หยางหนิงนอนอยู่บนเตียง ถึงแม้จะรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ก็ยังไม่หลับ
แม้ลมปราณในจุดตันเถียนจะถูกขจัดไปโดยต้วนชางไห่ชั่วคราว แต่ว่าการลอบสังหารในคืนนี้ทำให้หยางหนิงต้องคิดหนัก
การลอบสังหารในคืนนี้ มันชัดเจนว่ามีการวางแผนมาแล้วอย่างดี อีกฝ่ายไม่เพียงรู้หมายกำหนดการของตัวเอง การลงมือก็วางแผนมาอย่างเด็ดขาด
หากเขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของข้ารับใช้ชุดเขียว ไม่แน่ว่าตัวเองอาจจะดื่มชาถ้วยนั้นไปแล้ว ดีที่จ้าวอู่ชางตรวจพบเสียก่อนว่าชาถ้วยนั้นถูกวางยาพิษเอาไว้
อีกฝ่ายวางแผนใช้พิษเพื่อลอบสังหาร แต่คิดไม่ถึงว่าตัวเขาจะจับสังเกตได้ นักฆ่าจึงใช้แผนสอง
ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว หากตัวเขาเป็ทายาทองครักษ์เสื้อแพรจริงๆ ไม่ได้มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ เขาอาจจะถูกเอาชีวิตไปแล้ว
ผู้อยู่เื้ัคนแรกที่เขาสงสัย ก็คือชายชุดเทาที่กลายเป็ขันทีคนนั้น
จ้าวอู๋ชางพูดไม่ผิด นักฆ่าคุ้นเคยกับเรือนรับรองสุสานจงหลิงเป็อย่างดี ชายชุดเทาดูแล้วก็เหมือนคนในวังหลวง สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนจะเป็สถานที่ของวังหลวง ในเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับวังหลวง อย่างนั้นก็เป็ไปได้ว่าจะรู้จักสุสานนี้เป็อย่างดี
หากชายชุดเทาดูออกว่าตัวจริงของเขาคือใคร แต่ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยความจริงเื่ทายาทองครักษ์เสื้อแพร การลอบสังหารก็เป็ทางเลือกที่ไม่เลวนัก
แต่มีอย่างหนึ่งที่หยางหนิงไม่เข้าใจ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม มันจะต้องมีเหตุจูงใจ การลอบสังหารซื่อจื่อตระกูลโหวมันไม่ใช่เื่เล็กๆ มันจะต้องมีเหตุจูงใจที่สำคัญและใหญ่มากๆ หรือก็คือ หากทายาทองครักษ์เสื้อแพรถูกสังหารจริง ใครกันที่ได้ประโยชน์สูงสุด แล้วใครเล่าที่น่าสงสัยที่สุด
เื่ในคืนนี้ทำให้เขาเกือบตาย ในใจของหยางหนิงรู้สึกโกรธมาก
หยางหนิงไม่ใช่คนซับซ้อนอะไร เขาเป็คนง่ายๆ มีบุญคุณก็ทดแทน มีแค้นก็ชำระ
หากไม่มาหาเื่ข้า ข้าก็จะไม่หาเื่เ้า หากมาหาเื่ข้า ข้าก็ต้องตอบโต้!
ถึงแม้เป้าหมายของนักฆ่าคือทายาทองครักษ์เสื้อแพร แต่ก็ทำให้ตัวเขาเองเกือบต้องตาย มันคือการข่มขู่โดยตรงมาถึงตัวเขา แม้หยางหนิงจะยังคงคิดที่จะแอบหนี แล้วปล่อยตำแหน่งทายาทองครักษ์เสื้อแพรนี้ไป แต่ว่าตอนนี้เขากลับอยากจะหาคนร้ายตัวจริงที่คิดสังหารเขาก่อน
ตัวเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาไม่มีทางให้อีกฝ่ายอยู่อย่างสงบสุขเป็แน่
คำเตือนของต้วนชางไห่ ทำให้หยางหนิงไม่ค่อยสบายใจ พลังเทพหกประสานจะดูดพลังลมปราณของคนอื่น ตามที่ต้วนชางไห่พูด ลมปราณในร่างกายเขาคือยอดฝีมือระดับสามแล้ว หยางหนิงไม่รู้ว่ายอดฝีมือระดับสามมันคือระดับไหน แต่ว่าสิ่งที่เขามั่นใจคือ ลมปราณกลุ่มนี้ไม่มีทางสลายได้ในหนึ่งวัน แล้วตัวเขาเองก็จะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
