เขาจำระดับพลังที่หลงเหยียนปล่อยเมื่อครั้งที่แล้วได้ว่าเป็อย่างไร มันไม่มีทางแข็งแกร่งเท่านี้
การเคลื่อนไหวของหลงเหยียนทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มาก
เขาะโเสียงดัง “หลงเหยียน เ้ารนหาที่ตาย ดูเหมือนข้าจะเมตตาเ้ามากเกินไปแล้ว ทำให้เ้ายิ่งไม่รู้จักเจียมตัว น่าโมโหนัก ตอนแรกข้าอยากเล่นกับเ้าหน่อย กลับไม่รู้จักไว้หน้าเลยจริงๆ ฉะนั้นครั้งนี้เ้าต้องตายสถานเดียว ซ้ำยังต้องตายอย่างอนาถ”
“ฮึ! พูดเรื่อยเปื่อย เ้านึกว่าเก้าิญญาคือการโจมตีที่แข็งแกร่งสุดของข้าหรือ ข้ามีวิธีรับมือมากมาย เ้าไม่มีทางนึกถึงหรอก”
หลงเหยียนไม่อยากสนใจ เพราะตอนที่เขาสังหารคนในครอบครัวฉินเซียน ตอนที่ลุงสองท่านลั่วของเขาทำร้ายฉินเซียนาเ็หนัก ตอนที่เขาทำเื่ชั่วช้ากับคนอื่น เขาได้ลงทัณฑ์ให้ลั่วเฉิงตายแล้ว
ระหว่างดูการต่อสู้ ซือถูหม่ามองลั่วซางแล้วพูด “ข้าว่าเ้าหนุ่มหลงเหยียนนั่นไม่ธรรมดาเลย เกรงว่าคงเหนือกว่าน้องชายเ้า แม้เขามีพลังระดับชีพัขั้นที่แปด ทว่าพลังการโจมตีที่ใช้ก็มากพอที่จะเอาชนะระดับชีพัขั้นที่เก้าได้เลย”
ลั่วซางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ใต้เท้าซือถู ยังไม่ถึงตอนจบ ยังบอกไม่ได้ว่าแพ้หรือชนะ ข้ารู้วิธีการรับมือคู่ต่อสู้ของน้องชายข้าดี เขาต้องมีแผนรองรับแน่”
ซือถูหม่ามองแววตาที่ดุร้ายของหลงเหยียนครู่หนึ่งพลางถอนหายใจ “ถึงอย่างไร ข้ากลับรู้สึกว่าเ้าหลงเหยียนนั่นมีพลังปราณมาก ไม่ด้อยไปกว่าน้องชายเ้าเลย ข้าเป็ห่วงความปลอดภัยของน้องชายเ้า!”
ลั่วซางรู้สึกเบื่อหน่าย “ใต้เท้าซือถู ท่านกังวลมากเกินไปแล้ว ข้าจะบอกท่านก็ได้ น้องชายข้ายังมีท่าไม้ตายอีกสองกระบวนท่าที่ยังไม่ได้ใช้ นั่นคือวิชาระดับมายา”
จากนั้นลั่วซางก็กระซิบข้างหูซือถูหม่า “คิดว่าท่านยังจำคำรามพิฆาตได้ใช่หรือไม่”
“คำรามพิฆาต?” ซือถูหม่าหวนนึกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองลั่วซางด้วยสายตาประหลาดใจ
“คำรามพิฆาตเป็วิชาการต่อสู้ที่เ้าฝึกเมื่อปีก่อนใช่ไหม? น้องชายเ้าก็ฝึกสำเร็จแล้วหรือ?”
ลั่วซางพยักหน้า “ถึงแม้เป็การบรรลุขั้นเล็กๆ ถึงอย่างไรก็ใช้วิชานี้ได้สองกระบวนท่า มากพอที่จะสังหารหลงเหยียนได้แล้ว”
ซือถูหม่าพยักหน้า “ข้าดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าน้องชายเ้าจะมีพร์สูงเพียงนี้ วิชาคำรามพิฆาตเป็วรยุทธ์ที่ฝึกจากตัวของสัตว์ ไร้เทียมทาน”
“คำรามพิฆาต มายาสังหาร!”
“มีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้าเท่านั้น แม้กระทั่งข้าในตอนที่ยังฝึกไม่ถึงระดับชีพมนุษย์ก็ยังบรรลุวิชานี้ไม่ได้”
ซือถูหม่าได้ยินลั่วซางพูดเช่นนั้น เขาก็หันกลับไปมองสนามประลองอีกครั้ง จากนั้นจึงมองหลงเหยียนด้วยสีหน้าผ่อนคลายพลางนึกในใจ ‘หากเป็เช่นนั้นจริงๆ เกรงว่าเ้าหมอนี่ต้องตกอยู่ในอันตรายแล้วละ ต่อให้เป็เด็กมีพร์ ตายก็คือตาย คงไม่มีอะไรต้องเสียดาย!’
...
หลงเหยียนและลั่วเฉิงสู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อ ทำให้ลั่วเฉิงโมโหมาก จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เพราะเขารู้ว่าตนยังมีสองท่าไม้ตายที่ทรงพลัง หากผู้อื่นรู้ว่าเขามีพลังเพียงขั้นที่เก้า ทว่าสามารถฝึกวิชาระดับมายาสำเร็จ ทุกคนต้องประหลาดใจแน่
เชื่อว่านี่ต้องทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง แค่นึกถึงเื่นี้ ลั่วเฉิงก็ยิ้มอย่างภูมิใจ ส่วนหลงเหยียนต้องตายสถานเดียว
“ไอ้หนุ่ม เก้าิญญาไม่น่ากลัวหรอก ต่อจากนี้ข้าจะทำให้เ้ารู้จักวิชาระดับมายา เกรงว่าเ้าคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฝันถึง เ้าต้องตายเพราะวิชาระดับมายา คงใมากกระมัง กลัวใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆๆๆ เพราะครั้งนี้ ข้าจะทำให้ิัเ้าะเิจนไม่เหลือซาก”
หลงเหยียนเบิกตาโต ยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตนเพื่อทำให้เขาหายใจช้าลงบ้าง แสร้งทำท่าเหมือนใกลัว แล้วมองลั่วเฉิงอีกครั้ง
“เ้าขู่ข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” เมื่อพูดจบ หลงเหยียนก็เกือบหลุดหัวเราะ เขายิ้มในใจ ‘เ้านึกว่ามีเ้าคนเดียวที่ฝึกวิชาระดับมายาได้หรือ?’
หลงเหยียนยิ้มกว้าง อย่างไรก็ตาม มีหรือที่ลั่วเฉิงจะเข้าใจ
เมื่อเห็นท่าทางคล้ายหวาดกลัวของหลงเหยียน ลั่วเฉิงก็ผยองมากกว่าเดิม ไม่นานนัก รอบตัวลั่วเฉิงก็ปกคลุมด้วยรังสีพลัง ลั่วเฉินกดมือทั้งสองข้างลงบนพื้นพร้อมย่อขาลง เขาในตอนนี้ไม่ต่างจากสัตว์อสูร เมื่อส่งเสียงคำราม ห้วงอากาศก็เต็มไปด้วยพลังที่น่ากลัว
รังสีพลังบนตัวลั่วเฉิงถูกส่งออกไปด้วยความเร็วสูง เขามองหลงเหยียนเสมือนมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ซือถูหม่ามองลั่วเฉิงด้วยความใ “หา? อาเฉิงจะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วหรือ คำรามพิฆาต!”
