หลิงชีตัวสูงขึ้นไม่น้อย ตอนนี้ตัวสูงกว่านางแล้ว หนิงมู่ฉือยื่นมือไปลูบศีรษะหลิงชีพร้อมกับเอ่ยปลอบ “เอาละ ใช่ว่าข้าจะไม่กลับมาเสียหน่อย ไว้ข้าจะกลับมาเยี่ยมเ้านะ”
“แต่พอคิดว่าอีกหน่อยข้าคงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้กินอาหารฝีมือท่าน ข้าก็รู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน” หลิงชีเอ่ยพร้อมกับน้ำตาไหลพรากลงมาอีกครา
จ้าวซีเหอที่เพิ่งขอดเกล็ดปลาเสร็จ เห็นหลิงชีซึ่งเป็บุรุษอกสามศอกร้องห่มร้องไห้ก็รู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก เอ่ยเสียงดังอย่างไม่พอใจออกมา “เป็ถึงลูกผู้ชาย ร้องไห้อะไรกัน มีเื่ใดที่น่าร้องไห้ ลูกผู้ชายห้ามร้องไห้ไม่รู้หรือ!”
เสียงอันดังทำให้หลิงชีใ เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะรีบยกมือเช็ดน้ำตา “ข้าไม่ร้องแล้วๆ คุณหนูทำอาหารต่อเถอะขอรับ ข้าจะกินอาหารที่คุณหนูทำให้หมดเลย จะกินจนกว่าจะพอใจ!”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าก่อนจะกลับไปทำอาหารต่อ ไม่นานก็ทำเสร็จไปหลายจาน ทั้งห้องครัวในตอนนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองจ้าวซีเหออย่างโอ้อวด
เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารมากมาย จ้าวซีเหอตาโตมองอาหารหน้าตาน่าทานซึ่งวางอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับยกนิ้วโป้งชมเชยแก่หนิงมู่ฉือ
“จะยอมหรือไม่ยอม” หนิงมู่ฉือมองจ้าวซีเหอด้วยสายตาที่เหนือกว่า ริมฝีปากยกเป็รอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสองข้างชัดเจน
จ้าวซีเหอพยักหน้าติดต่อกัน “เ้าเก่งที่สุดๆ”
เมื่อได้กลิ่นหอม ท้องของจ้าวซีเหอพลันส่งเสียงร้องออกมา จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างน่าสงสาร “ฉือเอ๋อร์ ข้าหิวแล้ว”
“หิวก็ห้ามทาน ยกอาหารออกไปได้แล้ว” หนิงมู่ฉือส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยสั่ง
ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานถูกยกออกไปให้พวกท่านตาเป็จานแรก ขณะกำลังยกจานที่สองออกไป เมื่อไปถึงกลับต้องพบว่าซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานถูกทานจนหมดเหลือแต่จานว่างเปล่า
จ้าวซีเหอกระดิกนิ้วเรียกหลิงชี “เ้าเด็กน้อย มานี่สิ”
นับั้แ่ครั้งที่แล้วที่หลิงชีสู้กับจ้าวซีเหอ นับั้แ่นั้นหลิงชีก็รู้สึกกลัวจ้าวซีเหอมาตลอด เอานิ้วชี้ชี้ที่ตัวเองพร้อมกับเอ่ย “เรียกข้าเพราะเหตุใด”
“เ้าอายุน้อยที่สุด เื่พวกนี้ควรเป็เ้าที่ต้องทำ แต่เ้ากลับมานั่งกินอาหารอย่างสบายใจเนี่ยนะ รู้จักมารยาทบ้างหรือไม่”
หลิงชีไม่ยอมลุกขึ้นยืน มองอาหารเลิศรสที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ อย่างไรเขาก็ไม่มีวันลุกออกไปเด็ดขาด เขาแกล้งทำเป็ไม่สนใจแทน
จ้าวซีเหอเห็นหลิงชีไม่สนใจตัวเองรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เดินเข้าไปฉุดอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน “เ้าเด็กน้อย ได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่”
หลิงชีกำลังคีบอาหารเข้าปาก เมื่อถูกฉุดให้ลุกขึ้น ย่อมต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน พูดบ่นออกมาว่า “ท่านนี้ใจร้ายชะมัดเลย ข้าอยู่ใน่กำลังโตก็ต้องกินให้เยอะหน่อยสิ”
“กินน้อยสักมื้อจะเป็อันใดไป ไป ไปทำงานได้แล้ว!” จ้าวซีเหอผลักหลิงชีไปทางห้องครัว ส่วนตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ที่หลิงชีเคยนั่งแทน จากนั้นเริ่มทานอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย
หลิงชีมองจ้าวซีเหออย่างน้อยใจ ก่อนจะเดินไปหาหนิงมู่ฉือที่ห้องครัวพร้อมกับบ่นออกมา “ข้านับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว มีอายุมาสิบกว่าปี เพิ่งเคยเจอคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้”
หนิงมู่ฉือที่ได้ยินเหตุการณ์แววๆ เอ่ยออกมาว่า “เ้าอายุน้อยที่สุด เื่พวกนี้ควรเป็เ้าที่ต้องทำ”
“คุณหนู แม้แต่ท่านก็คิดเช่นนี้หรือ” หลิงชีเอ่ยอย่างน้อยใจ แม้จะอยู่ใน่วัยเสียงเปลี่ยน ทว่าเสียงก็ยังดูเป็เด็กวัยละอ่อนอยู่ดี
หลิงชีเดินไปที่โต๊ะเพื่อยกอาหารออกไป เมื่อมาถึงก็ต้องพบว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะถูกทานจนเหลือแต่จานเปล่าหมดแล้ว หลิงชีเม้มปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่จ้าวซีเหอ ซึ่งจ้าวซีเหอก็ถลึงตาตาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
หลิงชีจึงได้แต่ต้องทานข้าวเปล่า
หนิงมู่ฉือเดินออกมาจากห้องครัว พบว่าบนโต๊ะเหลือแต่ข้าวเปล่าก็รู้สึกไม่ชอบใจอย่างยิ่ง “พวกท่านทานกันเร็วขนาดนี้เชียวหรือ ไม่เก็บไว้ให้ข้าสักนิดด้วย!”
