“ฮ่าๆๆ มาสักที ปล่อยให้บิดารอเ้าตั้งนาน!”
ความจริงแล้วั้แ่ต้น ซุนเฟยก็คิดว่าไอ้หมอนี่ไม่ช้าก็เร็วต้องปรากฏตัวออกมา หากยังทำตัวเป็นักฆ่าซ่อนตัวในมุมมืดคงทำให้เขารู้สึกกังวล การปรากฏตัวของแรนดุ๊กที่นับว่าเป็ภัยคุกคามได้หายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เขาจะรู้สึกดีใจ ซุนเฟยหัวเราะเตรียมใช้ทักษะ ‘ะโ’ ของคนเถื่อน เริ่มขยับรองเท้าเหล็กเล็กน้อยก่อนจะถีบตัว ะโขึ้น ลอยกลางอากาศ เศษหินปลิวว่อน สองมือกำขวานั์คนเถื่อนแน่น รวบรวมพลังทั่วร่างไปที่ขวานแล้วฟันออกไปปะทะกับคลื่นพลังสีแดง
ฟึบ!
แทบไม่ได้ยินเสียงการโจมตีเลยสักนิด เสียงเหมือนกับมีคนกำลังฉีกกระดาษชำระ
เมื่อเทียบกับพลังตระการตาของคลื่นพลังสีแดงของนักรบสามดาวแรนดุ๊กที่แผ่ปกคลุมท้องฟ้าแล้ว พลังการโจมตีด้วยขวานของซุนเฟยไม่มีอะไรพิเศษเลย เหมือนชาวนาที่กำลังเกี่ยวข้าวหรือตัดฟืนไม่มีผิด
แต่ที่ทุกคนตะลึงก็คือ ด้วยการฟันของขวานเพียงครั้งเดียวก็สามารถแยกคลื่นพลังสีแดงที่สูงราวๆ ห้าหกเมตรอันน่ากลัวซึ่งเหมือนพร้อมจะกวาดล้างทุกอย่าง แยกมันออกเป็สองส่วนแล้วแฉลบผ่านร่างซุนเฟยไป จากนั้นก็เกิดเสียงะเิดังขึ้นและทั้งหมดก็ค่อยๆ สลายไปในอากาศ
ขณะเดียวกันนั้น
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ประกายไฟปลิวว่อนกลางอากาศ ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ การโจมตีของพวกเขารวดเร็วดุดันกันมากจนทำให้คนอื่นๆ ละลานตาไปหมด ทุกจังหวะที่ดาบและขวานปะทะกันเกิดประกายไฟขึ้น จากนั้นเสียงะโร้องก็ดังขึ้น ก่อนที่ทั้งสองคนจะผละออกจากกัน...
ตึง ตึง!
หลังจากที่ทั้งสองคนลงสู่พื้น แต่ละคนก็ถอยหลังไปหลายก้าว เสียงหอบหายใจถี่เล็กน้อย
เมื่อครู่ที่ทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศ แต่ละคนก็งัดฝีไม้ลายมือออกมาอย่างไม่ยอมกัน นักรบสามดาวแรนดุ๊กใช้เพลงดาบลวงตาที่ยอดเยี่ยมที่สุดกระหน่ำแทงไปถึงยี่สิบแปดครั้ง และซุนเฟยเองก็ฟันขวานั์โจมตีไปหกครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะใช้ใบขวานั์ต้านการโจมตีไว้...
