องค์หญิงฮุ่ยหลิงกลับมายังตำหนักองค์หญิงก็ถูกฮองเฮาเรียกเข้าพบ
เมื่อองค์หญิงฮุ่ยหลิงเข้าไปในตำหนักฮองเฮา นางกำนัลขันทีก็ถูกสั่งให้ออกจากห้องไป ขณะยืนอยู่หน้าประตู ลั่วมามาแม่นมคนสนิทของฮองเฮาและคนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียง ‘เพียะ’ คล้ายเสียงตบหน้าดังออกมาอย่างชัดเจน
ไม่นานนัก องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็ออกจากตำหนักฮองเฮาด้วยจิตใจไม่เป็สุข เมื่อกลับถึงตำหนักนาง องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็หยิบแจกันบนโต๊ะมาขว้างลงพื้นจนแตกเป็เสี่ยงๆ
นางกำนัลทั้งสอง ฉิงเอ๋อร์และไฉ่เอ๋อร์มิกล้าส่งเสียงสักแอะ พวกนางยืนอยู่ด้านหนึ่ง ก้มหน้ามือสั่นน้อยๆ
ใบหน้าขององค์หญิงฮุ่ยหลิงบวมแดง ทันทีที่เข้าไปในตำหนักฮองเฮานางก็ถูกตำหนิว่ากระทำการไม่ยั้งคิด ในเมื่อฮุ่ยเจิน ‘ถูกลงโทษ’ ไปแล้ว คนย่อมไม่อาจปรากฏตัวในเมืองหลวงได้อีก
ทว่าที่องค์หญิงฮุ่ยหลิงกระทำการโจ่งแจ้งบุกรุกเข้าจวนจิ่งฮวาค้นหาตัวฮุ่ยเจินกลางถนนเช่นนี้ทำให้คนช่างสงสัยทั้งหลายสนใจแล้ว ยามนี้ข่าวฮองเฮารักใคร่ธิดาของตนมากมายเสียจนใช้แพะรับบาปมาแทนที่องค์หญิงอาชญากรแพร่ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว
ดังนั้นฮองเฮาจึงผิดหวังในตัวฮุ่ยหลิงเสียจนต้องตบหน้าธิดาสุดรักผู้นี้อีกครั้ง
“ฮุ่ยเจิน! เ้าทำข้าอับอายเพียงนี้! หาไม่ข้าคงมิต้องโหดร้ายไร้ปรานี! ”
ในใจนาง องค์หญิงฮุ่ยเจินไม่ควรค่าแก่การเป็พระเชษฐภคินีของนางแม้แต่น้อย ขณะที่ในใจขององค์หญิงฮุ่ยเจิน ฮุ่ยหลิงเองก็มิได้คู่ควรแก่การเป็พระขนิษฐาของตนเฉกเช่นเดียวกัน
ระหว่างพวกนางมิได้มีความหลังระหว่างพี่น้องอะไรนัก ทว่ายังคงข้องเกี่ยวกันเป็พี่สาวน้องสาวที่มักทำร้ายกันเพื่อความรักหรือผลประโยชน์เสียมาก
นับแต่พวกนางยังเล็ก องค์หญิงทั้งสองก็ทะเลาะกันมาโดยตลอด มิเคยใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างสงบเลยแม้แต่วันเดียว เชื้อสายราชวงศ์นี้การทำร้ายกันเองล้วนแต่เป็เื่ปกติ
ขณะเดียวกันโจวจื่อเฉิงเมื่อกลับถึงภัตตาคารต้งไห่แล้วก็ถูกองค์หญิง ‘เรียกพบ’ โดยทันที
พ่อบ้านอู๋ตกตะลึงหวาดกลัวเมื่อทราบว่า “แม่นางฉู่” ที่เพิ่งมาถึงผู้นี้ที่แท้คือองค์หญิงฮุ่ยเจิน ยามนี้เห็นโจวจื่อเฉิงจะขึ้นไปชั้นสี่ก็ลอบตามไปด้วย
