มองดูเฉินเฟิงสลบตัวงอดั่งทารกในครรภ์ พร้อมด้วยชิ้นเนื้อแหลกเหลวชิ้นหนึ่ง หยางเฉินส่งยิ้มอันอบอุ่นไปยังหญิงสาวหน้าขาวซีด ที่มองมาด้วยความหวาดกลัว
"ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาเพื่อฆ่าคุณ"
รอยยิ้มนั้น เกือบทำหญิงสาวปัสสาวะเรี่ยราด
"ฉันขอล่ะ... อย่าทำอะไรฉันเลย" เธอไม่สามารถสรรหาคำอื่นใดมากล่าวได้อีก
"ไม่ต้องกลัว ผมบอกคุณแล้วไง ผมไม่ได้มาเพื่อฆ่าคุณ" หยางเฉินเลิกคิ้วกล่าวต่อ
"ดูจากความสัมพันธ์ของคุณกับเฉินเฟิงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่า เฉินเต๋อไห่อยู่ที่ไหน"
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่ได้ทำอะไรเธอ จิตใจหญิงสาวพลันสงบลง เธอตอบด้วยเสียงแ่เบา
"ฉันไม่แน่ใจ บอสเฉินมักอยู่ที่ชั้นบนสุด"
อ้า ดูเหมือนว่าสารเลวพวกนั้นจะไม่ได้โกหก หยางเฉินพลักประตูเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวเห็นดังนั้น เธอพลันเอ่ยถามอย่างใ "คุณไม่หนีหรือ?"
"หนี?"
"ทำไมต้องหนี?" หยางเฉินหันกลับมาตอบ
"เสียงเมื่อครู่ คงทำให้พวกนั้นรู้ตัว แล้วรีบมาที่นี่แน่ๆ" หญิงสาวตอบขณะถูกตรึงอยู่
"มันจะดีมากถ้าเฉินเต๋อไห่มาที่นี่" หยางเฉินหัวเราะแล้วเดินออกจากห้องไป
จากความทรงจำของเขา เฉินเต๋อไห่อยู่ใจกลางของชั้นบนสุด เขาเดินเข้ามาในห้องโถง เขาตรงไปที่บันได และเป็ดังที่หญิงสาวบอก อึดใจเดียวเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากบันไดชั้นล่าง คนชุดดำพร้อมอาวุธครบมือ ไม่ว่าจะเป็ไม้หน้าสาม และสนับมือ
หยางเฉินงุนงงที่บอดี้การ์ดพวกนี้ไม่มีปืน ทั้งนี้เพราะภายใต้การควบคุมอันเข้มงวดของรัฐบาล จึงเป็ไปได้ยากที่จะมีปืนไว้ใน ลูกน้องคนสำคัญของเฉินเต๋อไห่เท่านั้นถึงจะสามารถพกปืนเอาไว้ได้
คนพวกนี้ไร้ประโยชน์ต่อหน้าหยางเฉินโดยสิ้นเชิง ต่อหน้าคนจำนวน 20-30 คน หยางเฉินไม่ได้เร่งรีบถีบให้พวกนั้นตกบันได เขาไม่ได้อัดใครมานานแล้ว คนพวกนี้จึงทำให้จิตใจของเขาเบิกบาน
พลพรรคลูกน้องเืร้อนทั้งหลายต่างฮึกเหิมยิ่ง ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลย ที่อารมณ์ฮึกเหิมนี้จะหดหายไป แต่ไม่ว่าพวกมันจะบุกเข้ามาสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจคว้าจับตัวชายผู้นี้ได้
สเต็ปเท้าของหยางเฉินรวดเร็วและพลิ้วไหวกว่า ฟุตเวิร์คผีเสื้อโบยบินของมูฮัมหมัด อาลี มากมายนัก ทุกการเคลื่อนไหว เหมือนออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟ
ด้วยการเคลื่อนไหวอันสมบูรณ์แบบหยางเฉินข้ามผ่านคนทั้งสิบอย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่เขาหยุด เขาจะได้อาวุธติดมือมาทุกครั้ง ผู้โชคดีคนหนึ่งถูกตีที่แขนและขา ขณะที่ผู้โชคร้ายถูกทุบเข้าที่หัว ด้วยการสู้ที่ไร้ระเบียบแบบแผน และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ดั่งผ่านการคาดคำนวณ มันเป็กลยุทธ์ที่ง่ายและได้ผล
ทุกคนเห็นเพียงเงาสีดำพาดผ่านโดยไม่กล้าจะหวดไม้เข้าใส่ เป็เพราะพวกมันกลัวเหวี่ยงไปโดนพวกเดียวกัน
ผ่านไปราวหนึ่งนาที ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็รอยเืสาดกระจายไปทั่วทุกที คนทั้งสามสิบคนต่างกระจัดกระจาย 4-5 คน หลบอยู่ในมุมหนึ่งด้วยความหวาดกลัว คนที่เหลือต่างนอนเหยียดยาวบนพื้นด้วยความเ็ป และไม่กล้าแม้แต่จะลุกยืนขึ้นมาอีก
หยางเฉินปัดฝุ่นที่มือด้วยรอยยิ้ม เขามองไปยังห้าคนที่ไม่บุกเข้ามา
"พวกนายไม่มาแจมด้วยกันหรือ?"
