ถูเสินเว่ยยิ่งด่ายิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม หลายครั้งที่อยากจะสะบัดฝ่ามือตบออกไปใส่ถูเชียนจวินที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ความจริงแล้วเริ่มแรกเขาไม่ได้รู้เื่ราวที่เกิดขึ้น เพียงแต่หลังจากเกิดเื่ขึ้นที่ยอดเขาขาดเขาจึงได้รู้ เนื่องจากว่าเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนร่วมมือเป็พันธมิตรกันทำให้เขาเกิดความสนใจขึ้นจึงได้ส่งคนไปสืบดู
คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ตรวจสอบมาได้จะกลับกลายเป็ว่าเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็ฝีมือของเ้าลูกชายที่โง่เขลาของตนเองทำขึ้น เขาโกรธเป็ฟืนเป็ไฟจนเกือบจะทนไม่ไหวเข้าไปลากคอถูเชียนจวินออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้วลงมือสั่งสอนสักรอบ แต่สุดท้ายคิดไปคิดมารอดูไปก่อนดีกว่าว่าลูกชายของตนเองคนนี้จะโง่เขลาถึงขนาดไม่ยอมมาหาให้ตนเองช่วยจัดการให้หรือไม่
มองดูถูเชียนจวินที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างประหม่าเป็อย่างยิ่ง ถูเสินเว่ยทอดถอนใจออกมาด้วยสีหน้าอับจนปัญญา ปรารถนาให้ลูกเติบโตเป็ัแต่สุดท้ายแล้วหาใช่ไหม เื่ราวที่เกิดขึ้นดันทำซะเป็เื่เอิกเกริกใหญ่โต สังหารคนๆ เดียวถึงกับต้องให้สองเผ่าร่วมมือกัน แถมยังวางไส้ศึกไว้ในเขตปกครองเทพาอีก แต่สุดท้ายดันทำไม่สำเร็จ ในทางตรงกันข้ามกลับเป็การส่งเสริมให้พลังฝีมือของเย่ชิงหานพัฒนาขึ้นอย่างก้าวะโ แถมยังได้รับวิชาต่อสู้ร่างอสูรน่าเหลือเชื่อที่แม้แต่เขายังมีความสงสัยอยากรู้ หากเื่ราวมีเพียงเท่านี้ก็ยังพอรับได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าไอ้เ้าโง่ถูเชียนจวินไม่เพียงทิ้งหลักฐานเอาไว้ที่เป็สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษซึ่งหลอมขึ้นภายในนครแห่งเทพ แถมยังบอกกล่าวเยาขาข่าและหมันก้านอย่างชัดเจนว่าภารกิจครั้งนี้เป็คำสั่งจากเขา ดูว่าตอนนี้เยาขาข่าตายแล้ว เดี๋ยวเยาเสก็คงจะรู้เื่ หมันเสินไอ้คนเถื่อนนั่นก็คงอาศัยโอกาสนี้ฉกฉวยผลประโยชน์เรียกร้องอะไรอีกเป็แน่ สำหรับเขตปกครองเทพายิ่งไม่ต้องพูดถึงคงรอจะอาละวาดให้กลายเป็เื่ใหญ่อยู่อย่างแน่นอน
“แล้ว...ท่านพ่อ พวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี? หากว่าเื่นี้แพร่งพรายออกไป ท่านจ้าวเทวะกลับมาแล้วรู้เข้าคงต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน!” ถูเชียนจวินยิ่งฟังยิ่งลนลาน นึกถึงวิธีการที่น่ากลัวของบุรุษผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่อยู่ในจวนจ้าวเทวะผู้นั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นขึ้นมาภายในใจ มือเท้าเริ่มสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
“เ้ามันขยะไร้ค่า! บุคลิกลักษณะของข้าเ้าเรียนรู้ไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบส่วน สติปัญญาของข้าเ้าไม่ได้รับไปแม้แต่หนึ่งในร้อยส่วน จำเอาไว้ไม่ว่าเื่อะไรก็ต้องเยือกเย็นเข้าไว้ แมู้เาแห่งเทพกดทับศีรษะอยู่หน้าก็ต้องไม่เปลี่ยนสี!” ถูเสินเว่ยส่ายหัวระคนทอดถอนใจออกมา ยกแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นต่อ “เื่ใหญ่นิดหน่อยก็ทำให้เ้าใกลัวจนถึงเพียงนี้ แล้วต่อไปจะเป็ยอดคนได้อย่างไร?”
“เื่นี้จะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่ สำคัญคือเ้าทิ้งหลักฐานและชื่อตนเองไว้ มิฉะนั้นแล้วไม่ต้องเป็กังวลแม้แต่น้อย เ้าฟังให้ดี! อีกสักครู่จงไปจัดการตามนี้...
