เมล็ดพันธุ์งอกราก งอกต้นอ่อน พลังแห่งชีวิตเต็มเปี่ยมเรืองรองอยู่ท่ามกลางคืนอันมืดมิด
ในกล่องหิน ต้นอ่อนสีเขียวระยิบระยับ โปร่งแสงคล้ายโมราโผล่พ้นก้อนดินออกมา แผ่กระจายพลังแห่งชีวิตอันเข้มข้น
ฉู่เฟิงที่ตอนแรกอ่อนล้าอย่างยิ่ง ตอนนี้ เมื่อหายใจเข้าลึกยาวพลันรู้สึกโปร่งสบายทั่วร่าง
ตอนกลางวันเขาวิ่งตะบึงเร่งเดินทางมาตลอด พอตกดึกก็มาต่อสู้กับเฉินไห่ใช้พลังไปมาก แต่ตอนนี้ เพียงแค่ต้นอ่อนต้นหนึ่งเท่านั้น กลับทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย
มันเขียวขจี อย่างกับว่าแกะมาจากหยกเนื้อดีอย่างนั้นแหละเพียงดูด้วยตาเนื้อก็เห็นได้ว่ามันเติบโตอย่างรวดเร็ว จากต้นอ่อนที่แทงโผล่ก้อนดินจนสูงประมาณครึ่งฟุต ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของฉู่เฟิง
พริบตาเท่านั้น มันผลิใบออกมาแล้วสี่ใบ
จะว่าเป็ต้นไม้ก็ใช่ หรือจะเป็ต้นหญ้าก็เหมือนยามกะทันหันยังบอกได้ไม่ถนัด มันยังงอกต่อไปอีก แสงสีเขียวสว่างไสวแผ่กระจายไปทั่ว
ฉู่เฟิงหายใจลึก รู้สึกร่างกายฟื้นพลัง เขาเพิ่มความเร็วในการวิ่งระยะสั้นมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของูเาาที่เต็มไปด้วยภยันตราย
เขา้าเวลา ต้องหลบเฉินไห่ก่อนชั่วคราว ใน่เวลาคาบลูกคาบดอกเช่นนี้จะให้เขาเจอตัวไม่ได้!
ต้นไม้ลึกลับยังคงเติบโตต่อไป ด้วยความเร็วที่ช้าลง แต่กลับแปลกประหลาดยิ่งขึ้นหมอกสีเขียวขมุกขมัวลอยละล่องออกมาปิดกลบแสงสีเขียว ลำต้นกลับกลายเป็ขุ่นมัว
ฉู่เฟิงคุ้นเคยต่อูเาพวกนี้อย่างมากเพราะเข้ามาฝึกโหดกับหวงหนิวอยู่หลายครั้งสังหารพวกสัตว์ร้ายและนกล่าเหยื่อสารพัดชนิด จึงรู้จักนิสัยใจคอของพวกมันเป็อย่างดี
นี่เป็ข้อได้เปรียบที่เขาใคร่ครวญไว้แต่แรกและใช้จุดนี้ในการรับมือกับเฉินไห่
หนองน้ำขวางอยู่ตรงหน้า ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถันฉู่เฟิงมองแวบหนึ่งก็รู้ทันที กลางหนองน้ำมีจระเข้ไฟซ่อนอยู่
เขาเดินหมุนซ้ายย้ายขวา วางเท้าบนตำแหน่งในหนองน้ำที่เล็งไว้จากนั้นพลิ้วตัวผ่านไปราวสายลม
