หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป การถล่มของูเาซวงเฟิงก็หยุดลง ูเาทั้งลูกราบเป็หน้ากลอง แต่ปราณสังหารและปราณโลหิตยังคงกระจายออกไปเรื่อยๆ อีกด้านของูเาซวงเฟิงหลังจากลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงได้ ถังเหล่ยเอามือเท้าเอว คิ้วขมวด
ในขณะที่หน้าผาถล่ม ถังเหล่ยสามารถหลบก้อนหินที่ตกลงมาได้ แต่เขาไม่มีเวลาให้จัดระเบียบร่างกาย จึงทำให้ร่างของเขากระแทกพื้น ร่างกายครึ่งท่อนล่างรู้สึกเ็ปเล็กน้อย
หลังจากที่ความเ็ปลดลงเขาจึงะโไปบนต้นไม้ด้านข้าง และจ้องมองมายังูเาที่ในเวลานี้ราบเป็หน้ากลอง ถึงแมู้เาจะถล่มแต่ซากปรักหักพังนั้นกองทับกันสูงมาก
ในขณะนี้ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณทำให้ไม่สามารถมองเห็นูเาได้ ในเวลาเดียวกันถังเหล่ยมองเห็นท้องฟ้าที่อยู่เหนือูเาซวงเฟิงถูกย้อมเป็สีแดง เขาตระหนักได้ทันทีว่าูเาแห่งนี้จะต้องหลงเหลือความลับอยู่อย่างแน่นอน แต่ในเวลานี้การเข้าไปยังูเาเป็เื่ที่อันตรายมาก
ภายในจักรวรรดิซือฉี ผู้คนที่อยู่รอบบริเวณต้องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของูเาซวงเฟิงอย่างแน่นอน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ถังเหล่ยคาดการณ์ว่าคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงคงจะหนีออกไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือูเาซวงเฟิงถูกล้อมเอาไว้ และตี้เหยียนก็ได้เข้าไปในูเาซวงเฟิงเพื่อสำรวจความลับแล้ว
“ศิลาเพลิงิญญาสามก้อน ถือว่าคุ้มค่า และยังได้แหวนมิติของจ้าวยุทธ์มาอีก!”
ในขณะที่ถังเหล่ย้าหนี เขายังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับสมบัติที่ได้มาในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็พลังที่เพิ่มขึ้นถึงสามขั้น อีกทั้งยังได้ศิลาเพลิงิญญาสามก้อนมาด้วย ถ้าสามารถใช้ศิลาเพลิงิญญาสามก้อนนี้สร้างเป็หม้อปรุงยาได้ นั่นจะทำให้เขาปรุงยาระดับสูงขึ้นมาได้อีกด้วย
แต่ถังเหล่ยยังไม่ได้ตรวจสอบภายในแหวนมิติของจ้าวยุทธ์ ตอนนี้อยู่ใกลู้เาซวงเฟิงมากเกินไป เขาเกรงว่าสมบัติบางชิ้นที่อยู่ภายในแหวนมิติจะทำให้เกิดปรากฏการณ์เกี่ยวกับฟ้าดินหากเป็เช่นนั้นเขาจะทำอย่างไร?
หากเป็เช่นนั้นต้องหาสถานที่ที่ปราศจากผู้คน ขณะที่ถังเหล่ยกำลังตื่นเต้น ด้านหน้าก็ปรากฏทหารสวมชุดเกราะสีเงินกลุ่มหนึ่ง กลางอกมีคำว่า ‘เหยียน’
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่ถังเหล่ยพบอีกฝ่าย เขาจึงตัดสินใจว่าจะอ้อมหนีออกไป แต่ก็สายเกินไปแล้ว
กลุ่มทหารที่สวมชุดเกาะสีเงินกำลังเดินเข้ามาหาถังเหล่ยอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันก็ประเมินพลังของเขาด้วย
หากถังเหล่ยตัดสินใจวิ่งหนีไป อีกฝ่ายก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าหากขัดคำสั่งหรือกระทำความผิดต่อจักรวรรดิโดยตรงเขาจะถูกไล่ล่าไปชั่วชีวิต
“เ้ามาจากที่ใด เหตุใดจึงมาโผล่อยู่ที่นี่?” ทหารผู้นำถาม
“ข้าก็อยู่บนูเาแห่งนี้เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนคนอื่น จู่ๆ ูเาก็ถล่มลงมา ข้าจึงวิ่งหนีออกมา จึงได้มาโผล่อยู่ที่นี่!” ถังเหล่ยแกล้งทำเป็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“นับว่าเป็ความโชคดีของเ้าที่บริเวณนี้ไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ ไม่เช่นนั้นเ้าคงจะถูกสัตว์อสูรกินไปแล้ว รีบออกไปเถอะ ตอนนีู้เาถูกปิดล้อมแล้ว ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป!”