บนร่างของทั้งสองคนไม่มีใครสร้างรอยาแให้แก่อีกฝ่ายได้
ร่างยืดกายตรง ทั้งซุนเฟยและแรนดุ๊กอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
แม้ว่าตอนนี้แรนดุ๊กจะรักษาท่าทีสงบนิ่ง แต่ในใจกลับตื่นตระหนก
ตอนที่เขาได้รับคำสั่งโดยตรงจากชายหน้ากากเงินว่าให้รีบมาด้านหน้า แต่เนื่องจากทหารของฝ่ายตนเองวุ่นวายยุ่งเหยิงมาก บวกกับการบุกเข้ามาของซุนเฟยและเหล่านักรบนั้นเร็วมาก ดังนั้นขบวนทัพโล่หอกัจึงถูกโจมตีและพ่ายแพ้ไป แม้กระทั่งขบวนทัพหอกและขบวนทัพดาบที่อยู่ด้านหลังก็ถูกตีจนแตกพ่ายไปด้วยเช่นกัน ทั้งบันไดยึดเมืองและเครื่องยิงหินเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดเขาก็มาถึงใจกลางา แรนดุ๊กแทบจะจำได้ในทันทีว่าผู้ชายที่เืท่วมตัวอยู่ด้านหน้าสุดว่าเป็ใคร เขามั่นใจว่าจะต้องเป็ ‘สัตว์ร้าย’ ตัวนั้นที่สร้างาแให้กับตนเองเมื่อวานบนกำแพงเมือง กลิ่นอายของชายคนนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นะเื เหมือนสัตว์ร้ายตนนั้นได้ทิ้งความกลัวลึกๆ ให้กับเขาเมื่อวานนี้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังทำให้เขารู้สึกหวาดผวา ลังเลไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปหาก่อน
ดังนั้นแรนดุ๊กไม่ลังเลที่จะลดความยโสในฐานะที่เป็นักรบสามดาวลง แอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืดแล้วลอบโจมตี
ทีแรกคิดว่าจะปล่อย ‘ะเิสังหาร’ จัดการอีกฝ่ายในยามที่เผลอ ใครจะรู้ว่า ‘สัตว์ร้าย’ ตัวนั้นจะรับมือได้เร็วเหมือนเตรียมตัวมาอย่างดีแบบนี้ มันเผชิญหน้ากันการซุ่มโจมตีด้วยท่าทางไม่ร้อนรน ะโขึ้นกลางอากาศและอาศัยแค่พละกำลังกายล้วนๆ ฟันคลื่นพลังทีเดียวก็สามารถทำลาย ‘ะเิสังหาร’ ที่เป็ทักษะที่ตัวเองภาคภูมิใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
มารดามันเถอะ นั่นเป็พละกำลังกายอะไรกัน?
ในตอนที่ปะทะกันกลางอากาศ แรนดุ๊กก็รู้สึกถึงพลังของอีกฝ่ายได้ พลังนั่นมันเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานที่ทั้งสองคนเคยปะทะกันถึงสองเท่า ทุกครั้งที่ดาบฟันออกไปปะทะกับขวานั์ที่ใหญ่เหมือนบานประตูนั่น พลังที่สะท้อนกลับมาก็ทำให้แขนของเขาชาไปหมด เหมือนแทงไปบนเหล็กเย็นๆ ที่หนาเป็หมื่นๆ ชั้น
หลังจากที่แรนดุ๊กตกลงสู่พื้นก็ไม่กล้าดูแคลนอีก เขาเร่งพลังให้ถึงขีดสุดเปลวไฟคลื่นพลังสีแดงลุกท่วมร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง กำจัดความรู้สึกชาที่แขนออกไปและเตรียมพร้อมรบ
อีกด้าน การประมือกันเมื่อครู่นี้ ในใจของซุนเฟยก็ครุ่นคิด
แค่พละกำลังกายของคนเถื่อนเลเวล 12 ก็สามารถต่อสู้กับนักรบระดับสามดาวได้แบบพอฟัดพอเหวี่ยง แต่ในด้านกระบวนท่ากับด้อยกว่าเล็กน้อย ซุนเฟยมีไหวพริบมากเพียงครู่เดียวก็พบว่า แม้ว่าในโลก Diablo คนเถื่อนจะถือว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดและมีความเชี่ยวชาญอาวุธทุกประเภท แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้และการเคลื่อนไหว นอกจากทักษะพิเศษที่น่าทึ่งแล้ว ในด้านการสังหารระยะประชิดก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน หากต้องเผชิญหน้ากับเหล่านักรบของแผ่นดินอาเซรอท คงใช้เวลาไม่มากก็สามารถจัดการพวกนั้นได้