เขารู้จักนิสัยของสัตว์ชนิดนี้ดี จากกลิ่นกำมะถันอีกทั้งพื้นที่ชื้นแฉะและแห้งแข็งในหนองน้ำก็สามารถประเมินได้ว่ามันซ่อนตัวอยู่ตรงไหน
“นี่ก็เป็ตัวร้ายอีกตัว หวังว่าจะสร้างความลำบากเล็กๆ น้อยๆให้นายเฉินไห่นั่นสักหน่อยนะ!” ฉู่เฟิงเจอมาแล้ว ‘ประสบการณ์’ เหลือเฟือ
ด้วยความเร็วสูงสุด เขาผ่านหนองน้ำ ข้ามูเาเจาะจงเลือกเดินทางผ่านพื้นที่ที่อันตรายที่สุดใช้ประโยชน์จากการที่เขารู้จักธรรมชาติของสัตว์พวกนี้ดี หลบหลีกอย่างราบรื่น
ส่วนเฉินไห่ที่ตามก้นเขามา ไม่มีทางผ่านด่านไปได้ง่ายๆ
ฉู่เฟิงมั่นใจว่า เขาต้องตามมาอย่างแน่นอน ต้องมีการลงไม้ลงมือได้รับาเ็กันบ้าง
ระหว่างเขาสองลูกที่อยู่ตรงหน้า หมอกชื้นหนาแน่น
ฉู่เฟิงยั้งเท้า ทำจมูกฟุตฟิต เขาได้กลิ่นคาวเืที่คุ้นเคยเขาเดินไปดึงต้นไม้ชนิดหนึ่งมาจากพุ่มไม้หนาม ขยี้จนแหลกแล้วทาไปบนตัวอย่างรวดเร็วกลิ่นพิลึกพิลั่นโชยชาย
จากนั้น ด้วยความเร็วปานสายฟ้าเขาพุ่งตัวผ่านหมอกหนาระหว่างเขาสองลูกนั้นไป
บนเขา สิ่งมีชีวิตร่างมหึมาสีขาวปานหิมะตัวหนึ่งก้มลงมองดูเขาที่พุ่งทะยานผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ
ระหว่างเขาสองลูกคือใยแมงมุมขนาดั์ที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ฉู่เฟิงวิ่งเหยียดมาตลอดทาง แต่ละที่ที่ผ่านล้วนอันตรายอย่างยิ่งหลายครั้งที่ตัวเขาเองก็เกือบพลาด แต่ก็ผ่านพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด
ป่ายิ่งลึก ความดิบเถื่อนก็ยิ่งเพิ่มพูนสิ่งที่เห็นล้วนแล้วแต่เป็สัตว์ดุร้ายในยุคก่อนประวัติศาสตร์สัตว์ประหลาดนั้นก็พอมีอยู่บ้าง หากวิ่งไปเจอเข้าฉู่เฟิงก็ได้แต่ล่าถอยเพราะอย่างไรก็สู้ไม่ได้อยู่ดี
ยิ่งลึกก็ยิ่งอันตราย เป็แหล่งซ่อนกายของสัตว์ร้ายเ้าถิ่น
ฉู่เฟิงรู้ดีว่า ไม่อาจไปต่อได้อีกถ้าหากมัวแต่วิ่งเข้าไปหาอันตรายโดยไม่ดูตาม้าตาเรือต่อให้รู้จักนิสัยใจคอของสัตว์เ่าั้ดี ก็อาจกลายเป็เอาชีวิตไปทิ้งได้เช่นกัน
เบื้องหน้า เต็มไปด้วยยอดเขาที่ไม่สูงนัก
ฉู่เฟิงค่อยๆ แฝงกายเข้าไป ที่นี่เต็มไปด้วยยอดเขาหน้าตาเหมือนกันหมดทั้งแถบหากทะเล่อทะล่าเข้าไปเจอกับความชื้นที่หนาแน่นจนกลายเป็หมอกอาจหลงทางได้ง่าย
“ประมาณนี้แหละ!”