ต้วนชางไห่บอกว่าจะหาทางแก้ให้เขา ตอนนี้ก็หวังพึ่งได้แค่เขาคนเดียว แต่ก่อนจะแก้ไขเื่นี้ได้ สถานการณ์มันออกจะอันตรายเกินไป คงจะต้องสวมรอยเป็ซื่อจื่อต่อไป
คืนนี้หยางหนิงนอนพลิกตัวไปมา เพราะนอนไม่หลับ วันต่อมาตอนเช้ามืด ก็มีคนมาเคาะประตูเรียก ขบวนศพออกเดินทางแต่เช้า เพื่อไปยังสุสานจงหลิง
งานศพของผู้ดีมีตระกูลเป็อะไรที่ซับซ้อนวุ่นวาย หยางหนิงถึงแม้ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก แต่ตลอดทั้งวัน พิธีการต่างๆ ที่มีมากมาย เขาก็ยังต้องทำอย่างเต็มที่
นอกจากการฝังศพลงที่สุสานจงหลิงแล้ว เนื่องจากหลุมศพของท่านเหล่าโหวก็ฝังที่นี่เช่นกัน ดังนั้นก็เลยจำเป็ต้องไปไหว้เคารพศพของท่านเหล่าโหวด้วย
แคว้นฉู่สามารถมีสองพ่อลูกถูกฝังในสุสานจงหลิงด้วยกัน ถือเป็เกียรติยศสูงสุด มันแสดงให้เห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาองครักษ์เสื้อแพรนั้นมีบารมีมากแค่ไหน
จนถึงดึกดื่น พิธีทั้งหลายจึงเสร็จสิ้น แต่ว่าในส่วนของงานศพฉีหุ้ยจิ่งยังไม่เสร็จ ตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อขบวนศพกลับไปถึงจวนองครักษ์เสื้อแพร ยังต้องทำพิธีอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน เรียกพิธีนี้ว่าพิธีบูชาภูตผี เมื่อจบพิธีบูชาภูตผีแล้ว งานศพจึงจะถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ขบวนติดตามไม่ได้เสียเวลาที่สุสานจงหลิงนานนัก ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ทุกคนต่างอ่อนเพลียมาก จึงออกมาพักอยู่ที่นอกสุสานจงหลิง พักอยู่จนเช้า จากนั้นก็ออกเดินทางกลับเมืองหลวงในทันที ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว กู้ชิงฮั่นเองก็เตรียมทุกอย่างไว้ที่จวนพร้อมแล้ว จึงเริ่มพิธีบูชาภูตผีั้แ่คืนนั้นเสียเลย
คนในจวนทุกคนจะไปไหนไม่ได้เลยในสามวันแรก หยางหนิงในฐานะลูกชายคนโตและเป็ลูกเมียแต่ง ยิ่งไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ต้องอยู่อย่างนี้ตลอดสามวัน ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงมากนัก หลังจากสามวัน ตัวเขาก็อ่อนล้าจนแทบทนไม่ไหว
ยังดีที่หลังจากพ้นสามวันไปแล้ว คนในตระกูลจะสามารถออกไปไหนมาไหนได้ โดยทิ้งให้นักพรตอยู่ทำพิธีที่ห้องโถงแทน
พอผ่านมาหลายวัน หยางหนิงรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวมาก เลยรีบอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ เขานอนหลับสนิท จนไม่รู้เลยว่าหลับไปนานแค่ไหน เมื่อตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกมีกำลังขึ้นมาก หลังจากะโลงจากเตียง เขาก็สวมเพียงกางเกง แล้วยืดเส้นยืดสาย รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นเยอะ
เมื่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ก็เห็นท้องฟ้าแจ่มใส แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็่พลบค่ำหรือรุ่งสาง เขารู้สึกหิวจนท้องร้อง กำลังคิดว่าจะให้คนไปหาอะไรมาให้กิน ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง “หนิงเอ๋อร์ เ้าตื่นแล้วหรือ?”
