อวิ๋นอี้เขียนจดหมายปฏิเสธอย่างจริงใจเสร็จ ก็ให้เซียงเหอเอาไปส่งให้หว่านฉือ
แสร้งทำเป็ว่าเป็ผู้มีความรู้และมีเหตุมีผล แต่ก็เป็แค่การสวมหน้ากาก ตราบใดที่นางอยากทำ นางก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นกัน
หว่านฉือมิได้ใช้วิธีการนี้หลอกสายตาคนมากมายหรืออย่างไรกัน?
อวิ๋นอี้ไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับนางมากเกินไป นางคิดว่าปฏิเสธไปแล้ว นางคงไม่หน้าด้านหน้าทนมาเชิญอีก แต่เห็นได้ชัดว่านางประเมินความมุ่งมั่นของหว่านฉือต่ำไป
หนึ่งชั่วยามหลังจากส่งจดหมายกลับ ก็มีกลุ่มคนในวังมาที่จวน ถือโองการของไทเฮามา
ขันทีใกล้ชิดนางหรี่ตาและมองไปรอบๆ น้ำเสียงมั่นใจ พูดอย่างละเมียดละไมว่า "พระชายาเจ็ด รับโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
มุมปากของนางกระตุก คุกเข่าลงอย่างไร้ความรู้สึก
นางใช้นิ้วเท้าก็เดาได้ว่าโองการที่มาในเวลานี้ มีเนื้อหาว่าอย่างไร
ไทเฮารักและเอ็นดูหว่านฉือมาก ผ่านทางตัวอักษรก็สามารถััได้ถึงความห่วงใย นางบอกว่าอวิ๋นอี้เป็บ้านใหญ่ นางก็ควรจะดูแลสนมที่เข้ามาใหม่ให้ดี นางจึงให้อวิ๋นอี้ไปซื้อของกับหว่านฉือ
อวิ๋นอี้จะพูดกระไรได้อีก นางโกรธจนแทบจะหัวเราะออกมา
ต่อหน้าขันทีส่วนตัว นางจะแสดงอาการกระไรมิได้ หลังจากรับโองการมาด้วยรอยยิ้ม นางสั่งให้คนส่งเงินไปพลันเชิญเขากลับ
“พระชายาเพคะ เช่นนั้นข้าแต่งตัวให้ท่านนะเพคะ?” เซียงเหอถามอย่างไม่มั่นใจด้วยใบหน้าเศร้า
อวิ๋นอี้พยักหน้า "อื้ม แต่งให้งามหน่อย"
จะดีหรือร้าย แต่เื่นี้ก็เลี่ยงมิได้แล้ว ในเมื่อหว่านฉือยากจะให้นางไปด้วยมากเช่นนี้ นางต้องมีแผนแน่
แม้ว่านางจะยังเดามิได้ว่าแผนกระไร แต่ตราบใดที่นางอยู่อย่างระมัดระวัง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่
อวิ๋นอี้มิได้ขี้เหร่ ถึงขั้นสวยมากเลยทีเดียว ในวันธรรมดานางไม่ชอบแต่งหน้า เทียบมิได้กับหว่านฉือที่แต่งหน้าให้ดูใสๆ ได้
ในวันปกตินางดูเหมือนดอกไป่เหอ [1] สง่างามและสูงส่ง ภายใต้ฝีมือของเซียงเหอ นางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่งในเวลาอันสั้น นางเป็ผู้ใหญ่และงามชดช้อย สะพรั่งด้วยความละเอียดอ่อน
รูปหน้าที่คมชัด ภายใต้การขัดเงาของการแต่งหน้านั้นน่าจดจำมากขึ้นเรื่อยๆ
เซียงเหอมองนางอย่างหลงใหล ชมไม่ขาดปาก อวิ๋นอี้เหลือบมองตนเองในกระจกก็มองด้วยสายตาชื่นชมเช่นกัน อารมณ์หดหู่ค่อยๆ คลายลง นางเอื้อมมือไปบีบหน้าเซียงเหอ “ไปแล้วนะ!”
