เซี่ยเสี่ยวหลานนึกว่าตนนั้นได้รับความนิยมมากแล้ว
แต่เธอคิดผิด!
ขั้วเดียวกันย่อมดีดออกจากกัน [1] ต่อให้เธอปากหวานเพียงใด แต่กลับสู้โจวเฉิงที่ไปตรงไหนแล้วตรงนั้นขายดีไม่ได้เลยแม้เขาจะไม่มีวาจาคมคาย ทว่าเหล่าคุณน้าก็ชอบไปเบียดเสียดกันรอบกายโจวเฉิงดูแล้วเขาอัธยาศัยดีหากไม่เห็นว่าหน้าตาลูกสาวหลานสาวบ้านตัวเองรวมกันยังสู้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ไม่แน่ว่าคงมีคนแนะนำคู่หมายให้กับโจวเฉิงไปแล้ว
แม่บ้านขี้เหนียวทั้งหลายก็ใจกว้างขึ้นมา เซี่ยเสี่ยวหลานจำได้ว่ามีพี่สาวที่เมื่อวานเพิ่งซื้อไข่ไก่ไป 20 ใบ วันนี้กลับมาซื้ออีกรอบ!
เธอยังไร้เดียงสาเกินไปจริงๆคิดว่าตลาดค้าขายในเขตอันชิ่งอิ่มตัวแล้วแต่พออยู่กับโจวเฉิงนอกโรงงานเครื่องจักเกษตรไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงไข่ไก่ที่เธอนำมาวันนี้ล้วนขายได้หมดเกลี้ยง เซี่ยเสี่ยวหลานนึกดูแล้วการทิ้งโจวเฉิงไว้ที่นี่แล้วรีบกลับหมู่บ้านชีจิ่งเพื่อนำไข่ไก่มาอีกรอบหนึ่งเหมือนจะไม่ดีเท่าไรนัก
หลังทั้งสองจากโรงงานเครื่องจักรมาโจวเฉิงอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ยังเก็บเอาไว้
ทว่าสุดท้ายเหมือนจะเก็บไว้ไม่อยู่ “เธอขายไข่ไก่หนึ่งใบได้เท่าไรหรือ?”
“หนึ่งเฟิน คุณปรามาสธุรกิจแบบนี้สินะ”
โจวเฉิงบอกว่าเขาทำงานเป็คนขับรถเซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คนผู้นี้แต่งตัวไม่ประณีต แต่นาฬิกาบนข้อมือกลับเป็สินค้าชั้นสูงอย่างโรเล็กซ์นาฬิกาโรเล็กซ์นั้นถูกคนยุคหลังเรียกว่านาฬิกาข้อมือเศรษฐีใหม่ แต่ในยุค 80 นี้ ทองคำถูกควบคุมนาฬิกาข้อมือหรูหรามากมายที่ด้านนอกทำด้วยทองคำนั้นยังไม่ถูกนำเข้าโรเล็กซ์จึงเป็ ‘อันดับหนึ่งของอันดับหนึ่ง[2] ’ ในหมู่นาฬิกาข้อมือนำเข้า
ในเขตอันชิ่งคงไม่มีคนรู้จักนาฬิกาข้อมือนี้มากนัก
เซี่ยจื่ออวี้ไปเข้าเรียนโดยนำเงินของทั้งตระกูลเซี่ยไปด้วยยังเป็จำนวนเงินแค่ 500 กว่าหยวน แต่โรเล็กซ์ที่โจวเฉิงสวมอยู่นี้ ในปี 83 รุ่นพื้นฐานที่สุดก็ต้อง 800 หยวนขึ้นไป
นี่เป็ระดับค่าใช้จ่ายของคนขับรถบรรทุกหรือ?