ประการแรก...จับคนที่ไปส่งข่าวมัดไว้ และจับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิคนทรยศของเขตปกครองเทพาที่หลบหนีมายังนครแห่งเทพมัดไว้เช่นกัน จากนั้นทำลายวรยุทธ์และจุดชีพจรของพวกมันให้หมด แต่อย่าเพิ่งให้พวกมันตายทำเพียงให้พวกมันเหลือลมหายใจอยู่และพูดไม่ได้ก็พอ ให้พวกมันมีชีวิตอยู่ต่อจนงานประลองาระหว่างเขตปกครองสิ้นสุดลง รอจนทั้งสามเขตปกครองถูกเคลื่อนย้ายมายังนครแห่งเทพ”
“ประการที่สอง...ส่งข่าวบอกเยาเสว่าบุตรชายของเขาถูกคนสังหารตายแล้ว หาก้าแก้แค้นให้เขาพาผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์มาด้วยหลายๆ คน แล้วมาพบข้าโดยตรง”
“ประการที่สาม...หลังจากเื่ราวจบลงเ้าไปยอมรับผิดที่หอจั่นเซียน หากข้าคาดเดาไม่ผิดจั่นเสินเว่ยน่าจะเห็นแก่หน้าข้าคงลงโทษกักบริเวณเ้าสามปีห้าปี อยู่ในคุกก็ตั้งใจฝึกฝนดีๆ พยายามบรรลุระดับขอบเขตาาจักรพรรดิให้ได้ในเร็ววัน หาไม่แล้วละก็เ้าก็จงอยู่ในคุกต่อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน...”
ถูเชียนจวินตั้งใจฟังสิ่งที่ถูเสินเว่ยพูดออกมา ใช้สมองครุ่นคิดตามอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผ่านไปเนิ่นนานถึงได้เข้าใจในสิ่งที่บิดาสั่งให้ไปเตรียมการ ภายในใจยิ่งเคารพเลื่อมใสถูเสินเว่ยมากยิ่งขึ้น
ประการแรก...เป็การหาแพะรับบาปมาสองคน มาเป็ตัวแทนถูเชียนจวินในการรับหน้าทั้งสามเขตปกครองที่จะสอบถามและหาคนผิด
ประการที่สอง...เย่ชิงหานคนนี้พลังฝีมือพัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวเกินไป และตนเองคงถูกเย่ชิงหานหมายหัวเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน บิดาจึงใช้วิธีการยืมมีดฆ่าคนเพื่อกำจัดเย่ชิงหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีดเล่มนี้ฆ่าได้อย่างเปิดเผยและสมเหตุสมผล
ประการที่สาม...ในเมื่อเื่ที่ตนเองกระทำบิดาสามารถตรวจสอบจนรู้ได้ ถ้าอย่างนั้นจั่นเสินเว่ยที่เป็ผู้คุมกฎก็คงจะทราบเื่แล้วเช่นเดียวกัน จนกระทั่งตอนนี้จั่นเสินเว่ยไม่ได้ส่งคนมาควบคุมตัวตนเองไปคาดว่าคงเป็เพราะเห็นแก่หน้าบิดาของตนเองอยู่ ถ้าหากตนเองเดินเข้าไปยอมรับผิดด้วยตัวเองจั่นเสินเว่ยคงยังเห็นแก่หน้าบิดาและไม่ลงโทษตัดหัวตนเองอย่างแน่นอน
เมื่อคิดเข้าใจในเื่ราวทุกอย่างชัดเจน ทั่วทั้งสรรพางค์กายของถูเชียนจวินพลันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา สายตามองไปยังถูเสินเว่ยที่นั่งอ่านหนังสือต่ออยู่บนโต๊ะอย่างเลื่อมใสศรัทธาถึงที่สุด เื่ราวมากมายซับซ้อนถึงเพียงนี้ถูเสินเว่ยกลับพูดออกมาไม่กี่ประโยคก็สามารถเตรียมการทุกอย่างได้อย่างครอบคลุมและชัดเจน คำกล่าวที่ว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดกล่าวไว้ไม่มีผิดจริงๆ
ถูเชียนจวินไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทำการคุกเข่าลงอีกครั้งแล้วโขกศีรษะลงไปอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่งจากนั้นจึงเดินออกไป
“ฮึ! ยังไม่นับว่าเ้าโง่เขลาจนเกินไป...”
ถูเสินเว่ยมองดูเงาร่างที่ไกลออกไปของถูเชียนจวินพร้อมกับส่ายหัวออกมา ทันใดนั้นจึงร้องสั่งขึ้นมาในฉับพลัน “เด็กๆ ไปสืบดูข้อมูลเกี่ยวกับวิชาต่อสู้ร่างอสูรของเย่ชิงหานที เคล็ดวิชาต่อสู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่ควรจะมีปรากฏขึ้นมาบนทวีปัเพลิงได้? มันต้องมีความลับอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน!”
หลังจากเสียงร้องของถูเสินเว่ยที่ดังขึ้น ภายนอกประตูพลันปรากฏคนสวมเสื้อคลุมสีทองผู้หนึ่งขึ้น เขาไม่ได้พูดจาใดๆ ทำเพียงประสานมือไปทางถูเสินเว่ย หลังจากฟังจบเงาร่างพลันเลือนหายไปในอากาศ...
.................................