ฉู่เฟิงรู้สึกว่า น่าจะสลัดเฉินไห่หลุดไปได้ อีกทั้งยังถ่วงเวลาได้พอสมควรตอนนี้ก็หยุดพักได้เสียที
เพราะว่าเมล็ดพันธุ์ในกล่องหินเติบโตเร็วขึ้นไปอีก มันปลิวไปตามแรงลมเขากลัวว่าถ้าเขาวิ่งตะบึงอย่างนี้ต่อไป อาจทำมันหักได้
ตอนนี้ มันสูงประมาณหนึ่งเมตรได้ ตลอดลำต้นสีเขียวสด พลังชีวิตท่วมท้นออร่าเปล่งประกาย มหัศจรรย์สุดประมาณ
ฉู่เฟิงหยุดวิ่ง เลือกชัยภูมิที่ได้เปรียบ แล้วนั่งพักหยิบกล่องหินออกมาวางกับพื้น
ูเาแถบนี้ ต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน เสียงส่ำสัตว์ร้องคำรามไม่หยุดหย่อน
“นี่มันเถาวัลย์หรือต้นไม้กันล่ะเนี่ย?”เขาประหลาดใจ
มันไม่น่าจะเป็ต้นหญ้า ลำต้นหนาประมาณนิ้วหัวแม่มือ พุ่งตั้งตรงสูงประมาณเมตรกว่า ระหว่างทางลำต้นมันแยกออก เหมือนกับจะเป็กิ่งก้านแต่ก็เหมือนกับเถาวัลย์
กึ่งต้นไม้กึ่งเถาวัลย์ ลำต้นตั้งตรง แต่ก็โอนเอนอยู่หน่อยๆ บาง่โค้งงออย่างกับจะเกาะเกี่ยวเลื้อยพัน
ไม่ว่าจะเป็ใบหรือลำต้นล้วนมีสีเดียวกัน ก็คือสีเขียวอ่อนเป็เขียวสดเปล่งปลั่ง เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ลักษณะของใบประหลาดอย่างมาก รูปร่างเหมือนกับฝ่ามือของคนไม่ผิดเพี้ยนสีเขียวขจี ยามที่สายลมราตรีพัดผ่านแลดูเหมือนพระโพธิสัตว์พันกรกำลังโบกหัตถ์
บนใบไม้มีลวดลาย เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วคล้ายคลึงกับลวดลายลึกลับบนเมล็ดพันธุ์อย่างมาก
ที่ลำต้นของมันก็เช่นกัน เห็นลวดลายได้ชัดเจนยิ่งกว่า เป็รอยลึกยิ่งกว่า
เมื่อมองไปไกลๆ แสงสีเขียวสดใสโอบล้อมที่ตรงนี้มองเห็นความขมุกขมัวท่ามกลางความชื้น บรรยากาศสงบนิ่ง ชวนให้รู้สึกลี้ลับสุดประมาณ
ั้แ่ต้นจนจบ กล่องหินไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยังคงเก่าคร่ำคร่าสงบนิ่งไม่ไหวติง
“เอ๊ะ?!” ฉู่เฟิงตะลึง ต้นไม้นี้เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
มันชูลำต้นต้านลม สูงราวๆ หนึ่งเมตรห้าสิบเิเ นอกจากนี้รากของมันงอกออกมาจากกล่องหินอย่างรวดเร็ว หยั่งรากลงในดิน
รากพวกนั้นมีสีเขียว เป็เขียวที่คล้ายๆ กับหินแร่
รากงอกออกมามากมาย หยั่งรากลงดินไม่หยุดพลางดูดซับสารอาหารที่จำเป็จากผืนดิน
ไม่นานนัก กล่องหินก็ถูกรากสีเขียวระยิบระยับปกคลุมจนมิด
ฉู่เฟิงดวงตาเป็ประกาย จ้องดูการเปลี่ยนแปลงของมันไม่วางตา
ั้แ่ที่เมล็ดพันธุ์เกิดการเปลี่ยนแปลงตอนที่อยู่ในกล่องหิน เขาก็รู้ทันทีว่ามันจะต้องงอกต้นอ่อนภายในไม่กี่วันนี้แต่ไม่นึกว่ามันจะงอกวันนี้ เร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้อย่างมาก
เขาคาดหวัง รู้สึกได้ถึงความยินดีในความสำเร็จที่เฝ้ารอคอย
หมอกชื้นบริเวณนี้ค่อยๆ จางหาย แสงจันทร์สาดส่องสู่พื้นดิน
ภายใต้แสงจันทร์ ต้นไม้ต้นนี้ยิ่งเปล่งประกายเรืองรองสีเขียวก็เขียวอย่างยิ่ง สุดท้าย มันมีขนาดสูงเท่าผู้ใหญ่คนหนึ่ง จากนั้นก็หยุดโต
ดูเหมือนเถาวัลย์สีเขียว แต่มันกลับไม่ต้องเลื้อยพันกับอะไรสามารถยืนต้นได้เอง มันแตกกิ่งออกมาสองสามกิ่ง แถมยังมีใบไม้สีเขียวหยกรูปร่างเหมือนฝ่ามืองอกออกมาอีกมากมาย
ละอองไอหมอกล่องลอยออกมาจากต้นไม้ถูกแสงสีเขียวทอกระทบอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ต้นไม้ทั้งต้นให้ความรู้สึกมหัศจรรย์ลึกล้ำ
ทันใดนั้น ยอดของต้นไม้ก็เปล่งแสงเจิดจ้าสว่างไสวประกอบกับพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมอย่างไม่มีอะไรเทียบเป็พลังอันเข้มข้นมากกว่าก่อนหน้านี้เป็สิบๆ เท่า!
