กู้ซินเยว่บีบมือจื่อเยียนที่อยู่ข้างๆบีบแรงจนปลายเล็บแทบจิกเข้าไปในผิวของจื่อเยียน
จื่อเยียนเจ็บจนกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ทั้งยังไม่กล้าแสดงอาการทางสีหน้า
ฮูหยินเฒ่ากู้ไม่เห็นท่าทางเสียมารยาทของหลานสาวที่อยู่ข้างๆนางยิ้มพร้อมกล่าว "สามารถทำให้ฉางชิงบอกว่าดี ย่อมต้องดีแน่นอน ทำอาหารใหม่อะไรงั้นหรือให้ข้าลองชิมดู! "
ซ่งฝูยกหมูต้มจิ้มน้ำจิ้มที่เซี่ยยวี่หลัวทำไว้มา
ตรงกลางจานกระเบื้องลวดลายมัจฉาคู่และดอกบัวสีครามมีถ้วยน้ำจิ้มขนาดเล็กวางอยู่ข้างถ้วยน้ำจิ้มมีเนื้อหมูต้มสุกที่หั่นเป็แผ่นบางๆ จัดเรียงไว้อย่างเป็ระเบียบ มีทั้งส่วนที่ติดมันและส่วนที่เป็เนื้อล้วนแม้ยืนอยู่ไกล ก็ยังได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมา
ฮูหยินเฒ่ากู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย“นี่เป็วิธีการกินที่แปลกใหม่อย่างไรเช่นนี้? ”
ไม่มีเครื่องปรุงใดๆ จะกินอย่างไร?
กู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆกล่าว “พวกเรารู้เพียงว่าเนื้อหมูสามารถนึ่ง ต้ม ผัด และตุ๋น แต่ก็ล้วนมีเครื่องปรุงยังไม่เคยเห็นเนื้อหมูที่ขาวขนาดนี้มาก่อน! ” นางกล่าวด้วยท่าทีลังเล “ท่านป้า ทำเนื้อหมูเช่นนี้ออกมาจะมีลูกค้าชอบกินหรือเ้าคะ? ไม่ชอบก็ไม่เท่าไรแต่หากกินแล้วลูกค้าท้องเสีย...”
เช่นนั้นเซียนจวีโหลวต้องเดือดร้อนแน่!
ฮูหยินเฒ่ากู้เมื่อครู่ยังตื่นเต้นอยากลองเวลานี้กลับลังเลเล็กน้อย “ฉางชิง วิธีกินเช่นนี้ กินได้หรือ? ”
คนที่มากินอาหารที่เซียนจวีโหลวล้วนแต่เป็คนมีหน้ามีตาในเมืองโยวหลัน ต่างก็มีเงื่อนไขด้านรสชาติสูง หากไม่ถูกปากพวกเขาก็ยังไม่เท่าไรแต่หากพวกเขากินแล้วท้องเสียจริง เช่นนั้นชื่อเสียงของเซียนจวีโหลว คงรักษาไว้ไม่ได้จริงๆ
ฮูหยินเฒ่ากู้กังวลยิ่งนัก
นางอยากให้เซียนจวีโหลวรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนแต่ก็กลัวว่าบุตรชายของตัวเองที่อายุยังน้อย พยายามครุ่นคิดหาวิธีให้กิจการของเซียนจวีโหลวรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งแต่กลับเลือกใช้ผิดวิธี จะได้ไม่คุ้มเสียเอา
ฮูหยินเฒ่ากู้กังวลยิ่งนัก“ฉางชิง ซินเยว่กล่าวถูก พวกเราจะทำเื่ที่ไม่มีการเตรียมความพร้อมไม่ได้”
กู้ซินเยว่ก็กล่าวอยู่ข้างๆ“ญาติผู้พี่ ความกังวลของท่านป้านั้นถูกต้องแล้ว เซียนจวีโหลวเป็ภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองโยวหลันหากพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ก็จะตกต่ำเหมือนตกเหวลึกหมื่นจ้างนะเ้าคะ! ”
เมื่อก่อนกิจการของเซียนจวีโหลวรุ่งเรืองมากผลประกอบการดีเป็พิเศษ ทว่า ั้แ่ท่านลุงจากโลกนี้ไป ญาติผู้พี่รับ่ต่อ กิจการของเซียนจวีโหลวก็ทรุดโทรมลงมาก
แต่ถึงแม้จะทรุดลงมาก ทั้งเมืองโยวหลันก็มีภัตตาคารเพียงไม่กี่แห่งที่จะเทียบเคียงกับเซียนจวีโหลวได้
เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆมองคุณหนูเยว่ผู้นี้ด้วยท่าทางใ
นางแค่ทำอาหารหนึ่งอย่างเหมือนตกเหวลึกหมื่นจ้าง ถึงขั้นนั้นเชียวหรือ?