นาฬิกาหนึ่งเรือนของโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานต้องขายไข่ไก่มากกว่าแปดหมื่นใบถ้าทุกวันสามารถหาได้ 10 หยวนไม่กินไม่ดื่มเลยก็คงใช้เวลาสักสามเดือนถึงจะซื้อนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์รุ่นพื้นฐานได้เธอเองทำธุรกิจส่วนตัว ถ้าเป็คนทำงานในเมือง หนึ่งเดือนได้เงินราวหลายสิบหยวนสะสมเงิน 800 หยวนต้องใช้เวลามากถึงสองปีพอคิดแบบนี้แล้วความอึดอัดก่อนหน้านี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานก็กระจัดกระจายไปเสียเกินครึ่งฐานะของเธอกับโจวเฉิงมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
โจวเฉิงไม่ได้บอกว่าปรามาส อากาศร้อนระอุตอนนี้ยังไม่ถึงสิบโมงด้วยซ้ำ ทั้งสองกลับเดินเสียจนเหงื่อท่วมตัว
“ขายไข่ไก่เก็งกำไรเหนื่อยนัก ถ้าเธออยากทำธุรกิจ เสียวเหว่ยน่ะ...”
คนทั้งสองรู้จักกันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง โจวเฉิงก็อยากวางแผนแทนเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
เขาไม่ได้หมายถึงว่าการทำธุรกิจเป็เื่ไม่ดี นั่นเรียกว่า ‘ทำไมไม่กินโจ๊กเนื้อ [3] ’ แต่เขาอยากหาหนทางที่เหนื่อยน้อยลงให้กับเธอเธอเป็หญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น รูปโฉมรึก็สะดุดตามาก ขายไข่ไก่นั้นกลับเหน็ดเหนื่อยเหลือแสน
“ได้สิ รอฉันเก็บเงินทุนพอต้องถามพี่คังเหว่ยแน่นอนว่าร่วมลงทุนด้วยได้หรือไม่”
เซี่ยเสี่ยวหลานขัดคำพูดของโจวเฉิงอย่างว่องไว
เธอมีสายตาที่ก้าวหน้าเกินยุคสมัย ถ้ามีโอกาสเข้ามาเธอย่อมอยากจับไว้ให้มั่นแต่ก็มิใช่หน้าด้านไปเอาเปรียบคนอื่นนี่มันไม่เหมือนกับเื่เลี้ยงใครด้วยบะหมี่หนึ่งชาม คนไม่มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน อยู่ดีๆ มีคนหยิบยื่นช่องทางหาเงินให้คุณ...เซี่ยเสี่ยวหลานรับไว้แต่ไม่อาจโล่งใจ
โจวเฉิงค่อยๆ พยักหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานภายนอกดูบอบบาง แต่เนื้อแท้นั้นทระนงยิ่ง
โจวเฉิงไม่มีประสบการณ์จีบสาวมากมายเท่าใดนักแต่พอจะคาดเดาได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ชอบที่เขาตัดสินใจโดยพลการ
“ถ้าอย่างนั้นรอเธอเก็บเงินพอค่อยว่ากัน หนทางของเสียวเหว่ยนั้นตัดไม่ขาดแค่ในชั่วครู่หรอก”
เดิมทีเขาบอกว่าจะพาคังเหว่ยไปเซี่ยงไฮ้สักรอบอีกหน่อยก็ปล่อยมือไม่สนธุรกิจนี้แล้ว แต่บัดนี้พอมาครุ่นคิดดูจากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้ยังต้องผ่านเขตอันชิ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ที่นี่เขาจึงไม่สามารถปล่อยธุรกิจที่นับเป็ข้ออ้างในการมาพบเธอได้ชั่วคราว
หากเขาไม่ปรากฏตัวนานเข้า ทั้งน้าหวงที่ขายบะหมี่ทั้งพี่หม่าที่ซื้อไข่ไก่ไม่แน่อาจจะกระตือรือร้นแนะนำคู่หมายให้เซี่ยเสี่ยวหลานเอาได้
โจวเฉิงไม่บังคับ ในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงผ่อนคลายขึ้นมากเธอกับโจวเฉิงกลับไปที่บ้านพัก ส่วนหลิวหย่งและคังเหว่ยกลับ มาถึงก่อนนานแล้ว
หลิวหย่งกะพริบตาส่งสัญญาณกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ดึงเธอไปคุยอีกทาง
โจวเฉิงยื่นบุหรี่ให้แก่คังเหว่ย “เป็อย่างไร ได้เื่อะไรบ้าง?”