ฉู่เฟิงตัวสั่นสะท้าน จับจ้องไม่วางตา
ปลายยอดของเถาวัลย์พิเศษเปล่งแสงสีเขียว เจิดจ้าบาดตาตรงนั้นคือยอดอ่อนสีเขียว เมื่อดูให้ดี ที่แท้แล้วก็คือดอกตูม มันค่อยๆ ขยายใหญ่มันกำลังเติบโต!
ฉู่เฟิงกำหมัดแน่น ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันช่างเหลือเชื่อ เมล็ดพันธุ์ที่ทำอย่างไรก็ไม่งอกทันทีที่ฟื้นคืนสภาพ ก็เจริญเติบโตพรวดพราดอย่างน่าใ
แสงสีเขียวหลั่งไหลเรืองรองมาจากปลายยอดของเถาวัลย์ เมื่อสาดส่องทั่วทั้งบริเวณแลดูอบอุ่นนุ่มนวล
จันทร์กระจ่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง แสงเงินสาดส่องลงยังต้นเถาวัลย์ส่งให้ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับวับวาว
อีกฟากหนึ่ง สีหน้าของเฉินไห่เต็มไปด้วยความเ็าเขาเหมือนกับสัตว์ร้ายป่าเถื่อนตัวหนึ่งที่แล่นไปทั่วูเา ตามรอยของฉู่เฟิง
นับั้แ่ย่างเท้าเข้าเขตป่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าสังหารนกั์สัตว์ร้ายไปเท่าไร ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเื
เขาสามารถไล่เข่นฆ่าจนป่าร้างได้ทว่าที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนกั์สารพัดชนิด พอข้ามเข้าไปอีกพื้นที่การซุ่มโจมตีก็เกิดขึ้นอีก
เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่า สัตว์ประหลาดที่พบเจอนั้นดุร้ายมากขึ้นทุกที
โครม!
พอเขาย่างเท้าลงบริเวณหนองน้ำ ความเงียบสงัดก็ถูกทำลาย พื้นดินเปียกชื้นที่ตอนแรกไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตนั้นจู่ๆ พื้นโคลนก็แตกกระจาย จระเข้สีแดงเพลิงตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา
เกล็ดทั่วตัวของมันเป็สีแดงสด พออ้าปากก็มีเปลวไฟร้อนแรงพวยพุ่งฉายฉานไปทั่วหนองน้ำ เปลวเพลิงร้อนแรงอย่างไม่มีอะไรเทียบ รอบด้านเหมือนกับถูกเพลิงแผดเผาท่วมทั่ว
“เพลิงสมาธิหรือ?!” เฉินไห่สะดุ้งสุดตัวถอยหนีอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟท่วมฟ้า แผดเผาหนองน้ำ เผาผลาญป่าที่ล้อมโดยรอบอีกทั้งหินหลอมเหลวที่หลั่งไหล
ในชั่วพริบตา จากหนองน้ำกลายเป็บ่อหินหลอมเหลวอย่างรวดเร็ว
เฉินไห่รวดเร็วดุจสายฟ้า ถอยฉากไปร่วมร้อยเมตร เขาฝึกวิชาหมัดจนถึงแก่นฝืมือร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่ละการเคลื่อนไหวล้วนดุดัน รวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ
เมื่อถอยห่างออกมาพอสมควร สีหน้าของเฉินไห่ไม่สู้ดีสัตว์ประหลาดร้ายกาจขึ้นทุกที ถ่วงเวลาเขาเป็อย่างมาก
“ก็แค่เศษเสี้ยวของเพลิงสมาธิเท่านั้นฉันก็คิดว่าแกจะสามารถผลาญโลกได้ซะอีก ตายซะ!”เขาเอ่ยเสียงเย็น ไม่ว่าอะไรมาขวางทางเขา ล้วนถูกหมัดเดียวทะลวงเรียบ
โครมคราม!
ที่ตรงนั้นสั่นไหวรุนแรง พื้นที่เต็มไปด้วยหินหลอมเหลวกระฉอกไหวที่แท้จระเข้ไฟบินได้ มันมีปีก
ทว่า เฉินไห่ไม่ต่างกับปีศาจ เงาหมัดไร้เทียมทาน กระแทกดับไฟอย่างรวดเร็ว
ปึก!
