ดวงตากระจ่างใสช้อนขึ้นมอง กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า คล้ายว่าเป็เื่ที่ไร้สาระยิ่ง “พี่หญิงใหญ่ น้องสี่เกิดเื่อะไรหรือ” นางยังเด็กขนาดนี้จะไปดูแลโม่เสวี่ยฉงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังดูไม่เหมือนคนเป็น้องสาวสักนิด หากบอกว่าเป็พี่สาวจะดูเข้ากันมากกว่า ไฉนจะต้องให้นางมาดูแล
เหล่าไท่ไท่มุ่นคิ้วเล็กน้อยมองไปทางโม่เสวี่ยิ่
“พอเ้าลงจากรถได้ก็ไม่นำพา ทิ้งให้น้องสี่อยู่กับซื่อจื่อบนรถสองคน ถูกคนจับได้คาหนังคาเขา ตอนนี้ข้างนอกลือกันไปแล้วว่าน้องสี่กับซื่อจื่อแอบนัดพลอดรักกัน เมื่อครู่ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวส่งคนมาด่าทอน้องสี่ ยามนี้นางเอาแต่ร้องไห้อยู่ในห้องของตนเอง พร่ำบอกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว น้องสาม เฮ้อ... ทำไมเ้าไม่ดูแลน้องให้ดีเล่า” โม่เสวี่ยิ่หยิบผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อขึ้นมาซับที่หางตา แสดงท่าเสียใจและผิดหวัง
โม่เสวี่ยฉงกับซือหม่าหลิงอวิ๋นพลอดรักกันหรือไม่นางไม่รู้ แต่โม่เสวี่ยฉงใช้ผงหอมกระตุ้นราคะล่อลวงซือหม่าหลิงอวิ๋น นางเห็นมากับตา ยามนี้มาร่ำร้องว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ย่อมเป็แค่การแสดงละครให้คนดู อีกสักพักหากรู้ผลก็คงไม่จำเป็ต้องเล่นละครอีกแล้ว
“พี่หญิงใหญ่ ข้าขอโทษ ข้าคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเื่เช่นนี้...” โม่เสวี่ยถงดูเหมือนจะใยิ่ง ตัวสั่นเล็กน้อย มือเท้าอ่อนล้มเซไปทางโม่เยี่ย ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและพรั่นพรึงอย่างไม่อาจควบคุม แม้แต่ริมฝีปากยังถอดสีเป็ขาวซีด เห็นชัดว่าใเพราะเื่นี้จริงๆ
“เื่มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะทำอะไรได้อีก ต้องคิดหาทางแก้ไขถึงจะถูก ตำแหน่งขุนนางของท่านพ่อมิได้สูงมาก จวนเจิ้นกั๋วโหวเป็สกุลสูง เื่แบบนี้หากแพร่งพรายออกไปก็มีแต่จะทำให้พวกเราขายหน้า ข้านึกว่าน้องสามเป็คนรู้ความ ถึงให้น้องสี่ตามไปด้วยก็ไม่เป็ไร แต่ยามนี้... มาเกิดเื่ขึ้น เฮ้อ...จวนเจิ้นกั๋วโหว้าคำชี้แจงจากพวกเรา ท่านพ่อก็ไม่อยู่เสียด้วย แล้วทีนี้จะทำอย่างไรเล่า” โม่เสวี่ยิ่มุ่นคิ้วขมวด แสร้งตีสีหน้ากระอักกระอ่วนทอดถอนใจ หันไปกล่าวกับเหล่าไท่ไท่ “ท่านย่า ท่านเห็นว่าเื่นี้ควรจัดการอย่างไรเ้าคะ”
