ทำท่าน่ารักหาทวดเอ็งเรอะ!
าามารเย่ก่นด่าในใจ กินัวานรสูงหลายสิบเมตรทั้งเป็ มันใช่หรือ? หากมิใช่เพราะเห็นกับตาตัวเองวันนี้ ต่อให้โดนกระทืบตายเอาก็ไม่เชื่อ
ทว่าเมื่อรับรู้กำลังของเ้าตะกละนี่แล้ว เ่ิูก็คิดว่า ตนควรอ่อนโยนกับมันให้มากขึ้นหน่อยจะดีกว่า
หาไม่แล้วถ้ามันเกิดหิวโหยไม่ก็บ้าคลั่งขึ้นมาจนอยากกินเขา จะทำอย่างไรได้เล่า?
และเ่ิูก็ััได้ว่า การกินก็เป็ทักษะหนึ่งนี่
จากนี้เมื่อเจอศัตรูตัวฉกาจ แค่ปิดประตูวางหมา กินอีกฝ่ายให้เกลี้ยงก็เรียบร้อย ฮ่าๆๆ!
“ฮ่าๆ ไม่เลว หัวโตเอ๋ย เ้าทำได้งดงามมาก...” เ่ิูเดิมทีก็อยากจะเอ่ยชมเชยอีกมาก แต่พอคิดกลับกัน พวกเยี่ยนฝานยังอยู่ที่นี่ ตัวเขาในฐานะหัวหน้า ชื่นชมมากไปจะมิใช่เื่ดี จึงได้หยุดอยู่แค่นั้นแล้วลูบหัวโตๆ นั่นแทน
“แฮ่กๆ...บ๊อกๆ!”
หัวโตพอได้คำชมจากเ้านายก็ตื้นเต้นใหญ่ มันถูไถหน้ากับฝ่ามือเ่ิู ทำท่ากระเง้ากระงอด
ยังดี!
เ้านี่นอกจากกินแล้วหัวยังไม่ค่อยใสเท่าไร ถึงได้ไม่ว่าท่าทีหยาบคายของเขาก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้ต้องทำดีกับมันเสียบ้าง เวลาคับขัน ทักษะกินพวกขี้แพ้นี่อาจเป็ประโยชน์ในอนาคตก็ได้
เยี่ยนฝานและอีกสี่คน หลังพ้นความตระหนกไปแล้ว ในที่สุดก็ดึงสมองที่ตัวเองพอดึงได้กลับมาใหม่ ค่อยๆ จัดระบบความคิด ในที่สุดก็คืนสติกลับมา
ที่แท้เ้าหมาประหลาดน่าครั่นคร้ามนี่ก็คือสัตว์เลี้ยงของใต้เท้าเย่นี่เอง
เรียกได้ว่าเป็คนอย่างไรก็ได้เจออะไรอย่างนั้นจริงๆ
และคงมีเพียงใต้เท้าเย่ผู้ยังเยาว์แต่ทรงพลังพิสดารยิ่งยวดเท่านั้นกระมัง ที่จะชุบเลี้ยงเ้าหมาน่ากลัวแสร้งเป็น่ารักนี่เป็สัตว์เลี้ยง
“หลังจากนี้ข้าไม่อนุญาตให้กินคน เข้าใจหรือยัง?” าามารเย่เทศนาเป็ชุด
เขาเองก็ใที่เ้าหัวโตกระโจนใส่เยี่ยนฝานเช่นกัน เห็นท่าไม่ดีแน่ เ่ิูกลัวนักว่าหากวันใดเ้าหมานี่เกิดอดอยากขึ้นมาแล้วจะวิ่งไปกินใครเข้า ทั้งปริมาณอาหารของเ้าหัวโต จะกินเป็ร้อยเป็พันคนในคำเดียวก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ ถึงเวลานั้นต้องยุ่งยากเป็แน่
“แฮ่กๆ!”
