หลงอวี้บรรลุเคล็ดสยบฟ้าและเดินขึ้นไปบนชั้นสองของหอวิทยายุทธ์ ที่ลานกว้างนอกหอวิทยายุทธ์นั้น มีผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งยืนคุ้มกันชายร่างใหญ่ในชุดสีดำ มุ่งหน้ามายังทางเข้าหอวิทยายุทธ์
ชายร่างใหญ่ผู้นี้มีใบหน้าเฉียบคมดุจใบมีด แววตาดุร้าย ทำให้ผู้พบเห็นเป็ต้องหลีกทางให้ เห็นได้ชัดว่าเขามีฝีมือไม่ธรรมดา
เขาพาคนกลุ่มหนึ่งมายังหอวิทยายุทธ์ กวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“พวกเ้าไปสืบมา ตอนนี้เ้าหนูนั่นอยู่ที่ไหนแล้ว”
“ท่านพี่ ท่านดูสิเ้าเฟิงหยางจากตระกูลเฟิงก็รออยู่ที่นี่ ไอ้สวะนั่นต้องอยู่ในหอวิทยายุทธ์แห่งนี้แน่นอน”
ด้านหลังของชายร่างใหญ่ มีสาวน้อยชุดแดงผู้หนึ่งตามมาด้วยใบหน้าชั่วร้ายนางคือถานเยว่ที่เพิ่งถูกหลงอวี้สั่งสอนไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
ชายร่างใหญ่ผู้นี้คงเป็ลูกศิษย์ระดับสูงสามอันดับแรกของลัทธิสยบฟ้า ‘ถานเจียน’ !
ถานเจียนหันกลับมามองถานเยว่ พลางเผยสีหน้าเอ็นดู “วางใจเถิดเยว่เอ๋อร์ ไอ้สวะนั่นบังอาจทำร้ายเ้าจนาเ็ พี่ไม่มีวันยกโทษให้มันแน่ เพียงแต่ตอนนี้พี่กำลังเตรียมตัวชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งของลูกศิษย์ระดับสูงอยู่ เกรงว่าจะไม่มีเวลามารอมันที่นี่ ”
“ไม่เป็ไรหรอกท่านพี่ เวลาของท่านพี่ล้ำค่ายิ่งนัก เื่ของไอ้สวะนั่น ท่านพี่แค่ส่งใครสักคนไปขยี้มันก็พอ”
แววตาของถานเยว่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น นางพูดอย่างอำมหิต
ไอ้สวะหลงอวี้นั่น บังอาจทำร้ายนางต่อหน้าฝูงชนจนใบหน้าเป็แผล แถมยังเตะนางกระเด็นกลิ้งลงกับพื้น และยังถีบต้นขานางจนหักอีก ทำให้ตอนนี้นางไม่สามารถเดินได้ชั่วขณะ นางไม่มีวันยกโทษให้แน่ มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ถานเยว่ตอนนี้อยู่บนเปลหามซึ่งมีผู้ติดตามของถานเจียนสองคนแบกไว้ แต่เดิมแล้ว ถานเจียนอยากให้ถานเยว่พักรักษาตัวให้หายดีก่อน แต่ถานเยว่ดึงดันว่าต้องมาดูหลงอวี้ถูกขยี้ด้วยตาตัวเองให้ได้ เขาถึงได้ให้คนพยุงนางมาด้วย
“ฟางคาง เ้าออกมา”
ถานเจียนส่งเสียงเรียก พลันมีชายหนุ่มผอมแห้งในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งเดินออกมา นั่นเป็หนึ่งในผู้ติดตามของถานเจียน ‘ฟางคาง’
“ศิษย์พี่ถาน มีเื่อะไรเชิญออกคำสั่งมาได้เลย!”
ฟางคางมีใบหน้าดำทะมึน แต่ดวงตากลับเป็ประกายหนักแน่น กล้ามเนื้อทั่วร่างบึกบึน พละกำลังไม่ธรรมดา
“ตอนนี้เ้ามีวิถียุทธ์ขั้นที่หกแล้ว ถ้าให้จัดการไอ้สวะขั้นสี่นั่นคงไม่เป็ปัญหาใช่ไหม?”