เหล่าไท่ไท่ซึ่งนั่งอยู่้ามุ่นคิ้วมองเหตุการณ์เงียบๆ มาโดยตลอด เห็นโม่เสวี่ยิ่เผยนัยปัดความผิดนี้มาให้โม่เสวี่ยถง สีหน้าก็ยิ่งเข้มขรึม วันนี้โม่ฮว่าเหวินให้คนมารายงานว่ามีธุระเร่งด่วนไม่อยู่สองสามวัน มาเกิดเื่ขึ้นในเวลาแบบนี้ เื่นอกบ้านในบ้านทั้งหมดนางก็ต้องเป็ผู้ดูแลรับผิดชอบ จวนนี้นอกจากอนุภรรยาแล้วก็มีแต่บุตรสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน บุตรชายเพียงคนเดียวอย่างโม่อวี่เฟิงจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
เหล่าไท่ไท่ทั้งร้อนใจทั้งโมโห ยิ่งเห็นโม่เสวี่ยถงก็ยิ่งรู้สึกขวางหูขวางตา ไหนเลยจะรักษาสีหน้าดีๆ ไว้ได้
เมื่อได้ยินโม่เสวี่ยิ่เอ่ยถามเช่นนั้น ก็หันไปมองโม่เสวี่ยถง ซึ่งเอาแต่ยืนตัวสั่นงันงกช่วยอะไรไม่ได้ ก็เกิดความรู้สึกฉุนเฉียวตบโต๊ะผาง ตนเองไม่มีความสามารถแล้วยังพาน้องสาวออกไปเที่ยวนอกบ้านกับผู้ชาย ไปแล้วก็เอาแต่เที่ยวเล่นสำราญใจ ไม่นำพาว่าน้องสาวอยู่บนรถกับบุรุษสองต่อสองจะเกิดเื่อันใดหรือไม่
ยามนี้พอเกิดเื่ขึ้นก็หวาดกลัวลนลาน ไม่ออกความคิดเห็นสักอย่าง ดูอย่างไรก็น่าชิงชัง เมื่อคิดถึงว่าโม่เสวี่ยฉงเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ชื่อเสียงของสตรีทั้งสกุลโม่ย่อมด่างพร้อยไปด้วย โม่เสวี่ยเยี่ยนเป็หลานคนโปรดของนาง มาเมืองหลวงครานี้ก็หมายจะหาคู่ครองที่ดีให้ หากข่าวเสื่อมเสียเช่นนี้แพร่ออกไป นางจะหาคู่ครองที่ดีงามให้กับโม่เสวี่ยเยี่ยนได้อยู่อีกหรือ
ทั้งหมดเป็เพราะโม่เสวี่ยถงนำพาหายนะมาให้ทั้งสิ้น
“เ้าพูดมา เื่นี้จะจัดการอย่างไร เ้าเป็ตัวก่อเื่ก็ต้องแก้ไขด้วยตนเอง อย่าให้ชื่อเสียงของคุณหนูคนอื่นๆ ในสกุลโม่ต้องหมองมัวไปด้วย” เหล่าไท่ไท่อารมณ์ขุ่นมัว สีหน้าดำทะมึนจ้องโม่เสวี่ยถงเขม็งกล่าวคาดคั้นเสียงเย็น
นางเป็คนก่อเื่? เพราะโม่เสวี่ยิ่จงใจใช้คำพูดโบ้ยความผิดมาที่นาง ก็เลยคิดว่าเื่นี้นางเป็ผู้ก่อ ซ้ำร้ายยังให้เป็คนแก้ไขอีก น่ากลัวว่าเหล่าไท่ไท่กับโม่เสวี่ยิ่คงจะมีความคิดตรงกันกระมัง ไม่ว่าอย่างไรก็พยายามจะยัดเยียดความผิด ดึงนางเข้าไปเกี่ยวกับเื่นี้ให้ได้ แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายก็คือโม่ฮว่าเหวินไม่อยู่ เมื่อปรายหางตาดูสีหน้าของโม่เสวี่ยิ่ ยามที่เหล่าไท่ไท่เอ่ยว่าบิดาไม่อยู่ ใบหน้าฉายแววยิ้มย่องออกมาวูบหนึ่ง แล้วจึงแสดงท่าทีรีบเข้ามาเ้ากี้เ้าการ