เขาใช้หมัดเดียวะเิหัวจระเข้ไฟ ซากยาวสิบกว่าเมตรร่วงจากกลางอากาศกระแทกพื้นจนแผ่นดินสั่นไหว
แต่ว่า เฉินไห่เองก็ได้รับาเ็ แขนข้างหนึ่งถูกเผาจนไหม้แม้จะไม่หนักหนา แต่าแก็ทำให้เขาคั่งแค้น
ฟึ่บ!
เขาพุ่งตัว ะโหนึ่งครั้งก็ทะยานไปร่วมร้อยเมตร
ระหว่างทาง เขาฆ่าไม่หยุด ทุกหนแห่งที่ผ่านล้วนเต็มไปด้วยเืพอเจอสัตว์ประหลาดก็พุ่งเข้าไปฆ่า ครั้งนี้เป็มนุษย์หมาป่าทว่าไม่จำเป็ต้องบอกว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่งเพียงไหน
หมอกชื้นตรงหน้าหนาแน่นระหว่างูเาสองลูกเหมือนกับว่ามีอันตรายบางอย่างรออยู่
พละกำลังของเฉินไห่มหาศาล ประสาทััอันเฉียบไวรับรู้ได้
เขาคิดว่าตัวเองไวพอ สามารถทะยานผ่านไปได้
อย่างไรก็ตาม สัตว์ร้ายตรงนี้ร้ายกาจเกินไป ทันทีที่ได้กลิ่นเหยื่ออันโอชะมันทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศ พร้อมกับใยแมงมุมขนาดมหึมาพันเฉินไห่ไว้
“นี่มันตัวอะไรกัน?!”แม้แต่คนที่ร้ายกาจอย่างเฉินไห่ยังใ
สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตัวนั้นสูงราวยี่สิบเมตร ขาวปลอดตลอดร่างมันมีขาเหมือนกับแมงมุม แต่ว่าส่วนหัวกลับเหมือนสิงโต ดุร้ายและโเี้
สัตว์ประหลาดตัวนั้นพ่นใยออกมา สีขาวราวเส้นไหม คิดจะพันรัดเฉินไห่
“ไปให้พ้น!” เขาบันดาลโทสะ
ใยแมงมุมเส้นหนาเท่าแขนนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง หากถูกมันพันรัดล่ะก็ต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน
เฉินไห่พุ่งหลบรวดเร็วพร้อมทั้งออกหมัดที่รุนแรงที่สุดโจมตีใส่กลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ตึงตึงตึง...
ตรงระหว่างเขาสองลูกนั้นอย่างกับเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้นเฉินไห่เกรี้ยวกราด ขาทั้งคู่ะโย่ำไม่หยุดเขากระทืบพื้นรุนแรงจนแผ่นดินถล่มทลาย
อีกเกือบสิบนาทีต่อมา เขาถึงทะลวงผ่านที่ตรงนี้ไปได้ทั่วร่างเต็มไปด้วยใยแมงมุมสีขาวพาดพัน สีหน้าคั่งแค้นสุดประมาณ
บนไหล่ของเขา มีรอยเื โพรงแผลแทบจะถูกแทงทะลุอยู่แล้ว เืสดๆไหลเป็ทาง
ถึงแม้เขาจะสังหารสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ แต่ก็กินแรงอย่างมากเ้าตัวนั้นมันเป็เ้าถิ่น พละกำลังร้ายกาจอย่างยิ่ง ในวินาทีสุดท้ายขาแมงมุมสีขาวราวกับหิมะข้างหนึ่งพุ่งแทงเข้ามา แหลมคมเสียยิ่งกว่าทวนศึกเกือบจะทะลวงร่างเขาได้อยู่แล้ว
แต่ว่า เฉินไห่เองก็แกร่งอย่างยิ่ง ใช้หมัดสิงอี้ขั้นสุดยอดะเิสัตว์ประหลาดตัวขนาดยี่สิบเมตรตายทั้งเป็ซากของมันะเิกระจายเต็มพื้นที่ตรงนั้นอย่างน่าสยดสยอง
“แกรู้จักนิสัยใจคอของพวกสัตว์ในูเาานี่ดีเหลือเกินนะคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะขัดขวางฉันได้งั้นหรือ คิดจะกำจัดฉันเรอะ?!” เฉินไห่ใบหน้าแข็งกระด้าง
เขาเดาถูก ฉู่เฟิงจงใจใช้สภาพแวดล้อมในูเาารับมือกับเขา
ตอนแรกนั้น แม้อยู่ในระยะที่ห่างไกล เฉินไห่ก็เห็นว่าฉู่เฟิงมีของวิเศษอยู่กับตัวสีของมันเขียวระยิบระยับ
ฉู่เฟิงพบว่าเขาละโมบโลภมากถึงกับสั่งห้ามไม่ให้หญิงสาวรายงานเื่เขาไปทางตระกูลมู่แล้วยังมาบีบบังคับจะดูกล่องหิน สุดท้ายถึงกับฆ่าคนปิดปากจากนั้นก็ตามไล่ฆ่าฉู่เฟิงเข้ามาในนี้
ฉู่เฟิงรู้จักนิสัยของสัตว์ประหลาดทุกชนิดเป็อย่างดีคิดยืมแรงพวกมันสร้างความเสียหายให้เฉินไห่ก่อน จากนั้นค่อยยิงลูกศรปลิดชีพเขา
อย่างเลวที่สุดก็คือ กินเมล็ดสนสีม่วงทอง ผ่านการเปลี่ยนแปลงแล้วจากนั้นค่อยหาจังหวะเก็บเฉินไห่
ความคิดนี้ให้เล็ดลอดออกไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน!
