“พี่เอเลน่า นี่คือนักรบคนเถื่อนผู้กล้าหาญที่ท่านมักจะคิดถึงอยู่บ่อยๆ หรือ? ว้าว เขาไม่เหมือนที่ข้าจินตนาการไว้เลย คาดไม่ถึงว่านักรบคนเถื่อนจะหล่อเหลาขนาดนี้!”
“ฮิๆ ใช่แล้วล่ะ ดูกล้ามเนื้อเขาสิ แน่นมาก...ไม่แปลกใจเลยว่าพี่สามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขาได้ ต่อให้เดินอยู่ท่ามกลางดงมอนสเตอร์ก็ไม่ต้องกลัวเลย!”
“ท่านนักรบ ท่านต้องดูแลพี่เอเลน่าของพวกเราดีๆ นะ นางเป็ ‘ดอกไม้โร้ก’ ที่สวยที่สุดของค่าย และเป็นักธนูที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย...ฮิๆ ข้าได้ยินมาว่าท่านต้องไปต่อสู้กับกริสโวลด์อดีตพาลาดินที่เมืองนรก พี่เอเลน่ากังวลใจมาหายวันแล้ว ตอนนอนก็ละเมอถึงชื่อท่านด้วย!”
เหล่าโร้กสาวที่อ่อนเยาว์กลุ่มนี้ราวกับช่อดอกไม้งาม พวกนางพากันล้อมเอเลน่าและซุนเฟยเหมือนนกกระจิบตัวน้อยที่พากันร้องจิ๊บๆ เจื้อยแจ้ว ใบหน้าดูมีเลศนัยพลางหัวเราะคิกคัก
ในบรรดาสาวน้อยมีอยู่สองสามคนใจกล้า พวกนางไม่เพียงหัวเราะอย่างมีเลศนัยยังใช้มือเล็กๆ ของตัวเองมาลูบตรงกล้ามอกและกล้ามแขนทั้งสองข้างของซุนเฟย ในเวลาปกติ เหล่าทหารรับจ้างสาวจะมีสีหน้าเ็าเพื่อคอยปกป้อง ‘ค่ายโร้ก’ และต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่ดุร้ายในถิ่นทุรกันดาร หาได้ยากที่จะได้เห็นท่าทางซุกซนเช่นนี้
‘อันธพาล’ สาวเป็เื่ที่น่ากลัวมาก พวกนางล้อมรอบซุนเฟยจนซุนเฟยรับมือไม่ไหว รู้สึกเหมือนน้ำตกสีดำกำลังตกลงมากระทบหัวของเขา ใบหน้าหวานของเอเลน่าขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่แปลกใจที่จะบอกว่าผู้หญิงก็เหมือนเสือสาว ซุนเฟยเห็นสถานการณ์ที่ชักจะวุ่นวายก็รีบคว้ามือเล็กๆ ของเอเลน่าแล้ววิ่งหนีไปทันที โดยมีเสียงหัวเราะปานระฆังแก้วไล่หลังไป
“น่าอิจฉาพี่เอเลน่าจริงๆ นักรบคนเถื่อนคนนั้นเป็ผู้ชายที่ซื่อตรงมาก!”
“ใช่แล้ว พี่เอเลน่าโชคดีจริงๆ นักผจญภัยดีๆ แบบนี้น้อยนักที่จะได้พบ”
“ฮิๆ ข้าอยากเป็พี่เอเลน่าจัง หากเป็ข้า ข้าจะรีบทำให้เขาเป็ผู้ชายของข้าทันที...”
