ท่ามกลางพายุธนู ร่างอรชรในชุดสีเขียวนั้นเคลื่อนไหวอย่างว่องไว แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทว่ากลับไม่สูญเสียซึ่งความงดงาม ร่ายรำออกมาเป็ท่วงท่าที่เต็มไปด้วยจิติญญา!
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว...
ชั่วพริบตา ท่านหญิงชิงเสียเดินผ่านเสาดอกเหมยไปหนึ่งในสี่ส่วน และยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ กระทั่งเดินไปถึงตำแหน่งหนึ่งในสามส่วน
หนึ่งในสามส่วน หนึ่งในสองส่วน สองในสามส่วน...
นางอยู่ใกล้จุดหมายปลายทางขึ้นเรื่อยๆ!
ยิ่งก้าวข้างหน้า ความรวดเร็วของพายุธนูก็รวดเร็วและถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนราวกับสายธนูที่ขึ้นแล่งเต็มกำลัง
เรือนจินเฟิง ท่านาุโทั้งสองมองอย่างตกตะลึง
“เป็ระบำหิมะเก้าตำหนักที่เยี่ยมยอด! ข้าเพิ่งจะเคยเห็นการเยื้องกรายที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้เป็ครั้งแรก!”
“เดินไปได้สองในสามส่วนแล้ว! นางถึงกับเดินไปได้ไกลกว่าโจวเซี่ยน นี่มันเป็ได้อย่างไร?”
“ดีเหลือเกิน ดูท่าแล้วดอกเหมยทองครั้งนี้ต้องเป็ของนาง!”
เริ่มแรกโจวเซี่ยนไม่คิดว่าท่านหญิงชิงเสียจะทำได้ ทว่าต่อมามือของเขาค่อยๆ กำหมัดแน่น สีหน้าตื่นตระหนก เมื่อนางเดินไปถึงตำแหน่งสองในสามส่วน เขาถึงกับลนลานอย่างแท้จริง หากท่านหญิงชิงเสียสามารถผ่านด่านเสาดอกเหมยไปได้ เช่นนั้นมิเท่ากับเขาพ่ายแพ้หรือ?
ดอกเหมยทองมีเพียงดอกเดียว อาจารย์ที่จะรั้งอยู่ในสำนักศึกษาได้มีเพียงคนเดียวเช่นกัน ดังนั้นเขาจะพ่ายแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
ั์ตาสีน้ำตาลอ่อนปรากฏให้เห็นความชั่วร้าย เขายื่นออกไปคว้าธนูที่หักครึ่งแล้วดีดข้อมือออกไป ส่งธนูครึ่งดอกนั้นพุ่งเป้าไปที่ท่านหญิงชิงเสีย!
เฟิ่งเฉี่ยนมีประสาทการได้ยินที่เยี่ยมยอด นางััได้ถึงรังสีสังหารทันที นางเหินกายไปคว้าธนูดอกนั้นด้วยคิดจะขัดขวาง ทว่าช้าไปก้าวหนึ่ง ธนูดอกนั้นอยู่ห่างจากปลายนิ้วของนางไม่ถึง 0.01 เิเ ต่อมามันหลุดอออกจากปลายนิ้วของนางไป เป้าหมายคือท่านหญิงชิงเสีย!
“ระวัง!” วินาทีที่ร่างตกลงสู่พื้นนางยังร้องะโเสียงดัง
ธนูดอกนั้นพุ่งออกไปเร็วยิ่งยวด มันแทงเข้าที่ขาขวาของท่านหญิงชิงเสียงดัง ฉึ่กกก!
เมื่อย่างก้าวของนางชะงักลง จังหวะการร่ายรำนั้นจึงพลันสับสน พายุธนูจากสี่ด้านแปดทิศพุ่งเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง!
ฉึ่กก!
ไหล่ซ้ายของนางถูกธนูปักเข้าดอกหนึ่ง!
ฉึ่กก!
แผ่นหลังด้านขวาของนางถูกธนูปักเข้าอีกดอกหนึ่ง!
ท่านหญิงชิงเสียไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ ด้วยจนใจจึงได้แต่ย้อนกลับมา ระหว่างทางที่ย้อนกลับมาแผ่นหลังยังถูกธนูปักเข้าอีกดอกหนึ่ง
เฟิ่งเฉี่ยนรีบออกไปรับ “ท่านหญิง ท่านไม่เป็ไรกระมัง?”