“ดูเหมือนว่าต่อจากนี้จะต้องใส่ใจด้านวิธีการและการเคลื่อนไหวแล้ว”
ในระหว่างที่ซุนเฟยครุ่นคิด มือของเขาก็ไม่อยู่นิ่ง เขาใช้ขวานตบชุดเกราะตัวเองเสียงดังตึงๆ ขู่ขวัญเหล่าข้าศึกแล้วแสร้งะโออกมาดังกึกก้องว่า ‘พระเ้าอยู่กับข้า!’ใบขวานหมุนไปมา กลายเป็พายุประกายแสงเย็นะเืก่อนจะโจมตีไปที่แรนดุ๊ก
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง
ความเร็วในการฟันดาบของแรนดุ๊กเหนือกว่าซุนเฟยมาก แต่ด้านพละกำลังกลับไม่เทียบเท่า ยามที่ซุนเฟยฟันขวานลงมา ดาบยาวในมือแรนดุ๊กเกิดสะเก็ดไฟขึ้น ขณะเดียวกัน ยิ่งขวานกระหน่ำฟันลงมา ยิ่งแสดงให้เห็นถึงพละกำลังที่น่ากลัวของตัวขวาน
นี่เป็การตัดสินพลังที่แตกต่างกันทั้งสองแบบ
หนึ่งดุดันเต็มไปด้วยพละกำลัง อืดอาดแต่เฉียบแหลม พร้อมจะทำลายทุกอย่างให้พินาศ
หนึ่งรอบคอบดูประณีต ประกายแสงคมกริบ เพียงครู่เดียวก็สามารถแทงออกไปได้สิบเจ็ดสิบแปดครั้ง
แรนดุ๊กงัดพลังทั้งหมดของนักรบสามดาวออกมา คลื่นพลังโคจรในร่างเหมือนสัตว์ร้ายกำลังร้องเสียงต่ำ เสียงตูมดังขึ้น คลื่นสีแดงเพิ่มขึ้น พื้นหินสะพานก็กลายเป็เศษหินปลิวกระเด็น
สุดท้าย ฝุ่นและเศษหินถูกพลังของทั้งสองฝ่ายพัดขึ้นมากระจายไปในอากาศ แม้แต่เศษแขนขาและแอ่งเืบนพื้นก็หมุนวนตลอดเวลา กลายเป็ไอหมอกสีแดงพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าจนมองเห็นได้จากไกลๆ มันเหมือนกลายเป็พายุทอร์นาโดเืขนาดใหญ่
พายุทอร์นาโดเืนี้ส่งเสียงดังสนั่นและใหญ่ขึ้น ทั้งปกคลุมร่างของทั้งสองคนไว้ ได้ยินเสียงสั่นะเืและประกายไฟของโลหะยามกระทบกันไม่หยุด คนที่อยู่ด้านนอกมองไม่เห็นร่างและการเคลื่อนไหวของพวกเขา
การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมาก
ด้วยพายุทอร์นาโดเืขนาดใหญ่ทำให้แบ่งสะพานออกเป็สองส่วน เพียร์ซและดร็อกบากับคนอื่นๆ อยู่ฝั่งเหนือส่วนพวกทหารเกราะดำอยู่ฝั่งใต้ การต่อสู้แบบนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจจะเข้าไปสู้กันต่อได้ ทำได้เพียงถอยห่าง หัวใจของพวกเขาเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่งและเคร่งเครียด พวกเขากำลังรอผลการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในพายุนั่น
เมื่อได้รับเวลาพักรบ ทหารเกราะดำที่แตกตื่นก็ค่อยๆ สงบสติลง หัวหน้าทหารเกราะดำะโด่าเสียงดัง พยายามที่จะตั้งขบวนทัพขึ้นมาใหม่ ถือดาบั์ตัดหัวทหารที่แตกพ่ายไปยี่สิบกว่าคนและสำเร็จโทษต่อหน้าฝูงชนเพื่อควบคุมทหาร ในที่สุดก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ฉากนี้ทำให้นักรบสามดาวแรนดุ๊กที่กำลังรบติดพันกับซุนเฟยดีใจมาก เขาะโว่า “ข้าจะรับมือไอ้เ้านี่เอง นำยอดฝีมือสองสามคนไปสังหารคนอื่นๆ ให้เร็วที่สุด!”
