ตอนนี้เย่เชียงยืนอยู่ในด่านแรกของเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเา เขามองดูสัตว์ประหลาดที่ถูกผู้าุโของตระกูลเย่สังหารตายอย่างง่ายดาย คิ้วบนใบหน้าอดไม่ได้ที่จะขมวดขึ้นในทันที
ูเาสุสานทวยเทพเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติขึ้นจริงๆ สิบปีก่อนเขาเคยนำกองกำลังมายังที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว สัตว์ประหลาดที่เฝ้ารักษาในด่านนี้ไม่ได้มีระดับที่ต่ำเช่นนี้อย่างแน่นอน หวนคิดไปถึงด่านแรกดินแดนแห่งภาพลวงตาที่พวกเขาผ่านมาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าูเาสุสานทวยเทพจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติขึ้นจริงๆ ระดับความยากในการผ่านด่านลดลงมาถึงครึ่งหนึ่ง ไม่ว่าผู้เข้าฝ่าด่านทดสอบคนใดก็สามารถทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย
แต่เย่เชียงก็ไม่ได้ออกคำสั่งให้กองกำลังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วแต่อย่างใด สมบัติของวิเศษล้ำค่าภายในูเาสุสานทวยเทพแม้จะสำคัญ แต่เป้าหมายหลักของพวกเขาในครั้งนี้คือคนๆ หนึ่ง คนที่สำคัญมากเสียยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดของูเาสุสานทวยเทพ ซึ่งก็คือเย่ชิงหาน
“เย่เฉวียนเ้านำกำลังคนไปสิบคนรีบทะลวงผ่านด่านไปให้เร็วที่สุด จำเอาไว้ว่าอย่าฝืนจนเกินไป พบเจอกับศัตรูไม่จำเป็ก็ให้หลบหลีกออกไป ภารกิจตามหาเย่ชิงหานสำคัญที่สุด นอกนั้นคนที่เหลือกระจายกันออกไปตามหา!” เย่เชียงไม่คิดอะไรมากรีบออกคำสั่งสองครั้งติดต่อกันออกมา
ทุกคนเมื่อได้รับคำสั่งจึงต่างแยกย้ายกันออกไป หลงเหลือเพียงเย่เชียงและผู้าุโของตระกูลเย่อีกสองท่านอยู่กับเย่ชิงอวี่ ูเาสุสานทวยเทพแปลกประหลาดมหัศจรรย์จนเกินไป มิติคู่ขนานภายในเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเามีอยู่อย่างมากมาย คนแต่ละกลุ่มจะพบเจอกับบททดสอบภายในแต่ละด่านที่แตกต่างกัน เย่เชียงเองก็อับจนปัญญาจึงทำได้แค่เพียงทะลวงฝ่าไปทีละด่านและหยุดลงเพื่อตามหาเย่ชิงหานในแต่ละด่านเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
เย่รั่วสุ่ยบอกมาแล้วว่าเย่ชิงหานมีโอกาสรอดถึงแปดส่วน แต่เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเย่ชิงหานในตอนนี้อยู่ภายในมิติคู่ขนานแห่งใดกันแน่ หรือว่าเขาได้ทะลวงผ่านไปยังด่านที่สามแล้ว ตอนนี้จึงทำได้แค่เพียงพึ่งดวงเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่กองกำลังของตระกูลอื่นๆ ก็แยกย้ายกันออกไปไม่ได้เข้ามาทะลวงฝ่าด่านพร้อมๆ กัน เช่นนี้ก็มีลุ้นว่าอาจจะหาเย่ชิงหานพบและช่วยคุ้มครองเขาได้
เย่ชิงอวี่ไม่รู้สภาพโดยรวมทั้งหมดของูเาสุสานทวยเทพ แม้ว่านางจะเข้ามาแล้วก็ตามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าเสาะหาไปยังทิศทางใด ส่วนพวกเย่เชียงก็อยู่ข้างกายของพวกนางโดยตลอดนางคิดที่จะไปไหนก็ไปไม่ได้
‘ท่านพี่...ชิงอวี่มาแล้ว มาหาท่านแล้ว แต่ว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ใด...’