ท่านหญิงชิงเสียส่ายหน้า นางมองโจวเซี่ยนด้วยสายตาผิดหวังแต่ไม่ได้พูดอะไร
เฟิ่งเฉี่ยนกลับชี้หน้าด่าทออย่างมิเกรงใจ “ลอบยิงธนูทำร้ายผู้อื่น! เป็การกระทำเลวทรามต่ำช้า! เสียแรงที่ก่อนหน้านี้ท่านหญิงชิงเสียยังมอบยาสมานแผลให้เ้าทำแผล เ้าตอบแทนนางเช่นนี้หรือ? เ้าคู่ควรเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง คู่ควรเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหงหรือไม่? คนเช่นเ้า หากเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหงจริงๆ ก็คงเป็คนที่สอนลูกศิษย์ผิดๆ เ้าควรจะรู้สึกละอายแก่ใจ ควรจะสละสิทธิ์จากการเข้าสอบครั้งนี้ด้วยตัวเองจึงจะถูก!”
“เ้า...” โจวเซี่ยนมีโทสะ แต่ด้วยตนเองกระทำการไร้เหตุผลจึงไม่อาจตอบโต้
เรือนจินเฟิง ท่านาุโเหลียนแค่นเสียงฮึแล้วพูดถากถาง “ท่านาุโเฉิน นี่ก็คือศิษย์แสนดีที่ท่านอบรมสั่งสอนออกมา!”
ท่านาุโเฉินเดือดดาล เขาพ่นลมใส่หนวดเคราและถลึงตา “โจวเซี่ยนผู้นี้ ถึงกับลอบยิงธนูทำร้ายผู้อื่น ทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน!”
“ท่านหญิง ท่านอดทนสักหน่อย!” มือขวาของเฟิ่งเฉี่ยนจับธนูไว้แน่นแล้วออกแรงดึงเพื่อดึงธนูที่ปักอยู่บนแผ่นหลังด้านขวาของท่านหญิงชิงเสียออก
ท่านหญิงชิงเสียขบฟันแน่น ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่แอะเดียว หยดเหงื่อเท่าเมล็ดถั่วผุดขึ้นเต็มหน้าผากและไหลลงมา นางพูดเพียงประโยคเดียว “ทำต่อไป!”
คนที่เฟิ่งเฉี่ยนเลื่อมใสมีไม่มาก สตรีที่เลื่อมใสยิ่งน้อยกว่า แต่ท่านหญิงชิงเสียนับเป็คนหนึ่ง!
“อดทนอีกนิด!” เฟิ่งเฉี่ยนกระทำการอย่างรวดเร็วไม่ลังเลใจ ดึงธนูตามร่างกายของนางออกมาทีละดอกจนหมด จากนั้นช่วยนางใส่ยาสมานแผล
“ขอบคุณ” ท่านหญิงชิงเสียกล่าว “ค่ายกลธนูของเสาดอกเหมย ยากกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้ คิดจะฝ่าออกไม่ใช่เื่ง่ายแน่นอน ทว่าในเมื่ออาจารย์ที่เคยอยู่ในสำนักศึกษาเทียนหงล้วนก้าวผ่านการสอบด่านเสาดอกเหมยไปได้ เห็นได้ว่ามันมิใช่จะไม่มีช่องโหว่ จะต้องเป็เพราะพวกเรายังหาวิธีการที่ถูกต้องไม่ได้”
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นด้วยกับคำพูดของนาง เริ่มั้แ่การทดสอบในด่านแรก สำนักศึกษาได้ออกแบบแต่ละด่านด้วยมีวัตถุประสงค์และแฝงความหมาย ด่านแรกนั้นทดสอบความช่างสังเกตของผู้เข้าสอบ เช่นนั้นด่านที่สอง้าทดสอบอะไร?
คนทั้งสองเข้าสู่ห้วงความคิดของตนเอง
โจวเซี่ยนอีกด้านหนึ่งนั้นร้อนตัว ไม่กล้าออกเสียง ได้แต่นั่งอยู่ลำพัง
เรือนจินเฟิง ท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนเห็นคนทั้งสามหยุดอยู่กับที่จึงได้แต่ลอบร้อนใจแทนพวกเขา
“ด่านที่สองมีความยากอยู่บ้างจริงๆ ท่านหญิงชิงเสียและแม่นางท่านนั้นมิใช่ศิษย์ของสำนักศึกษา คิดวิธีการแก้ไขไม่ได้ถือเป็เื่ที่เข้าใจได้ แต่โจวเซี่ยนอยู่ในสำนักศึกษามาหลายปีเช่นนี้ ยังคิดวิธีการไม่ออก นี่มันไม่สมควรอย่างยิ่ง!”
ได้ยินคำพูดของท่านาุโเหลียน ท่านาุโเฉินยิ่งไม่ได้ดั่งใจ หรือสายตาในการมองผู้คนของเขามีปัญหาจริงๆ ศิษย์ที่โดดเด่นในสายตาของเขา ไม่อาจคลี่คลายกลไกได้ ด่านที่สองบุกตะลุยอย่างบ้าคลั่ง ไม่หยุดคิดหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหา ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ เขาถึงกับลอบยิงธนูทำร้ายคน พฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ทำให้เขาผู้ซึ่งเป็อาจารย์เสียหน้าอย่างที่สุด!
