หลังจากที่ร่างเงาของอสูรกลืนิญญาปรากฏให้เห็น เสว่ซื่อเริ่มใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนักไม่หยุด แม้ว่าเ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะเรียกสัตว์อสูรที่ดูอันตรายน่ากลัวออกมาแต่เขาก็ไม่กังวลแต่อย่างใด ฝ่ามือของเสว่อีที่ซัดใส่แม้เป็เขาก็ยังต้องาเ็สาหัส ต่อมายังถูกลูกไฟของหมาป่าเพลิงที่พ่นออกไปโจมตีใส่อีก ดังนั้น จึงสรุปได้เลยว่าเย่ชิงหานในตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงที่จะขัดขืนถึงแม้จะรวมร่างกับสัตว์อสูรก็ตาม
แต่ในขณะที่เขากำลังจะยื่นมือไปสกัดจุดชีพจรเพื่อปิดกั้นพลังปราณรบของเย่ชิงหาน ดวงตาของเขากลับมองเห็นแสงที่เจิดจ้าลานตาสองสายกับเงาสีดำเลือนรางสายหนึ่ง
อันตราย!
เขารีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่เงาเลือนรางสีดำที่พุ่งผ่านนั้นรวดเร็วเกินไปจนสุดท้ายรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ จากนั้นจึงสูญสิ้นสติความนึกคิดแล้วค่อยๆ ทรุดตัวล้มลงบนพื้นอย่างช้าๆ แต่ดวงตายังคงเบิกกว้างอยู่เช่นนั้น เขาไม่อยากที่จะเชื่อว่าเ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าทำไมถึงได้รวดเร็วขนาดนั้น? รวดเร็วเสียยิ่งกว่าระดับความเร็วของพี่ใหญ่เสียอีก...
เย่ชิงหานไม่สนใจเสว่ซื่อที่นอนล้มอยู่กับพื้น ตอนนี้เขาทั้งใและตกตะลึง แม้ว่าพลังที่อยู่ภายในร่างทุกๆ ส่วนที่ถ่ายทอดออกมาทำให้เขารู้ว่าตนเองในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่พลังโจมตีและระดับความเร็วเมื่อสักครู่ที่ใช้ออกไปมันทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่า
เสว่ซื่อที่ล้มลงไปเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ยังแสดงฝีมือที่กล้าแกร่งในการล้มหมาป่าเพลิงแปดตัวออกมาให้เห็นอยู่ แม้จะเทียบไม่ได้กับเสว่อีที่สามารถปล่อยพลังรบออกมาภายนอกได้ แต่ก็นับเป็ผู้มีพลังฝีมือในระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตยอดยุทธ์คนหนึ่งเหมือนกัน
พลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตยอดยุทธ์กลับไม่สามารถหลบการโจมตีเพียงแค่การตวัดกริชออกไปของตนเอง? ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าตนเองในตอนนี้บรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ที่น่ากลัวแล้วสิ? ความรู้ที่ได้เรียนจากห้องเรียนสัตว์อสูรยังคงจำได้ดีว่า สัตว์อสูรระดับสูงของตระกูลเย่ที่อยู่ใน่ระยะเติบโตเมื่อรวมร่างกับเ้าของจะเพิ่มพลังฝีมือให้เ้าของขึ้นอีกหนึ่งถึงสองระดับ เช่นเย่ชิงขวงที่ตอนนี้อยู่ในระดับสองของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ หากรวมร่างกับสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดหมีคลั่งพลังฝีมือจะเพิ่มขึ้นเป็ระดับสามของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์
แต่ว่าพลังฝีมือของเย่ชิงหานในตอนนี้คือระดับแรกของขอบเขตยอดยุทธ์ แต่หลังจากรวมร่างกับสัตว์อสูรแล้วพลังฝีมือกลับบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ และยังไม่แน่ชัดว่าเป็ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ขั้นที่เท่าไร! แสดงให้เห็นว่าเย่ชิงหานหลังจากที่รวมร่างแล้วพลังฝีมือจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อยที่สุดสามระดับขั้น
น่ากลัวที่สุด! มันจะบ้าเกินไปแล้ว!
“พี่สี่...! พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สี่ตายแล้ว!”