ถานเจียนถามเสียงเรียบ
“ศิษย์พี่ถานเจียนวางใจเถอะ ข้าฟางคางจะจัดการไอ้หนูนั่นเอง!”
ฟางคางเผยสีหน้ามั่นใจ ให้เขาที่เป็ยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นหกไปจัดการกับคนวิถียุทธ์ขั้นสี่แบบนี้ นี่เป็การขี่ช้างจับตั๊กแตนชัดๆ!
“แต่เ้าไม่ต้องรีบร้อนลงมือก็ได้ ให้เกียรติคนของตระกูลเฟิงหน่อย รอให้เ้าเฟิงหยางนั่นลงมือก่อน”
ถานเจียนเหลือบเฟิงหยางที่กำลังหลับตาทำสมาธิอยู่พลางพูดกับฟางคาง
“ขอรับ”
ฟางคางพยักหน้าขานตอบ
ถานเจียนหันไปพูดกับถานเยว่อีกสองสามประโยค จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที เห็นได้ชัดว่าเวลาของเขามีจำกัดมากเช่นกัน การไต่อันดับขึ้นเป็อันดับหนึ่งของลูกศิษย์ระดับสูงไม่ใช่เื่ง่ายเลย หากคิดจะทำให้สำเร็จ จำเป็ต้องเพียรพยายามมากกว่าผู้อื่นหลายเท่า
ด้านนอกหอวิทยายุทธ์ เฟิงหยางกำลังรอหลงอวี้ออกมาอย่างเงียบงัน ตั้งใจจะประลองกับหลงอวี้ตามที่นัดไว้ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ส่วนพวกถานเยว่และฟางคางก็กำลังรอหลงอวี้ออกมาเช่นกัน เพื่อที่จะสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ
ด้วยเหตุนี้เอง ด้านนอกหอวิทยายุทธ์จึงมีลูกศิษย์ระดับล่างมารวมตัวกันถึงหลักร้อยคน ต่างมาเพื่อรอชมเื่สนุกที่จะเกิดขึ้น!
......
ภายในหอวิทยายุทธ์ ชั้นที่สอง
ในที่สุดหลงอวี้ก็ขึ้นมาแล้ว เริ่มค้นหาวิทยายุทธ์สำหรับใช้ต่อสู้
เคล็ดสยบฟ้าที่เขาบรรลุได้เมื่อครู่นี้ ทันทีที่บรรลุได้มันจะทำงานของมันเอง ความเร็วในการดูดกลืนพลังฟ้าดินจะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องไปสนใจมันมากนัก ส่วนที่ควรใส่ใจมีแค่การยกระดับจินตภาพขึ้นเท่านั้น
ในตอนนี้ สิ่งที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้กับหลงอวี้ได้เร็วที่สุดคือวิทยายุทธ์สำหรับต่อสู้
บนชั้นสองของหอวิทยายุทธ์ ยามปกติก็มีลูกศิษย์ระดับล่างจำนวนไม่น้อยมาเลือกหาวิทยายุทธ์กันอยู่แล้ว จึงไม่มีใครใส่ใจหลงอวี้ที่เข้ามาใหม่สักเท่าไร
“ประเภทฝึกร่างกาย ประเภทท่าร่าง ประเภทป้องกัน วิชากระบี่ วิชาหอก...”