พ่อบ้านอู๋มาถึงชั้นสี่ก็ได้ยินเสียงสตรีผู้หนึ่งกรีดร้องสบถด่า ‘นั่นคือองค์หญิงฮุ่ยเจินที่เป็มิตรผู้นั้นจริงหรือ?’ เขาคิด
พ่อบ้านอู๋ก็เคยได้ยินคำเล่าลือว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินสังหารฮูหยินเพื่อนายท่าน เขาตัวสั่นอย่างหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อคิดถึงฮูหยินที่แสนใจดีอ่อนโยนผู้นั้นที่ต้องพบจุดจบอันน่าเศร้า
“โจวจื่อเฉิง...เ้าคนชั่วช้าสับปลับ...กล้าดีอย่างไรมาทรยศข้า!” เสียงสตรีกรีดร้องเสียดหัวใจดังออกมา พ่อบ้านอู๋ได้ยินเพียงเสียงใครบางคนในห้องถูกตบ
เมื่อไม่ได้ยินเสียงบุรุษ พ่อบ้านอู๋ที่ตัวเปียกเหงื่อเย็นจนชุ่มก็เร่งร้อนก้าวลงชั้นล่าง
หนึ่งเค่อต่อมา โจวจื่อเฉิงก็ลงมายังชั้นล่างด้วยใบหน้าจ้ำเชียวจ้ำม่วงอย่างอับอาย
พ่อบ้านอู๋ดึงตัวโจวจื่อเฉิงมาด้านหนึ่ง ถามอย่างระมัดระวัง “คุณชาย นี่ท่าน...อา ช่างกล้านัก! หากฝ่าาทราบว่าองค์หญิงฮุ่ยเจินทรงประทับอยู่ที่นี่ พวกเราย่อมต้องโทษถึงตายแน่! ”
โจวจื่อเฉิงเงียบงันไร้คำพูด จริงแท้ ยามนี้องค์หญิงฮุ่ยเจินคืออาชญากรที่ต้องโทษถึงตาย นางมิควรมีตัวตนอยู่บนโลกอีกต่อไป
ทว่าเมื่อองค์หญิงมาหาเขา เขากลับมิได้คิดมาก อ้าแขนโอบรับนางเอาไว้ ทว่ายามนี้องค์หญิงกลายเป็สตรีคลั่งไปเสียแล้ว กระทั่งยังทราบว่าเขาบังเอิญเจอแม่นางหวาง และแม่นางหวางเป็ผู้ทายาให้แก่เขาด้วยนิ้วนุ่มนิ่มนั่น
ยามนี้โจวจื่อเฉิงถูกดูถูกรุนแรงที่สุดในชีวิต ทว่าผู้ที่เขาเผชิญหน้าคือองค์หญิง เขาย่อมไม่มีสิทธิ์ตอบโต้นาง
“คุณชาย เหตุใดไม่หาทางให้นางจากไปเล่า! หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาย่อมกลายเป็ปัญหาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงท่าน กระทั่งสกุลโจวเองก็จะล่มสลายไปด้วย!” พ่อบ้านอู๋เตือนเขาเสียงต่ำแล้วจากไปอย่างเงียบงัน
โจวจื่อเฉิงเป็ผู้ใหญ่ย่อมทราบว่าเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อ เขาเชื่อว่าต้องสามารถแก้ปัญหาได้
โจวจื่อเฉิงเดินลงไปชั้นล่างก็พบเข้ากับองค์หญิงฮุ่ยหลิงที่นั่งจิบชาอยู่ในห้องรับรอง เขาจึงเข้าไปคารวะนางอย่างหวาดกลัว
องค์หญิงฮุ่ยหลิงมิได้ทำให้เขาอับอายกว่าเดิม นางเพียงแต่ยิ้มจอมปลอมมองโจวจื่อเฉิง “คุณชายโจว เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร? ”
โจวจื่อเฉิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่ตกบันได จึงได้มีสภาพน่าอายเช่นนี้!”