คังเหว่ยอ้ำอึ้ง โจวเฉิงจ้องตาไปหนึ่งที คังเหว่ยจึงไม่กล้าปิดบังแล้ว
“ฉันกับลุงหลิวไปที่สถานีตำรวจ ไอ้เลวสามคนนั้นยังถูกขังอยู่เลยฉวยโอกาสตอนลุงหลิวตีสนิทเ้าหน้าที่ ฉันยัดหงซวงสี่ [4] ให้ลุงเฝ้าประตูไปสองห่อแล้วเข้าไปจัดการพวกไอ้พวกเวรสามคนนั่นอีกยกหนึ่ง พวกมันบอกว่า...”
คังเหว่ยหุนหันไปหน่อย ข่มเสียงเสียจนเกือบไม่ได้ยิน “พวกมันบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็หญิงสำมะเลเทเมาที่รู้จักกันทั่วจากหมู่บ้านต้าเหอกลางวันแสกๆ ไปเกลือกกลิ้งบนกองหญ้ากับคนเสเพลของหมู่บ้านไหนไม่รู้อีกทั้งถูกคนเห็นว่าแก้ผ้ายั่วว่าที่พี่เขยของตัวเอง ครอบครัวจะจัดการเธอ เธอเลยเสแสร้งแกล้งฆ่าตัวตาย พี่เฉิงจื่อ ผมว่าพวกมันพูดเหมือนมีจมูกมีตา [5] ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อเสียงเธอไม่ดี ไอ้พวกเลวสามคนนี้ก็คงไม่กล้าทำผิดกฎหมายหรอก”
ไม่แปลกใจที่เมื่อวานตอนเข้าไปช่วยในตรอกนั้น ทั้งสามคนแม้ถูกจัดการเสียปางตายขนาดนั้นยังมาเชิญชวนโจวเฉิงกับคังเหว่ย ‘มาสนุกด้วยกัน’ อีก นี่เป็เพราะเหยียดหยามเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างถึงที่สุดจริงๆคิดว่าเธอจะนอนกับใครก็ได้ เลยวางแผนจะเข้าถึงตัวเธอ
อย่างไรคังเหว่ยก็ไม่อยากเชื่อทว่าหลิวหย่งเองน่าจะรู้ข้อมูลอะไรบ้างแล้ว สีหน้าจึงดูไม่ดีเอามากๆ
นั่นทำให้คราวนี้คังเหว่ยกลับเชื่อไปบางส่วนแล้ว
เห็นโจวเฉิงวิ่งวุ่นไปมาเป็เพื่อนเซี่ยเสี่ยวหลานเช่นนั้นคังเหว่ยรู้สึกสับสนอลหม่าน ในที่สุดก็อดพรั่งพรูคำพูดเหล่านี้ออกมาไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานนั้นสวยล้ำเลิศต่อให้คังเหว่ยรู้ว่ากิตติศัพท์ของเธอไม่น่าฟัง ก็ยังคงไม่กล้ามองความสวยเช่นนั้นตรงๆแต่หญิงสาวเช่นนี้จะมาเคียงคู่กับโจวเฉิงไม่ได้แล้ว โจวเฉิงไม่เคยมีคนรักมาก่อนหากตกอยู่ในมือของเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าไม่อยากคาดเดาว่าตระกูลโจวจะจัดการเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างไรต้องบอกสิ่งที่เขาผู้นี้รับรู้จนหมดเปลือกเสียก่อน!
โจวเฉิงสูบบุหรี่จนหมดมวนเงียบๆคังเหว่ยคิดว่าเขาถูกผู้หญิงไม่ดีเช่นนี้ปั่นหัวเข้าต้องอับอายเสียจนโมโหแน่นอนใครจะรู้โจวเฉิงเพียงโยนก้นบุหรี่ทิ้ง ไม่โกรธอีกทั้งยังยิ้มแย้ม
“เสียวเหว่ย พี่หล่อหรือไม่?”
คังเหว่ยพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง
หญิงสาวในต้าเยวี่ยน [6] ล้วนไล่ตามพี่เฉิงจื่อทั้งนั้น ไล่แล้วก็ไม่ไปดังนั้นความหล่อของโจวเฉิงเป็ที่ยอมรับกันถ้วนทั่ว
“แล้วอย่างพี่ถือว่ามีเงินหรือไม่?”
