การรุมโจมตีของสุนัขป่า ในไม่ช้าก็จบลงด้วยความล้มเหลว
ถูกทั้งห้าคนฆ่าตายครบตามจำนวนที่ดาหน้าเข้ามา
เฉินเผิงเฟยเป็คนเดียวที่ได้รับาเ็หนักที่สุด ถูกสุนัขป่ากัดเข้าเป็แผลใหญ่ เืแดงฉานไหลหยดลงมา
“ข้าน้อยละอายยิ่ง ประมาทเกินไปแล้วขอรับ”
ถูกฝูงสุนัขป่าตีโอบเข้ามา กลับใจลอยไปนิดจึงเกิดการาเ็ขึ้น
“…เสี่ยวเฮยข่วนหน้าสุนัขป่าจนเหวอะจริงๆ หรือ?” กู้ฉีไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
“ขอรับ ต่อมามันยังข่วนตาอีกข้างของสุนัขป่าจ่าฝูงจนบอดอีกด้วย ข้าน้อยจึงฉวยโอกาสจบชีวิตตัวจ่าฝูงนั้นไปในหนึ่งดาบขอรับ” เสี่ยวเฮยไม่ได้เห็นสุนัขป่าจ่าฝูงอยู่ในสายตาเลยสักนิด หลังจากมันข่วนจ่าฝูงตาบอดแล้วก็ไปแทะหางหมูของมันต่ออย่างสบายใจเฉิบไม่เร่งรีบ
กู้ฉีไตร่ตรอง “ได้ยินคนสกุลหูกล่าวกันว่าเสี่ยวเฮยเป็แมวป่าที่พวกเขาช่วยชีวิตกลับมาจากป่าเขา แมวป่าลักษณะดุร้ายปราดเปรียว เคลื่อนไหวได้ไม่เลว ส่วนที่แปลกที่สุดของมันคือการที่มันรู้จักโสมคน สกุลหูช่วยสิ่งล้ำค่าไว้จริงๆ”
“คุณชาย ท่านน่ะไม่ทราบ เสี่ยวเฮยมีสติปัญญาดีเกินไปแล้วจริงๆ ขอรับ ตอนแรกพวกข้าเข้าสู่ป่าเขา ตามอยู่ข้างหลังมัน สี่เท้าของมันคล่องแคล่วแข็งแรง ะโพุ่งไปไม่กี่ทีก็ทิ้งระยะห่างจากพวกข้าไปไกลมาก เหมือนปีศาจในูเาจริงๆ ไปมาคล่องแคล่วยิ่งนักขอรับ”
“ต่อมาพอเข้าไปในป่าลึก ต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นหนาแน่นเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน ความเร็วของเสี่ยวเฮยค่อยๆ ลดลง หันมาร้องทางพวกข้าสองที พวกข้าน้อยไม่เข้าใจความหมายของมัน ผลสุดท้ายเท้าข้างหนึ่งของอาเซินเหยียบเข้ากับรังมดดำรังใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ไอ๊หยา มือที่โผล่อยู่ด้านนอกแขนเสื้อทั้งสองข้างถูกกัดเป็จ้ำๆ ทันที มีเืออกมากมายแล้วยังโดนพิษเล็กน้อยอีกต่างหาก แค่ช่วยเขากำจัดมดกับแก้พิษก็เสียเวลาไปไม่น้อยแล้วขอรับ”
“เสี่ยวเฮยหันมาร้องสองทีใส่พวกข้าอย่างไม่พอใจ แล้วค่อยออกเดินทางต่ออีกครั้ง มันชะลอฝีเท้าลง พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามอง ข้าน้อยถึงได้เข้าใจความหมายของมัน มัน้าจะบอกให้พวกข้าเดินตามรอยเท้าของมัน อย่าเดินสะเปะสะปะไปทั่ว”
เฉินเผิงเฟยถอนหายใจออกมาจากใจ สัตว์มีสติปัญญาเพียงนี้ สกุลหูช่างสะสมบุญวาสนาไว้มากมายจริงๆ
“ตอนข้าเห็นเสี่ยวเฮยกลับมา ตามตัวของมันก็เปียกและเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนทั้งตัว นี่เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อสักครู่เจินจูประคองเสี่ยวเฮยขึ้นด้วยมือสองข้าง บนร่างเปื้อนสกปรกไปทั้งตัวจริงๆ