เย่ชิงหานอารมณ์ปีติยินดีเป็อย่างมาก แต่เสว่อู่กับไม่ได้มีความสุขด้วย มองดูเสว่ซื่อที่ราวกับกองดินโคลนที่อ่อนปวกเปียกนอนกองอยู่ที่พื้น รวมทั้งรอยเืที่น่าขนลุกบริเวณลำคอกับสีหน้าที่ตายตาไม่หลับ เสว่อู่ร้องะโขึ้นมาในทันทีอย่างรู้สึกหวาดกลัว
“หืม?”
“น้องสี่?”
เสว่อีและเสว่ซานได้ยินเสียงร้องะโอย่างเศร้าเสียใจของเสว่อู่ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีไปในทันทีพร้อมกับหันหน้ากลับมามอง เมื่อพวกเขามองเห็นเสว่ซื่อที่นอนล้อมอย่างคนหมดแรงอยู่บนพื้นกับดวงตาทั้งคู่ที่ตายตาไม่หลับนั้น ทั้งสองร้องคำรามออกมาพร้อมๆ กัน เสว่อีเพิ่มระดับความเร็วพุ่งเข้าหาสไปโนซอรัสที่ดิ้นรนกระเสือกกระสนก่อนตาย ส่วนเสว่ซานหันหลังกลับวาดดาบไปมาพุ่งทะยานออกไปหาเย่ชิงหานราวกับราชสีห์ที่กำลังโกรธแค้นบ้าคลั่ง
“น้องสามอย่าวู่วาม ปกป้องน้องรองกับน้องห้าให้ดี”
เสว่อีหลบกรงเล็บที่ตอนนี้เชื่องช้าลงไปมากของสไปโนซอรัส จากนั้นปล่อยหมัดออกไปยังแผ่นหลังของมันอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่งก่อนที่จะหันหน้ากลับไปร้องะโบอกออกไปอย่างเดือดดาล
เสว่ซานที่กำลังพุ่งทะยานตรงเข้าไปหาเย่ชิงหาน เมื่อได้ยินเสียงร้องบอกของเสว่อีร่างกายหยุดชะงักเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พุ่งทะยานเข้าไปหาเย่ชิงหานดังเดิม
เหอะๆ! มาได้ถูกเวลาจริงๆ!
เย่ชิงหานกำลังอยากที่จะทดสอบพลังฝีมืออยู่พอดี เห็นเสว่ซานพุ่งทะยานเข้ามาหาอย่างโกรธแค้นดวงตาของเขาหรี่ขึ้นในทันที
“ไอ้ลูกหมาไร้ค่าบ้านตระกูลเย่ วันนี้ข้าจะเอาชีวิตเ้า!”
เสว่ซานะโลงมาจากอากาศพร้อมกับอารมณ์โกรธเดือดดาลอย่างที่สุด เสียงดาบฟันแหวกอากาศเล็งมายังกลางศีรษะของเย่ชิงหานราวกับว่าจะผ่าเขาให้ขาดออกจากกันเป็สองซีกภายในดาบเดียว
“คิดจะฆ่าคนอื่นก็ควรระวังจะโดนคนอื่นฆ่าด้วย พวกเ้าทั้งห้าคนวันนี้นอนพักอยู่ที่นี่ตลอดกาลไม่ต้องไปไหนแล้ว...ส่วนเ้านายของพวกเ้าสักวันข้าจะส่งมันไปอยู่รวมกันกับพวกเ้าเอง”
หลังจากรวมร่างเย่ชิงหานไม่เพียงรู้สึกว่าพลังฝีมือเพิ่มพูนขึ้นเป็อย่างมาก แม้กระทั่งการได้ยินการมองเห็นล้วนบรรลุถึงระดับที่น่ากลัว ดาบที่เสว่ซานฟันลงมาดูคล้ายกับว่ารวดเร็วรุนแรงดุดัน แต่ในสายตาของเขากลับดูเชื่องช้าและมีช่องโหว่ปรากฏออกมาให้เห็นมากมาย
ในขณะที่คมดาบห่างจากศีรษะของเขาประมาณหนึ่งเมตร เขาถึงค่อยเริ่มขยับตัวโดยใช้การก้าวเดินในระดับความรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึงหลบดาบของเสว่ซานที่ฟันลงมา จากนั้นะโหมุนตัวขึ้นไปบนอากาศยกขาขวาขึ้นแล้วกระแทกกดลงมายังแผ่นหลังของเสว่ซาน และกริชที่อยู่ในมือขวาก็พลอยเสียบปักลงไปตาม
ปัง!
