เิไท่กระอักเือย่างหนัก พลางมองดูเฟิงหลิงอย่างอ่อนแรง
หญิงสาวค่อยๆ เดินไปยังร่างของชายตรงหน้า มือก็เอาแต่กุมศีรษะของตนอย่างเ็ป
การต่อสู้ระหว่างกู่ไห่และหลี่เหว่ยนั้น เกิดขึ้นที่บริเวณด้านนอก จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเท่าใดนัก
“เฟิงหลิง... แค่กๆ! จำข้าไม่ได้หรือ? เ้าเคยบอกว่าจะหาสถานที่สันโดษที่มีแค่สองเรา... อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“ข้าคือเยว่เหยา เป็ผู้หญิงของท่านพี่หลี่เหว่ย!” นางพึมพำ พลางเอามือกุมศีรษะด้วยความเ็ป
“นึกให้ออกสิ! เ้าคือเฟิงหลิง ที่มักจะเดินตามหลังศิษย์พี่ใหญ่มาตลอด ข้าคือเิไท่ ศิษย์พี่ใหญ่และสามีของเ้า!”
“ข้าคือเยว่เหยา!...” หญิงสาวกุมศีรษะอย่างปวดร้าว นางในตอนนี้สับสนนัก ใจไม่อยากยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังบอกแม้แต่น้อย
เฟิงหลิงเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แววตาสั่นระริกอย่างไหวหวั่น
หมับ!
เิไท่ฝืนลุกขึ้นอีกครั้ง แล้วคว้ามือของหญิงสาวไว้มั่น
“ว๊าย!” เฟิงหลิงสะดุ้งใ พยายามชักมือของตนคืนไป
แต่เิไท่กลับกุมเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
“พรวด!” เขากระอักโลหิตอีกครา เวลานี้ มือทั้งสองข้างของหญิงสาว เริ่มแดงก่ำจากแรงเกาะกุมของเิไท่
ใบหน้าของนาง แสดงความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เฟิงหลิง... ข้าขอโทษ ที่ไม่อาจปกป้องเ้าได้ ตอนนี้ข้ากำลังจะตายแล้ว... เ้า... เ้าต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขต่อไป” เิไท่เอ่ยอย่างอ่อนแรง
“ไม่ๆๆ! ท่านตายไม่ได้” หญิงสาวพูดด้วยความตื่นตระหนก
เปลือกตาของเิไท่ค่อยๆ ปิดลง แรงกุมมือก็อ่อนกำลัง ไร้ซึ่งการเอื้อนเอ่ยใดๆ อีก
ภาพตรงหน้า พลันทำให้เฟิงหลิงสะดุ้งเฮือก ได้สติกลับคืนมา
“ไม่ๆ! อย่า… อย่าตายนะ สามี… ท่านพี่!” เฟิงหลิงเอ่ยอย่างร้อนรน พลางสะอื้นไห้ นางคว้ามือขวาของเิไท่ไว้มั่น ไม่ยอมปล่อย
เิไท่ยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ตื่นสิ... ตื่น! จำได้แล้ว... ข้าจำท่านได้แล้ว! ข้าคือเฟิงหลิง... สามี... ข้าคือเฟิงหลิงของท่าน!” เฟิงหลิงกล่าวเสียงสั่น พลางร่ำไห้
และตอนนั้นเอง ตาของเิไท่ก็กระตุก ก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ
“เฟิงหลิง... จำข้าได้แล้วหรือ?” เิไท่เอ่ยเสียงแ่ ด้วยความประหลาดใจ
เฟิงหลิงเบิกตากว้าง จ้องมองเิไท่ที่รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮึก! ฮือๆๆ...” หญิงสาวยอบกาย ซุกตัวลงบนร่างของอีกฝ่าย พร้อมสะอื้นไห้อย่างหนัก ด้วยความโล่งใจ
“เฟิงหลิง... แค่นี้ก็พอ เพียงเ้าจำได้ก็พอแล้ว!” รอยยิ้มน้อยๆ แห่งความสุข ปรากฏบนใบหน้าอ่อนแรงของเิไท่อีกครั้ง
...