“เอ่อ... แหะๆ ล้วนเป็พวกข้าที่ไม่ดี ตอนกลางวันล่าช้ามากเกินไป จนหลังฟ้าค่ำมืดก็ทำได้เพียงจุดคบไฟเร่งเดินทาง แสงไฟดึงดูดพวกแมลงมีพิษที่บินได้มามากมาย พวกข้าถูกก่อกวนจนเกิดความยุ่งยากเกินจะรับมือไหว และเพราะตอนกลางวันอาเซินถูกมดดำกัด จิตใจเลยค่อนข้างแย่ แล้วยังถูกแมลงมีพิษโผเข้ากลางใบหน้าอีก เขาเลยเหยียบลงไปในหนองน้ำ ผลสุดท้ายถูกงูเหลือมั์ในหนองน้ำลากลงไปยังที่ลึก พวกข้าร่างกายน้ำหนักมากไม่กล้าลงไปในหนองน้ำลึก ทำได้เพียงร้อนใจอยู่รอบๆ หนองน้ำ ส่วนอาเซินก็ถูกงูเหลือมรัดอยู่ มือและเท้าจึงเคลื่อนไหวไม่ได้” เฉินเผิงเฟยจำลองเหตุการณ์ในตอนนั้นด้วยมือข้างเดียว
พวกเขาสี่คนส่องไฟอยู่รอบหนองน้ำ ทั้งเตรียมป้องกันการบุกรุกของแมลงมีพิษอีก เฉินเผิงเฟยแขนซ้ายได้รับาเ็ในใจย่อมเป็กังวล ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ห้าคนที่เดินทางไกลออกมาข้างนอกครั้งนี้ ล้วนได้รับการฝึกฝีมือออกมาจากจวนสกุลกู้ด้วยกันั้แ่เด็ก ไม่ว่าอย่างไรเฉินเผิงเฟยก็ไม่อยากสูญเสียใครสักคนให้อยู่ในป่าทึบูเาลึกแห่งนี้แม้แต่คนเดียว
ขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ภายใต้ภาวะความกดดันและเป็กังวล เงาร่างดำขลับหนึ่งสายพุ่งไปถึงข้างกายของงูเหลือมั์ การพุ่งกระโจนหนึ่งที พาให้เกิดเืสาดกระเซ็นออกมา แน่นอนว่านี่เป็ฝีมือของเสี่ยวเฮย
งูเหลือมั์เ็ปจนเอาแต่หมุนตัวเกลือกกลิ้ง อาเซินที่ถูกรัดแน่นจึงกลิ้งอยู่ในหนองน้ำไปด้วยเช่นกัน
เสี่ยวเฮยเห็นมันไม่ปล่อยคน จึงโผเข้าไปตะกุยใส่อยู่พักหนึ่งทันที งูเหลือมั์เจ็บจนสะบัดหาง ทำให้อาเซินที่ถูกรัดอยู่กระเด็นไปทางเสี่ยวเฮย
เสี่ยวเฮยหลบเลี่ยงหางงูไปได้ แต่หลีกเศษโคลนที่สะบัดออกมาไม่พ้น โดนโคลนสกปรกเปรอะไปทั้งหัวทั้งตัว มันโมโหมากจึงตรงเข้าไปตะกุยหัวงูั์จนแหลกละเอียด
ภายหลังเมื่ออาเซินหลุดจากแรงรัดของงูเหลือมั์ได้ พวกเขาจึงใช้ตะขอเชือกลากเข้ามาที่ฝั่ง คนหนึ่งกลุ่มจึงเดินออกจากูเาลึกด้วยสภาพที่ทั่วทั้งร่างอยู่ในสภาพเช่นนี้
“…”
กู้ฉีคาดไม่ถึง เวลาสั้นๆ หนึ่งวันพวกเขาจะประสบกับความทุกข์ยากมากมายเพียงนี้ หากไม่ใช่เสี่ยวเฮยออกแรง อีกนิดอาเซินก็คงทิ้งชีวิตอยู่ในป่านั่นไปแล้ว
มองสภาพจนตรอกไปทั่วทั้งกายของเฉินเผิงเฟย กู้ฉีลุกขึ้นยืนและเดินไปถึงข้างกายเขา ตบแขนขวาของเขาเบาๆ “วันนี้ลำบากพวกเ้าแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ กลับเมืองหลวงแล้วจะให้รางวัลตอบแทนอย่างงาม”
เฉินเผิงเฟยรีบยืนขึ้นทันที ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ล้วนเป็งานที่คนระดับข้าน้อยต้องรับผิดชอบทั้งสิ้นขอรับ”