หัวโตพยักหน้าระรัว มันะโขึ้นไหล่เ่ิูแสดงออกว่าเข้าใจ
“ใต้เท้า ัวานรแดนหิมะตัวนั้นเป็ไปได้ว่ามีคนเลี้ยงขอรับ...” เยี่ยนฝานเอ่ยขัด “ข้าน้อยคิดว่า เื่นี้มิใช่ง่ายดายเป็แน่ มีความเป็ไปได้สูงว่าัวานรตัวนี้ถูกคนนำมาที่นี่” หัวหน้าผู้รักษาป้อมมากประสบการณ์เล่าทุกอย่างที่ตนประสบให้เขาฟัง พลางส่งเกราะหุ้มข้อมืออสูรั์สีทองให้เ่ิู
เ่ิูมองสำรวจอย่างละเอียด แล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองของเยี่ยนฝาน
จวบจนบัดนี้ อสูรที่มนุษย์สามารถกำราบให้เชื่อฟังได้มีเพียงอสูริญญาและอสูรปีศาจ
อสูริญญากำเนิดขึ้นจากพลังในใต้หล้า มีสติปัญญาแต่กำเนิด ทรงญาณหยั่งรู้ สามารถติดต่อกับผู้คนได้ มีผู้คนที่เติบโตมากับอสูริญญา กำเนิดความรู้สึกผูกพัน เมื่อเติบใหญ่อสูริญญาสามารถกลายเป็สัตว์ทำา และอสูรปีศาจนั้นถึงแม้จะเป็ส่วนหนึ่งของเผ่าปีศาจ โเี้ ดุร้าย สัญชาตญาณอำมหิตแต่กำเนิด ทว่าสติปัญญาตื้นเขิน ยากจะแยกศัตรูและพวกเดียวกันได้ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ชุบเลี้ยงอสูรประเภทนี้เป็พิเศษ ฝึกมาแต่เล็กแต่น้อยเท่านั้นถึงจะใช้เป็กำลังช่วยทำาได้เมื่อเต็มวัย
ัวานรแดนหิมะเป็อสูรปีศาจขั้นสูง หากจะมีใครสักคนที่ฝึกมันมาแต่เกิด ก็น่าจะเป็คนๆ นั้นที่คอยควบคุมมันอยู่
จากปลอกข้อมือสีทองของอสูรั์ตัวนี้ ัวานรผืนหิมะตัวนี้เห็นทีจะมิใช่สัตว์จากธรรมชาติ แต่ถูกมนุษย์ชุบเลี้ยงขึ้นมาเป็สัตว์า
เพียงสิ่งนี้ก็อธิบายได้อีกด้านแล้วว่า ทำไมจู่ๆ ถึงได้มีอสูรร้ายแข็งแกร่งโผล่มาในเขตภูร้อยพังนี้ได้
และเมื่อทฤษฎีนี้เกิดขึ้น เช่นนั้นก็มีปัญหาที่หนักกว่ารออยู่แน่
ในเมื่อัวานรแดนหิมะเป็สัตว์าที่มีคนเลี้ยงขึ้นมา เช่นนั้นก็หมายความว่าเื่ที่ป้อมปราการถูกโจมตีก็มิใช่เื่บังเอิญ มีความเป็ไปได้มากว่าเป็อิทธิพลหรือผู้แข็งแกร่งบางพวกวางแผนเคลื่อนไหว ัวานรตายในสนามรบมิได้หมายความว่าเื่จบลง กลับจะกลายเป็ว่าเื่น่ากลัวยิ่งกว่ากำลังก่อตัว
เ่ิูรู้ได้ในทันทีว่า เหมือนกับเื่ลอบฆ่าก่อนหน้านี้ อิทธิพลเื้ััวานรแดนหิมะ อาจเป็ปรปักษ์กับเขาโดยตรง
“ขอโทษนะ ข้าทำให้พวกเ้าต้องเหนื่อย” เ่ิูเอ่ยขอโทษแก่เยี่ยนฝาน
ป้อมปราการถูกทำลาย ทหารรักษาป้อมหลายสิบคนตายอนาถ
ข้ามิได้ฆ่าพวกเขา แต่พวกเขาตายเพราะข้า
เ่ิูถูกความโกรธขึ้งและละอายแก่ใจครอบงำอย่างแ่า
ต้องหาต้นตอหลังม่านนี้ ชำระแค้นสีเืให้สาสม