หลงอวี้เดินอยู่บนชั้นสองของหอวิทยายุทธ์ พอจะเข้าใจการแบ่งประเภทของวิทยายุทธ์คร่าวๆ แล้ว วิทยายุทธ์ทั้งหมดบนชั้นสองนี้ ลูกศิษย์ระดับล่างสามารถเลือกฝึกได้ตามใจชอบ
เพียงครู่เดียว เขาก็หยุดลงหน้าชั้นหนังสือวิทยายุทธ์ประเภทฝึกร่างกาย ที่แทบไม่มีใครในลัทธิสยบฟ้าอยากฝึกเลย
สาเหตุเพราะ หนึ่ง วิทยายุทธ์ประเภทฝึกร่างกายนั้นฝึกยาก และยากที่จะเห็นผลลัพธ์ แม้จะฝึกสำเร็จก็ไม่ได้มีพลังโจมตีรุนแรงสักเท่าไร เพียงแต่ทนมือทนเท้า ผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่ชอบ
สอง หาก้าป้องกัน สู้ฝึกวิทยายุทธ์สายป้องกันไปเลยดีกว่า ทั้งฝึกง่ายและยังมีความสามารถในการป้องกันสูงกว่ามาก
ด้วยเหตุนี้ ฝั่งของวิทยายุทธ์ประเภทฝึกร่างกายจึงไม่มีใครอยู่เลยนอกจากหลงอวี้ แต่สำหรับหลงอวี้แล้ว ตอนนี้เขาจำเป็ต้องใช้วิทยายุทธ์ประเภทฝึกร่างกายอย่างเร่งด่วน
ถ้าเขาได้ฝึกวิทยายุทธ์ประเภทนี้ ร่างกายของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น ทนรับผลข้างเคียงจากการใช้พลังของสัญลักษณ์ัปรภพได้มากกว่าเดิม
ตอนนี้แค่สัญลักษณ์ัปรภพเพียงอย่างเดียวก็เพิ่มพละกำลังให้เขาได้เกือบหมื่นชั่ง ผลลัพธ์ดีกว่าวิทยายุทธ์ประเภทโจมตีขั้นสูงเสียอีก ไม่ต้องพูดถึงความเป็ไปได้ที่สัญลักษณ์ัปรภพอาจพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นได้
เพราะมีคนฝึกไม่เยอะ ทำให้จำนวนวิทยายุทธ์ประเภทนี้จึงมีไม่มากเช่นกัน หลงอวี้มองชั้นหนังสือก็เห็นแค่ไม่กี่เล่ม ส่วนมากจะเป็ระดับกลาง มีเล่มเดียวเท่านั้นที่เป็ระดับสูง
ในส่วนวิทยายุทธ์ก็มีการแบ่งระดับขั้นเช่นเดียวกับโอสถ โดยแบ่งออกเป็ระดับสูง กลาง ล่าง วิทยายุทธ์ในหอวิทยายุทธ์ลัทธิสยบฟ้าส่วนมากจะเป็ระดับกลาง มีระดับสูงอยู่บ้างเล็กน้อย
“กายาพิชิตมาร”
หลงอวี้มองวิทยายุทธ์ฝึกร่างกายระดับสูงเล่มนั้น ที่เป็เพียงวิทยายุทธ์ฝึกร่างกายที่ไม่มีใครฝึก ถึงจะวางไว้บนชั้นสองของหอเพื่อให้ลูกศิษย์ระดับล่างสามารถฝึกได้ก็ตาม
ส่วนพวกวิชากระบี่ หรือท่าร่างซึ่งเป็ที่นิยมนั้น ถ้า้าฝึกระดับสูงจะต้องเลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงให้ได้เสียก่อนจึงจะมีโอกาส
‘กายาพิชิตมาร ใช้ลมปราณฝึกความแข็งแกร่งให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น สำเร็จระดับกลางจะทำให้ร่างกายทนรับการโจมตีได้มากขึ้น สำเร็จระดับสูงจะยิ่งทนได้มากขึ้นอีกเท่าตัว! ขณะเดียวกันยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังพื้นฐานได้ระดับหนึ่ง ทำให้ใช้วิทยายุทธ์อื่นๆ ออกมาได้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม’
หลงอวี้ดูบทนำของวิชากายาพิชิตมารอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพักก็ตัดสินใจเลือกฝึกวิชานี้
แม้ว่าตอนที่ฝึกวิชากายาพิชิตมารจะต้องทนกับความเ็ปที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องใช้ลมปราณมาหล่อหลอมร่างกายทุกส่วนให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ความเ็ปนี้ หลงอวี้ย่อมทนได้อยู่แล้ว
หลังจากเลือกวิชากายาพิชิตมารแล้ว หลงอวี้ก็เดินวนอีกรอบจนมาถึงอีกฝั่งที่เป็ส่วนวิทยายุทธ์ประเภทท่าร่างที่ค่อนข้างเป็ที่นิยม
พอเป็วิทยายุทธ์ประเภทท่าร่าง มันกลับมีคนมาเลือกเป็จำนวนมาก เพราะสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคน ความเร็วเป็หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ ไม่ว่าใครก็ต้องให้ความสำคัญ
“วายุก้าวพริบตา นี่มันวิชาระดับกลางที่เ้าอู๋ชิงฝึกไม่ใช่หรือ?”