ฝุ่นลอยคลุ้งตลบอบอวล เืสดไหลเป็ทาง เสว่ซาน...ตาย!
สังหารในพริบตา! เป็ยอดฝีมือระดับขอบเขตยอดยุทธ์อีกคนที่ถูกสังหารในพริบตา เย่ชิงหานเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองอย่างรู้สึกตื่นเต้น พลังฝีมือที่แข็งแกร่ง ความรู้สึกของการมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งนี้ช่างไม่เลวเลยจริงๆ ฆ่าคนไปสองครั้งติดต่อกันกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตื่นใหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ในฐานะที่เป็ผู้ที่มีชีวิตมาแล้วถึงสองหน ผ่านประสบการณ์การตายมาแล้วครั้งหนึ่ง และยังมีการกล่อมเกลาเป็สิบๆ ปีจากทวีปัเพลิงว่าผู้แข็งแกร่งคือผู้ล่า ผู้อ่อนแอคือเหยื่อ ทำให้การฆ่าคนสำหรับเขาแล้วไม่ใช่เื่อะไรที่จะทำใจยอมรับไม่ได้ แถมตัวเขาเองยังรู้สึกว่าความรู้สึกเช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน...
“พี่สาม!”
เสียงร้องที่โศกเศร้าเสียใจด้วยความสิ้นหวังของเสว่อู่ดึงอารมณ์ในการคิดของเย่ชิงหานกลับมา ในสถานการณ์เช่นนี้ตนเองกลับเผลอสติ? หน้าผากพลันมีเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาเม็ดหนี่ง จากนั้นหันมองไปทางเสว่อู่ที่กำลังจ้องมองด้วยความโกรธแค้นที่อยู่ไม่ห่างออกไป เย่ชิงหานไถลตัวพุ่งออกไปหาเสว่อู่ในทันที
ปัง!
สไปโนซอรัสที่แต่เดิมมีาแเต็มตัวและอยู่ในอาการร่อแร่เต็มที ถูกเสว่อีกระหน่ำโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่งอีกครั้งจนในที่สุดก็นอนลงไปกองกับพื้น แต่ว่าเสว่อีไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินเสว่อู่ร้องออกมาอย่างโศกเศร้าเสียใจอีกครั้งมันราวกับว่ามีคนเอามีดมาปักลงกลางหัวใจของเขา ตอนนี้รู้สึกเ็ปรวดร้าวอย่างที่สุด ดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยเืหันกลับไปเห็นเสว่ซานที่กำลังร่วงลงไปนอนกองกับพื้นและเย่ชิงหานที่กำลังพุ่งทะยานเข้าใส่เสว่อู่ ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดว่าทำไมเป้าหมายที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขยะอย่างขอบเขตขั้นสูงถึงได้สามารถสังหารพี่น้องของตนเองที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตยอดยุทธ์ได้ถึงสองคนติด เสว่อีร้องะโออกมาด้วยสัญชาตญาณ
“เ้าลูกพันธุ์ผสม เ้ากล้า?”