“ข้าจำได้ว่าบันไดที่นี่ทำจากไม้กลมชุ่มชื้น จุ๊ๆ ดูรอยข่วนบนหน้าเ้าซี ราวกับถูกเล็บสตรีข่วนเอาอย่างไรอย่างนั้น”
ได้ยินดังนั้นสีหน้าโจวจื่อเฉิงก็เปลี่ยนไป “มิใช่...องค์หญิงล้อเล่นแล้วกระมัง เป็กระหม่อมพลัดตกบันไดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ...โอ ตามสบายนะพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ที่นี่พระองค์ไม่จำเป็ต้องจ่าย กระหม่อมขอตัวก่อน”
เขาจากไปอย่างเร่งร้อน ทิ้งไว้เพียงฮุ่ยหลิงที่ยิ้มอย่างภาคภูมิ “บุรุษเกี้ยวพานสตรีมิใช่เื่ใหญ่โตอันใด ทว่าอีกหน่อยคุณชายโจวพึงระวังให้มาก!”
โจวจื่อเฉิงทราบว่าคำขององค์หญิงฮุ่ยหลิงมีความหมายแฝงเร้นก็ให้ในใจเย็นเยือก ‘หรือองค์หญิงฮุ่ยหลิงจะทรงทราบความจริง?’
หาไม่แล้วเหตุใดนางจึงกล่าวดังนั้นเล่า?
หากนางรายงานเขา สกุลโจวก็หนีโทษตายไม่พ้นแล้ว! คิดดังนี้โจวจื่อเฉิงก็หวาดกลัวสุดขีด เขาเดินวนไปมาอยู่ในสวน ทันใดนั้นก็คิดออก!
...
หลายวันมานี้ฮวาชีเยว่อยู่ในจวนสกุลฮวา ฝึกตนอย่างสงบ นานๆ ครั้งจึงจะออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างในยามมีผู้มาเยือนเช่นจี้จิงและจี้เฟิง
่หลายวันมานี้โจวจื่อเฉิงเองก็เข้าหาและเอาอกเอาใจองค์หญิงฮุ่ยเจินเช่นกัน ทั้งเขายังสั่งพ่อครัวให้ทำน้ำแกงบำรุงความงามให้นาง เพื่อให้นางหลับได้สนิทจนถึงเช้าอีกด้วย
ทว่าในวันต่อมา องค์หญิงฮุ่ยเจินก็รู้สึกคันตามใบหน้า นางอดเกาหน้ามิได้ จึงสั่งให้สาวใช้ไปตามหมอและหายารักษามา ทว่ากลับไร้ผล
องค์หญิงเกาหน้าจนกลายเป็จุดแดงจ้ำ จุดเหล่านี้ขยายใหญ่ขึ้นทุกทีจนท้ายสุดก็กลายเป็ตุ่มกระจายทั่วใบหน้า ทั้งบวมและแดงทั้งยังน่าเกลียดยิ่งนัก กระทั่งเปิดหน้าเต็มๆ แล้วก็ไม่อาจจดจำใบหน้าเดิมได้
โจวมามาและนางกำนัลคนอื่นๆ เองก็หวาดกลัว ใช้ผ้าคลุมใบหน้านาง พวกนางพาองค์หญิงไปพบหนานอ๋องผู้โด่งดังเพื่อรักษาตัว ทว่าหนานอ๋องกลับไม่อยู่ที่จวนด้วยทรงออกเดินทางท่องเที่ยว จึงได้แต่ต้องหาหมอทั่วไป
แต่หมอทั่วไปกลับไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้นางไม่พอใจเสียจนอยากสังหารเขาเสีย!