หลงอวี้มองปราดเดียวก็เห็นว่าบนคัมภีร์เล่มหนึ่งมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘วายุก้าวพริบตา’ พอนึกถึงความเร็วของอู๋ชิงตอนที่ใช้วิชาวายุก้าวพริบตาแล้ว หลงอวี้ก็ดึงคัมภีร์เล่มนี้ออกมาทันที
วิทยายุทธ์สองวิชา น่าจะพอใช้ได้ชั่วคราว หากเอาไปมากกว่านี้คงไม่มีทางบรรลุได้ทันแน่ ส่วนเื่การโจมตีนั้น หลงอวี้มีพละกำลังมหาศาลจากสัญลักษณ์ัปรภพ จึงยังไม่ใช่เื่ที่จำเป็ขนาดนั้น รอให้ฝึกวิชาวายุก้าวพริบตาสำเร็จก่อนค่อยว่ากัน
หลงอวี้เลือกคัมภีร์วิทยายุทธ์มาสองเล่ม ลงทะเบียนที่ชั้นสองของหอครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถือคัมภีร์ลงไปยังชั้นที่หนึ่ง มองหาห้องที่เขาใช้บรรลุเคล็ดสยบฟ้าเมื่อครู่เพื่อเริ่มฝึก
“กายาพิชิตมาร นี่เ้าเลือกฝึกวิทยายุทธ์ประเภทฝึกร่างกายหรือเนี่ย”
พอลงมาถึงชั้นที่หนึ่งแล้ว เสียงพูดอันแก่ชราก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในน้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าหลงอวี้จะเลือกฝึกวิชาประเภทนี้
“ก็ดีเหมือนกัน วิชาฝึกร่างกายหากฝึกสำเร็จถึงระดับสูงได้ จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน เส้นทางการฝึกวิทยายุทธ์จะแบ่งระดับความสำเร็จออกเป็ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุด หากวันนี้เ้าฝึกวิชากายาพิชิตมารสำเร็จได้ถึงขั้นต้น ก็นับว่าไม่เลวแล้ว!”
‘แค่ขั้นต้นเองหรือ...’
หลงอวี้คิดในใจ เขาย่อมไม่พอใจกับผลลัพธ์แค่นี้อยู่แล้ว
หอวิทยายุทธ์จะปิดตอนเที่ยงคืนของทุกวัน หลงอวี้ต้องบรรลุวิชากายาพิชิตมารและวายุก้าวพริบตาให้สำเร็จมากกว่าขั้นต้นก่อนหอปิดให้ได้ ไม่อย่างนั้นหากออกไปเผชิญหน้ากับเฟิงหยางหลังจากนี้คงมีโอกาสชนะต่ำลง
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว หลงอวี้ก็ัักับจินตภาพของเคล็ดสยบฟ้าบนกำแพงหินไปพลาง เริ่มอ่านวิธีฝึกฝนกายาพิชิตมารไปพลาง โดยไม่ปล่อยเวลาให้ไปแม้แต่น้อย
‘ลมปราณภายในร่างของผู้ฝึกวรยุทธ์แปรมาจากพลังวิเศษแห่งฟ้าดิน เป็รากฐานของวิทยายุทธ์ทั้งมวล หากคิดจะฝึกวิชากายาพิชิตมารให้สำเร็จ จำเป็ต้องใช้ลมปราณหล่อหลอมชีพจรทุกส่วนให้แข็งแรงพอจะทนกับพลังที่เพิ่มสูงขึ้น’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น ก่อนจะเริ่มทำตามวิธีที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ เริ่มเร่งลมปราณภายในชีพจร เพียงครู่เดียวชีพจรทั่วร่างก็ได้ส่งความรู้สึกเ็ปออกมา ราวกับมีแมลงตัวเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกัดกินชีพจรของเขา!
หลงอวี้ไม่ส่งเสียงแม้แต่นิด เขารู้ดีว่านี่คือการหลอมชีพจรของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น หลังจากสิ้นสุดกระบวนการนี้แล้ว ชีพจรของเขาจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า และจะสามารถทนรับพลังมหาศาลจากสัญลักษณ์ัปรภพได้
ความเ็ปบนชีพจรเริ่มรุนแรงขึ้นทีละนิด เริ่มมีเหงื่อไหลจากหน้าผากของหลงอวี้ ร่างกายสั่นกระตุกไปทั้งตัว ต่อให้เป็เขา แค่ขั้นตอนแรกของการฝึกวิชากายาพิชิตมารก็เกือบจะทนไม่ไหวแล้ว!
หากเปลี่ยนเป็คนอื่น อย่างสาวน้อยถานเยว่ละะก็ คงไม่มีทางทนต่อความเ็ปบนชีพจรได้ต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้แน่ และที่สำคัญ ความเ็ปนี้จะแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ไม่สามารถหยุดได้ ทำได้เพียงฝืนทนไว้เท่านั้น
วิธีฝึกเช่นนี้ ทำให้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ในลัทธิพากันยอมแพ้ไปเสียก่อน และต่อให้ฝึกวิชากายาพิชิตมารสำเร็จ หล่อหลอมชีพจรจนแข็งแกร่งแล้ว พลังต่อสู้ก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน นี่เป็สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่มีใครอยากฝึกวิชาประเภทนี้
ผู้ที่มีปัจจัยพิเศษอย่างหลงอวี้เท่านั้นที่อยากฝึกวิชาประเภทนี้
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
สองชั่วยามผ่านไป
หลงอวี้ที่ทนต่อความเ็ปมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็หล่อหลอมชีพจรทั่วร่างสำเร็จใน่เวลาเกือบเย็น
“สำเร็จแล้ว”
หลงอวี้เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวอยู่นาน ปล่อยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า ใน่ที่กำลังหล่อหลอมชีพจรอยู่นั้น สัญลักษณ์ัปรภพก็ร้อนผ่าวขึ้นเช่นกัน
‘ดูท่า สัญลักษณ์ัปรภพจะส่งผลต่อความเร็วในการฝึกวิชาของข้าด้วย...’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้นก่อนจะลืมตา ลองกำหมัดดูก็พบว่าเมื่อสำเร็จวิชากายาพิชิตมารขั้นต้นแล้ว พละกำลังที่แต่เดิมมีอยู่แปดพันชั่งเพิ่มสูงขึ้นอีกแปดร้อยชั่ง ดูแล้ววิชาฝึกร่างกายก็มีประโยชน์อยู่บ้างเหมือนกัน
หลังจากนั้น เขาได้ลองปลุกสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมา พละกำลังกว่าหมื่นชั่งไหลทะลักไปตามชีพจรทั่วร่างกายที่ผ่านการหล่อหลอมแล้วในพริบตา ครั้งนี้เขาพบว่าสามารถใช้งานพลังนี้ได้สบายขึ้นกว่าเดิม
“เท่านี้ข้าก็สามารถใช้พลังของสัญลักษณ์ัได้นานถึงสองก้านธูปโดยไม่มีปัญหาแล้ว”
เวลาสองก้านธูปนั้น นานกว่าก่อนหน้านี้ถึงหนึ่งเท่าตัว หากเป็เช่นนี้ เขาจะมีโอกาสชนะเฟิงหยางมากขึ้น
ตอนนี้ยังพอเหลือเวลาก่อนที่หอวิทยายุทธ์จะปิดอีกประมาณครึ่งคืน หลงอวี้จึงตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนเพื่อบรรลุวิชาวายุก้าวพริบตา!