นางทำได้เพียงอธิษฐานอยู่ภายในใจ อธิษฐานให้ได้พบกับเงาร่างที่ปรากฏอยู่ในความฝันตลอดทุกคืนวันนั้น นางจ้องมองไปยังทรายสีเหลืองที่ลอยปลิวอยู่เต็มท้องฟ้า ภายในใจของนางเริ่มสั่นสะท้านขึ้น ได้แต่พูดร่ำร้องกับตนเองออกมาอยู่ภายในใจ เหมือนกับตอนที่อยู่ภายในลานที่พักเล็กๆ ในตระกูลเย่ ตนเองเหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ในยามเช้าทางเมืองหมันพร้อมกับพูดร่ำร้องอยู่ภายในใจ
.................................
เย่ชิงหานไม่อาจรู้ได้ว่าทั้งน้องสาว ผู้หญิง ญาติพี่น้อง และเหล่าผองเพื่อนทั้งหลายได้เข้ามาภายในูเาสุสานทวยเทพเพื่อตามหาตนเอง ซึ่งในตอนนี้เขาเองก็คงไม่มีเวลาไปคิดถึงเื่ราวเหล่านี้อีกด้วย เพราะว่าเขาถูกของที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตกตะลึงจนสมองคิดอะไรอย่างอื่นอีกไม่ได้เลย!
ตอนนี้เขายืนอยู่ที่แห่งหนึ่งภายในหอเซียวเหยา มองดูของประดับตกแต่งทั้งหมดที่อยู่ภายในที่ไม่รู้ชื่อชัดเจนถึงกับทำให้เขาอึ้งตาค้างไปในทันที ไม่ใช่ว่าเขาเป็พวกตาไม่ถึง ตระกูลเย่ที่เป็หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของเขตปกครองเทพาของประดับตกแต่งที่มีล้วนนับว่าอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเขายังเคยไปเห็นที่ตระกูลเยว่มาแล้ว แต่ว่าของประกับตกแต่งที่ล้ำค่าดูหรูหราที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็คนบ้านนอกที่หลงเดินเข้ามาในคฤหาสน์ฉันนั้น
โต๊ะที่ทำจากหินหยก เก้าอี้ที่กำลังแผ่กลิ่นหอมรัญจวนออกมาที่ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุชนิดใด ฉากกั้นที่ดูหรูหราวิจิตรงดงาม ภาพวาดอักษรที่แฝงความหมายและพลังลึกล้ำอยู่ภายใน...
“ท่านผู้าุโ สิ่งของเหล่านี้ราคามูลค่าคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเลยใช่ไหม?”
เย่ชิงหานที่เดินตามอยู่ด้านหลังลู่ซีมองสำรวจดูอยู่เนิ่นนานจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“เหอะๆ...สิ่งของเหล่านี้ไม่สามารถใช้ราคามูลค่ามาประเมินได้ นายท่านเป็ถึงผู้มีพลังฝีมืออันดับหนึ่งของขอบเขตจักรพรรดิเทพ์ มีทรัพย์สมบัติของวิเศษล้ำค่าต่างๆ มามากมายนับไม่ถ้วน หอเซียวเหยาเป็เพียงหนึ่งในสิบสองหอเทพของเขาเพียงเท่านั้น ของที่อยู่ภายในหอนี้หยิบออกไปสักชิ้นหนึ่งสามารถทำให้เ้าอยู่อย่างสุขสบายภายในดินแดนแห่งเทพได้เลยทีเดียว!”
ลู่ซียิ้มออกมา แต่ทันใดนั้นคล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้น “นายน้อย ต่อไปไม่ต้องเรียกข้าว่าท่านผู้าุโอีกแล้ว ตอนนี้ข้าเป็ผู้รับใช้ของเ้า ถ้าหากเ้าอยากจะเรียกอย่างให้เกียรติข้าจริงๆ ละก็ เรียกข้าว่าผู้เฒ่าลู่ก็ได้ มิฉะนั้นข้าจะโกรธจริงๆ ด้วย!”