“แกต้องตาย!” เฉินไห่สีหน้าน่าเกลียดเต็มไปด้วยแววอาฆาตไม่ต่างกับปีศาจ ในูเาานี้ เขาเดินอยู่ท่ามกลางกองเื
ถึงจะถูกถ่วงเวลาไปไม่น้อย แต่เขามั่นใจว่า ฉู่เฟิงหนีไม่พ้นเงื้อมมือเขาอย่างแน่นอน
เขาฝึกหมัดสิงอี้จน ‘บรรลุ’ประสาทััเฉียบคมอย่างน่ากลัว เพียงแค่เห็นร่องรอยของฉู่เฟิง ก็ตามรอยไปได้เข้าใกล้ไปเรื่อยๆ
เฉินไห่รู้สึกว่า อีกฝ่ายหนีไม่รอดแน่นอน เขาเฝ้ารอสังหารอย่างใจจดใจจ่อ!
บนเขา ฉู่เฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี มองดูเถาวัลย์วิเศษผลิดอกมันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เขาพ่นลมหายใจยาว ไม่ต้องกินเมล็ดสนสีม่วงทองนั่นเพื่อกลายพันธุ์แล้วตอนนี้ได้แต่รอให้ดอกไม้บาน แล้วซึมซับ ‘ตัวเร่งปฏิกิริยา’ อย่างที่หวงหนิวบอก
สำหรับคนธรรมดาแล้ว เมล็ดสนสีม่วงทองเรียกได้ว่ามีค่ามากต่อให้มีเงินทองมหาศาลก็ใช่ว่าจะหามาได้ ไม่เพียงแต่มันช่วยให้คนกลายพันธุ์และเพิ่มพละกำลังมหาศาลเท่านั้น หากยังช่วยให้อายุยืนยาวอีกด้วย
แต่สำหรับฉู่เฟิงแล้ว มันเป็ตัวเลือกที่ยากเย็นแสนเข็ญ
ถ้าเขาคิดจะเป็มนุษย์พิเศษผู้แข็งแกร่งที่สุดล่ะก็ ย่อมไม่มีปัญหาแต่เขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาอยากไปให้ไกลกว่านี้
เมื่อกินลูกไม้วิเศษแล้ว ตอนท้ายอาจเกิดผลเสียบางอย่าง!
บางทีที่บอกว่า ‘ตอนท้าย’อาจเป็เวลาที่เนิ่นนานอย่างยิ่ง แต่ฉู่เฟิงก็ยังพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก
สำหรับคนธรรมดา เมล็ดสนสีม่วงทองนี้คือสมบัติล้ำค่าแต่สำหรับเขาแล้วมันคือเผือกร้อน
วิ้ง!
ทันใดนั้น เถาวัลย์วิเศษสั่นไหว ทั่วทั้งต้นเขียวราวกับหยกเนื้อดีดอกไม้ใกล้บานแล้ว
ตลอดลำต้นสีเขียวขจี แม้แต่ดอกตูมก็เช่นกัน ขนาดมันพอๆ กับชามตอนนี้กลิ่นหอมค่อยๆ ขจรขจาย เตรียมพร้อมที่จะเบ่งบานเต็มที่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้