“ใต้เท้า ท่านอย่าเอ่ยเช่นนี้เลย” เยี่ยนฝานท้วงด้วยอารมณ์ “ไม่ว่าใครหรืออิทธิพลใดกำลังต่อต้านท่านอยู่ พวกเราเองก็จะไม่ท้อถอย พวกเราเป็ทหารเก่าแก่กลุ่มหนึ่งที่ไร้ที่พึ่งพิง แม้เราจะไม่อาจสละชีพในาได้ แต่เมื่อเราล่าถอยจากแนวหน้า เมื่อนั้นเราจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ท่าน นี่เป็เกียรติยศของพวกเรา แม้พี่น้องสิบกว่าชีวิตจะล้มตาย แต่พวกเขาก็ได้ทำสัตย์สาบานที่เคยให้ไว้แต่ตอนเริ่มเป็ทหารสำเร็จ ถึงตายก็ไม่เสียใจ สำหรับพวกเราแล้ว ได้ต่อสู้ร่วมกับผู้สืบทอดตราวีรบุรุษคือความภาคภูมิใจอันสูงสุดขอรับ ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต”
“ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิต”
“ใช่ขอรับ ใต้เท้า”
นายทหารที่เหลือหน้าร้อนด้วยอารมณ์ฮึกเหิม ั์ตาเป็ประกายวาววับ
เ่ิูไม่รู้จะเอ่ยคำไหนดี
แม้ฐานันดรของเขาในยามนี้จะเป็นายทัพคนหนึ่ง ทว่าเขาที่ไม่เคยผ่านการกรำศึกในาที่แท้จริงมาก่อน ไม่อาจเข้าใจความเชื่อมั่นที่เป็ตายด้วยกันของทหารได้ ไม่มีทางเข้าใจถึงทหารที่เลือกเดินเส้นทางระหว่างความเป็ความตายอยู่ตลอดเวลาเพื่อเกียรติภูมิ ทว่า คำสัตย์ของทหารเก่าแก่หลายท่านตรงหน้านี้ กลับะเืใจเขาถึงแก่น
เ่ิูเข้าใจและซาบซึ้งเลยว่าบนกายเยี่ยนฝานมีพลังอันยิ่งใหญ่สถิตอยู่ พลังนี้มิใช่ลมปราณของจอมยุทธ์ มิใช่พลังฆ่าล้างที่ะเิรุนแรง ทว่า พลังเช่นนี้เองที่เป็การค้ำจุนทางจิติญญาทำให้เผ่ามนุษย์อยู่รอดในโลกอันโหดร้ายเืเย็นนี้ได้
“เช่นนั้นก็ดี พวกเราฝังเหล่าพี่น้องที่สิ้นชีพให้เรียบร้อย แล้วรีบไปจากที่นี่” เ่ิูก็ไม่ลีลา
“ไม่ต้องหรอก” เยี่ยนฝานเผยสีหน้าหนักแน่นและเศร้าสลดเมื่อเอ่ย “เกิดเป็ชายชาติทหาร ยามตายกลับคืนสู่ผืนดิน นี่เป็เื่ที่เราสำเหนียกรู้มาแต่ต้นอยู่แล้ว พี่น้องของเราทั้งหลายได้ถูกหิมะเย็นกลบคลุมไว้หมดแล้ว ได้นอนหลับนิรันดร์ในหิมะเย็นขาวสะอาดเช่นนี้ก็โชคดีว่าเพื่อนทหารที่ตายในปากของเผ่าปีศาจไม่รู้กี่เท่า...พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”
เพื่อป้องกันการโจมตีระลอกหลังเพื่อเก็บกวาด ต้องรีบลี้จากป้อมปราการที่ถูกทลายนี้เสีย
แต่ว่าตอนนี้จะไปที่ไหนเล่า?
“ข้ารู้ว่ายี่สิบกว่าลี้ถัดจากนี้มีโพรงหิมะใต้ดินอยู่ ตำแหน่งปกปิดเร้นลับ ปลอดภัยมาก...” ทหารนายที่สี่ตาวาว
เ่ิูพยักหน้า “ดี ไปหลบอยู่ที่นั่นก่อน”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
พรวด!