ระหว่างที่กำลังทอดถอนใจ ประตูถูกผลักเข้ามาโดยคนสามคน คนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มแน่นกังวาน “การสอบของหอดอกเหมยเป็อย่างไรบ้างแล้ว?”
ท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนหันไปมองพร้อมกัน เห็นเพียงผู้ที่มาสวมเสื้อคลุมสีเทาที่เป็เครื่องแบบของท่านาุโ ทว่ากลับมีบุคลิกแตกต่างกันออกไป
ผู้ที่เดินนำเข้ามามีสีหน้าเยาว์วัย มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ สีหน้าอบอุ่นอ่อนโยนมีความเมตตา ทว่ารอบกายกลับเต็มไปด้วยพลังและบารมี ทำให้คนอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังถูกกลบรัศมีไปโดยปริยาย ดูน่าเกรงขามโดยมิต้องแสดงท่าที ทำให้คนรู้สึกเลื่อมใสและนับถือ เขาก็คือหนึ่งในสามของรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเทียนหง ถงชิ่งซาน!
สองคนที่อยู่เื้ัของเขา คนหนึ่งมีผมสีเงินและหนวดเคราสีเงิน คนหนึ่งมีผมและหนวดเคราสีดำ คือท่านาุโกู่ผู้ดูแลหอตำราและท่านาุโฉินที่ดูแลฝ่ายอาญาของสำนักศึกษา
เห็นเช่นนั้นท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนรีบลุกขึ้นไปต้อนรับอย่างรู้มารยาท “รองอาจารย์ใหญ่ ท่านาุโกู่ ท่านาุโฉิน การสอบยังคงดำเนินต่อไป พวกเขาผ่านเข้ามาถึงด่านที่สองแล้ว...”
รองอาจารย์ใหญ่พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าผู้ที่เข้าสอบในวันนี้ล้วนเป็คนที่ท่านทั้งสองคัดเลือกมาจากศิษย์ที่มีความโดดเด่น และจะเป็บุคลากรที่ดีของการเป็อาจารย์คนใหม่ อาจารย์ใหญ่ให้ความสำคัญยิ่ง จึงให้ข้ามาดูการสอบด้วยตนเอง เป็อย่างไรบ้าง? ตอนนี้พวกเขาสองคนทำได้อย่างไร?”
ท่านาุโเฉินและท่านาุโเหลียนสบตากันปราดหนึ่ง
ท่านาุโกู่เห็นสีหน้าของพวกเขาผิดปกติ จึงแทรกขึ้นว่า “อย่างไรกัน? มีปัญหาอะไรหรือไม่? ท่านาุโเฉิน ได้ยินว่าวันนี้ โจวเซี่ยน ศิษย์รักของท่านร่วมเข้าสอบด้วย เขาน่าจะทำได้ไม่เลวกระมัง”
คำพูดของเขาปักลงกลางใจของท่านาุโเฉิน ศิษย์ที่ตนเห็นว่าเป็คนดีนั้นแสดงพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้นออกมา เขาเองไม่มีหน้าจะพูดจาแทนศิษย์คนนั้นอีกแล้ว
“เื่นี้...” ท่านาุโเฉินไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี จึงได้แต่ค้อมกายเปิดทางให้ “รองอาจารย์ใหญ่ พวกท่านดูเองเถิด!”
รองอาจารย์ใหญ่ประหลาดใจ จึงก้าวเข้าไปที่ลูกบอลคริสตัล ท่านาุโฉินตามเข้าไป ท่านาุโกู่มิได้ตามเข้าไปทันที แต่กลับเดินหน้ายิ้มระรื่นแล้วหยอกเย้าท่านาุโเฉินผู้เป็คู่อริตลอดกาลของเขา “ท่านาุโเฉิน ไฉนท่านจึงได้หน้าดำทะมึนเช่นนี้เล่า คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจว่าศิษย์ของท่านตายไป”
ท่านาุโเฉินถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ ช่างขัดหูขัดตา!
รองอาจารย์ใหญ่ร้อง “เอ๊ะ” ขึ้นมาในตอนนี้เอง เขาถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ผู้เข้าสอบในวันนี้มิใช่มีสองคนหรอกหรือ ไฉนจึงมีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนเล่า?”
ท่านาุโฉินที่อยู่ข้างกายหน้าเคร่งทันที เขาพูดเสียงเข้มงวด “ว่าการตามกฎของสำนักศึกษา ผู้ที่บุกรุกเข้าไปในหอดอกเหมย ต้องถูกขับออกจากสำนักศึกษาทันที และไม่รับเป็ศิษย์ตลอดไป!”
ท่านาุโกู่ได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “ถึงกับมีคนบุกเข้ามาในหอดอกเหมย? ช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก! ให้ข้าดูเสียหน่อยว่าเป็ใครที่ขวัญกล้าเช่นนี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้