ทว่านางมิใช่องค์หญิงอีกต่อไปแล้ว นางย่อมไม่มีสิทธิ์สั่งฆ่าหมอไร้ประโยชน์ผู้นี้
องค์หญิงฮุ่ยเจินออกจากฉานเหรินถังด้วยอารมณ์โมโห และพบเข้ากับฮวาชีเยว่ที่กำลังเดินเล่นชมสองข้างทางเข้าพอดี
ฮวาชีเยว่สวมชุดขาวดูสง่างามดึงดูด เด็กที่จูงมือนางมองไปรอบกายด้วยดวงตาดำขลับ ดึงแขนเสื้อฮวาชีเยว่พร้อมรอยยิ้มยามเห็นสิ่งที่ตนชอบ
ฮวาชีเยว่ลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ซื้อน้ำตาลปั้นให้เขา
เมื่อเห็นฮวาชีเยว่ องค์หญิงฮุ่ยเจินก็จำได้ว่านางมิได้ไปเยี่ยมเยือนอีกฝ่ายนับแต่วันนั้น เมื่อองค์หญิงฮุ่ยหลิงเร่งร้อนบุกเข้าจวนจิ่งฮวาเพื่อหานาง ก็เป็ฮวาชีเยว่ที่ออกความคิดสั่งสอนฮุ่ยหลิง
‘บางที...นางอาจจะรู้วิธีรักษาใบหน้าข้าก็ได้’ คิดดังนี้ องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ก้าวออกไปขวางฮวาชีเยว่เอาไว้ทันที
เมื่อเห็นใบหน้าบวมแดงครึ่งหนึ่ง ฮวาชีเยว่ก็ลอบใ
“ท่านคือ...”
“ตามข้ามา!” องค์หญิงฮุ่ยเจินกระซิบ ฮวาชีเยว่สั่งโหย่วชุ่ยและบ่าวคนอื่นๆ ให้รออยู่ด้านนอกแล้วจึงตามองค์หญิงฮุ่ยเจินเข้าไปในตรอก
“องค์หญิงหรือ?” ฮวาชีเยว่เห็นสายตาโศกเศร้าและโกรธแค้นคู่นั้น นางอุทานออกมา
“ใช่ เป็ข้า” องค์หญิงฮุ่ยเจินกระซิบ ในดวงตายังคงมีประกายแสง นางจับแขนเสื้อฮวาชีเยว่เอาไว้อย่างร้อนรน “ท่านหญิงจิ่งฮวา เ้าเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด เ้าคิดว่า...ยังมีวิธีรักษาใบหน้าข้าอยู่หรือไม่?”
กล่าวดังนั้น องค์หญิงฮุ่ยเจินก็เลิกผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าอันน่าหวาดกลัวต่อฮวาชีเยว่ ในใจฮวาชีเยว่หัวเราะเ็า ‘ฮุ่ยเจิน ยามที่เ้าใส่ร้ายข้า เคยคิดถึงวันนี้ไว้บ้างหรือไม่? ’
น่าประหลาดนัก ยามนี้คนกลับไล่ตามขอร้องผู้ที่ตนเคยใส่ร้ายและทำร้ายเอาไว้เช่นนี้
“องค์หญิง...เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าท่านเพคะ?” ฮวาชีเยว่ทำท่าตกตะลึง ถอยหลังกลับไป “ใบหน้าท่านอักเสบเช่นนี้ ดูแล้วเป็พิษรุนแรงนัก”
“พิษหรือ?” องค์หญิงฮุ่ยเจินชะงัก ดวงตาวาวด้วยความแค้น “่นี้ข้าทานเพียงอาหารในภัตตาคารต้งไห่เท่านั้น!”
สีหน้าฮวาชีเยว่จริงจังขึ้นมา “แปลว่าต้องมีคนวางยาท่าน!”
“แต่ข้าไม่เคยทำอะไรพ่อครัว ข้าไม่เคยพบ ไม่เคยรู้จักพ่อครัวด้วยซ้ำ!” องค์หญิงฮุ่ยเจินกรีดเสียง นางขยี้เท้าอย่างโกรธเคือง
“องค์หญิงคิดว่าเป็พ่อครัวที่วางยาจริงหรือเพคะ? ท่านอยู่ในจวนสกุลโจว พ่อครัวมีแต่จะปฏิบัติต่อท่านในฐานะแขกผู้มีเกียรติมิใช่ศัตรู” ฮวาชีเยว่หัวเราะเสียงเย็น “ทว่ายามนี้องค์หญิงไม่มีอะไรเลย ลองคิดๆ ดูเถอะ คนของท่านจริงใจต่อท่านหรือไม่?”