หยางหนิงใ แล้วมองไปรอบๆ เห็นกู้ชิงฮั่นอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่านางมาอยู่ที่นี่ั้แ่เมื่อไหร่ ตอนนี้นางสวมชุดที่พอดีตัว มีเสื้อทับสีม่วง เอนกายอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ใช้มือหนึ่งรองแก้มหอมๆ ของนาง ผมสีดำที่ไล้ลงไปตามใบหน้า ชุดสีม่วงของนางทำให้เห็นสัดส่วนชัดเจน แสงไฟที่ถูกจุดขึ้นมานั้นเมื่อตกกระทบไปยังชุดของนาง ก็ทำให้นางดูราวกับนางเงือกที่นอนอยู่ริมชายหาด
ดูเหมือนว่านางจะเพิ่งตื่น ใบหน้าที่สวยงามพร้อมท่าทีี้เีแต่กลับดูมีเสน่ห์ นางลุกขึ้นมายืดแขนเรียวขึ้นบิดี้เี ด้วยท่าทางเช่นนี้ทำให้เสื้อทับเกือบจะเปิดออกเผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มของนาง
หยางหนิงใจเต้นแรง รู้สึกว่าใบหน้าของเขาร้อนขึ้นมานิดหน่อย แอบคิดในใจว่าหุ่นของนางนั้นดูอ้อนแอ้นกว่าตอนที่สวมชุดไว้ทุกข์ พอถอดชุดไว้ทุกข์ออกแล้ว ทั้งเอวและอกอิ่มที่บิดไปมานั้น ก็ดูงดงามและยั่วยวนกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก มันเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบผู้ใหญ่
ตามหลักแล้ว พิธีบูชาภูตผีในสามวันแรก จะต้องถอดชุดไว้ทุกข์ออกเป็ชุดธรรมดา ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็มงคล
“ซานเหนียง ท่าน...ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” หยางหนิงที่เปลือยอกอยู่ รีบคว้าเสื้อคลุมมาคลุมตัวของเขาไว้
กู้ชิงฮั่นมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว หนิงเอ๋อร์ ข้าจะให้คนเตรียมอาหารให้เ้า” จากนั้นก็พูดอีกว่า “ต้วนชางไห่บอกข้าว่า เ้าเจอคนบุกไปลอบสังหารที่เรือนรับรองของสุสานจงหลิง ข้าเป็ห่วงมาก มาดูเ้าตั้งหลายครั้ง อยากจะถามเ้าว่าตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง แต่เ้าก็ยังไม่ตื่นเสียที เมื่อคืนนี้ที่ข้ามา เ้าก็ยังหลับอยู่ ปากก็ละเมออะไรออกมาไม่รู้ ข้าเป็ห่วงว่าเ้าตื่นมาแล้วจะหิว ดังนั้นข้าจึงคิดที่จะรอเ้าตื่นมาเสียก่อน คิดไม่ถึงว่าข้าจะเผลอหลับไปด้วย...!”
หยางหนิงหันตัวกลับมา ถึงแม้จะเห็นว่ากู้ชิงฮั่นจะมีหน้าตาสวยงาม แต่ว่าสีหน้าของนางก็ไม่ค่อยดีนัก ในจวนที่ใหญ่โตขนาดนี้ มีคนในจวนนับร้อย มีคนที่ดูอ่อนแอแบบนี้ดูแล โดยเฉพาะหลังจากที่ฉีหุ้ยจิ่งตายไป ภายในภายนอกวุ่นวายไปหมด กู้ชิงฮั่นจะต้องมีแรงกดดันมากแน่นอน แต่ยังสามารถยื้อมาจนถึงตอนนี้ได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
ตระกูลใหญ่ขนาดนี้ มีกลุ่มผู้ชายตัวใหญ่อยู่กันเต็มไปหมด แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ หยางหนิงรู้สึกหดหู่ จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ซานเหนียงไม่ได้พักผ่อนดีๆ เลยใช่ไหม? เหนื่อยมากเกินไปใช่หรือเปล่า”
“หนิงเอ๋อร์เป็ห่วงคนอื่นด้วยหรือ” กู้ชิงฮั่นยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็ห่วงซานเหนียง สีหน้าข้าดูดีออก เื่อะไรก็ผ่านมันไปได้”
“งานศพใกล้เสร็จแล้ว ต่อไปท่านจะต้องพักเยอะๆ หากมีเื่อะไรที่ข้าทำได้ ท่านจะให้ข้าทำก็ได้” หยางหนิงพูด “ข้าโตแล้ว จะให้มานั่งกินนอนกินเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย อย่างนั้นจะต่างอะไรกับพวกเขาเล่า?”
กู้ชิงฮั่นใ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “หนิงเอ๋อร์โตแล้วจริงๆ หากท่านแม่ทัพรู้ จะต้องตายตาหลับเป็แน่” จากนั้นก็กุมมือของหยางหนิง มองไปที่เขาแล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ เ้าาเ็ตรงไหนหรือไม่? มีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม?”
หยางหนิงได้รับััที่อ่อนโยนจากกู้ชิงฮั่นอีกครั้ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ซานเหนียงไม่ต้องเป็ห่วง ข้าไม่เป็ไรจริงๆ ฝีมือของนักฆ่าไม่เท่าไร คิดจะฆ่าข้า ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
“ยังจะมายิ้มอีก” กู้ชิงฮั่นตบไปที่หน้าอกของเขาเบาๆ จ้องไปที่หน้าของหยางหนิง แล้วพูดว่า “เ้าเด็กคนนี้ไม่รู้อะไรสำคัญไม่สำคัญเลยหรือ? ต่อไปต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ เพิ่งจะถูกลักพาตัวไป ครั้งนี้ก็มาถูกลอบฆ่าอีก หนิงเอ๋อร์ คนที่คิดร้ายมีอยู่เยอะ ต่อไปต้องระวังให้มากกว่านี้”
จมูกของหยางหนิงได้กลิ่นหอมมาจากร่างของกู้ชิงฮั่น ในใจก็เต้นแรง จากนั้นก็เห็นกู้ชิงฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คนที่เรือนรับรองนั่นหนีความผิดไม่พ้น ความปลอดภัยของเ้าแค่นี้ก็คุ้มกันไม่ได้ จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน แต่ว่า...ใครกันนะที่คิดจะลงมือกับเ้า?”