พลังอำนาจที่ทั้งสองคนกำลังปะทะกันช่างน่าหวาดหวั่น มันปิดกั้นทางบนสะพานทั้งหมด ทหารธรรมดาไม่สามารถผ่านไปได้ ต่อให้สวมชุดเกราะอย่างดีและมีอาวุธดีๆ ก็ตาม แต่เมื่อเผชิญกับพลังที่รั่วไหลตรงหน้า เกราะและอาวุธก็แตกกระจายเป็ชิ้นๆ ทว่าสำหรับยอดฝีมือที่สามารถควบคุมคลื่นพลังได้ พวกมันสามารถผ่านไปได้ เมื่อพวกมันได้ยินแรนดุ๊กะโสั่ง หัวหน้าทหารหลายคนที่อยากสร้างคุณงามความดีก็รีบะโข้ามไป คิดจะอ้อมไปจัดการกับเพียร์ซและคนอื่นๆ ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังตัดสินกัน
“ไสหัวกลับไป!”
ซุนเฟยเห็นฉากนี้ก็ะโออกมาเสียงดัง
พลังที่น่ากลัวก็พุ่งออกไป แฝงไปกับเสียงะโ สั่นะเืจิติญญาของข้าศึกทุกคน
ใช้งานทักษะ ‘คำราม’ ของคนเถื่อนทันที
ทักษะ ‘คำราม’ คนเถื่อนในปัจจุบันย่อมมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่เลเวล 5 เมื่อวาน ไม่เพียงทำให้ในใจของนักรบสามดาวแรนดุ๊กเกิดความกลัวจนท่วงท่าที่ฟันดาบออกไปก็กลายเป็ช้า ยังทำให้หัวหน้าทหารเกราะดำสี่นายที่กำลังะโข้ามไปเกิดความกลัวในใจอย่างมาก การโคจรคลื่นพลังเชื่องช้าลงจังหวะหนึ่ง ทำให้พวกมันร้องโหยหวนและล่วงลงพื้น แม้ว่าจะอยู่ใน ‘พายุทอร์นาโดสีเื’ แต่ก็ถูกขวานในมือซุนเฟยสับจนกลายเป็เนื้อบดได้!
ชี่ๆ!
เสียงะโที่แฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังทั่วบนสะพาน ชั่วพริบตาก็สามารถสังหารหัวหน้าทหารเกราะดำสี่นายที่มีคลื่นพลังเข้าใกล้ระดับหนึ่งดาวได้ชั่วพริบตา เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายแทบจะกัดลิ้นตัวเองขาด ขบวนทัพของเหล่าทหารเกราะดำเริ่มรวนอีกครั้ง คนจำนวนมากเริ่มถอยหลัง...
“ไม่ต้องกลัว ก่อนหน้านี้นายท่านสั่งไว้ว่า หากสังหารข้าศึกหนึ่งนายบนสะพานได้จะได้รับรางวัลหนึ่งพันเหรียญทอง...”
แรนดุ๊กฟันดาบไปสามสิบสามครั้งเพื่อกดดันซุนเฟยพลางเอ่ยปลุกขวัญกำลังใจหัวหน้านายทหารเกราะดำ
หากอยากได้รางวัลใหญ่ก็ต้องมีความกล้า ตอนนี้เมื่อรายละเอียดของรางวัลถูกเปิดเผย เหล่าทหารเกราะดำที่ได้ยินว่ามีรางวัลถึงหนึ่งพันเหรียญทอง
ไม่ช้าก็มีทหารเกราะดำสิบกว่านายควบคุมคลื่นพลังแล้วะโข้ามไปหาเพียร์ซและดร็อกบากับพวก
“ตาย!!!”
ซุนเฟยโมโห พลังชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเพิ่มสูงขึ้น แล้วใช้ทักษะ ‘คำราม’ คนเถื่อนอีกครั้ง
หวือ หวือ หวือ หวือ!