อีกฝ่ายไม่ได้สงสัยในตัวของถังเหล่ยเลยแม้แต่น้อย เพราะระดับของเขาต่ำเกินไปและยังไม่ใช่ยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ด้วยซ้ำ ทหารเ่าั้คิดว่าคงจะเป็ผู้ฝึกตนที่เข้าไปค้นหาสมบัติในูเาซวงเฟิงเช่นเดียวกับผู้อื่นอย่างแน่นอนและท้ายที่สุดก็วิ่งหนีออกมาเพราะูเาถล่ม
“ว่าอย่างไรนะ? ูเาแห่งนี้มีสัตว์อสูรด้วยหรือ? ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ข้ารีบไปจากที่นี่ดีกว่า!” ถังเหล่ยเสแสร้งทำเป็หวาดกลัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
“ปิดล้อมูเา? ความผิดปกติของูเาแห่งนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน เหตุใดถึงปิดล้อมูเาได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าจักรวรรดิซือฉีจับตามองูเาซวงเฟิงอยู่ตลอด?”
หลังจากออกไปแล้ว สีหน้าของถังเหล่ยก็เปลี่ยนไปทันที เขาคาดไม่ถึงว่าจักรวรรดิซือฉีจะตอบสนองได้รวดเร็วเช่นนี้และที่สำคัญบนชุดเกาะสีเงินของพวกเขามีคำว่า ‘เหยียน’ อยู่บนหน้าอก เกรงว่าจะเป็ทหารจากองค์รัชทายาทคนใดคนหนึ่งของจักรวรรดิอย่างแน่นอน
ระหว่างการเดินทางถังเหล่ยไม่เจอผู้ฝึกตนแม้แต่คนเดียว เขาเดาว่าผู้ฝึกตนบนูเาแห่งนี้คงจะหนีออกไปหมดแล้ว
ทันทีที่ออกจากเขตของูเาซวงเฟิง ถังเหล่ยก็เปิดแผนที่ของเขาออกมาเพื่อระบุตำแหน่งของตัวเอง และตระหนักได้ทันทีว่าตำแหน่งที่ตนเองอยู่ยังห่างไกลจากูเาจู่หุนมาก อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามวัน
แต่สิ่งที่เหล่ยโหย่วกล่าวออกมาก็คือความลับของิญญายุทธ์ัคชสารในร่างของเขาอยู่ทีู่เาจู่หุน ถังเหล่ยจึงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่และตัดสินใจว่าจะเดินทางไปเมืองหลวงของจักรวรรดิซือฉีก่อน เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เขาต้องทำก็คือสร้างหม้อปรุงยา
ในเวลานี้เมืองจิ่วหั่วที่เป็เมืองหลวงของจักรวรรดิซือฉีอยู่ใกล้ถังเหล่ยมากที่สุด ต่อให้ต้องเดินด้วยเท้าก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
หลังจากนั้นถังเหล่ยก็เก็บแผนที่เข้าไปยังแหวนมิติ และออกเดินทางมุ่งหน้าไปเมืองจิ่วหั่วทันที เดิมทีเขาคิดว่าจะซื้อม้าสักตัวเป็พาหนะ ทว่าโรงเตี๊ยมที่เขามาพักก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่แล้ว
“หรือว่าจะหนีกันไปหมดแล้ว?” ถังเหล่ยร้อนใจและสับสน จึงเกิดคำถามขึ้นภายในใจว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยทหารจากจักรวรรดิ เหตุใดผู้คนที่อาศัยอยู่จึงพากันหนี?
แต่ในเวลานี้ความจริงก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้าแล้วว่าบริเวณแห่งนี้ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ เขาจึงทำได้เพียงเดินเท้าต่อไป
หลังจากที่ถังเหล่ยเดินเท้าเป็เวลากว่าสองชั่วยาม สายตาเขาก็เห็นแสงจากเปลวเพลิงอยู่เบื้องหน้า บ้านเรือนหลายหลังมีแสงไฟส่องสว่าง เขารู้สึกดีใจและคาดว่าสถานที่ที่อยู่เบื้องหน้าจะมีผู้คนอาศัยอยู่ หากเป็เช่นนั้นเขาจะไม่ต้องเดินเท้าอีกต่อไป
ความจริงแล้วถังเหล่ยอยากจะให้พลังของตัวเองเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา เขา้าเก็บพลังเอาไว้ป้องกันตัว ดีกว่าสิ้นเปลืองไปกับการเดินเท้า
หลังจากที่ถังเหล่ยเข้าใกล้เมืองจิ่วหั่ว ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขากลับได้ยินเสียงะโของการเข่นฆ่า ในเวลาเดียวกันยังมีเสียงคำรามสัตว์อสูรดังขึ้นไม่ขาดสาย
“มีสัตว์อสูรหรือ?” ถังเหล่ยรู้สึกสั่นสะท้าน
ถังเหล่ยมุ่งหน้าไปทางต้นเสียงทันที หลังจากที่เขาไปถึงด้านหลังหมู่บ้านเขาพบกับผู้ฝึกตนสามคน บนร่างของพวกเขามีาแเต็มไปหมด แต่ยังคงถืออาวุธอยู่ในมือ แววตาของพวกเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาจะปกป้องหมู่บ้านด้วยชีวิต พวกเขาเ่าั้พยายามป้องกันการโจมตีของสัตว์อสูรระดับสี่ตัวหนึ่ง
สัตว์อสูรระดับสี่ตัวนี้ทั่วร่างเป็สีแดงราวกับพยัคฆ์เพลิงขนาดใหญ่ การโจมตีของมันคือการพ่นวัตถุทรงกลมที่ลุกโชนด้วยเพลิงขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากปาก และด้านหลังผู้ฝึกตนสามคนมีชาวบ้านธรรมดาหลายสิบคนยืนตัวสั่นเทาอยู่
คนเหล่านี้ล้วนเป็คนในหมู่บ้านและพวกพ่อค้าจะมีพลังต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสี่ได้อย่างไร?
แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนคอยคุ้มกันถึงสามคน แต่เมื่อดูจากาแบนร่างของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนทั้งสามไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของสัตว์อสูรระดับสี่ แต่ถ้าพวกเขาหนีไป ชาวบ้านหลายสิบคนจะต้องเป็อาหารของสัตว์อสูรอย่างแน่นอน
ถังเหล่ยตรวจสอบสถานการณ์จากระยะไกล เดิมทีผู้ฝึกตนจะไม่เห็นค่าของคนธรรมดามากนัก ยิ่งไม่ต้องกล่าวเื่ยอมตายเพื่อปกป้อง เมื่อเห็นผู้ฝึกตนสามคนยืนหยัดที่จะปกป้องชาวบ้านจากสัตว์อสูร เขาจึงรู้สึกขนลุก ผู้ฝึกตนทั้งสามคือผู้เสียสละที่แท้จริง
สัตว์อสูรก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว ถึงแม้ไม่ได้โจมตี เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับผู้ฝึกตนทั้งสามได้แล้ว
สติปัญญาของสัตว์อสูรระดับสี่สูงมาก มันรู้ว่าผู้ฝึกตนสามคนไม่ใช่คู่มือของมัน แต่ก็กลัวอีกฝ่ายตอบโต้ก่อนตาย ดังนั้นมันจึงก้าวเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังทีละก้าว พร้อมกับใช้แรงกดดันเพื่อบีบอีกฝ่ายให้ตายอย่างช้าๆ ท้ายที่สุดคนอื่นๆ ก็จะกลายเป็อาหารของมัน
ผู้ฝึกตนทั้งสามอายุไม่มากนัก มือถืออาวุธเอาไว้และก้าวถอยออกไปเรื่อยๆ ภายใต้แรงกดดันของสัตว์อสูร
“ข้าขอสู้ตายเพื่อหยุดสัตว์อสูรตัวนี้ พวกเ้ารีบพาชาวบ้านหนีไป หนีไปให้ไกลที่สุด ด้านนอกมีกลุ่มทหารล่าสัตว์อสูรอยู่ ขอเพียงเจอกับพวกเขาพวกเ้าก็ปลอดภัยแล้ว!” ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ตรงกลางกล่าว
จากการคาดเดาของถังเหล่ยผู้นำของผู้ฝึกตนกลุ่มนี้น่าจะอายุยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดปีเท่านั้น ในบรรดาคนทั้งสามเขามีระดับพลังสูงที่สุด เป็ระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นหก
หลังจากนั้นยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธขั้นหกผู้นี้ ไม่รอให้ผู้ฝึกตนอีกสองคนคัดค้าน เขาก็ะเิพลังออกมาทันที ดาบเงามายาเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือและฟาดฟันไปที่ขาหน้าของสัตว์อสูร
ความจริงแล้วเขาไม่ได้หวังว่าตัวเองจะสังหารสัตว์อสูรระดับสี่ตัวนี้ได้ เขาเพียง้าถ่วงเวลาของมันเท่านั้น แต่สติปัญญาของสัตว์อสูรระดับสี่ตัวนี้สูงมาก มันคาดเดาเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีผู้ฝึกตนผู้หนึ่งโจมตี
ทันใดนั้นสัตว์อสูรระดับสี่ก็อ้าปากพ่นวัตถุทรงกลมที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงหลายลูกปะทะเข้ากับการโจมตีของยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธขั้นหกทันที ทำให้ดาบที่อยู่ในมือของเขาหักออกเป็สองท่อน
หลังจากนั้นร่างกายอันแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับสี่ก็ะโพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนระดับผู้ทรงยุทธ์ขั้นหกอย่างรวดเร็ว เขากัดฟันหวังจะโจมตีศัตรูตัวนี้เป็ครั้งสุดท้าย
ไม่กี่ลมหายใจต่อมามีร่างหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว แม้แต่สัตว์อสูรระดับสี่ก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่พุ่งมาด้วยความเร็วเช่นนี้ได้ ร่างขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรระดับสี่กระเด็นออกไปทันทีเมื่อถูกโจมตีด้วยพลังมหาศาล
……