ทั้งห้าต่างรีบส่ายหัว ยิ้มให้ด้วยสีหน้าน่าเกลียดกว่าร้องไห้
หลังจากปราศจากสิ่งกีดขวางอื่นๆ อีก หยางเฉินเดินไปยังจุดหมายอย่างสบายๆ ไม่นานเขาก็พบประตูเหล็กบานใหญ่ แน่นอนว่ามันหนาจนสามารถที่กันะุไรเฟิลได้อย่างดีเยี่ยม
หยางเฉินเหลือบมองไปที่กล้องวงจรปิดของห้องโถง และยิ้มให้อย่างจริงใจ
เฉินเต๋อไห่เป็จิ้งจอกเ้าเล่ห์อย่างแท้จริง เขารู้มานานแล้วว่าหยางเฉินเข้ามาในบ้าน และมันยังไม่รีบมาจับกุมเขา เพียงส่งคนสามสิบคนมาทดสอบ ตอนนี้มันหลบซ่อนอยู่หลังประตูเหล็กบานใหญ่
อันที่จริงถ้าผู้ที่บุกมาไม่ใช่หยางเฉิน ความคิดของมันอาจถูกต้อง แต่มันไม่รู้ความสามารถทั้งหมดของหยางเฉิน เพราะไม่งั้นป่านนี้มันคงหลบหนีไปแล้ว
ประตูเหล็กด้านหน้าของหยางเฉินดูเหมือนไม่สามารถเปิดออกจากภายนอก แต่ไม่ใช่กับหยางเฉิน
ถ้าเป็เมื่อสองปีก่อนมันอาจลำบากไปบ้าง แต่ตอนนี้ด้วยวิชาประหลาด ที่เขาร่ำเรียนมา มันจึงกลายเป็เื่ง่ายดั่งปอกกล้วย หยางเฉินสูดหายใจลึก ขาของเขาเคลื่อนที่ดั่งสายฟ้าเตะเข้าไปที่ประตูเหล็ก
ปัง!
เสียงกระแทกอย่างหนักหน่วง ประตูเหล็กถูกเตะจนยุบ ผนังที่ทำจากหินอ่อนแตกร้าว ก่อนร่วงลงสู้พื้น หยางเฉินถอนขากลับมาอย่างพอใจ และเดินไปผลักประตูเบาๆ
"บึ้ม!!!"
เสียงดังลั่นพร้อมๆ กับฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ประตูเหล็กตกกระแทกพื้นดังสนั่น มันถูกเปิดออกด้วยวิธีเช่นนี้ ภายในห้องทำงานที่สว่างจ้า ไม่มีคนยืนอยู่
"น้องชายมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ"
เสียงอึมครึมแหบแห้งดังมาจากชายด้านหลังโต๊ะขนาดใหญ่
หยางเฉินรู้ได้ในทันทีว่านี่คือเฉินเต๋อไห่ เพราะเค้าโครงหน้าอันละม้ายคล้ายลูกชายของเขา เฉินเฟิง ด้วยรูปร่างไม่สูงไม่ใหญ่ที่อุดมไปบรรยากาศที่เก๋าเกม
ด้านหลังเฉินเต๋อไห่เป็บอดี้การ์ดทั้งสิบ พร้อมใบหน้าเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งอยู่ในเสื้อแจ็กเกต เตรียมชักปืนออกมาได้ทุกเมื่อ หยางเฉินรู้สึกสนใจเล็กน้อย นั่นคือหัวล้านที่เจอกันที่บาร์เมื่อหลายวันก่อน เขาเป็มือขวาของเฉินเต๋อไห่ เป็ลูกน้องคนสนิท
เมื่อหัวล้านเจอหยางเฉิน เขารู้สึกกลัวจับใจ แต่ก็ไม่พูดหรือแสดงออกมาทางสีหน้าท่าทาง
"โทษที ผมทำประตูคุณพังซะแล้ว" หยางเฉินยิ้มมุมปากเดินเข้าหาเฉินเต๋อไห่ช้าๆ
เฉินเต๋อไห่แย้มยิ้ม "ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ถ้าหากอันเก่าไม่ไปอันใหม่จะมาแทนได้อย่างไร มันไม่เป็อะไรหรอกถ้ามีบางคนชดใช้ให้"
"ถ้าผมไม่ชดใช้ล่ะ"
"ถ้างั้นน้องชายโปรดบอกมาว่ามาที่นี่มีธุระอะไร พี่เฉินเต๋อไห่อยู่ที่โลกมืดนี้มานานยี่สิบ สามสิบปี และไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล น้องชายมีความสามารถที่เยี่ยมยอด เป็ไปได้ไหมที่เราจะมาเป็มิตรกันแทนที่จะเป็ศัตรู"
หยางเฉินพยักหน้า แล้วกวาดสายตาไปรอบห้อง ภายในห้องมีชั้นหนังสือขนาดใหญ่ เต็มผนังทั้งสี่ด้าน
"ดูคุณเหมือนคุณจะชอบอ่านหนังสือนะ" หยางเฉินตอบคำตอบซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง
เฉินเต๋อไห่ขมวดคิ้วกล่าวว่า "ยุคสมัยนี้นั้นยากนักที่จะประสบความสำเร็จโดยมีแต่เพียงความกล้าหาญ" ดูเหมือนว่าเฉินเต๋อไห่จะไม่เข้าใจสิ่งที่หยางเฉินพูด
"ผมกำลังจะบอกว่าถ้าหากลูกชายของคุณฉลาดได้สักครึ่งของคุณละก็ คุณคงไม่ต้องตายในวันนี้"
หยางเฉินยิ้มกว้างสว่างไสวดุจแสงอาทิตย์ยามเช้า