กล้า? ข้าฆ่าไปตั้งสองคนแล้วยังจะถามว่ากล้าอีกรึ? ลูกน้องของเสว่อู๋เหินเหล่านี้ไม่เพียงฝีมือก็แค่งั้นๆ แถมสติปัญญายังต่ำอีก! เย่ชิงหานไม่สนใจไอ้หน้าโง่นั้นอีกรีบพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากะโอยู่ไม่กี่ทีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเสว่อู่
หลังจากหลบดาบที่เสว่อู่ฟันออกมามั่วซั่วอย่างง่ายดาย เย่ชิงหานก็จัดการเสว่อู่ที่าเ็หนักอยู่แล้วและเสว่เอ้อที่ครึ่งเป็ครึ่งตายที่อยู่ด้านหลังของเสว่อู่ ส่งคนทั้งสองลงไปรวมกับสองคนก่อนหน้าในนรก
อย่างที่คนเขาพูดไว้ ตัดรากต้องถอนโคน ในเมื่อได้ลงมือแล้วก็ไม่ต้องใส่ใจกับการที่จะต้องฆ่าเพิ่มอีกสักคน ตรวจดูจนแน่ใจว่าทั้งสองคนตายอย่างแน่นอนแล้วเย่ชิงหานถึงค่อยหมุนตัวกลับมาอย่างช้าๆ มองเห็นเสว่อีที่กำลังจะบ้าคลั่ง รู้สึกได้ถึงความโกรธเดือดดาลที่อัดอยู่ภายใน แต่เย่ชิงหานกลับบิดคอไปมาอย่างไม่สนใจ แบมือแล้วพูดออกมาเฉื่อยๆ ว่า “ขอโทษที เ้าบอกช้าเกินไป...หรือไม่ก็ เอาอย่างนี้แล้วกัน เ้าลงไปอยู่รวมเป็เพื่อนกับพวกนั้นเป็อย่างไร?”
“ไอ้ลูกพันธุ์ผสม ข้าจะบดขยี้เ้า!”
เสว่อีหน้าตาดุร้ายเร่งระดับความเร็วในการวิ่งขึ้นไปอีก ภายในใจทั้งรู้สึกเสียใจและโกรธแค้น เสียใจที่ตนเองประมาท โกรธแค้นหน่วยข่าวกรองของตระกูลเสว่ สำหรับเย่ชิงหานเขามีเพียงความคิดที่อยากจะบดขยี้มันผู้นี้ให้แหลกละเอียดไปเพียงเท่านั้น
“เ้าจะมีหรือไม่มีความสามารถบดขยี้ข้าหรือเปล่าข้าไม่รู้...แต่ที่รู้ๆ คือพี่น้องของเ้าทั้งสี่คนถูกข้าบดขยี้ไปเรียบร้อยแล้ว”
เย่ชิงหานพูดเยาะเย้ยออกมาอีกครั้ง ความจริงแล้วเขาไม่มีนิสัยชอบเยาะเย้ยคนอื่น เพียงแต่...ถ้าหากสามารถพูดยั่วยุทำให้ศัตรูโกรธจนถึงกับขาดสติสัมปชัญญะในการใช้เหตุผลได้สักหน่อย เขาก็ยินดีที่จะพูดให้เยอะขึ้น
ดวงตาเย่ชิงหานหรี่ลง ััถึงระดับความเร็วของเสว่อีรวมทั้งนึกคิดไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เสว่อีฆ่าสไปโนซอรัส ภายในใจลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อสักครู่เสว่อีสูญเสียทั้งพลังกายและพลังปราณรบไปมากมายไปกับการต่อสู้ แต่ดูจากระดับความเร็วในการวิ่งพุ่งทะยานเข้ามาของเขาในตอนนี้ยังพอๆ กับตนเอง ดูท่าว่าหากคิดจะฆ่าคงเป็ไปไม่ได้ งั้นก็ลองดูว่าจะสามารถเอาชนะได้ไหม? ถึงอย่างไรตอนนี้ตนเองทั้งพลังกายและพลังปราณรบยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หากสู้ไม่ไหวจริงๆ ก็แค่หลบหนีไปก็แค่นั้น
มาแล้ว!
เสว่อีไม่ใช้อาวุธ เย่ชิงหานคิดว่าผู้ที่ไม่ใช้อาวุธเลยมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือคนสามัญธรรมดาทั่วไป ส่วนอีกแบบคือคนที่มั่นใจในพลังฝีมือของตนเองอย่างที่สุด เชื่อมั่นเฉพาะพลังร่างกายของตนเอง
ดังนั้น เมื่อเห็นเสว่อีที่พุ่งทะยานเข้ามาอย่างดุร้ายบ้าคลั่งแต่กลับยื่นฝ่ามือที่ขาวผ่องออกมาอย่างอ่อนโยนฟาดลงมายังตำแหน่งของตนเอง เย่ชิงหานเกิดความรู้สึกว่ามือสวยงามข้างนี้อันตรายเป็อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบเก็บกริชกลับมาแล้วขยับตัวหมุนออกไปทางด้านขวา จากนั้นรีบเอียงข้างถอยร่นไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว