เมื่อเื่ราวที่เมืองถงหวางจบสิ้นลงแล้ว ก็ได้เวลากลับเมืองหลวงกันเสียที
ก่อนเดินทางกลับหนึ่งวัน เสิ่นเหวยอันนึกสนุกจึงเอาสุราชั้นดีมาให้ทุกคนได้ดื่ม อีกทั้งยังย่างเนื้อกินกันอย่างสนุกสนาน
แสงของกองไฟที่สว่างเจิดจ้า ส่องกระทบใบหน้างดงามของมู่หลานเฟิน นางยังคงยิ้มร่าเริง เข้ากับชาวบ้านได้ดี ไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังลงมือย่างเนื้อเองกับมือ
"คุณหนูมู่ ไม่คิดเลยว่าเ้าจะมีฝีมือทำอาหารดีเช่นนี้ ข้าไม่เคยกินเนื้อย่างที่ไหนแล้วอร่อยเท่าของเ้ามาก่อนเลย"
ซูอวี้เฉิงเอ่ยชมมู่หลานเฟิน เขาได้ยินเื่เล่าของสตรีน้อยนางนี้มาพอสมควร ทั้งเื่ที่นางช่วยจับนักโทษ และเื่ที่่ช่วยสืบคดี อีกทั้งตอนนั้นที่นางถือดาบหมายจะสังหารเ้าเมืองถงหวางคนเก่า แววตาของนางมุ่งมั่นไม่สั่นคลอนและไม่หวาดกลัว อีกทั้งยังแน่วแน่เป็อย่างมาก
น้อยนักที่ในเมืองหลวงจะมีสตรีที่กล้าหาญถึงเพียงนี้
"ใต้เท้าซูเอ่ยชมเกินไปแล้ว"
มู่หลานเฟินเอ่ยพร้อมกับยิ้มตอบเขา ซูอวี้เฉิงคือคุณชายรองของจวนตระกูลซู พี่ชายเขาก่อนหน้านี้เป็หนุ่มรูปงามในเมืองหลวง สอบได้ตำแหน่งจอหงวน เป็ความหวังของสกุลซู แต่ไม่นานกลับพลัดตกม้าสมองได้รับความกระทบกระเทือนจนกลายเป็พิการ คุณชายรองซูผู้เ้าสำราญกลับต้องแบกรับหน้าที่ทายาทของตระกูลเอาไว้บนบ่าแทนพี่ชาย
เพราะความสามารถของเขาจึงได้เป็ถึงหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรผู้มีความเก่งกาจ
เสิ่นเหวยอันไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงมองมู่หลานเฟินด้วยแววตาที่ชื่นชม เขาเห็นกับตาตอนที่ไปสืบคดีว่านางมีความสามารถมากเพียงใด แต่นางกลับไม่สนใจเื่ความดีความชอบ บอกว่าไม่้าความวุ่นวาย เพียงแค่มอบสุราให้นางสักไหนางก็ชื่นใจแล้ว ส่วนความดีความชอบในการจับคนร้าย ก็ให้เขาและเซวียนซานหลางเป็คนรับแทนไปเถอะ
นี่ยิ่งเพิ่มความประทับใจที่เขามีต่อนางมากขึ้นไปอีก
ในเมืองหลวงต่างบอกว่า เด็กสาวที่มาจากตระกูลพ่อค้านั่นต่ำต้อย เทียบคุณหนูที่เกิดจากตระกูลใหญ่ไม่ได้ แต่เขากลับคิดต่างออกไป มู่หลานเฟินโดดเด่นกว่าสตรีเ่าั้มากมายนัก
เซวียนซานหลางยกจกสุราขึ้นดื่ม และหันไปมองมู่หลานเฟินเป็ระยะ สตรีนางนี้เปลี่ยนไปมากจริง ๆ
สายลับของเขาบอกว่านางไม่เคยมีอาจารย์สอนวรยุทธ์ นางโกหกเขา
ในเมื่อไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะ เช่นนั้นมู่หลานเฟินไปเรียนรู้เื่พวกนี้มาจากที่ใดกัน
มู่หลานเฟินในตอนนี้นอกจากจะมีความสามารถแล้วยังร่าเริงสดใส เมื่อยามที่พบเจอความยากลำบากนางกลับสุขุมรอบคอบ ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด ไม่เข้าข้างคนทำผิด แม้แต่ตอนที่นางทำผิดเองก็ยังรู้จักขอโทษ นิสัยของนางน่าคบหากว่าแต่ก่อนมาก
น่าคบหาหรือ ผู้ใดอยากคบหากับนางกัน
เช้าวันต่อมาก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับเมืองหลวง เสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่เพราะมู่หลานเฟินเป็สตรีต้องจัดเก็บของหลายอย่างจึงทำให้ออกเดินทางช้า เซวียนซานหลางไม่ได้เร่งรัดอะไรนาง เมื่อจัดของเสร็จแล้ว พวกเขาก็เดินทางออกจากเมืองถงหวาง
เหล่าชาวบ้านเดินมาส่งพวกนางที่หน้าประตูเมือง มู่หลานเฟินยิ้มให้ชาวบ้าน เมืองถงหวางแห่งนี้ต่อไปก็ไม่ต้องประสบพบเจอกับเื่เลวร้ายอีกต่อไปแล้ว
ภายในรถม้าค่อนข้างกว้างขวางโอ่อ่า สามารถนั่งได้หลายคน ลั่วเหมยกลัวความผิดและเกรงกลัวเซวียนซานหลางมากจึงไม่กล้าเข้ามานั่งในรถม้าตามคำชวนของมู่หลานเฟิน นางนั่งอยู่นอกรถม้าคอยดูแลความสะดวกให้เ้านาย
เซวียนซานหลางไม่ได้ติดใจเื่ที่ลั่วเหมยคิดจะวางยาเขาอีก เซวียนเจ๋อเองก็ไม่ได้มีท่าทีประหม่าเช่นหลายวันก่อนอีก เพราะสองพี่น้องเข้าใจกันดี เซวียนเจ๋อหาวออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจับแขนของพี่ชายเขย่าอย่างออดอ้อน
"พี่ใหญ่ ข้าแต่งตัวเป็สตรีมาหลายสิบวันแล้วรู้สึกเหนื่อยมาก ใบหน้าหล่อเหลาของข้ากลับไปต้องใจตาแก่หมอบ้านั่นเข้า ให้ตายเถอะ"
เมื่อคิดถึงท่านหมอผู้นั้นที่หมายใจจะแต่งเซวียนเจ๋อเป็ภรรยา มู่หลานเฟินก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้
หญิงสาวหยิบผลผูเถาขึ้นมากินแก้เบื่อ พร้อมกับมองไปที่นอกหน้าต่าง การเดินทางที่แสนยาวนานนับว่าน่าเบื่อเกินไปจริง ๆ
อยู่ ๆ เซวียนเจ๋อก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้
"นี่พวกท่าน มาเล่นทายลูกเต๋ากันดีหรือไม่ สูงต่ำอย่างไรเล่า ใครชนะก็ได้ตั๋วเงินไป ดีหรือไม่"
เซวียนซานหลางที่ได้ยินก็ยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากน้องชายก่อนจะเอ่ยปราม
"อาเจ๋อ วัน ๆ เ้าไม่สนใจร่ำเรียนก็แล้วไปเถอะ แต่ยามนี้กลับมีใจฝักใฝ่ในการพนันอีกด้วย เ้าจะเกินไปแล้วนะ"
"โธ่พี่ใหญ่ ท่านก็เอาแต่บังคับให้ข้าไปเรียน"
เซวียนซานหลางค้านจะสนใจแล้ว เขาหันไปมองมู่หลานเฟินก็พบว่านางกำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า
มารดามันเถอะ น้องชายก็ไม่รักเรียน ส่วนญาติของน้องชายก็ติดสุรา แต่ละคนช่างดีิยิ่งนัก!
