เป็สถิติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์!
หรืออีกสมมติฐานหากหลี่ชิงหยุนไม่ใช่ชายหน้ากากหยก นั่นก็หมายความว่าชายหน้ากากหยกไม่ได้เข้าสู่เมืองหลวงด้วยวิธีปกติ บางทีเขาอาจจะลักลอบเข้ามาโดยที่ไม่มีข้อมูลใดให้สาวถึงตัวได้
หลังจากขุดคุ้ยข้อมูลเก่าๆของหลี่ชิงหยุน เล่ยตงเทียนก็ยิ่งประหลาดใจก็และสงสัยมากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีฐานข้อมูลการเกิดของหลี่ชิงหยุนเลย มีเพียงแต่ข้อมูลเมื่อเขาอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น
อีกทั้งบุคลิกของหลี่ชิงหยุนควรจะเป็คนใจดีมาโดยตลอดและไม่มีพฤติกรรมที่โหดร้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งขัดแย้งกับบุคลิกชายหน้ากากหยกอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าหลี่ชิงหยุนจะทำให้ตระกูลหงพิการสิ่งนั้นพอเข้าใจได้ แต่เขาไม่ได้ฆ่าใครจากตระกูลหง นั่นหมายความว่าบางทีเขาอาจจะยังพอมีเมตตาอยู่บ้าง ส่วนนี้ทำให้เล่ยตงเทียนสับสนโดยไม่รู้ตัว
แต่หลี่ชิงหยุนที่ไม่มีแม้แต่ประวัติการต่อสู้หรือประวัติการฆ่าคน เขาสามารถเป็ชายหน้ากากหยกผู้เืเย็นนั้นได้จริงๆหรือ?
ต้องรู้ว่าชายหน้ากากหยกผู้นั้นเกิดมาเพื่อการฆ่าเท่านั้น เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องขมวดคิ้วด้วยซ้ำ แม้แต่หงเจิ้นยังเคยบอกเขาว่าจิตสังหารของชายหน้ากากหยกนั้นรุนแรงเกินไป แค่มองจากการกระทำก็รู้ได้ว่าชายหน้ากากหยกนั้นต้องสังหารผู้คนมาแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นคน!
แล้วชายหนุ่มอย่างหลี่ชิงหยุนเล่า? เขาไม่มีประวัติไม่ดีและไม่เคยฆ่าคน เขาจะมีจิตสังหารเช่นนั้นได้จริงหรือ? หากใครสักคนได้ริเริ่มในการฆ่าคนเป็ครั้งแรก คนผู้นั้นจะต้องรู้สึกไม่ดีและอาจจะมีภาวะนอนหลับไม่สนิท จนกระทั่งไม่สามารถระงับอารมณ์และปีศาจภายในได้ใน่แรก แต่หลังจากสังเกตพฤติกรรมของหลี่ชิงหยุนแล้ว เขาไม่มีอะไรทำนองนั้นเลย
ประวัติตลอดสามปีของหลี่ชิงหยุนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับแง่มุมที่ไม่ดี นี่ผิดปกติและขัดแย้งจนเกินไป!
"ข้าพลาดอะไรบางอย่างไปหรือไม่?" เล่ยตงเทียนจับหัวและแทบจะเค้นสมองของมันทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลนี้
ในตระกูลหยานเล่ยตงเทียนส่งเล่ยหยาน เล่ยถิงและเล่ยหยวนไปเพื่อทำลายตระกูลหลี่ ในบรรดาทั้งสามคนนั้นเล่ยหยานแข็งแกร่งที่สุดและมันมีเม็ดยาะเิฉีที่สามารถเข้าสู่ระดับลมปราณโลกได้
แล้วหลี่ชิงหยุนในขณะนั้นเขายังไม่ก้าวเข้าสู่ระดับลมปราณหยกด้วยซ้ำ แม้ว่าหลี่ชิงหยุนจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถสังหารเล่ยหยานได้ด้วยตัวเองใช่หรือไม่? และอาจารย์ของหลี่ชิงหยุนไม่น่าจะไร้ยางอายถึงขั้นลงมือกับผู้อ่อนแอจากตระกูลหยานไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
หากปรมาจารย์ระดับลมปราณลึกซึ้งลงมือกับตระกูลหยานเล็กๆที่อยู่เพียงแค่ระดับลมปราณหยก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็ปีศาจภายในติดตัวเขาไปตลอดชีวิต
'ไม่ใช่เขาจริงๆหรือ?' เล่ยตงเทียนถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับหัวข้อนี้
"หลี่ชิงหยุน… แม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่ชายหน้ากากหยก แต่ข้าเชื่อว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับชายหน้ากากหยกผู้นั้น" ไม่นานเล่ยตงเทียนก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเื่นี้
"พรุ่งนี้องค์ชายโม่อู่เต๋าเชิญข้าไปงานเลี้ยงที่พระราชวัง ข้าเชื่อว่าหลี่ชิงหยุนต้องไปที่นั่น ข้าจะใช้ทักษะของข้าเค้นข้อมูลจากเขาด้วยตัวเอง" ดวงตาของเล่ยตงเทียนดูมืดมน
จู่ๆเล่ยตงเทียนพูดกับใครบางคนด้านหลัง "สถานการณ์ของตระกูลฉางเป็อย่างไร?"