หน้าเต็นท์ทหารรับจ้างสาว เหล่าสาวๆ มองตามทั้งสองคนที่เดินไปไกลพลางพูดคุยอย่างสนุกสนาน ในสายตาปรากฏร่องรอยความอิจฉา ในโลกที่ยากจะรับประกันว่าจะมีชีวิตรอดนั้น ความรักเป็สิ่งที่หรูหราเกินไป นักผจญภัยที่เป็กันเองและซื่อตรงเช่นซุนเฟยเป็คนรักในฝันของเหล่าโร้กสาว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกนางหากไม่ตายในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่โหดร้าย สุดท้ายบั้นปลายชีวิตคงเป็เพียงภรรยาของชาวนา สร้างลูกหลานรุ่นต่อไปให้แก่ค่าย
……
ตัวละครคนเถื่อนในปัจจุบันของซุนเฟยเลเวลสูงมาก ไม่ว่าจะเป็พลังการโจมตีหรือการป้องกันต่างแข็งแกร่งมาก ก่อนหน้านี้ซุนเฟยตัดสินใจแล้วว่าจะอัพเลเวลตัวละครเถื่อนเป็หลัก การอัพเลเวลตัวละครคนเถื่อนให้เร็วที่สุด เป็วิธีที่จะทำให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งได้โดยเร็ว อาชีพนักเวทและพาลาดินถูกซุนเฟยกำหนดไว้ให้เป็ตัวละครเสริมชั่วคราว
ก่อนที่จะเข้าไปไล่ฆ่ามอนสเตอร์ในถิ่นทุรกันดาร ซุนเฟยจำเป็ต้องเตรียมบางอย่าง
เนื่องจากาในโลกแห่งความเป็จริง เพื่อที่จะตัดสะพานหินให้ขาด ทำให้ซุนเฟยต้องสูญเสียขวานั์ของตัวละครเถื่อนไป ซุนเฟยจำเป็ต้องไปซื้อไอเทมกับ NPC สาวช่างตีเหล็กชาร์ซีก่อน คราวนี้เขาต้องจ่ายเงินสองพันเหรียญทองเพื่อซื้อขวานั์ที่มีค่าความเสียหาย 1-30 จุด ลักษณะภายนอกและด้ามจับเหมือนขวานอันเก่าของเขาที่ถูกทำลายไป แต่ค่าความเสียหายกลับเพิ่มขึ้น 3 จุด นี่เป็ค่าความเสียหายสูงสุดของอาวุธประเภทขวานที่ช่างตีเหล็กสาวจะเพิ่มให้ได้
หลังจากซื้อไอเทมเสร็จ ซุนเฟยก็พบว่าบนหัวของ NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซีมีเครื่องหมายอัศเจรีย์สีทองอยู่ ในใจเขาก็รู้สึกใ นี่ไม่ใช่ว่ามีเควสใหม่ให้รับหรือ ดังนั้นซุนเฟยจึงลองสนทนากับช่างตีเหล็กสาวผมสีน้ำตาลคนนี้ ยี่สิบวินาทีต่อมา แน่นอนว่าไม่เกินจากที่คาดไว้ เขาได้รับเควสจากชาร์ซีให้ไปหาค้อนที่สามารถสร้างไอเทมเวทมนตร์ที่ ‘ค่ายทหาร’
หลังจากรับเควสแล้วก็รีบออกเดินทางทันที
ซุนเฟยวางแผนในใจ ทั้งย้อนนึกไปถึงแผนที่เควส เพื่อตัดสินใจวางลำดับในการทำเควสก่อนหลังซึ่งจะสะดวกแก่การเดินทาง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำเควสของ NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซีทีหลัง เขาจะไปทำภารกิจมือใหม่ลำดับที่สี่ก่อน นั่นก็คือสังหาร เดอะ เคานต์เตส ที่ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ เอเลน่าดูมีความสุขมากหลังจากที่ได้พบกันอีกครั้ง หลังจากเดินทางออกจาก ‘ค่ายโร้ก’ จนมาถึง ‘ป่าแห่งความมืด’
เวลานี้ ในโลก Diablo เป็ยามเที่ยง น่าแปลกใจที่ท้องฟ้าไม่มีฝนตก แม้กระทั่งเมฆครึ้มก็หายไปด้วย พระอาทิตย์ลอยขึ้นตรงเหนือหัว แสงแดดอุ่นๆ ส่องลงมาที่ร่างของทั้งสองคน ทำให้รู้สึกสบายอย่างมาก
ก่อนจะเดินเข้าไปก็ดื่ม ‘น้ำยาฟื้นฟูความแข็งแกร่ง’ แล้ววิ่งเข้าไปใน ‘แบล็ก มาร์ช’
“อ้อ จริงสิ เอเลน่า บางทีเ้าจำเป็ต้องใช้ธนูนี้...” ในขณะที่วิ่ง ทั้งสองคนก็พากันสังหารมอนสเตอร์ไปเป็จำนวนมาก แล้วจู่ๆ ซุนเฟยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ครั้งที่แล้วตัวเองได้รับไอเทมหายาก ‘โบเรียล เลเซอร์ บาวด์’ เขาเก็บมาเพื่อเอเลน่าโดยเฉพาะ เขาหยิบมันออกมาจากในกระเป๋าแล้วส่งให้ทหารรับจ้างสาว