สตรีขี้เมา!
ด้านมู่หลานเฟินที่กลายเป็สตรีขี้เมานั้นตอนนี้ก็เริ่มจะเมาเข้าแล้วจริง ๆ แม้นางจะคอแข็งเพียงใด แต่ระหว่างทางก็ดื่มสุราไปหลายไหแล้ว สุรานี่ของเสิ่นเหวยอันนำมามอบให้รสชาติแรงไม่เบา ดวงตาของนางเริ่มพร่ามัว ร่างกายโงนเงน ยิ่งรถม้าเคลื่อนไปรวดเร็วบนเส้นทางที่ขรุขระมากเพียงใด นางก็ยิ่งตาลาย
"หรานหร่าน เ้าเมาแล้วหรือ ข้าบอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ”
เซวียนเจ๋อเอ่ยเตือนญาติผู้น้องของตนด้วยคามเป็ห่วง ่ที่อยู่ด้วยกันที่ถงหวางความสัมพันธ์ของเขาและนางดีมาก เขารู้สึกชื่นชอบนางที่มีนิสัยน่ารักคนนี้มากกว่านางคนเก่าที่นิสัยเสียคนนั้น และตัวเขาเองก็ไม่้าหาสาเหตุว่าเพราะอะไรนางถึงเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือเช่นนี้ ขอเพียงนางทำตัวดีขึ้นเขาก็ดีใจแล้ว
มู่หลานเฟินหันมามองเซวียนเจ๋อ ก่อนจะย่นหัวคิ้ว ตอนนี้นางมองเห็นเซวียนเจ๋อกลายเป็ซาลาเปาไส้เนื้อลูกโตไปเสียแล้ว หญิงสาวแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะเอ่ย
“เ้าซาลาเปา วันนี้ข้าจะกินเ้า ข้าจะกินเ้าเสีย!"
เซวียนเจ๋อสะดุ้งโหยง นี่มู่หลานเฟินเห็นเขาเป็ซาลาเปาอย่างนั้นหรือ นางเมาจนเพี้ยนไปแล้้ว
"เ้าจะบ้าหรือ ข้าเป็พี่ชายเ้านะ ซาลาเปาอันใดกัน เ้าเมาแล้ว เมาแล้วก็ไปนอนเสีย!"
“ซาลาเปา ข้าจะกินเ้า!"
"พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย นางเป็บ้าไปแล้ว!"
เซวียนเจ๋อะโไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของเซวียนซานหลาง มู่หลานเฟิน้าคว้าจับซาลาเปานั้นมากินให้ได้จึงพุ่งเข้ามาทันที เซวียนซานหลางปรายตามองนาง คิดว่าหากนางเข้ามาถึงเขาจะฟาดคอนางให้สลบไปเสีย
แต่กลับผิดคาด!
มู่หลานเฟินมองเขาตาปริบ ๆ ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดวงตาหรี่ปรือ หญิงสาวคุกเข่าลง ก่อนจะกอดขาเขาเอาไว้แน่น พร้อมร้องห่มร้องไห้
"อึก ท่านพ่อ ข้าอยากกินซาลาเปาจริง ๆ นะเ้าคะ ท่านพ่อ ขอซาลาเปาให้ข้าเถอะ ฮือ"
เซวียนเจ๋อถึงกับหัวเราะลั่น ก่อนจะกระซิบพูดข้างหูของพี่ชายตน
"พี่ใหญ่ ท่านดูสิ นางเห็นท่านกลายเป็บิดาตนเองไปแล้ว ท่านลูบศีรษะนางสิ แล้วบอกว่า พ่อรู้แล้วลูก พ่อจะไปซื้อซาลาเปาให้นะลูก ฮ่า ๆ !"
เซวียนซานหลาง "..."
นางมองเซวียนเจ๋อเป็ซาลาเปาแต่กลับมองเขาเป็บิดา?
มารดามันเถอะ เขาแก่ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ!