เสียงจากด้านหลังตอบกลับ "นายน้อย ข้าได้ส่งหนึ่งในเงาของพวกเราไปแล้ว คาดว่าวันพรุ่งนี้พวกเราจะได้ในสิ่งที่้า"
"ยอดเยี่ยม!" จู่ๆเสียงของเล่ยตงเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างน่าขนลุก "อีกไม่ช้า เผ่าิญญาจะปรากฏสู่โลกใบนี้อีกครั้ง!"
. . .
บนต้นไม้ขนาดใหญ่ของรอบนอกเขตเสี่ยว หลี่ชิงหยุนกำลังนั่งสมาธิเพื่อรอตระกูลฉางอย่างสงบ ก่อนหน้านี้เขาได้ย้ำเตือนกับกู่ซินเหลียนไว้แล้วว่าห้ามออกมาจากโรงเตี๊ยมเด็ดขาดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เขาเลือกตำแหน่งนี้เพราะเป็ตำแหน่งที่เป็มุมอับสายตาและหลบซ่อนได้ง่ายที่สุด อีกอย่างระยะการโจมตีของเขาก็ไม่ไกลจนเกินไป
ผ่านไปไม่กี่นาที ทันใดนั้นก็มีเสียงของการเคลื่อนไหวบางอย่างที่เบามากปรากฏขึ้นหน้าโรงเตี๊ยมกู่ หลี่ชิงหยุนลืมตามองไปที่หน้าประตูและเห็นว่าผู้บุกรุกมีด้วยกันสามคน
มุมปากของเขาขดเป็รอยยิ้มที่เ้าเล่ห์โดยไม่ได้ตั้งใจ 'ตระกูลฉาง ขอให้สนุกกับสิ่งที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้'
.
.
.
~ หน้าโรงเตี๊ยมกู่ ~
ทันใดนั้นพลันปรากฏร่างในชุดสีเทาของฉางเป่ยลี่ ฉางเฉวียนและฉางจื่อ ซึ่งเป็สามคนที่เคยเข้าสู่คฤหาสน์เ้าเมืองก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ฉางเป่ยลี่ไม่้ามาด้วยตัวเอง แต่มันลืมไปว่าเล่ยตงเทียนได้เน้นย้ำไว้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
"ไปหาของสิ่งนั้นและรับตัวลูกสาวของมันมา เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นเราจะรีบไปจากที่นี่ทันที" ฉางเป่ยลี่ออกคำสั่งเบาๆ
ฉางเฉวียนและฉางจื่อพยักหน้า ทั้งคู่กำลังจะบุกรุกเข้าไปในโรงเตี๊ยมกู่
แต่เมื่อมือของมันัักับประตู ร่างของฉางเฉวียนก็ถูกดีดกลับทันทีด้วยแรงสะท้อนของบางสิ่งบางอย่าง
"ปัง!"
ฉางเฉวียนกระเด็นไปชนกับอาคารเล็กๆอีกหลังหนึ่ง ฉางเป่ยลี่และฉางจื่อดูมึนงงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า
"พี่เฉวียน!" ฉางจื่อรีบเข้าไปดูอาการของฉางเฉวียนที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้น
ฉางเป่ยลี่หันกลับไปมองที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมอย่างเ็า จนมันสังเกตเห็นว่ามีม่านกั้นพลังบางๆปรากฏขึ้น "ข้อจำกัด..นี่ต้องเป็ฝีมือของไอ้เฒ่าเสี่ยว!"