นี่เป็ธนูสั้นที่เบามาก ตัวธนูสีทอง ปลายโค้งมนได้รูปและมีลวดลายลึกลับ มีแสงสีทองทอประกายน่านวลกระจายออกมาจากปลายทั้งสองด้าน ปกคลุมไปด้วยพลังเวทมนตร์ ราวกับเป็ผลงานศิลปะที่สวยงาม
ใบหน้าของเอเลน่าแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้น
นักธนูเวทผู้แข็งแกร่งคนนี้แสดงท่าทีสาวน้อยที่ไม่ค่อยเห็นออกมา นางยืนมืออกมารับธนูสั้นในมือของซุนเฟยพลางพูดเสียงหวานว่า “ขอบคุณท่านมาก นายท่าน”
“เอ่อ...เอเลน่า หลังจากนี้ไปไม่ต้องเรียกข้าว่านายท่านนะ เรียกชื่อข้าตรงๆ เลย” ซุนเฟยถูกอากัปกิริยาน่ารักๆ ของทหารรับจ้างสาวตรงหน้าทำเอาตกตะลึง เขาเกาแก้มพลางหัวเราะน้อยๆ
เอเลน่า “ได้เ้าค่ะ นายท่านซุนเฟย”
ซุนเฟย “...”
.........
เควสที่ให้ไปสังหารเคานต์เตสค่อนข้างง่าย
เควสนี้ต้องไปที่ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ ใน ‘แบล็ก มาร์ช’ หลังจากที่เข้าหอคอยมาแล้วก็ต้องลงไปชั้นใต้ดินที่ลึกที่สุดนั่นคือชั้นที่ห้า ถึงจะสามารถหาเคานต์เตสที่หลบซ่อนอยู่ในนั้นเจอ ทุกๆ ชั้นของ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ จะเต็มไปด้วยพวกมอนสเตอร์ทุกชนิด ทั้งยังมีมินิบอสด้วย นับว่าเป็ปัญหาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับถิ่นทุรกันดารด้านนอกนั้น ชั้นใต้ดินที่มีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมมืดๆ แบบพวกนี้แข็งแกร่งกว่า ซุนเฟยและเอเลน่าพยายามอย่างหนักกว่าที่จะลงมาที่ชั้นที่ห้าของ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ ได้
ซุนเฟยวางแผนมาอย่างดี หากสถานการณ์ย่ำแย่เมื่อไรก็จะรีบเปิดประตูมิติส่งเอเลน่ากลับ ‘ค่ายโร้ก’ ก่อน จากนั้นตัวเขาก็จะจัดการกับเคานต์เตสที่ชอบใช้กลยุทธ์หลบหนีนี้ต่อ ใครจะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่ชั้นที่ห้าแล้ว ธนูสั้นในมือของเอเลน่ายังคงปล่อยธนูน้ำแข็งสีฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับเทพแห่งความตายมาเอง แม้แต่เคานต์เตสที่เป็ถึงบอสหลักของ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ ยังไม่ทันจะร่ายเวทมนตร์ใดๆ ก็ถูกเอเลน่าโจมตีในพริบตา ร่างกายปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งสีฟ้าทั่วร่าง ทำให้เคลื่อนไหวได้ยากมาก ซุนเฟยจึงได้โอกาสเหวี่ยงขวานโจมตีทันที ประกายแสงสว่างวูบหนึ่งร่างของเคานต์เตสก็ล้มลงกับพื้น
“ไม่น่าเชื่อ ทำไมมันง่ายขนาดนี้?” ซุนเฟยอดไม่ได้ที่จะตะลึง
เขาพบว่าพลังของเอเลน่าได้พัฒนาขึ้นมากกว่าที่เขาคิด พลังการโจมตีนั้นสามารถเทียบได้กับนักธนูเวทระดับแปดได้เลย อย่างไรก็ตามซุนเฟยจำได้แม่นว่าตอนที่เข้าสู่โลก Diablo สาวงามคนนี้มีพลังเพียงเลเวล 5 นางสามารถเพิ่มพลังของนางได้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
ในขณะที่แปลกใจ ซุนเฟยก็ต้องเปลี่ยนความรู้สึกใหม่อีกครั้ง
ทันใดนั้น ศพของเคานต์เตสมีประกายแสงสีขาวขนาดใหญ่ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ ก็เริ่มสั่นขึ้นมาราวกับฟ้าจะถล่ม หลังจากนั้นหีบสมบัติสีทองก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศโดยมีแสงสีขาวปกคลุม เสียงดัง ‘วิ้งๆ’ หีบสมบัติก็เหมือนอ่างชุมนุมมหาสมบัติ1 เต็มไปด้วยเหรียญทอง...