เ่ิูกระอักเืออกมาจากปาก สีหน้าพลันเหลืองเหมือนเทียนไข
“ใต้เท้า”
“ใต้เท้า ท่านเป็อะไร?”
เหล่าทหารรักษาป้อมใกันยกใหญ่
เ่ิูเช็ดหยาดเืมุมปากทิ้งแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็ไร ตอนที่ข้าสู้กับเดรัจฉานนั่นได้แผลมานิดหน่อย...อย่าใส่ใจเลย พวกเรารีบหนีจากที่นี่ก่อน”
“ใต้เท้า ให้ข้าแบกท่านเถอะ” เยี่ยนฝานว่า
“จะเกินกว่าเหตุไปแล้ว รีบไปเถอะ ข้าเดินไปเองได้” เ่ิูยิ้ม
ทหารคนอื่นๆ หยิบพวกของใช้ในครัวจากซากปราการที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง รวมทั้งคบเพลิงอีกหลายอัน เมื่อจัดการห่อของใช้จำเป็ทั้งหมดเรียบร้อยดีแล้วก็เดินทางออกจากที่นี่ไป ตามการนำทางของทหารคนที่สี่
วายุหิมะกว้างขวาง ลบเลือนร่องรอยของพวกเขาจนสิ้น
ราตรีช่างเชื่องช้า
เสมือนว่าไม่มีที่สิ้นสุด
...
ขณะเดียวกัน
บนภูน้ำแข็งห่างออกไปหลายร้อยลี้
ร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดน้ำแข็งเรียบลื่น จิบชาพร้อมเล่นหมากรุกกัน
โขดหินเรียบลื่นนี้กินบริเวณประมาณหนึ่งหมู่ เป็ยอดภูน้ำแข็งที่ถูกปรมาจารย์ใช้เพลงกระบี่ตัดขึ้นมาอย่างชัดเจน สรรค์สร้างขึ้นมาราวกับมีชีวิต โขดน้ำแข็งมีอักขระน่าพิศวงหลายแถวสลักจากกระบี่ แสงสีเงินอ่อนจางโคจรอยู่ อักขระสูบพลังปราณแห่งใต้หล้า สำแดงฤทธิ์เดชกลายเป็ม่านแสงอ่อนจางปกคลุมดาดฟ้านี้ไว้ในอารักขา
ในม่านแสงนั้น ไร้ลมไร้หิมะ
กาน้ำชาใหญ่กว่าฝ่ามือลอยอยู่กลางอากาศ ด้านใต้มีเปลวเพลิงสีม่วงติดตาม บรรยากาศเดือดระอุ กลิ่นหอมของชาลอยล่องออกมาเต็มเปี่ยม
ไม่รู้ว่าในกานั้นคือชาอะไร เพียงสูดกลิ่นคราวเดียวถึงเป็ยาใจคนได้เลย
สองคนที่แข่งหมากรุกกันอยู่นั้น คนหนึ่งผมขาวเทา อีกคนสวมอาภรณ์สีดำทั้งตัว
ทั้งสองเคาะนิ้วกับอากาศคนละที ก็จะมีพลังแข็งตัวเหมือนเป็ตัวหมาก หักข้อมือขึ้นหน่อยก็วางลงบนกระดานกลางอากาศธาตุ
“ครึ่งชั่วโมงแล้ว ไฉนดาวปะาถึงยังไม่กลับมาอีก?” ผู้ผมขาวเทาวางหมากสีขาว
“เ้ากำลังว้าวุ่นใจ” ชายอาภรณ์ดำใต้เสื้อคลุมหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ เขากดนิ้วตามสบายทีหนึ่ง พลังปราณสีดำก็รวมตัวกลายเป็หมากสีดำวางลงบนกระดาน “ข้าชนะแล้ว เ่ิูมีของวิเศษอยู่กับตัว อย่างไรก็ต้องมีไพ่ตาย เ้าให้เดรัจฉานไปจัดการ เดิมพันสูงเกินไป เป็ไปได้เกินครึ่งว่าโดนฆ่าตายแล้ว”
“เงียบน่า” ชายผมขาวเทาโกรธเล็กน้อย เขาขยับมือทีหนึ่ง กระดานหมากรุกบนอากาศก็อันตรธานไป ตัวหมากขาวหมากดำสลายเป็บรรยากาศ เขาหยัดยืนขึ้นอย่างทะนงตนยามเอ่ย “พลังของดาวปะาสูงยิ่งกว่าจอมยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาตาที่สิบ ต่อกรกับเ่ิูคนเดียวกับทหารเก่าไม่กี่สิบคน จะมีปัญหาอะไรได้...”