คังเหว่ยก็ยังคงพยักหน้า คิดดูว่าพวกเขาไปเซี่ยงไฮ้ครานี้ทั้งระยะทางก็เป็เวลาครึ่งเดือนทีเดียว ทว่ากำไรที่ได้รับนั้นกลับมากมายมหาศาลรายได้จากรอบนี้ที่เขาได้มาก็เป็เพราะพี่เฉิงจื่อไม่อยากทำแล้วโยนให้เขาทำแทนหากนี่ไม่เรียกว่ามีเงิน คนอื่นก็คงจนมากแล้ว
โจวเฉิงพ่นควันสุดท้ายออกมา “ฉันก็คิดว่าตัวเองทั้งหล่อเหลาทั้งมีเงินและไม่ปิดบังว่าชอบเธอเข้าเสียแล้ว ถ้าเธอน่ารังเกียจอย่างที่พวกอันธพาลพูดจริงจับปลาตัวใหญ่อย่างฉันได้จะยังไม่รีบพุ่งเข้าหาหรือ?”
น่าเสียดาย อย่าว่าแต่เซี่ยเสี่ยวหลานยั่วยวนเขาเลยขนาดเผชิญเข้ากับการยั่วยวนของเขาก็ยังไม่แยแสด้วยซ้ำ
“หา?!”
คังเหว่ยอ้าปากกว้าง
โจวเฉิงพูดพลางยิ้นเย็น “อีกเดี๋ยวนายทำตัวดีๆ ไว้หน้าฉันหน่อยไม่ช้าก็เร็วเธอจะเป็พี่สะใภ้นาย”
ส่วนทางนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งก็สนทนากันจบแล้วเดินมาด้วยใบหน้ากังวล สีหน้าคังเหว่ยยอดเยี่ยมราวกับงิ้วเปลี่ยนหน้ากากเสฉวน [7]
เขามั่นใจแล้ว กามเทพก้นเงาที่คนต่างชาติพูดถึงกันนั่นใช้ศรยิงพี่เฉิงจื่อของเขาเข้าแล้ว!
เชิงอรรถ
[1]同性相斥 ขั้วเดียวกันดีดออกจากันมีที่มาจากลักษณะของแม่เหล็กเปรียบเปรยถึงเพศเดียวกันอยู่ด้วยกันอาจจะเกิดความเปรียบเทียบในใจและกลายเป็การกระทบกระทั่ง แต่คนต่างเพศอยู่ด้วยกันมักเกิดความดึงดูด
[2]一类一等 อันดับหนึ่งในอันดับหนึ่งเป็คำสำหรับอธิบายนาฬิกาข้อมือยี่ห้อที่มีคุณภาพสูง จริงๆ แล้วมีหลายยี่ห้อมากแต่โรเล็กซ์ถือเป็หนึ่งในนั้น
[3]和不适肉糜 ทำไมไม่กินโจ๊กเนื้อ เป็คำพูดของจักรพรรดิจิ้นฮุ่ยในขณะที่ชมสวนอยู่นั้นได้รับรู้ว่าราษฎรกำลังจะอดตาย ไม่มีข้าวกิน จึงพูดออกไปว่า ‘ทำไมไม่กินโจ๊กเนื้อ’ หมายถึงคนที่ไม่เข้าใจในสถานการณ์อย่างถ่องแท้หรือการไม่รู้รายละเอียดเื่ราวของอีกฝ่ายดีพอแต่กลับวิจารณ์หรือให้คำแนะนำที่ไม่สมเหตุสมผล
[4]红双喜 หงซวงสี่ คือชื่อทางการค้าของบุหรี่ที่มีชื่อเสียง ผลิตในเซี่ยงไฮ้
[5]说的有鼻子有眼 พูดเหมือนมีจมูกมีตาหมายถึง เล่าเื่ราวได้มีรายละเอียดเหมือนกับเห็นหรือััมาด้วยตนเองแต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็เื่จริง
[6]大院 ต้าเยวี่ยน คือสถานที่ที่เป็ลานกว้าง มีบ้านเรือนหลายหลังอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
[7]川剧变脸 งิ้วเปลี่ยนหน้ากากเสฉวน ในที่นี้เปรียบเปรยว่าคังเหว่ยเปลี่ยนสีหน้าอารมณ์ได้รวดเร็วมาก