คำของฮวาชีเยว่ปลุกนางให้ตื่นขึ้น หัวใจขององค์หญิงฮุ่ยเจินเต้นระรัว นางลุกขึ้นอย่างเหม่อลอย ดวงตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชัง!
“เป็เขาหรือ...? โจวจื่อเฉิง...ไม่! เป็ไปไม่ได้! เรารักกันมากนัก! เื่นั้นเป็ไปไม่ได้! ”
องค์หญิงฮุ่ยเจินเริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ ฮวาชีเยว่เพียงแต่มองนางอย่างใจเย็น “องค์หญิง บุรุษทำได้ทุกสิ่งเพื่อความรุ่งโรจน์ของตนเอง ทว่าเมื่อท่านไม่มีสิ่งใดให้อิงแอบทั้งยังไม่มีสิ่งใดใน...หากท่านไม่เชื่อหม่อมฉัน ทรงขอให้เขาแต่งกับท่านดู หม่อมฉันขอพูดเพียงอย่างเดียว องค์หญิงระวังตัวด้วย!”
องค์หญิงฮุ่ยเจินยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย ฮวาชีเยว่หมุนกายจากไป ผ่านไปเป็นาน ฮุ่ยเจินก็ยังไม่หายตกตะลึงกระทั่งโจวมามากระซิบเรียกชื่อนาง
องค์หญิงฮุ่ยเจินกลับมายังภัตตาคารต้งไห่อย่างโมโห ทว่านางกลับไม่พบโจวจื่อเฉิง
ยามนี้ โจวจื่อเฉิงอยู่ที่บ้านของแม่นางหวาง
แม่นางหวางนั่งอยู่ในห้องรับรอง บิดามารดาแก่ชราของนางมองดูของกำนัลบนโต๊ะด้วยความพึงพอใจ ทุกวันนี้หากมีใครหลงใหลบุตรสาวคนนี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
พูดตรงๆ หวางอี้นับว่ามีดวงกินผัว เนื่องด้วยนางแต่งบุรุษมาแล้วสองคน อดีตสามีทั้งสองล้วนแต่สิ้นไปด้วยอาการเจ็บป่วยทั้งคู่
ยามนี้จะหาคนหนุ่มเข้าเยี่ยมเยียนหวางอี้พร้อมของกำนัลมากมายเช่นนี้ นับว่าหายากนัก!
“แม่นางหวาง ใบหน้าเ้า...”
เขาพลันเห็นร่องรอยการเกาที่ทำให้ใบหน้างามเริ่มเสียโฉมขึ้นมา
หวางอี้ดูผิดหวังขึ้นมา นางหัวเราะเสียใจ “ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไรเ้าค่ะ...ข้าเพียงเผลอเกาหน้าเข้าเท่านั้น ท่านพ่อท่านแม่อยู่คุยกับแขกเถอะเ้าค่ะ ต้องขออภัยด้วย ทว่าข้ารู้สึกไม่ค่อยดีนัก คงต้องขอตัวไปพักก่อน”
เห็นหวางอี้จากไป โจวจื่อเฉิงก็ให้รู้สึกเสียใจ “นายท่านหวาง เล่าให้ผู้น้อยฟังได้หรือไม่ว่าใบหน้าแม่นางหวางไปโดนสิ่งใดมา...”
“อา อย่าได้เอ่ยถึงมันเลย เื่นี้มิใช่อุบัติเหตุ มีนักเลงหลายคนบุกเข้ามาในบ้านเราแล้วข่วนทำลายใบหน้าอวี้เอ๋อร์จากนั้นก็จากไป หลังจากนั้นเราแจ้งผู้ตรวจการแล้ว แต่พวกเขากลับไม่รับแจ้ง...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้