กระทั่งเฉินเผิงเฟยจากไป กู้ฉีมองโสมคนห้าต้นบนโต๊ะ เงียบเชียบอยู่นาน
มีโสมคนแล้วควรถวายขึ้นไปอย่างไรถึงจะไม่ดึงดูดความสนใจ
โสมคนชั้นสูงมากมายเพียงนี้ ถวายขึ้นไปทีเดียวทั้งหมดไม่ได้เด็ดขาด รายละเอียดควรเป็อย่างไรเขาต้องคิดให้ดี
สมองกู้ฉีเริ่มเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขานอนมาตลอดบ่าย ยามนี้จิตใจย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา สามารถคิดใคร่ครวญถึงการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปด้วยความเงียบสงบได้อย่างรอบคอบ
...รุ่งเช้าวันถัดมา เจินจูตื่นแต่เช้าตรู่
ที่บ้านมีแขก คนมากเื่ยุ่งจึงมากตาม พานเสวี่ยหลันทานอาหารเช้าเสร็จจึงมาช่วยที่บ้านสกุลหู จ้าวหงยู่คนเดียวเกรงว่าจะทำไม่ไหว เจินจูจึงเข้าไปช่วยในห้องครัวอย่างตะหนักได้
ต่างก็ล้วนเป็แขกผู้ชาย ปริมาณอาหารเช้าย่อมต้องเต็มที่เป็ธรรมดา ผนวกกับอีกสักครู่โหยวอวี่เวยอาจมาทานอาหารเช้าด้วยก็เป็ได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงให้จ้าวหงยู่เตรียมเผื่อไว้มากหน่อย
นึ่งวอวอโถวข้าวโพด เคี่ยวโจ๊กกระดูกใหญ่ หั่นเนื้อพะโล้ ทอดไข่ไก่ คลุกแตงกวาดอง แล้วล้วงเอาผักดองหนึ่งหัวใหญ่ในโอ่งออกมาหั่นให้เรียบร้อยอีกหนึ่งอย่าง ปริมาณทั้งหมดล้วนเต็มที่
รอจนอาหารเช้ายกออกไปทีละอย่าง รถม้าของโหยวอวี่เวยก็มาหยุดอยู่หน้าประตูลานบ้าน
“เอ๋ พวกเขากลับมากันหมดแล้วนี่น่า ยอดเยี่ยมนัก” นางเข้ามาในลานบ้านก็เห็นห้าคนยืนอยู่ด้านข้างทันที
เมื่อคืนห้าคนเปรอะเปื้อนสกปรกไปทั่วกาย จึงซักเสื้อผ้าในคืนเดียวกัน ตื่นมาตอนเช้าแม้ยังแห้งไม่หมด แต่อย่างไรก็สะอาดมากกว่าเดิมนัก
“เฉินเผิงเฟย แขนของเ้าเป็อะไรไป?” โหยวอวี่เวยเห็นผ้าพันแผลบนแขนของเขา
“เรียนคุณหนูลูกผู้น้อง ถูกสุนัขป่ากัดเข้าหนึ่งทีขอรับ” เฉินเผิงเฟยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ฮะ... ในูเามีสุนัขป่าจริงๆ หรือนี่ น่ากลัวจังเลย” โหยวอวี่เวยใ
นางรีบซักถามรายละเอียดทันที เฉินเผิงเฟยจึงบรรยายเื่ฝูงสุนัขป่าที่บังเอิญพบขึ้นอย่างสมจริงสมจัง แน่นอนว่าเขาข้ามรายละเอียดที่สำคัญของเสี่ยวเฮยไป คุณชายเคยกล่าวไว้ว่าเื่ของเสี่ยวเฮยแปลกประหลาดเกินไปนัก เก็บไว้เงียบๆ จึงจะเป็การปกป้องมันได้ดีที่สุด
จากการบรรยายของเฉินเผิงเฟย โหยวอวี่เวยฟังจนตื่นตระหนก ช่างลงทุนลงแรงมากอย่างยิ่ง
ส่วนกู้ฉีอยู่ใต้ชายคา ะโเรียกเจินจูที่รีบยกอาหารเช้าให้หยุดลง
“พี่ชายกู้อู่ เป็อะไรหรือ? มีเื่อะไรไว้ทานอาหารเช้าแล้วค่อยพูดคุยกันดีหรือไม่?” เจินจูเดินเข้าไปใกล้สองก้าว นางค่อนข้างยุ่งอยู่ เรียกนางทำไมกัน?