ฉางเป่ยลี่กัดฟันอย่างหงุดหงิดพลันหันไปหาผู้าุโทั้งสองคนด้านหลัง "พวกเ้ารอที่นี่ ข้าจะไปตามท่านฉู่มาช่วยเปิดข้อจำกัดนี้"
ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถทำลายข้อจำกัดของระดับลมปราณลึกซึ้งนี้ได้ ฉางเป่ยลี่จึงจำเป็ต้องให้เงาสีดำนั้นมาเปิดข้อจำกัดเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น
แต่ก่อนที่ฉางเป่ยลี่จะได้ก้าวเท้าออกไป กลับมีเสียงที่เ็าดังขึ้นจากที่ไหนไม่รู้ลอยเข้ามาในหูของมัน
"ในเมื่อเ้ามาถึงแล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องกลับไปอีก..."
เมื่อสิ้นสุดเสียงนี้ คลื่นดาบสีแดงเืที่บ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉางเป่ยลี่อย่างกะทันหัน!
ฉางเป่ยลี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่งด้วยความใ มันััได้ว่าคลื่นดาบนี้อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่มันไม่มีเวลามากพอที่จะเคลื่อนไหว ดังนั้นมันจึงทำได้แค่ปลดปล่อยพลังฉีออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีที่ดุร้ายนี้
"ตู้ม!"
ฉางเป่ยลี่ที่ตั้งรับการโจมตีถูกต้อนให้ถอยกลับไปเกือบสิบก้าว
ในจังหวะเดียวกันนั้นเงาสีดำที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉางเป่ยลี่ในระยะใกล้
ฉางเป่ยลี่สามารถมองเห็นหน้ากากหยกของชายผู้นั้นได้อย่างชัดเจน มันจึงอดไม่ได้ที่จะมึนงง เพราะมันจำได้ว่ามันไม่รู้จักชายหน้ากากหยกผู้นี้มาก่อน
แล้วเหตุใดชายหน้ากากหยกจึงเข้าจู่โจมเพื่อหมายเอาชีวิตมันอย่างเอาเป็เอาตายเช่นนี้?
ข่าวเกี่ยวกับชายหน้ากากหยกนั้นเพิ่งถูกแพร่กระจายในเขตขุนนางเมื่อเช้าของวันนี้ ดังนั้นฉางเป่ยลี่จึงยังไม่รู้ว่าชายตรงหน้าของมันก่อวีรกรรมเช่นใดไว้
หากฉางเป่ยลี่รู้ถึงการกระทำของชายหน้ากากหยกก่อนหน้านี้ มันจะต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้อย่างแน่นอน
"คลื่นดาบโลหิตสังหาร!" ร่างเงาที่สวมหน้ากากหยกพึมพำเบาๆ แสงดาบสีเือาฆาตทับซ้อนกันจู่โจมไปที่หน้าอกของฉางเป่ยลี่อย่างรุนแรง!
ฉางเป่ยลี่ที่เพิ่งได้สติก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เพราะมันไม่สามารถมองเห็นระดับการบ่มเพาะของบุคคลตรงหน้าได้เลย
ฉางเป่ยลี่กัดฟันะเิพลังฉีออกมาจนถึงขีดสุด รัศมีระดับลมปราณฟ้าขั้นกลางหมุนเวียนล้อมรอบร่างกายของมันอย่างสั่นสะท้าน และสร้างขึ้นเป็ม่านพลังใช้ป้องกันแสงดาบที่กำลังจะแทงเข้าที่หน้าอกของตน!
"ฉัวะ!"
แสงดาบสะท้อนกับเกราะพลังฉีของฉางเป่ยลี่ แต่แสงดาบสีเืสามารถทะลุเกราะพลังฉีของฉางเป่ยลี่ได้เพียงเล็กน้อย และสร้างรอยแผลถากๆแก่บริเวณไหปลาร้าของมันเท่านั้น
ฉางเป่ยลี่จึงใช้โอกาสนี้ในการโจมตีโต้กลับ แต่เมื่อมันหมุนเวียนพลังฉีจากเส้นลมปราณ มันกลับพบว่าการไหลเวียนเืและการไหลเวียนของเส้นลมปราณกลับถูกปิดกั้นอย่างไม่คาดคิด!
"กะ-เกิดอะไรขึ้น!?" ฉางเป่ยลี่อุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่ามันไม่สามารถปลดปล่อยพลังฉีได้ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างไปหยุดการไหลเวียนของพลังฉีในร่างกายของมันไว้
ใบหน้าของฉางเป่ยลี่ซีดเผือดอย่างสิ้นหวังโดยไม่ได้ตั้งใจ
"ฮี่ๆๆๆ..." เสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองของชายหน้ากากหยกดังขึ้น ฉางเป่ยลี่เห็นว่าชายผู้นั้นกำลังใช้กระบี่ที่ดูรกร้างซึ่งมีกลิ่นอายโบราณกำลังแทงมาที่คอของมันอย่างโเี้!