ทหารห้าหกนายร่วงลงพื้นก่อนจะร้องโหยหวนเมื่อถูกสับ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของนักรบสามดาวแรนดุ๊กรวดเร็วมาก เขาใช้ ‘ะเิสังหาร’ ฟันออกไป เปลวไฟสีแดงแผ่คลุมทั่วผืนฟ้าทั้งหมดเพื่อยับยั้งพลังของซุนเฟย ทำให้มีนายทหารเจ็ดแปดนายที่ข้าม ‘พายุทอร์นาโดสีเื’ ได้สำเร็จ พวกมันแสยะยิ้มเหี้ยมขณะที่พุ่งเข้าไปหาเพียร์ซและพวก
ชั่วพริบตา เพียร์ซและดร็อกบาต่างะโอย่างโมโห ก่อนจะพุ่งเข้าไปสู้กับทหารเกราะดำ ทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มต่อสู้กัน
เพียร์ซ ดร็อกบา และเหล่านักรบที่แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่มีคลื่นพลังใดๆ การต่อสู้หรือการเคลื่อนไหวไม่เจนจัดเท่าทหารเกราะดำที่ผ่านมาหลายสมรภูมิรบ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจะสู้กันได้แบบตัวต่อตัว แต่โชคดีที่มีจำนวนหลายคน ทั้งยังมีน้ำวิเศษถุงแดงและถุงฟ้ายิ่งทำให้พวกเขากล้าหาญไม่กลัวตายมากยิ่งขึ้น พวกเขาทั้งหมดใช้รูปแบบการต่อสู้แบบตายหรือพินาศไปด้วยกัน และยังมีพัศดีโอเลเกร์ที่เป็นักรบหนึ่งดาวด้วย ทำให้ผลแพ้ชนะไม่อาจตัดสินได้ชั่วพริบตา
แต่การาเ็ล้มตายในที่สุดมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทหารเกราะดำรายหนึ่งหลบขวานที่ฟันมาได้ ในมือของมันถือกระบี่ยาวเหมือนงู แทงลอดเข้าไปในช่องว่างระหว่างเกราะตรงเอวของนักรบ ปักลึกเข้าไป...
เมื่อได้รับาเ็หนักขนาดนี้ร่างของนักรบคนนั้นสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าคงไม่อาจรอดไปได้นาน
แต่ไม่รอให้ทหารเกราะดำได้ดึงดาบออกก็ต้องหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้โยนอาวุธทิ้งแล้วะโเสียงดังแล้วใช้สองมือกอดรัดไปที่คอทหารเกราะดำคนนั้นไม่รอให้มันได้ตอบสนอง นักรบที่าเ็คนนั้นก็ะโออกมาสุดเสียงว่า ‘องค์าาอเล็กซานทรงพระเจริญ’ ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งแล้วเอื้อมมือไปกอดทหารเกราะดำคนอื่นๆ ท่ามกลางเสียงร้องตื่นใ ทหารเกราะดำที่หลบไม่ทันก็ถูกนักรบคนนั้นลากไปด้วยแล้ว ะโลงสะพานหินลงไปในแม่น้ำด้านล่างด้วยกัน ทันใดนั้น ‘ปลากระหายเื’ ก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำก่อนจะอ้าปากขย้ำทหารเกราะดำเต็มคำ...
รูปแบบการต่อสู้แบบตายหรือพินาศไปด้วยกันแบบนี้ ทำให้ทหารเกราะดำคนอื่นเริ่มตื่นกลัว
“เบรโน่!!!”
เพียร์ซเห็นร่างของพี่น้องที่ชื่อว่าเบรโน่ต้องมาทิ้งร่างอยู่ในแม่น้ำ ในใจก็เหมือนถูกมีดทิ่มแทง เขาะโออกมาอย่างโมโห เหวี่ยงปัดดาบของคู่ต่อสู้ก่อนจะทุบค้อนลงที่หัวของชายเกราะดำที่เป็คู่ต่อสู้ตรงหน้าจนหัวยุบเข้าไปในอก
ในที่สุด การต่อสู้ก็เข้าสู่่ดุเดือด ทั้งสองฝ่ายต่างาเ็ล้มตาย
ลมฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นะเื บรรยากาศสะท้อนถึงความโศกเศร้า
นักรบเหล่านี้เมื่อก่อนเป็เพียงคนธรรมดาไร้ชื่อเสียงเรียงนาม แต่ตอนนี้เบรโน่ชายที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะะโลงไปในแม่น้ำ เขาถือว่านี่เป็่เวลาที่ชีวิตของเขารุ่งโรจน์อย่างหาใดเปรียบ!