“น้องสาวเจินจู อีกสักพักโหยวอวี่เวยจะเข้ามาแล้ว มีบางเื่ที่ไม่สะดวกคุย” กู้ฉีรีบกล่าว
เขาเอ่ยสกัดนางไว้ แล้วกล่าวเื่โสมคนชั้นยอดที่เฉินเผิงเฟยขุดได้ห้าต้นออกมาอย่างเรียบง่ายหนึ่งรอบ
“โสมคนห้าต้นนี้ ล้วนเป็ของบ้านเ้า เ้าจะจัดการอย่างไร?”
เจินจูกะพริบตา ท่าทางไม่เกี่ยวข้องกับนาง “เหตุใดเป็ของบ้านข้าได้ล่ะ สิ่งเ่าั้ล้วนเป็พวกท่านขุดกลับมา บ้านข้าไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด เสี่ยวเฮยก็แค่นำทางเท่านั้นเอง ดังนั้นโสมคนเหล่านี้จะจัดการอย่างไรท่านตัดสินใจได้เลย ไม่ต้องถามความเห็นของข้าหรอก”
กู้ฉีถูกข้ออ้างของนางทำให้หงุดหงิดจนฝืนยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวว่านางใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อย หรือโง่เขลาไม่รู้มูลค่าสิ่งของดี
“โสมคนเหล่านี้ล้วนเป็การอาศัยเสี่ยวเฮยจึงหาได้พบ ดังนั้นโดยธรรมดาแล้ว ย่อมเป็สิ่งของของบ้านเ้า หากเ้าไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี เช่นนั้นให้เหมือนปีที่แล้วๆ มา ที่เอาโสมคนไปขายให้ฝูอันถังของพวกเราก็แล้วกัน”
เจินจูยักไหล่เล็กน้อย เอาเถอะ ในเมื่อเขา้ามอบเงินให้นาง นางก็ไม่จำเป็ต้องดึงดันว่าจะไม่เอา “ก็ได้ เดิมทีโสมคนก็ขุดมาขายอยู่แล้ว แต่โสมคนเหล่านี้ พวกองครักษ์ของท่านออกแรงไปมากมายถึงได้ขุดออกมาจากในูเานั่น ดังนั้นให้เงินพวกเขาครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน”
นางยิ้มกว้างจนดวงตากลายเป็เสี้ยวพระจันทร์ ริมฝีปากยกโค้งขึ้นน่ามอง แผ่กลิ่นอายสดใสและอบอุ่น
กู้ฉีละสายตาไม่ได้ไปชั่วขณะ...
“แค่กๆ” รอยยิ้มบนใบหน้าเจินจูหยุดชะงักลง
“เอ่อ…ไม่ พวกเฉินเผิงเฟยข้าย่อมให้รางวัลอยู่แล้ว สิ่งที่ครอบครัวเ้าควรได้รับก็รับไว้เถอะ” กู้ฉีปรับสีหน้าเป็ปกติ กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง “พอกล่าวขึ้นมา ข้าควรขอบคุณน้องสาวเจินจูตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้ครอบครัวเ้าจัดหาวัตถุดิบอาหารให้จวนสกุลกู้เสมอมาไม่ขาดตอน ร่างกายที่ผุพังของข้านี้สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ เคราะห์ดีที่ได้วัตถุดิบอาหารของครอบครัวเ้า”
กล่าวจบเขาก็ไม่ลืมโค้งคารวะไปทางนางอย่างเคร่งขรึม
เจินจูรีบเบี่ยงกายหลบทันที ส่ายหัวปฏิเสธ “จะกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร วัตถุดิบอาหารที่ครอบครัวข้าจัดหาให้ท่าน เป็การซื้อขายสองฝ่ายไม่มีอะไรติดค้างกัน พวกท่านจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบอาหาร พวกข้าก็รับเงินขายวัตถุดิบอาหาร เป็ครอบครัวข้าต้องขอบคุณท่านสิ ที่ดูแลการค้าขายของพวกข้าเสมอมา”
นางก็เลียนแบบเขาด้วยการโค้งคารวะเช่นกัน
สองฝ่ายต่างคนต่างขอบคุณกันและกัน
กู้ฉีจนปัญญา มีบางเื่หากเปิดโปงขึ้นมาก็ไม่แน่ว่าจะหาคำตอบได้ หลายปีมานี้ที่เขาสนิทสนมกับครอบครัวสกุลหู ไม่ว่าจะเป็ต่อหน้าหรือในที่หลับหลัง สกุลหูนอกจากจะมีแมวดำที่เฉลียวฉลาดดุดันหนึ่งตัวแล้ว อย่างอื่นไม่มีความแตกต่างอะไรเป็พิเศษเลย ลักษณะจิตใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้านวั้งหลินราวกับไม่ได้แย่ แม้จะยากจนแต่จิตใจกลับดียิ่ง
อาจเป็เพราะสถานที่แห่งนี้มีูเาลำธารที่งดงามแล้ว ยังมีบุคคลที่มีความสามารถปรากฏตัวอยู่อีก ฉะนั้นวัตถุดิบอาหารที่ผลิตออกมาก็มีความเหนือธรรมชาติเป็พิเศษกระมัง
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ กู้ฉีนำห้าคนอำลาจากไป
แต่โหยวอวี่เวยกลับเลือกที่จะนั่งเล่นอยู่บ้านสกุลหู
กู้ฉีลอบถอนหายใจข้างใน กำชับให้นางอยู่บ้านสกุลหูอย่างสงบ อย่าเพิ่มความยุ่งยากให้คนเขา
ก่อนจากไปยังใช้สายตาไม่วางใจจ้องนางอยู่พักหนึ่งอีกด้วย
โหยวอวี่เวยทำหน้ามุ่ย มองบนใส่รถม้าที่ไกลออกไป “เขาทำสายตาอะไรกัน ข้ามีตรงไหนที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจ เหอะ... ตอนที่เขายังไม่มา พวกเราไม่ใช่ว่าเล่นกันสนุกดีหรอกหรือ”
เจินจูหัวเราะ นางคิดว่าการไม่ไว้วางใจของกู้ฉีนี้ แฝงไว้ด้วยความปกป้องลูกวัว[1] ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
สองคนทำเื่ที่เมื่อวานยังทำไม่เสร็จ นั่นก็คือการวาดรูปดอกไม้
โหยวอวี่เวยให้เมอเมอหวังและจื่อยู่ไปพักที่ห้องข้างห้องโถง ส่วนนางอยู่ในห้องของเจินจู
เจินจูฝึกคัดตัวอักษร โหยวอวี่เวยวาดรูปดอกไม้ สองคนขยับพู่กันไปด้วยพูดคุยเล่นกันไปด้วย
“พี่ห้าใจแคบจริงๆ ขุดโสมคนได้ไม่ให้ข้าดูสักหน่อยเลย ก็หนีไปทั้งแบบนี้แล้ว”
“อืม... เฉินเผิงเฟยได้รับาเ็ พวกเขากลับฝูอันถังก็ดีจะได้ให้ท่านหมอตรวจด้วยไม่ดีหรือ”
“พวกเขาเจอเข้ากับสุนัขป่าในป่าเขาตั้งหลายตัวด้วยนะ แต่กลับถูกพวกเขาฆ่าตายเสียหมดได้”
“ในูเาลึกอันตรายมากจริงๆ มีทั้งเสือ หมีดำ งูพิษ เสือดาวและอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ได้มีแค่ฝูงสุนัขป่าอย่างเดียวหรอก”
“อื้มๆ ข้าเคยเห็นเสือ ในบ้านพักคฤหาสน์ของซื่อจื่อ [2] เฉิงเอินโหว เลี้ยงสัตว์มากมายเลย หนึ่งในนั้นก็มีเสือด้วย”
“…เขาให้คนเข้าไปจับในป่าลึกหรือ?”
“ไม่ใช่ ได้ยินว่าล้วนเป็ผู้อื่นให้เขามา เพราะรู้ว่าเขาชอบสัตว์เหล่านี้ เลยตั้งใจส่งคนไปจับมาเป็พิเศษ”
“…เฉิงเอินโหวผู้นี้ช่างมีอำนาจและอิทธิพลมากเลยนี่”
“อื้ม ฮูหยินของซื่อจื่อเฉิงเอินโหวเป็หลานสาวของฮองเฮาเจียง”
การกระทำบนมือเจินจูหยุดชะงัก เป็คนของพรรคการเมืององค์ไท่จื่ออีกแล้ว มิน่าล่ะถึงได้กระทำการตามอำเภอใจไร้ความเกรงกลัวปานนี้ เบื้องบนปฏิบัติตัวอย่างไรเบื้องล่างก็ต้องปฏิบัติตามนั้น คนเบื้องบนชอบเลี้ยงสัตว์ป่านิสัยดุร้ายเพื่อเป็ของเล่นชื่นชม คนเบื้องล่างก็ตอบสนองความ้าตามนั้น
“ท่านแม่ข้าบอกว่า ซื่อจื่อเฉิงเอินโหวกับองค์ไท่จื่อสนิทกันมากเกินไป ไม่ได้เป็เื่ดีแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ให้ข้าสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณหนูของครอบครัวพวกเขา” โหยวอวี่เวยกล่าวต่อ
“ท่านแม่ของท่านกล่าวได้ถูกต้อง ฮ่องเต้ยังอยู่ องค์ไท่จื่อก็รวบรวมพรรคพวกหาผลประโยชน์ใส่ตัว ต่อไปไม่แน่ว่าจะเป็อย่างไร ครอบครัวพวกท่านเลี่ยงไว้หน่อยก็ดีนะ” เจินจูเขียนตัวอักษรต่ออย่างใจเย็น
“อื้มๆ ท่านแม่ข้าก็กล่าวเช่นนี้” โหยวอวี่เวยเงยหน้าส่งยิ้มหวานมาทางนาง
สองคนจึงวาดเขียนไปพลางคุยเล่นไปพลางด้วยกันเช่นนี้ ปล่อยเวลาไหลเอื่อยไปอย่างสงบ
เชิงอรรถ
[1] ปกป้องลูกวัว หมายถึง การปกป้อง เป็ห่วง หรือให้ท้ายลูกสาวหรือชนรุ่นน้อยกว่าตนเอง
[2] ซื่อจื่อ หรือ 世子 มีไว้เรียกลูกชายผู้จะสืบทอดบรรดาศักดิ์ของผู้เป็พ่อเท่านั้น ซึ่งเหล่าคุณชายของชินอ๋อง อ๋อง โหวเหย ผู้มีบรรดาศักดิ์ทั้งหลายจะถูกเรียกว่า ซื่อจื่อ ส่วนมากจะเป็ลูกชายคนโต แต่บางครั้งก็อาจมีข้อยกเว้นเป็ลูกชายคนรองก็ได้ หากผู้เป็บิดาตั้งใจจะให้ลูกคนอื่นที่ไม่ใช่คนโตสืบบรรดาศักดิ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้