อวิ๋นอี้เลิกคิ้วขึ้น “ได้เลย”
ศัตรูหัวใจนั้นแข็งแกร่ง ทำให้นางกดดัน จนนางแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
อวิ๋นอี้นั่งรถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนของหว่านฉือ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย
นางยังไม่ทันลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงของสาวใช้ด้านนอกที่คุ้นเคยเป็อย่างมาก มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหว่านฉือและสาวใช้คนสนิทของนาง
สาวใช้ผู้นั้นมิรู้ว่าเกิดเื่กระไรกับทาส นางเท้าสะเอว คอยกขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ด่าทอเขา ขณะที่หว่านฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ ยืนเป่าเล็บอย่างสบายใจ
อวิ๋นอี้เงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ตาก็เหม่อขึ้นพลันสบตากับหว่านฉือทันที
สีหน้าของนางแข็งทื่อเล็กน้อย รีบกระแอมแล้วยิ้มบางๆ เดินเข้าไปข้างหน้า และทักทายนาง “คารวะพระชายาเพคะ มิทราบว่าพระชายามาั้แ่เมื่อใด เหตุใดถึงไม่ส่งคนมารายงานเล่าเพคะ?”
“ข้าเห็นแม่หญิงหว่านฉือกำลังตำหนิคนอยู่ จึงไม่กล้ารบกวนน่ะเ้าค่ะ” อวิ๋นอี้พูดอย่างตรงไปตรงมา "เกรงว่าจะไปขัดอารมณ์เ้า"
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ?” หว่านฉือปฏิเสธทันควัน “เขาแค่เพียงทำเื่ผิดไป จึงสั่งสอนนิดหน่อยเท่านั้น จะว่าตำหนิก็ไม่ถึงขั้นเพคะ” พูดพลาง นางก็หันไปมองเหลียนเหอ ส่งสายตาให้ “พอแล้วล่ะ พระชายามาถึงแล้ว จะให้พระชายารอมิได้”
เหลียนเหอหันกลับมาหานาง แล้วทำความเคารพอย่างสุภาพ เปลี่ยนหน้าได้อย่างรวดเร็ว หากอวิ๋นอี้มิได้เห็นเองกับตา คงคิดว่าตาฝาดไปแล้ว
นางขยับริมฝีปาก มิได้ลงจากรถ แต่รอให้ทั้งสองเข้ามาใกล้ แล้วก็ได้ยินหว่านฉือพูดต่อ “ขออภัยจริงๆ นะเพคะที่ต้องรบกวนพระชายาให้มาซื้อของกับน้อง ตอนที่น้องได้รับจดหมายปฏิเสธจากท่าน น้องอยู่ในวังพอดี ไทเฮาทราบเข้าก็โกรธ จึงออกโองการให้โดยไม่สนใจท่านเลย ท่านคิดว่าที่พระชายาปฏิเสธน้องคงเป็เพราะมีเหตุผล ตอนนี้ท่านได้เสียเวลาออกมากับน้อง น้องต้องขออภัยด้วยจริงๆ เพคะ ถึงอย่างไรแล้วท่านพี่ก็เป็คนอ่อนโยนและใจกว้างจริงๆ”
คำพูดของนางนั้นพูดได้ถี่ถ้วน จะหาเื่ว่านางก็มิมี
อวิ๋นอี้ขยะแขยงคำว่าท่านพี่กับน้องของนางจะแย่ ไม่อยากจะพูดพร่ำทำเพลงต่อไป จึงโบกมือให้นางขึ้นรถ จะได้ออกไปเสียที
“ข้าได้ยินว่าแม่หญิงจะซื้อของที่ใช้ในงานอภิเษก เรารีบออกเดินทางเถิดเ้าค่ะ อาจจะต้องซื้อของไม่น้อย”
“ท่านพี่พูดถูกเพคะ” หว่านฉือตามน้ำทันที พยักหน้าให้ “มีท่านพี่ที่มีประสบการณ์อยู่ด้วย น้องก็ไม่กังวลแล้วล่ะเพคะ”
อวิ๋นอี้ยิ้ม “อย่าคาดหวังกับข้านักเลย ข้าตกหน้าผามาก่อน จำสิ่งใดมิได้ก็เยอะ”
นางคงคิดว่าถูกหักหน้าแล้ว หว่านฉือสีหน้าไม่ดีลงเล็กน้อย แต่ดีที่นางอยู่เป็ แสร้งทำเป็ออดอ้อนเสียงหวาน “ตราบใดที่มีท่านพี่อยู่ น้องก็วางใจเพคะ”
อวิ๋นอี้ปิดหน้าต่างรถ หลับตาลงตลอดทาง
นางเป็เพียงคนที่มาด้วย หว่านฉือดึงเดินนำทาง ปกติแล้วก็เป็ว่าทั้งสามคนลงจากรถเมื่อถึงที่หมาย เหลียนเหอซื้อของตามรายการ ซื้อเสร็จก็พากันไปเป้าหมายต่อไป
หว่านฉือจะถามความเห็นจากนางบ้างเป็ครั้งคราว ถามว่าสีไหนดูดี แบบไหนเหมาะกับนางมากกว่า อวิ๋นอี้ตั้งใจพูดตามคำของนาง เลือกของที่นางชอบอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้บรรยากาศจึงดูกลมเกลียวกันมาก
พากันเดินจนถึงบ่ายแก่ๆ ของก็ซื้อมาเยอะแยะ คนใช้ที่อยู่ข้างหลังพวกนางก็ถือกระเป๋าน้อยใหญ่เต็มมือ หว่านฉือจึงยิ้มแล้วพูดกับอวิ๋นอี้ว่า “ท่านพี่ เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่เพคะ?”