ดูจากรังสีที่ปกคลุมเขาขณะย่อตัวลง มีพลังเพียงระดับชีพัขั้นที่เก้าเท่านั้น กลับมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ มันทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก เท่านี้ก็รู้แล้วว่าลั่วเฉิงมีพร์สูงมากเพียงใด… หลงเหยียนพลางนึกในใจ
จากนั้นลั่วเฉิงก็คำรามเสียงดัง “คำรามพิฆาต!” รังสีที่ปกคลุมรอบตัวเขาพุ่งกระจายออกไป ในเสี้ยววินาทีนั้น หลงเหยียนััได้ถึงการไหลเวียนของพลังรอบตัว มันกำลังพุ่งเข้าหาตนแล้ว
รังสีพลังที่น่ากลัวพุ่งเข้าหาหลงเหยียน ทันใดนั้น ร่างกายลั่วเฉิงก็ะเิ กะพริบวาบเข้ามาหาหลงเหยียนในเวลาเดียวกัน
ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้หลงเหยียนรู้สึกหายใจไม่ออก เขาััได้ว่าทุกสัดส่วนร่างกายของเขารู้สึกปวด ถึงอย่างไรหลงเหยียนก็ไม่กลัว เขากลับยิ้มมุมปากชวนน่าสงสัย
“เหอะ! ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ดูสิครั้งนี้เ้าจะรอดไปได้อย่างไร!”
ขณะที่พลังโจมตีปล่อยออกไปเต็มที่ หลงเหยียนพลันััได้ถึงพลังที่น่ากลัว พูดได้เลยว่ามันทรงพลังยิ่งกว่าเก้าิญญาเป็สิบเท่า
เวลานี้เขาสบถเสียงดังขณะที่ลั่วเฉิงพุ่งเข้ามาใกล้ เขารวบรวมพลังปราณไว้บนหมัด ก่อนที่พลังจากหมัดทะลวงที่น่ากลัวจะถูกส่งออกไป
คลื่นพลังจากหมัดที่น่ากลัวมาพร้อมพลังหมัดที่พุ่งทะลวง ก่อตัวกลายเป็พายุหมุน หลงเหยียนยืนอยู่ตรงกลางพายุหมุนราวกับเป็นักรบผู้ยิ่งใหญ่
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ลั่วเฉิงตกตะลึงทันที
“อะไรนะ? เ้าหมอนั่น… ก็ฝึกวิชาระดับมายาเหมือนกันหรือ เขามีเพียงพลังขั้นที่แปด แล้วเหตุใดถึงมีพลังปราณที่มหาศาลมาหนุนล่ะ? นี่ต้องเป็ภาพลวงตาแน่ จะเป็ไปได้อย่างไร”
หลงเหยียนยกมุมปากขึ้น ทว่าแววตากลับเืเย็นที่สุด “ทำไมจะเป็ไปไม่ได้”
จากนั้นก็ตามมาด้วยะเิพลัง เมื่อพลังปราณถูกขับออกไป มันก็ะเิทันที “หมัดทะลวง!”
สองวิชาระดับมายานั้นแตกต่างกันทางด้านศักยภาพ ด้านหนึ่งคือพลังการโจมตีจากภายใน ส่วนอีกด้านคือพลังปราณที่ห่อหุ้มด้วยพลังหมัด
ดูเหมือนนั่นเป็การโจมตีที่แสนธรรมดา เมื่อปะทะกันแล้ว พื้นดินสั่นะเือย่างรุนแรง ทว่าระดับความรุนแรงของพลังนั้นมากกว่าก่อนหน้านี้เป็เท่าตัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คาดว่านักรบที่อยู่ในตระกูลอู่ตี้มานานหลายปียังไม่สามารถะเิพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้เลยกระมัง
ลั่วเฉิงแกร่งมากจริงๆ ทว่าพลังที่หลงเหยียนปล่อยออกมาในครั้งนี้กลับดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก รวมกับกายธาตุพลังจึงทำให้พละกำลังของหลงเหยียนเพิ่มขึ้นเป็สิบเท่า
ส่วนหมัดทะลวงคือการโจมตีที่แหวกฟ้า ถล่มธรณี ซึ่งความน่ากลัวของมันก็ถูกใช้ได้อย่างเต็มที่
สนามประลองสั่นะเือย่างรุนแรง เพราะเวลานี้เอง เวทีประลองแตกเสียแล้ว กลางสนามประลองเกิดรอยแยกที่ใหญ่โต
--------------------