เมื่อครู่ซ่งฉางชิงยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เลย!
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะพร้อมกล่าว“หากทุกคนมีความกังวลใจ เช่นนั้นก็ไม่ต้องขาย! ”
ความคิดของนางนั้นง่ายมากนางมอบสูตรอาหารอีกชนิดสูตรให้ก็ได้ ถึงอย่างไรในหัวของนางต่อให้ไม่มีอาหารหลายพันชนิดอย่างน้อยก็มีสูตรอาหารสักหนึ่งพันสูตรได้
เซี่ยยวี่หลัวถอดเสื้อกันเปื้อนออกกำลังจะออกไป
กู้ซินเยว่หันมองจื่อเยียนที่อยู่ข้างๆแวบหนึ่ง จื่อเยียนเข้าใจทันที รีบขวางนางไว้ “เ้ามอบสูตรอาหารให้เซียนจวีโหลว ใครจะรู้ว่าเ้ามีเจตนาอะไรแอบแฝง? ”
เซี่ยยวี่หลัวเบิกตาคู่ตามองดูจื่อเยียนหางตาแฝงเร้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีเจตนาอะไรนี่! ” นางไม่มีเจตนาอะไรจริงๆ แค่รู้สึกไม่สบายใจจึงอยากมอบสูตรอาหารสักหนึ่งสูตรให้เซียนจวีโหลวโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเท่านั้น
ซ่งฉางชิงเพียงชำเลืองมองก็จดจำดวงตาโตคู่นั้นไว้ในเบื้องลึกจิตใจ
ดวงตาโตที่งดงามถึงเพียงนั้นราวกับสามารถสื่อสารเป็ถ้อยคำได้จริงๆ
จื่อเยียนส่งเสียงเย็นในลำคอ“ไม่มีเจตนาอะไร? อาหารอย่างนี้ หากขายที่เซียนจวีโหลวจริงชื่อเสียงที่เซียนจวีโหลวสั่งสมมาก็จะถูกทำลายด้วยน้ำมือเ้า ฮูหยินเฒ่า สตรีผู้นี้ต้องมีเจตนาไม่ดีเป็แน่เ้าค่ะ!คุณชายจิตใจดี อย่าโดนหญิงหลอกลวงผู้นี้หลอกเอานะเ้าคะ”
เซี่ยยวี่หลัวอยากกุมขมับแล้วหัวเราะจริงๆ
นางจะมีเจตนาอะไรได้ นางแค่อยากมอบสูตรอาหารสูตรหนึ่งให้เซียนจวีโหลวโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกฝ่ายไม่อยากรับ เช่นนั้นนางก็ไม่ให้
แต่เท่าที่ดูในตอนนี้ เหมือนว่าแค่นางจะไปยังไม่ได้เลย!
ยัดเยียดว่านางมีเจตนาไม่ดีให้ได้
นางจะมีเจตนาอะไรได้เล่า!
ฮูหยินเฒ่ากู้ขมวดคิ้วไม่กล่าวอะไรเหมือนจะกังวลว่าข้างนอกมีคนคิดการวางแผนหมายจะทำลายชื่อเสียงของเซียนจวีโหลว นางมองซ่งฉางชิง
ซ่งฉางชิงยืนอยู่ตรงนั้นสีหน้าเรียบสงบ ค่อนข้างเคร่งขรึม
“ฉางชิง...”