“อื้ม” อวิ๋นอี้พูดอย่างเห็นด้วย “มิได้ทำกระไรมากมายแท้ๆ เพียงแค่เดินซื้อของ แต่ดันรู้สึกเหมือนสองเท้าจะมิได้ดั่งใจ ปวดไปหมด”
“ท่านพี่เหนื่อยแย่เลย” หว่านฉือยิ้มตาหยี “ท่านพี่ต้องเหนื่อยมากแน่ น้องรู้จักร้านอาหารแถวนี้พอดีเพคะ อาหารอร่อย บรรยากาศเงียบสงบ เราไปพักขากันที่นั่นแล้วทานอาหารกันเถิดเพคะ”
ในใจของอวิ๋นอี้ร้องเตือน รู้ว่าเวลาทานข้าวจะต้องเกิดเื่ง่ายแน่ จึงปฏิเสธหว่านฉืออย่างอ้อมค้อม “มิต้องหรอก ที่นี่ไม่ไกลจากจวน ในเมื่อท่านซื้อของเสร็จแล้ว ข้าขอกลับก่อนแล้วกัน”
“ท่านพี่ เดี๋ยวก่อนสิเพคะ!” หว่านฉือรั้งนางไว้ และก้าวไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นแล้วคว้าแขนนางไว้ “น้องจะให้ท่านกลับบ้านไปอย่างหิวได้อย่างไรเล่าล่ะเพคะ? หากองค์ชายรู้เข้า คงว่าน้องมิรู้จักมารยาทเป็แน่ ท่านพี่ช่วยข้าจัดการเื่ต่างๆ แท้ๆ น้องจะไม่เลี้ยงข้างท่านเลยได้อย่างไร ?”
“ข้าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“เช่นนั้นก็เข้าไปพักผ่อนเถิดนะเพคะ ที่นี่ดีจริงๆ นะเพคะ ไปดูกับน้องเถิดนะเพคะท่านพี่” นางพูดเกินจริง “ข้าเชื่อว่าท่านจะชอบแน่”
ท่าทีที่เกินจริงเช่นนี้ต้องมีกระไรแน่
อวิ๋นอี้มองนางอย่างสงบ ยกมุมปากอย่างเ็า แล้วตกลง "น้องเชิญเสียเช่นนี้ ข้าไปก็ได้"
นางหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้มิได้ ทหารมาก็ใช้ขุนพล น้ำมาก็แค่ใช้ดิน [2] หว่านฉือจะจับนางทานเสียให้ได้หรืออย่างไร?
ร้านอาหารที่ได้รับการยกย่องว่าเป็ดอกไม้ [3] คือร้านหลิวเซียนโหลวที่เพิ่งเปิดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็ดย่างในร้านนี้อร่อย นับได้ว่าเป็รสชาติที่ยอดเยี่ยมของโลกมนุษย์เลย เพราะเหตุนี้จึงกลายเป็ที่นิยมอย่างรวดเร็วในเมืองหลวง
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในร้าน ก็ได้รับการต้อนรับที่กระตือรือร้นจากจ่างกุ้ยและคนใช้ อากาศที่พัดเข้ามา มีกลิ่นของเนื้อหอมๆ แทรกมาด้วย
หนอนตะกละในท้องของอวิ๋นอี้ถูกปลุกแล้ว นางไม่เกรงใจ แล้วเดินขึ้นไปในห้องชั้นสองพร้อมกัน
เชิงอรรถ
[1] ดอกไป่เหอ 百合花 หมายถึง ดอกลิลลี่
[2] ทหารมาก็ใช้ขุนพล น้ำมาก็แค่ใช้ดิน 兵来将挡水来土掩 หมายถึง ไม่ว่าจะเจอปัญหากระไรก็รับมือได้
[3] ดอกไม้ 花 หมายถึง ที่ได้รับความนิยมมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้