ผู้เฒ่าลู่ อืม!
“ถ้าอย่างนั้นข้าเรียกท่านผู้เฒ่าลู่ ท่านก็ไม่ต้องเรียกข้าว่านายน้อย เรียกว่าเ้าหนูหานก็พอ พวกผู้าุโในตระกูลต่างเรียกข้าเช่นนี้!” ลู่ซีแสดงความเกรงใจต่อเขาเขาย่อมไม่กล้าที่จะเสียมารยาทได้คืบเอาศอกจึงพูดออกมาอย่างเกรงใจ จากนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้น “แล้วของพวกนี้ถ้าหากข้าถือออกไปยังทวีปัเพลิงจะมีราคามูลค่าหรือไม่?”
“แน่นอนว่ามีราคา อย่างน้อยของชิ้นหนึ่งในนี้สามารถแลกเป็สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นได้หลายชิ้นทีเดียว แต่เ้าอย่าคิดเลย ของที่อยู่ในนี้เ้าเอาออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็เอาออกไปสู่โลกจักรวาลชั้นนอกอย่างทวีปัเพลิงไม่ได้ เอาละ เื่ราวเหล่านี้ต่อไปค่อยเล่าให้เ้าฟัง ที่นี่เป็แค่เพียงส่วนหน้าเท่านั้นข้าจะพาเ้าไปด้านในหอหลักจริงๆ!” ลู่ซีไม่ได้อธิบายอะไรออกมามาก จากนั้นเดินเลี้ยวเข้าไปยังมุมหนึ่งด้านหน้า
“จุ๊ๆๆ นี่เป็เพียงแค่ส่วนด้านหน้าเท่านั้น ยังมีหอหลักที่อยู่ด้านในอีก!” เย่ชิงหานตกตะลึงขึ้นอีกครั้งรีบเดินตามลู่ซีไปในทันที
.................................
หอด้านในใหญ่กว่าส่วนด้านหน้าหลายเท่า แต่ไม่ได้มีเครื่องประกับตกแต่งอะไรมากมาย อาจจะพูดได้ว่าว่างเปล่าแทบไม่มีสิ่งใดเลยก็ว่าได้ แต่ของที่เขาเห็นในที่แห่งนี้กลับทำให้รู้สึกตกตะลึงพรึงเพริดและตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่า
ส่วนยอดบนสุดของหอหลักมีแท่นหินศิลาสีดำอยู่ ้าของแท่นหินศิลาสีดำมีของสามสิ่งวางอยู่ ซึ่งก็คือของทั้งสามสิ่งนี้ที่ทำให้เย่ชิงหานหายใจหอบถี่และร้อนผ่าวขึ้นมา
กระบี่ที่ขาวราวหิมะเล่มหนึ่ง ดาบที่ดำขลับมันวาวเล่มหนึ่ง และแหวนสีม่วงวงหนึ่ง
“สมบัติล้ำค่าระดับเทพ?”
สุดท้ายเย่ชิงหานส่งสายตาที่สงสัยมองไปยังลู่ซี แม้นสีหน้าภายนอกเขาจะดูปกติแต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มขึ้นอย่างไม่อาจจะบังคับได้ รวมไปถึงหัวใจที่เต้นอย่างรวดเร็วเปิดเผยให้เห็นถึงอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
ของที่สามารถนำมาวางไว้ภายในหอหลักแน่นอนว่าจะต้องเป็ของล้ำค่าระดับสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย และของล้ำค่าระดับสูงสุดจะต้องเป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพที่สุดยอดกว่าระดับเทพทั่วๆ ไป ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือมีถึงสามชิ้น
“เหอะๆ เ้าหนูหานอย่าเพิ่งตื่นเต้นดีใจจนเกินไป แม้ของทั้งสามชินนี้จะเป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพแต่ที่มีประโยชน์ต่อเ้าจริงๆ มีเพียงชิ้นเดียว” คำตอบเป็ดั่งที่คิดเอาไว้ ของทั้งหมดเป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพ แต่คำพูดของลู่ซีกลับทำให้เย่ชิงหานรู้สึกขัดเคืองใจขึ้นมา ทำไมมีเพียงแค่ชิ้นเดียวที่ใช้ได้?