เหล่านักรับผู้กล้าหาญต่างใช้ชีวิตของตัวเองสร้างเป็กำแพงมนุษย์บนสะพานหินนี้เพื่อขวางกั้นข้าศึก พวกเขายอมตายเพื่อปกป้องครอบครัวและมิตรสหายของพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
แสงสะท้อนคมดาบคมกระบี่ ฝนเืสาดกระเซ็น
รอยเท้าของวีรบุรุษหนักแน่นดุจูเา แม้ว่าจะถูกดาบกระบี่แทงทะลุร่าง แม้ว่าแขนจะถูกตัด แม้ว่าจะกระอักเืจนเปื้อนหมวกเกราะ แต่พวกเขาจะไม่มีวันถอยหลัง พวกเขาจะก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคง ดวงตาพวกเขาฉายแววตาเด็ดเดี่ยว สิ่งเดียวที่พวกเขาะโร้องออกมานั่นคือ ‘องค์าาทรงพระเจริญ’ เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ฝีมือสูงกว่าตัวเองอย่างไม่กลัวและใช้เืเนื้อของตัวเองขวางกั้นศัตรูไว้
การต่อสู้รุนแรงจนไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้ และเหล่าข้าศึกได้ถูกรังสีการฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่งสั่นคลอนจิตใจ แม้กระทั่งไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังอ่อนแอกว่าตัวเอง จิตใจนึกหวาดกลัวเริ่มหันหลังวิ่งหนี...
บนกำแพงเมืองแซมบอร์ด คนนับไม่ถ้วนยืนนิ่งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
ความโกรธเกรี้ยวลุกโชนอยู่ในดวงตาของประชาชนและทหารทุกคน เืของพวกเขาร้อนระอุยากที่จะควบคุมไว้ได้ สองมือที่กุมอาวุธสั่นสะท้านด้วยความโกรธ จนกระทั่งบางคนทนไม่ไหว พวกเขาะโออกมาเสียงดังก่อนจะจับเชือกหนาแล้วโรยตัวตัวลงไปจากกำแพง พวกเขาจะไปสนับสนุนพี่น้องและมิตรสหายที่กำลังใช้เืเนื้อของตัวเองปกป้องพวกเขาอยู่ที่สะพาน!
ซุนเฟยที่กำลังสู้พัวพันกับนักรบสามดาวแรนดุ๊กเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
เห็นชายที่ชื่อเบรโน่ผู้กล้าหาญตัดสินใจลากทหารเกราะดำะโลงแม่น้ำจูลี่ ในใจพลันรู้สึกโศกเศร้าเ็ปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหมือนกับได้สูญเสียมิตรสหายไปคนหนึ่ง ซุนเฟยรู้สึกเหมือนในร่างมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ หากไม่ได้ชำระแค้น เขาก็ไม่อาจดับไฟแค้นในกายได้...
ท่ามกลางเสียงร้อง ซุนเฟยหันร่างไป
เหล่านักรบทั้งยี่สิบสองคนที่ตัวเองพามาจากกำแพง นอกจากเบรโน่ผู้เสียสละแล้วคนอื่นๆ ยังอยู่ครบ ซุนเฟยแอบสาบานในใจว่าจะต้องพายี่สิบเอ็ดคนที่เหลือรอดกลับไปให้ได้
แรนดุ๊กอาศัยจังหวะที่ตัวเขาหันหลังจ้วงแทงออกไป สร้างรอยาแลึกสี่ห้าแห่ง แต่ซุนเฟยก็ไม่สนใจ ขวานั์ในมือก็กลายเป็พายุสับไปที่ร่างของชายเกราะดำที่เหลืออีกไม่กี่คนให้เละเป็เนื้อบด จากนั้นก็ะโไปที่เพียร์ซกับคนอื่นๆว่า “ถอย...กลับไป กลับไปที่กำแพง เหล่านักรบ ภารกิจของพวกเ้าเสร็จแล้ว”
แต่...
“พวกเราจะกลับไปพร้อมองค์าาอเล็กซานเดอร์!”
นี่เป็คำตอบที่เอ่ยออกมาพร้อมกัน ไม่มีใครสักคนที่จะลังเลเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าบนร่างกายของพวกเขาจะมีรอยโดนฟันไปทั่วร่างและเืย้อมชุดเกราะจนน่ากลัว แม้แต่บางคนที่ต้องให้เพื่อนช่วยพยุงขึ้นยืน แต่ดวงตาของพวกเขาเด็ดเดี่ยวมั่นคงเหมือนูเาที่สูงตระหง่าน พวกเขาจะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้