ไกลออกไป ภายในค่ายกล
ตูมๆ!
เกิดการสั่นะเืจากแรงะเิ อย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนของหลี่เหว่ยดังขึ้น
ภายในจิตใจของผู้ฝึกตน ที่มองดูการต่อสู้ตรงหน้า มีแต่ความหวาดหวั่น
แม้หลี่เหว่ยจะต่อสู้กับเิไท่ จนได้รับาเ็มาก่อนหน้านี้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็อยู่ในระดับหยวนอิง พลังแข็งแกร่งกว่าผู้ที่อยู่ในระดับก่อ์และแก่นทองคำ มิใช่หรือ?
ทว่าตอนนี้ กลับถูกผู้ฝึกตนระดับก่อ์กักขังไว้ในค่ายกลั์ ช่างน่าเวทนายิ่ง
…
“ค่ายกลกระบี่์? เป็ไปไม่ได้! แค่รับพลังจากทุกคน เขาก็สามารถใช้ค่ายกลกระบี่์ได้แล้ว อย่างนั้นหรือ? หรือว่า...” คุณชายเก้าที่ยืนสังเกตการณ์อยู่บนยอดเขา หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
“คุณชายเก้า ท่านคิดอะไรอยู่หรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยถาม ด้วยความอยากรู้
“ไม่แปลก! ว่าเหตุใดข้าจึงหาเขาไม่พบ… มิน่า! ข้าถึงได้รู้สึกคุ้นตานักเมื่อได้เห็น... เป็เขานี่เอง ที่แท้ก็เป็เขานี่เอง!
ที่ผู้ฝึกตนจากเกาะจิ๋วหวู่ไม่พบร่องรอยใดๆ เพราะเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่? สถานที่ที่อันตรายที่สุด ก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดอย่างนั้นหรือ?” คุณชายเก้ากล่าวอย่างพิศวง
…
ในค่ายกลกระบี่์
พลังกระบี่ในมือของหลี่เหว่ย ปะทะกับกระบี่์อย่างเต็มกำลัง แม้กู่ไห่จะมีพลังด้อยกว่า แต่การต่อกรกับอีกฝ่าย ก็ไม่ถือว่าเกินความสามารถของเขาเท่าใดนัก
แม้หลี่เหว่ยจะสามารถทำลายกระบี่์ได้ แต่กระบี่์ของกู่ไห่ ก็จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แววตาของชายหนุ่มฉายรังสีเย็นะเื มีแสงหนึ่งวาบประกายขึ้น ราวกับมีเม็ดหมากล้อมวางอยู่ในนั้น
คุณชายเก้าไม่เคยคิดที่จะใช้กระบี่์ แต่มักใช้อาวุธวิเศษอื่นๆ ในการสร้างค่ายกล แต่กู่ไห่ต่างออกไป กลับใช้กระบี่์ ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนได้ นั่นคือ เขาสามารถปรับเปลี่ยนค่ายกลไปตามใจปรารถนานั่นเอง
และแล้ว กระบี่์นับร้อยก็ฟาดฟันเข้าใส่หลี่เหว่ย
ตูม! ฉึกๆๆๆ!
“อ๊าก!...”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น บัดนี้ร่างของหลี่เหว่ย เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด
ค่ายกลที่กู่ไห่สร้างขึ้น ทำให้หลี่เหว่ยไม่อาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ แต่กู่ไห่กลับมองเห็นการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
เหล่าอาชญากรสองพันกว่าคน ที่อยู่เื้ักู่ไห่ ก็มองเห็นภาพการต่อสู้ตรงหน้าได้ชัดเจนเช่นกัน
กลุ่มนักโทษที่ยอมจำนนต่อกู่ไห่ ล้วนรู้ถึงพลังของเขา ส่วนใหญ่จึงยอมให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายอย่างไร้ข้อโต้แย้งใดๆ แต่ก็มีบางส่วน ที่ยังรู้สึกว่าคนตรงหน้า มิได้สูงส่งถึงขนาดที่ต้องให้ความเคารพ
ณ ่เวลานั้น พวกเขาอาจจะมอบความจงรักภักดีต่อกู่ไห่ก็จริง แต่ในใจกลับมีข้อขัดแย้งอยู่เล็กน้อย
ทว่าในตอนนี้ ด้วยเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้พวกเขาเหล่านี้ ไม่กล้าที่จะดูถูก หรือมีข้อข้องใจใดๆ อีก
นั่นคือพลังระดับหยวนอิง ยอดฝีมือผู้สูงส่ง แต่เมื่อปะทะกับกู่ไห่ ร่างของคนผู้นั้น ก็ราวกับถูกคมมีดนับพัน เฉือนเป็ชิ้นๆ ก็ไม่ปาน และตอนนี้ ชายคนนั้นก็กำลังถูกกระบี่์โจมตีอยู่
การโจมตีแบบหลิงฉือ[1]นี้ ทำให้เหล่าอาชญากรทั้งหมด ต่างรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
นั่นคือความรู้สึกที่ยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบเปรย...
พลังระดับหยวนอิงอย่างนั้นหรือ!?
เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหลี่เหว่ย นักโทษทั้งหลายต่างก็มองไปยังแผ่นหลังของกู่ไห่ ก่อนลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดผวา จนกู่ไห่ยังรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
“หากพวกเ้าติดตามข้า หัวหน้าผู้นี้ อาจมีสิทธิ์โดนฝังไปพร้อมข้าก็จริง... แต่ถ้าทรยศ จุดจบอาจจะน่าสังเวชยิ่งกว่านี้!”
เพราะประโยคที่เอ่ยขึ้นของกู่ไห่ เหมือนสิ่งที่พวกตนคาดคิด อาชญากรทั้งหลายจึงแสดงท่าทีหวาดเกรงออกมาทันที
ฉึกๆๆๆ!
กระบี่์จำนวนมาก พุ่งเข้าฟาดฟันร่างของหลี่เหว่ย าแฉกรรจ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื้อเริ่มปริแยก จนเห็นกระดูกขาวที่อยู่ภายใน ดาบยาวในมือเขากระเด็นหลุดไปไกล ตอนนี้หลี่เหว่ยมองไม่เห็นหนทางรอดเลย
“เยว่เหยา ที่รักของข้า!” หลี่เหว่ยเผยรอยยิ้มเศร้า ดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมของตน ดวงตาปิดลง รอคมมีดสุดท้าย ที่จะมาปลิดชีวิตอย่างจำยอม
กู่ไห่มองท่าทีของคนตรงหน้าเงียบๆ ก่อนสะบัดมือ
ตูม!
พลัน กระบี่์และหมอกหนา ที่เคยครอบคลุมทั่วพื้นที่ ก็สลายตัวไป กู่ไห่เปลี่ยนเป็โจมตีอีกฝ่าย ด้วยหมัดขนาดมหึมา
ปัง!
หลี่เหว่ยลอยกระเด็น และตกกระแทกพื้นในสนามประลอง ร่างที่าเ็สาหัส นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
ฟึ่บ!
...
“ผู้ฝึกตนหยวนอิง ถูกสังหารโดยระดับก่อ์อย่างนั้นหรือ?”
“ทรชนเ่าั้น่ากลัวมาก!”
บริเวณยอดเขารอบสนามประลอง ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ลอบมองการต่อสู้ ต่างเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ในใจของพวกเขาตอนนี้ เริ่มรู้สึกขวัญผวาขึ้นมาเสียแล้ว
...
ทว่าท้ายที่สุด กู่ไห่ก็มิได้สังหารเขา
พั่บๆ!
กลุ่มนักโทษค่อยๆ ปล่อยมือของพวกเขาออก
เพราะส่งพลังชี่จำนวนมากให้กับกู่ไห่ พวกเขาจึงรู้สึกโหวงๆ เล็กน้อย แต่ไม่นาน ก็ฟื้นคืนพลังเช่นเดิม ทุกคนต่างมองกู่ไห่
จากการต่อสู้กับหลี่เหว่ยเมื่อครู่ ตอนนี้ทุกคนจึงเริ่มที่จะเชื่อใจ และมอบความภักดีต่อชายหนุ่มมากขึ้น
“นายท่าน!” เกาเซียนจือร้องเรียกอย่างร้อนใจ
“หลี่เหว่ยยังมีชีวิตอยู่ เราต้องรีบถอดหน้ากากเดี๋ยวนี้” กู่ไห่กล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” กลุ่มอาชญากระโขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หน้ากาก... หน้ากาก... ในที่สุด ก็จะได้ถอดหน้ากากออกเสียที!
ภายในสนามประลอง
หลี่เหว่ยกระเด็นตกลงมา ไม่ไกลจากเิไท่เท่าใดนัก ตอนนี้ ร่างของเขาเต็มไปด้วยาแฉกรรจ์มากมาย จึงทำให้ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ดวงตาที่พร่ามัว มองไปยังเฟิงหลิง ที่กำลังเอนกายซบเิไท่ พลางสะอื้นไห้อย่างหนัก เิไท่ก็กอดร่างของนางเอาไว้เช่นกัน
เห็นเช่นนั้น ความหวาดหวั่นก็เข้าเกาะกุมจิตใจหลี่เหว่ยทันที “เยว่เหยา... เยว่เหยาของข้า!”
หญิงสาวที่กำลังซบเิไท่ เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะสั่นสะท้าน เมื่อเห็นสภาพของหลี่เหว่ย นางชันกายขึ้น พลางมองดูหลี่เหว่ยอย่างรวดร้าว
“เยว่เหยา... เยว่เหยาของข้า!” หลี่เหว่ยเรียกเสียงแ่ พร้อมยิ้มเศร้าที่ปรากฏบนใบหน้า
หญิงสาวนิ่งงันครู่หนึ่ง ก่อนสะอื้นไห้อีกครั้ง “พี่หลี่เหว่ย... ท่านพี่หลี่เหว่ย!”
แววตาของเิไท่ สั่นระริกด้วยความหวั่นใจ “เฟิงหลิง เ้าคือเฟิงหลิง... อย่าหลงกลมัน! เฟิงหลิง”
“ข้าคือเฟิงหลิง!” เฟิงหลิงชะงัก ยกมือขึ้นกุมศีรษะ เอ่ยเสียงเบา เพื่อเตือนสติตนเอง
“ไม่! เ้าคือเยว่เหยา... เยว่เหยาของข้า!” หลี่เหว่ยะโขึ้นอย่างไม่ละความพยายาม
“ข้าคือเยว่เหยาหรือ?” นางกุมศีรษะตนเองแน่น ความสับสนเกิดขึ้นในจิตใจอีกครา
“ไม่ๆ! เฟิงหลิง… เ้ามิใช่เยว่เหยา นางตายไปนานแล้ว!” เิไท่ร้องบอก
หญิงสาวกุมศีรษะแน่น เอ่ยพึมพำราวกับเสียสติ “ข้าคือเฟิงหลิงหรือเยว่เหยากันแน่?... เฟิงหลิง? เยว่เหยา? “
“หยุดคิดว่าเ้าเป็ใครเถอะที่รักของข้า อย่าทำให้ตัวเองต้องเ็ปเช่นนั้น” หลี่เหว่ยเอ่ยอย่างปวดร้าว เมื่อเห็นความทรมานของหญิงผู้เป็ที่รัก
เิไท่พยายามลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก เดินตรงไปยังหลี่เหว่ยด้วยความเคียดแค้น “เ้าคิดจะฆ่าตัวตนของเฟิงหลิง ข้าจะสังหารเ้าเสีย เช่นนี้แล้ว เฟิงหลิงของข้าก็จะกลับมาเป็เช่นเดิม”
เขาพูด พลางเดินไปหาอีกฝ่าย ด้วยแววตาเ็า
“ไม่! อย่าฆ่าท่านพี่หลี่เหว่ยของข้า... อย่านะ!” เฟิงหลิงเอ่ยห้าม พลางสะอื้นไห้ ด้วยความหวาดกลัว
“เฟิงหลิง ตอนนี้เ้ากำลังเข้าใจผิด เชื่อข้าเถอะ หากข้าปลิดชีพมัน เ้าก็จะกลับมาเป็เฟิงหลิงของข้าเช่นเดิม... ข้าจะฆ่ามัน!” เิไท่ะโเสียงกร้าว
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น กูไห่ก็ได้ก้าวเข้ามาขวางหน้าเิไท่เอาไว้
“ท่านหัวหน้าเิ ข้าสัญญาว่าจะช่วยให้ท่านหลบหนี แล้วท่านสัญญากับข้าไว้ว่าอย่างไร? บอกว่าจะช่วยปลดผนึกหน้ากากนี่ แต่ตอนนี้ท่านกลับจะฆ่าหลี่เหว่ย อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่มองเิไท่ พลางเอ่ยถามเสียงเรียบ
เิไท่จดจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ท่าทีของเขาคล้ายเด็กที่ถูกขัดใจก็ไม่ปาน แต่คงแย่แน่ หากผิดคำพูดกับกู่ไห่
“สามี... ข้าจำได้ ข้าจำได้แล้ว ข้าคือเฟิงหลิง มิใช่เยว่เหยา แต่เป็เฟิงหลิง... เยว่เหยาตายไปนานแล้ว” เพียงครู่หนึ่ง จู่ๆ เฟิงหลิงก็เอ่ยขึ้น
เิไท่มองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ก่อนที่ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี
“เฟิงหลิง... จำได้แล้วหรือ? เ้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?” เิไท่ถามด้วยความแปลกใจ
“อืม!” นางยกยิ้มเคล้าน้ำตา ความรู้สึกมากมายผสมปนเปในห้วงความคิด
ฟึ่บ!
เิไท่คว้าร่างภรรยาเข้าสู่อ้อมกอด
“เฟิงหลิง เ้าจำได้แล้ว... ดีจริงๆ!”
“สามี!”
คนทั้งสองกระชับอ้อมกอดแน่น
อีกด้านหนึ่ง หลี่เหว่ยมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มเศร้าหมอง ความรู้สึกในตอนนี้ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่อยากมีชีวิตอยู่
หัวใจของเขา... ตายไปแล้ว!
“ฮ่าๆ! เยว่เหยา… ข้าจะไปหาเ้าเดี๋ยวนี้!” หลี่เหว่ยแสดงท่าทีคล้ายคนสิ้นหวัง
“ฮึ่ม!”
ทันใดนั้น ร่างของหลี่เหว่ยก็ค่อยๆ เปล่งแสงออกมา าแของเขาสมานตัวอย่างรวดเร็ว แต่ผิวกลับค่อยๆ เหี่ยวลง พร้อมกับผมที่กลายเป็สีขาวโพลนในชั่วพริบตา.
“ท่าจะไม่ดีแล้ว นายท่าน... หลี่เหว่ยกำลังหลอมรวมหยวนอิง เขากำลังจะปลิดชีพตัวเอง!” ซ่างกวนเหินะโอย่างใ
พูดพลาง ก้าวไปข้างหน้า แล้วใช้นิ้วแทงลงบนร่างของหลี่เหว่ย
ฉึกๆๆ!