ไม่ทันขาดคำ
เคร้งๆ
เสียงเบาหวิวดังแว่วมา
บนข้อมือของชายผมขาว มีกำไลข้อมือหยกแหลกสลายร่วงหล่นลงมา
หน้าพลันเปลี่ยนสี
กำไลหยกแหลกสลาย เท่ากับดาวปะาถึงแก่ความตาย
กำไลหยกอันนี้คือกำไลิญญาประจำชีวิตของัวานรแดนหิมะ
ชายอาภรณ์ดำหัวเราะร่า “หลิวหยวนชั่ง เ้าหวาดกลัวฐานะทหารของเ่ิู ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่กล้าลงมือด้วยตัวเอง ส่งเดรัจฉานตัวหนึ่งไปทำแทน นี่เรียกว่าลักไก่ไม่ได้ไม่พอยังเสียข้าวสารอีก? ข้าบอกนานแล้ว ว่าทำการใหญ่ใจต้องเด็ด เ้านี่มัน ไม่ได้เื่...”
“หุบปาก”
ชายผมดำเทาตวาดอย่างโกรธกริ้ว
เขาคือหลิวหยวนชั่ง เ้าสำนักสำมะโนประชาแห่งเมืองลู่ิ
“ดาวปะาเป็สัตว์าที่ข้าชุบเลี้ยงมาแต่เด็ก เหมือนกับลูกชายของข้า เ่ิู ต้องเป็เ้า เป็เ้าแน่ๆ ที่ฆ่าลูกเล่ยของข้า ฆ่าหลานอวี้หู่ ตอนนี้ก็ฆ่าลูกข้าอีกคน...ข้าสาบาน ข้าจะขูดกระดูกเถือหนังเ้ามาเผาให้สิ้นซาก” หลิวหยวนชั่งโกรธจัดจนผมยาวขาวเทาชี้อย่างกับสิงโต
“เฮอะๆ แค่พูดไม่กี่คำ ใครกันจะพูดไม่ได้” ชายอาภรณ์ดำยังคงนั่งอยู่บนพื้น เอ่ยแต่คำเชือดเฉือนใจ
หลิวหยวนชั่งคำรามเดือดดาล เขากลายเป็ลำแสงตรงเข้าความมืดมิดยามราตรี
ปึ้ง!
ม่านอารักขาบนยอดโขดน้ำแข็งถูกกระแทกจนเละ
ลมหิมะกรีดร้องโหยหวน ลมแรงจัดเหมือนฟ้าฟาด ปุยหิมะราวมีดาบ
แต่กลับไม่อาจรุกเข้าในรัศมีหนึ่งเมตรจากกายชายอาภรณ์ดำ
บุรุษเสื้อดำค่อยๆ ยืนขึ้นมา เขาโบกมือคราเดียว กาน้ำชาสีม่วงก็ล่องลอยเข้ามาหาอ้อมมือ เพลิงสีม่วงมลายหาย
เขาดื่มชาไปอึกหนึ่ง เผยเสียงหัวเราะทุ้มต่ำแสนประหลาด “เ้าแก้แค้นให้ลูกชาย ข้าชิงสมบัติของเ้า...เ้าอย่าคิดเบี้ยวจะดีกว่า หาไม่แล้ว เฮะๆ...หากมิใช่เพราะเ้ารู้ตำแหน่งของเ้าเด็กนั่นชัดเจนแล้วล่ะก็ ข้าไม่มีทางรวมหัวกับไอ้โง่บรมอย่างเ้าแน่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้