“ซานเหนียงวางใจได้ ใครที่แทงข้างหลังข้า ข้าจะต้องสืบจนถึงที่สุด” หยางหนิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ข้าจะไม่ล่อยให้มันลอยนวลไปมีความสุขอย่างแน่นอน”
“เ้าจะไปสืบ?” กู้ชิงฮั่นยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าจะสืบอะไรได้?”
หยางหนิงจงใจพูดว่า “ซานเหนียง ท่านดูถูกหนิงเอ๋อร์? หนิงเอ๋อร์ไร้ความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?” พูดจบก็ทำหน้าแบบเศร้าๆ
กู้ชิงฮั่นรีบพูดขึ้นมาว่า “ซานเหนียงไม่ดีเอง ซานเหนียงพูดผิดไป หนิงเอ๋อร์เป็ถึงผู้สืบทอดตำแหน่งองครักษ์เสื้อแพร แน่นอนว่าย่อมไม่ไร้ความสามารถ จะต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำเร็จได้แน่”
หลายวันมานี่ หยางหนิงมีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ดูมีสติมากกว่าแต่ก่อน ทำให้กู้ชิงฮั่นรู้สึกดีใจมาก ซึ่งนางคิดเหมือนกับต้วนชางไห่ ที่เข้าใจว่าหยางหนิงน่าจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ซึ่งมันได้ดึงความมั่นใจของหยางหนิงออกมา
“จริงสิ เงินจากเจียงหลิงมาถึงหรือยัง?” หยางหนิงถาม “นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว โรงรับจำนำของพวกเรายังอยู่ในมือของโรงรับฝากเงินนี่”
กู้ชิงฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีข่าวส่งมาเลย ก็ได้แต่หวังว่าระหว่างทางจะไม่เกิดอะไรขึ้น แม้ว่าคราวก่อนจะเสียเวลาไปบ้าง แต่ก็ไม่นานถึงเพียงนี้ ข้าส่งคนไปดูที่เจียงหลิงแล้ว คิดว่าอีกสักสองสามวันก็น่าจะได้ข่าวอะไรบ้าง” จากนั้นนางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ช่วยซานเหนียงแบ่งเบาภาระได้แล้วจริงๆ ต่อไปงานของซานเหนียงก็คงเบาลงเยอะ”
หยางหนิงยิ้มให้กับใบหน้าอันสวยงามราวกับผลลูกท้อของนาง ริมฝีปากสีแดงอ่อนราวกับผลเชอร์รีสุก หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะจ้องมองนาง กู้ชิงฮั่นเห็นหยางหนิงมองมาที่ตน นางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเองนางกลับรู้สึกแปลกไป หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมา ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ นางรีบดึงมือออกมาจากอกของหยางหนิง จากนั้นก็พูดว่า “ข้า...ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เ้าก่อน”
หยางหนิงสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขายิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นก็หันหลังกลับไป กู้ชิงฮั่นเองก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเช่นกัน นางหันกลับมามองหยางหนิงครู่หนึ่ง พลันรู้สึกได้ว่าใบหน้าของนางเห่อร้อนราวกับมีไข้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเห็นหยางหนิงเป็เด็กน้อยมาตลอด แต่เสี้ยววินาทีนั้น กลับพบว่าสายตาของหยางหนิงไม่เหมือนเดิม มันคือสายตาที่ชายหนุ่มที่มองหญิงสาว นางเพิ่งจะมารู้สึกอ่อนไหว ก็หลังจากออกมาจากห้องแล้ว สองมือก็จับไปที่ใบหน้าของตัวเอง ในใจก็คิดว่า “หนิงเอ๋อร์โตเป็หนุ่มแล้วจริงๆ บางที...บางทีอาจต้องระวังมากกว่านี้ สายตาเมื่อกี้...!” แล้วก็คิดอีกว่า “หนิงเอ๋อร์โตแล้ว จะเริ่มคิดเื่ผู้หญิงก็ไม่แปลก คงถึงเวลาที่เขาจะต้องแต่งงาน แต่ที่น่ารังเกียจกว่านั้นก็คือการกลับคำของเ้าซูเจินนั่น มันไม่ใช่เื่เลยจริงๆ...!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้