“กระบี่เล่มนี้มีชื่อว่าหิมะละลายไม่สิ้น แน่นอนว่าเป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง......ยังเป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพคุณภาพระดับสูงอีกด้วย!” ลู่ซีเดินไปด้านหน้าแล้วหยิบกระบี่เทพขึ้นมา กระบี่เทพยาวหนึ่งเมตรกว้างครึ่งฟุต ตัวกระบี่มีสีขาวราวกับสีของหิมะ ฝักกระบี่มีลวดลายรูปอสูรที่ดูแปลกประหลาด ทั่วทั้งตัวกระบี่มีคลื่นพลังแสงเบาบางแผ่ซ่านออกมาอยู่ตลอด แม้เป็คนโง่ก็ยังดูออกว่าเป็ของไม่ธรรมดา
เช้ง!
ในขณะที่ลู่ซีถือกระบี่อยู่นั้น คลื่นพลังแสงที่อยู่รอบๆ ตัวกระบี่ราวกับมีชีวิตขึ้นมาฉันนั้น มันเริ่มเคลื่อนตัวไหลวนเวียนไปมาบนตัวกระบี่ดูราวกับัสีขาวตัวหนึ่งที่แนบร่างอยู่บนตังกระบี่อย่างไรอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันก็ส่งเสียงดัง “เช้งๆ” โอ้อวดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ คล้ายกับว่ากำลังสำแดงอานุภาพออกมาให้เห็น
“กระบี่เทพหิมะละลายไม่สิ้นเล่มนี้ภายในมีิญญาของัสถิตอยู่ สามารถเพิ่มพูนพลังให้แก่ผู้ใช้ได้ถึงห้าเท่าตัว เป็สมบัติล้ำค่าระดับเทพคุณภาพระดับสูง แม้แต่ในดินแดนแห่งเทพยังถือว่าเป็ของหาได้ยากยิ่ง”
เย่ชิงหานเมื่อเห็นยิ่งดวงตาลุกเป็ไฟขึ้น ของเหล่านี้ล้วนเป็ของๆ เขา เขาจะได้ใช้สมบัติล้ำค่าระดับเทพแล้วภายในใจยากที่จะหาคำใดบรรยายออกมาได้จริงๆ ดังนั้นจึงขยับริมฝีปากเอ่ยถามขึ้น “กระบี่เล่มนี้ข้าสามารถใช้ได้ไหม?”
“ไม่ได้ อย่าว่าแต่ใช้ในทวีปัเพลิงแห่งนี้เลย ต่อให้ไปยังดินแดนแห่งเทพเ้าก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้!” ลู่ซีส่ายหัวไปมาวางกระบี่เทพกลับลงที่เดิม จากนั้นหยิบดาบเล่มสีดำขึ้นมาแล้วพูดขึ้นต่อ
“กระบี่เทพหิมะละลายไม่สิ้นมีชื่อเสียงจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในตัวกระบี่เล่มนี้เก็บซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ขอเพียงเ้ากล้าเผยมันออกมารับรองได้เลยว่าเ้าจะถูกตามไล่ล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเ้าได้ ดังนั้นกระบี่เล่มนี้เ้าทำได้เพียงแค่วางประดับไว้ภายในหอเซียวเหยาแห่งนี่เพียงเท่านั้น ห้ามให้ผู้ใดรู้เป็อันขาด สรุปง่ายๆ ก็คือเ้าได้แค่ชมแต่ใช้งานมันไม่ได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้