ได้ยินเช่นนั้นทุกคนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉือพร้อมกับยิ้มอย่างมีลับลมคมใน จากนั้นหยิบจานซึ่งใส่อาหารจนพูนจานจากใต้โต๊ะขึ้นมา เขากวักมือเรียกหนิงมู่ฉือ “ฉือเอ๋อร์ มานี้ ข้ามีของดีจะให้เ้า”
หนิงมู่ฉือเดินเข้าไปหา เมื่อเห็นว่าจ้าวซีเหอถือจานซึ่งมีอาหารอยู่เต็มจานก็เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ “ไม่คิดเลยว่าท่านจะเก็บอาหารไว้ให้ข้า ท่านทำได้อย่างไร”
หลิงชีตาโตอย่างดีใจ หยิบตะเกียบขึ้นมา ขณะกำลังยื่นออกไปจะคีบอาหารในจานกลับต้องถูกจ้าวซีเหอถลึงตาใส่พร้อมกับยื่นมือมาตีมือเสียก่อน หลิงชีเบ้ปากด้วยความเจ็บก่อนจะชักมือกลับ
“ฉือเอ๋อร์ ข้าเห็นเ้ามัวแต่ยุ่งกับการทำอาหารก็รู้สึกสงสาร ทั้งเห็นว่าทุกคนคีบอาหารกันเร็วมาก ก็เลยแอบคีบเก็บไว้ให้เ้า ฉือเอ๋อร์ ข้าเป็ห่วงเ้านะ” จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉือด้วยสายตาเ้าชู้
แต่ไหนเลยจะรู้ว่าหญิงสาวจะไม่รับน้ำใจ ตอบรับว่าอืมแค่คำเดียว หนิงมู่ฉือคีบอาหารใส่จานตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะยื่นที่เหลือให้หลิงชี “เ้ากำลังโต ต้องกินเยอะๆ”
“ขอบคุณขอรับคุณหนู!” หลิงชียิ้มอย่างดีอกดีใจขณะกล่าว ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากคำใหญ่
จ้าวซีเหอลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ สะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
หลิงชีเงยหน้าขึ้นมามองตาม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย “คุณหนู เขา…โมโหหรือขอรับ”
“คุณหนู เขาชอบคุณหนูใช่หรือไม่” แม้หลิงชีจะอายุยังน้อย แต่ดูจากท่าทางที่จ้าวซีเหอปฏิบัติต่อหนิงมู่ฉือแล้ว ก็พอจะเดาได้
ใบหน้าหนิงมู่ฉือขึ้นสีแดงเข้ม “รีบกินเถิด เ้ายังเป็เด็ก รู้หรือว่าชอบคืออย่างไร” แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นไหว แต่นางพยายามสะกดมันลงไป นางสะบัดศีรษะพร้อมกับเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
ท่านตามองหนิงมู่ฉือพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู ยื่นมือไปดึงมือหญิงสาวมาจับเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างตบที่หลังมือเบาๆ สองที “นางหนู ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตาคืออยากให้เ้าได้เจอกับคนที่รักและทะนุถนอมเ้า ตาคิดว่าบุรุษผู้นั้นก็ไม่เลว”
หนิงมู่ฉือดึงมือออก ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำราวกับลูกผิงกั่ว “ท่านตาพูดเื่ใดเ้าคะ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นกับเขาเสียหน่อย”
“นางหนูหนอนางหนู” ท่านตายิ้มทว่าก็ไม่ได้พูดเปิดโปง
จ้าวซีเหอที่อยู่ด้านนอกได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดก็ยิ้มออกมา แววตาเปล่งเป็ประกาย “หนิงมู่ฉือ ดูสิว่าเ้าจะทำอย่างไรต่อไป ทุกคนเขาดูออกกันหมดแล้วว่าเ้าชอบข้า ข้าจะดูสิว่าเ้าจะหลบไปไหนพ้นอีก!”