ซ่งฉางชิงเดินมาตรงหน้าซ่งฝูหยิบตะเกียบที่เมื่อครู่ตัวเองใช้ขึ้นมา คีบเนื้อหนึ่งชิ้น จุ่มในน้ำจิ้ม
เนื้อหมูเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยสีสันทันทีบนเนื้อหมูมีต้นหอมสีเขียว สีแดงนั่น...
กู้ซินเยว่เห็นเข้า ก็ร้องเสียงดัง“ญาติผู้พี่ นั่นเป็ของเผ็ด! ”
ซ่งฉางชิงไม่สนใจ ราวกับไม่ได้ยินวาจาของกู้ซินเยว่อย่างไรอย่างนั้นส่งเนื้อเข้าไปในปาก เคี้ยวสองทีก็กลืนลงไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“อร่อยมาก! ”
อร่อยมากจริงๆ แต่ก็เผ็ดมากเช่นกัน
น้ำมูกและน้ำตาของซ่งฉางชิงไหลออกมาอีกครั้งแม้แต่น้ำเสียงยังฟังดูสะอึกสะอื้น
คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวเห็นท่าทางของซ่งฉางชิงหลังกินของเผ็ดเผ็ดจนน้ำมูกและน้ำตาไหลออกมา ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากก็แดงมาก
กู้ซินเยว่หันขวับมาถลึงตาใส่เซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าดุร้าย“ญาติผู้พี่กินอาหารเผ็ดไม่ได้ เ้าทำอาหารเผ็ดขนาดนี้ เ้ามีเจตนาอะไรกันแน่! จื่อเยียนรีบไปเอาน้ำเย็นมาหนึ่งถ้วย”
จื่อเยียนรีบไปหยิบ
เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกไม่ค่อยดีหากรู้แต่แรกว่าซ่งฉางชิงไม่กินอาหารเผ็ด นางจะใส่พริกทำไมเล่า
เผ็ดเกินไปกินน้ำเย็นไม่ได้ไม่ดีต่อกระเพาะ ทั้งยังจะเกิดผลเสีย
เซี่ยยวี่หลัวรีบถามซ่งฝู“ที่นี่มีนมหรือไม่? ”
หากไม่มีนมวัว จะเป็น้ำส้มสายชูหรือน้ำผึ้งก็ได้ล้วนแต่ดีกว่าน้ำเย็นมาก
คิดไม่ถึงว่าซ่งฝูจะพยักหน้า“มี มีนมแพะ”
นมแพะก็ได้!
“เช่นนั้นท่านรีบไปนำมาหนึ่งถ้วยนมแพะสามารถบรรเทาอาการเผ็ด ได้ผลมากทีเดียว! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
ในภายหลังซ่งฝูลองคิดดูก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงเชื่อคำเสนอแนะของเซี่ยยวี่หลัว เมื่อเซี่ยยวี่หลัวถามเขาเขาก็ไม่มีความสงสัยใดๆ ราวกับกำลังฟังคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น ขณะลงมือทำก็ไม่มีความลังเลใดๆ
ซ่งฝูรีบตักนมแพะมาหนึ่งถ้วยคนจัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลวมีคนที่เลี้ยงแพะไว้ แพะออกลูกพอดี จึงมีน้ำนม
“คุณชาย นมนี่แก้อาการเผ็ดได้ขอรับ”ซ่งฝูกล่าว
เดิมทีซ่งฉางชิงคิดว่าเป็น้ำใครจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นคือนมแพะสีขาว จึงรู้สึกประหลาดใจ นมแพะแก้เผ็ดได้งั้นหรือ?
เขาหันมองไปทางเซี่ยยวี่หลัวตามสัญชาตญาณเซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า บอกให้เขาดื่มเสีย
ซ่งฉางชิงไม่คิดด้วยซ้ำแหงนหน้าดื่มนมแพะลงไปทั้งถ้วยจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้