“แม่เ้าโว้ย รายแน่ๆ คราวนี้!” ดวงตาของซุนกลายเป็รูปเหรียญทอง
ตัวหีบสมบัติเต็มไปด้วยอัญมณี ทันใดนั้น หีบก็คว่ำลงมา เหรียญทองกองเบ้อเริ่มเต็มไปทั่วห้องโถง แสงสีทองระยิบระยับเป็จำนวนมาก มองไกลๆ เหมือนพื้นปูด้วยอิฐทองคำ เสียง ‘กริ๊งๆ’ ดังขึ้นราวกับเสียงร้องของธรรมชาติ หีบสมบัติสีทองเททองออกมา ประมาณยี่สิบวินาทีก็ค่อยๆ สลายหายไป
ยามมองไปข้างหน้าก็เห็นแต่เหรียญทองเต็มพื้นห้องโถงไปหมด
ซุนเฟยหันไปสบตากับเอเลน่า มันเหมือนกับตอนที่ไอเทมตกจากตัวมอนสเตอร์เวลาที่สังหาร ซึ่งคนในโลก Diablo จะมองไม่เห็นรางวัลที่ปรากฏออกมา และฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจเมื่อครู่ สาวงามคนนี้ก็เหมือนจะมองไม่เห็นเช่นกัน นางยังคงกำธนูแน่นแล้วมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อรู้สึกถึงสายตาของซุนเฟย เอเลน่าก็พลันหน้าแดงน้อยๆ ก้มหน้าลงเหมือนทำอะไรไม่ถูก
ซุนเฟยมองท่าทางน่ารักของเอเลน่าจนตาค้าง ในใจพลันกระตุก
เขารีบก้มหน้าก้มตาเก็บไอเทมและเหรียญที่กองบนพื้น
สิ่งที่ทำให้ซุนเฟยรู้สึกผิดหวังก็คือ เคานต์เตสที่เป็ถึงบอสหลักของ ‘หอคอยที่ถูกลืม’ กลับไม่มีไอเทมดีๆ สักอัน บางทีเคานต์เตสอาจจะคิดว่าตัวเองตายเร็วเกินไปจึงรู้สึกโมโหเลยไม่ยอมให้ไอเทมดีๆ เลย บนพื้นมีไอเทมเมจิคสองสามชิ้น เหรียญทองอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อซุนเฟยนับดูแล้วก็พบว่ามันมีทั้งหมดห้าพันกว่าเหรียญ
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ซุนเฟยจึงไปดูค่าประสบการณ์ของคนเถื่อน
ก็พบว่าเหลืออีกประมาณห้าหกเปอร์เซ็นต์ก็สามารถเลื่อนเป็เลเวล 13 ได้ ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงและเป็อย่างที่เขาคิดไว้ ยิ่งอัพเลเวลไประดับที่สูงเท่าไร ค่าประสบการณ์ที่ใช้ก็มากขึ้น ความเร็วในอัพเลเวลก็ยิ่งช้าลง
เมื่อจัดการเคานต์เตสเรียบร้อย ซุนเฟยและทหารรับจ้างสาวเอเลน่าก็รีบไปสถานที่ทำเควสอีกแห่งทันที อาราม ‘ที่ราบสูงไท้หมัว’ เพื่อไปทำเควสของ NPC ช่างตีเหล็กชาร์ซีให้เสร็จ อารามนี้แต่เติมเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แม่ชีและพระอาศัยอยู่ แต่หลังจากที่ถูกมอนสเตอร์ชั่วร้ายก็กลายเป็นรกในโลกมนุษย์ และที่คุ้มค่าที่สุดก็คือมันเป็รังของลาสบอสแอนเดเรียในแผนที่ ‘ค่ายโร้ก’ ซึ่งมันซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
---------------------------------
1 อ่างชุมนุมมหาสมบัติ อุปมาว่าแหล่งสมบัติ