เกาะแห่งความมืดมิด
ทุ่งหญ้าสีเืยังคงแดงสดอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ทหารของทั้งสามเผ่าเริ่มที่จะอดทนอยู่อย่างสงบต่อไปกันไม่ไหวเสียแล้ว คล้ายกับว่าภายใต้ผืนหญ้าสีแดงที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตานี้มีพลังงานบางอย่างที่กระตุ้นให้จิตใจของพวกเขากระหายเืขึ้นมา กระตุ้นเกิดความ้าอยากที่จะฆ่าคนเพื่อสนองต่อแรงเร้าที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ
ครึ่งเดือนผ่านไป เผ่าคนเถื่อนเริ่มหมดความอดทนจึงส่งคนมาพูดคุยกับเย่ชิงหานจนได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากเย่ชิงหาน จากนั้นหมันก้านโบกสะบัดมือข้างที่มีนิ้วมือเพียงสี่นิ้วของมันออกขึ้น ออกคำสั่งให้กองทัพเผ่าคนเถื่อนเคลื่อนพลเข้าไปยังฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย
หลังจากเคลื่อนพลเข้าไปอย่างระมัดระวังและพบว่าเขตปกครองเทพาไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เผ่าคนเถื่อนจึงเข้ายึดครองฐานที่มั่นเทพแห่งความตายในทันที เริ่มตั้งกระโจมที่พักปักหลักฐานที่มั่นแนวป้องกันต่างๆ ขึ้นอย่างเร่งรีบ ดูราวกับชายหนุ่มที่แอบไปตีท้ายครัวชาวบ้านแล้วรีบหลบออกมาอย่างเร่งรีบกลัวว่าผู้คนจะพบเห็นฉันนั้น
ส่วนปีศาจจิ้งจอกผู้นำชั่วคราวของเผ่าปีศาจทำเพียงยิ้มออกมาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ยังคงออกคำสั่งให้ตั้งมั่นอยู่กับที่รอดูสถานการณ์ต่อไป
เพียงแต่หนึ่งวันผ่านไปทางฝ่ายเขตปกครองเทพา ทั้งนอนพักผ่อนทั้งคุยโม้ทั้งสังสรรค์กันอยู่เช่นเดิมไม่ได้มีทีท่าว่าจะบุกโจมตีฐานที่มั่นเทพแห่งความตายแต่อย่างใดเลย
สามวันผ่านไป...
ห้าวันผ่านไป...
สิบวันผ่านไป...
ในขณะที่ยังเหลือเวลาอีกห้าวันก่อนศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายจะสิ้นสุดลง เขตปกครองเทพายังคงไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เช่นเคย ปีศาจจิ้งจอกรู้สึกงุนงงเป็อย่างมาก แต่ในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวต่อการรบเร้าของเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาจึงทำการตัดสินใจบุกโจมตีฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย
“ฆ่า!”
ปีศาจจิ้งจอกร้องคำรามเสียงแหลมสั่งออกมา เหล่าทหารปีศาจทั้งหลายพุ่งทะยานเข้าไปยังเขตฐานที่มั่นเทพแห่งความตายอย่างรวดเร็ว ทหารมากมายเบียดเสียดยัดเยียดไหลทะลักเข้าไป แน่นอนว่าหมันก้านเกิดความไม่พอใจอุตส่าห์ปักหลักยึดครองอยู่หลายสิบวันจะละทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร ครั้นแล้วจึงออกคำสั่งให้โจมตีตอบโต้กลับไปให้หมด อีกเพียงแค่ห้าวันจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้
ทางฝ่ายเขตปกครองเทพา พวกที่นอนอยู่ล้วนตื่นขึ้น พวกที่กำลังคุยโม้ต่างหยุดลง พวกที่ดื่มอยู่ต่างก็หยุดดื่ม ทุกคนต่างมารวมกันที่เขตแดนด้านข้างของฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาเพื่อรับชมเื่สนุกที่กำลังเกิดขึ้น
“จุ๊ๆ...ดูหุ่นของปีศาจจิ้งจอกระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจนั่นสิ หุ่นดีเป็บ้าเลย ดูหน้าอกนั่น ดูสะโพกนั่น ถ้าหากให้ข้าได้เชยชมสักครั้งแม้จะต้องอายุลดไปสักสิบปีข้าก็ยอม...”
“ดูนั่น! ปีศาจงูระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจนั่นพลังดุดันรุนแรงเป็อย่างมาก เพียงแค่พริบตาเดียวเผ่าคนเถื่อนตายเพราะพิษของมันอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าร้อยคนแล้ว!”
“อืม! เผ่าคนเถื่อนเริ่มใช้การเผาไหม้พลังคนเถื่อนแล้ว รอบนี้หมันก้านคงต้องควักต้นทุนออกมาจ่ายอีกแล้วสิ...”
“เผ่าปีศาจดุร้ายเป็อย่างมาก เผ่าคนเถื่อนทำได้แค่เพียงยืนเป็เป้าให้ตีเท่านั้น ดูท่าคงจะรักษาฐานที่มั่นไว้ได้อีกไม่นานแล้ว...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้