หลี่เหว่ยโดนเจาะร่างไปกว่าสิบรู และในตอนนี้ก็สลบไปแล้ว ลมหายใจที่เข้าออก บ่งบอกได้ว่า คนตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่
เฟิงหลิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเิไท่ ร่างสั่นเทาอย่างหวาดผวา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เิไท่ก็กระชับอ้อมกอดแน่น กอดหญิงสาวอยู่นาน ราวกับกลัวกว่าหากปล่อยมือ นางจะหายไป
“เป็อย่างไรบ้าง?” กู่ไห่ถามเสียงต่ำ
สีหน้าของซ่างกวนเหินดูไม่สู้ดีนัก “นายท่าน ชีวิตของหลี่เหว่ยถูกรักษาไว้ได้ แต่เขากลับ้าปลิดชีพตัวเอง หากตื่นขึ้นมา คงจะมีอาการมึนงงเล็กน้อย หรือบางทีก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!”
“มนุษย์ผัก[2]อย่างนั้นหรือ?” กู่ไห่แสดงความหนักใจอย่างปิดไม่มิด “มีวิธีปลุกเขาหรือไม่?”
ซ่างกวนเหินส่ายหน้า “ไม่! ไม่อาจปลุกเขาได้ หากใช้กำลังบังคับ อาจจะทำให้อาการทรุดยิ่งกว่าเดิม!”
เฟิงหลิงที่ได้ยินเช่นนั้น ร่างกายก็ยิ่งสั่นเทา เิไท่จึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
กู่ไห่หันไปมองเิไท่ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังดูอ่อนแรง เหมือนจะตาย แต่บัดนี้กลับไม่เป็เช่นนั้น? เขาแสร้งทำอย่างนั้นหรือ? ไม่มีอาการาเ็ใดๆ เลยหรือ?
ที่สำคัญกว่านั้น เิไท่ตั้งใจจะช่วยปลดผนึกหน้ากากนี่จริงๆ หรือ? ไม่!... อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะให้ความร่วมมือมาแต่แรกแล้ว
“ท่านหัวหน้าสังกัดกู่ ต้องขอโทษจริงๆ ข้าพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ไม่สำเร็จ คิดว่าคงทำได้เพียงรอไปอีกห้าสิบปี หน้ากากนี่จึงจะหลุดออก” เิไท่กล่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
เหล่าอาชญากรที่อยู่รายรอบ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างมีท่าทีตะลึงงัน
ไหนว่าสามารถถอดหน้ากากออกได้... สุดท้ายก็ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ?
“นายท่าน!” บัดนี้ ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
กู่ไห่มิได้ปลอบขวัญกลุ่มนักโทษ เพียงสูดหายใจลึก พลางมองดูเิไท่ ก่อนเอ่ย “ห้าสิบปี?... ข้าคงจะรอไม่ไหว!”
“เอ๋?” เิไท่อึ้งไปเล็กน้อย
“ข้ามีวิธีปลดผนึกหน้ากาก!” กู่ไห่กล่าว พลางมองเิไท่อีกหน
“อะไรนะ?” ท่าทีของเิไท่พลันเปลี่ยนไป... จะเป็ไปได้อย่างไร?
ดวงตาของพวกกลุ่มอาชญากรเป็ประกาย หันไปมองกู่ไห่ด้วยความหวัง... จริงหรือ? ท่านมีวิธีอย่างนั้นหรือ?
-------------------------------------------
[1] หลิงฉือ (凌迟) คือ หนึ่งในวิธีการปะานักโทษในสมัยโบราณของจีน โดยจะใช้มีดเฉือนเนื้อของนักโทษออกทีละชิ้นทีละชิ้น ให้นักโทษเ็ปทรมานและตายไปแบบช้าๆ เรียกได้เป็วิธีการปะาที่โเี้และไร้มนุษยธรรมที่สุดวิธีหนึ่ง
[2] มนุษย์ผัก (植物人) คือ อาการเ้าชายนิทรา เป็ภาวะสูญเสียสมรรถภาพในการคิดและรับรู้สิ่งรอบข้าง ผู้ประสบภาวะนี้จะสูญเสียการทำงานของสมอง เนื่องจากสมองถูกทำลายหรือได้รับความกระทบกระเทือนจนเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงบางส่วน แต่ช่วยเหลือตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ จำเป็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น จึงจะดำรงชีวิตอยู่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้