ท่านพ่อไม่อยู่ โม่เสวี่ยิ่ย่อมรู้แน่ มิน่าเล่านางจึงเชิญซือหม่าหลิงอวิ๋นมาที่จวนวันนี้ มองจากแผนการของอีกฝ่าย วันนี้ท่านพ่อย่อมไม่อาจกลับมาได้แน่นอน แผนร้ายของนางแต่ละอย่างล้วนมีแผนสำรองทั้งสิ้น วันนี้ขอเพียงมีหลักฐานชัดเจนว่านางมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับซือหม่าหลิงอวิ๋น เหล่าไท่ไท่ย่อมออกหน้าจัดการให้ตนเองแต่งให้บุรุษผู้นั้นอย่างแน่นอน
ชาติที่แล้วนางก็ถูกปิดหูปิดตาลวงหลอกให้โง่งมด้วยแผนการเช่นนี้ จนสุดท้ายก็ต้องตายในเงื้อมมือของโม่เสวี่ยิ่ ความเ็ปทะลักเข้ามาในส่วนลึกของหัวใจ บีบคั้นเหลือทน แม้ว่าใบหน้าจะยังคงทอยิ้มอ่อนๆ แต่ไปไม่ถึงก้นบึ้งดวงตา ชาตินี้นางจะไม่ยอมผิดพลาดเหมือนเดิมอีก ทุกหยาดโลหิตที่หลอมรวมกลายเป็ความแค้น มีเพียงการชดใช้ด้วยเืเท่านั้นจึงจะสาสม
“เรียนเหล่าไท่ไท่ เดิมทีคุณหนูไม่มีความคิดจะออกไปแม้แต่น้อย แต่คุณหนูใหญ่คะยั้นคะยอจะพานางออกไปให้ได้ ต่อมานางก็ทิ้งคุณหนูสามกับคุณหนูสี่ไว้บนรถ หากถามหาความรับผิดชอบ คุณหนูใหญ่มิใช่ผู้ที่สมควรจะต้องออกหน้ารับเื่นี้มากที่สุดหรือเ้าคะ” โม่เยี่ยซึ่งติดตามอยู่ข้างกายโม่เสวี่ยถงกล่าวแทรกขึ้นมา ขณะที่ประคองนายของตนเองอยู่
เดิมทีนางก็ไม่ใช่บ่าวในจวนโม่โดยตรง เมื่อเห็นทั้งเหล่าไท่ไท่กับโม่เสวี่ยิ่ต่างเข้าร้องรับเข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย พยายามผลักภาระความรับผิดชอบมาให้โม่เสวี่ยถงก็รู้สึกทนมองไม่ได้ เอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
“คุกเข่าลง!” เหล่าไท่ไท่ถลึงตาใส่ลั่นวาจาเสียงกร้าว “เ้านายคุยกัน สาวใช้เล็กๆ คนหนึ่งสอดปากเข้ามาได้ด้วยหรือ”
ต่อหน้าทุกคน นางมีสถานะเป็เพียงบ่าวรับใช้ต่ำต้อย โม่เยี่ยต้องจดจำไว้ ด้วยไม่อยากสร้างความลำบากให้โม่เสวี่ยถง จึงคุกเข่าลงทันที
“เป็เพราะถงเอ๋อร์บกพร่องในการอบรมสั่งสอนบ่าว ปรกติแล้วก็ไม่ค่อยจะเอาเื่เอาราวกับพวกนาง จึงทำให้โม่เยี่ยกล้าต่อปากต่อคำกับท่านย่า ขอท่านย่าโปรดลงโทษถงเอ๋อร์เถิด” โม่เสวี่ยถงก็คุกเข่าลง มุ่นคิ้วขมวด สีหน้าแสดงว่ายอมรับผิด
หากเื่นี้เกิดขึ้นในเวลาปรกติ เหล่าไท่ไท่ก็คงไม่โมโหโกรธาขนาดนี้ แต่นางกำลังขุ่นเคืองโม่เสวี่ยถงอยู่ ไหนเลยจะฟังคำพูดของอีกฝ่าย เดิมทีไม่อาจหาเหตุผลมาจัดการกับนางได้ ต่างจากยามนี้เ้าตัวเสนอหน้าเข้ามาเอง ช่างประจวบเหมาะพอดี
“เด็กๆ ตบปากสั่งสอนสาวใช้ไร้ระเบียบผู้นี้ยี่สิบที ไม่รู้จักตักเตือนคุณหนูของตนเอง ยามนี้ยังทำตัวเหิมเกริมกล้าเถียงเ้านาย คนนิสัยเหมือนๆ กันก็ย่อมจะไปอยู่ในที่เดียวกัน หากปรกติไม่มีใครอบรมสั่งสอนกฎระเบียบ วันนี้ก็เรียนรู้ให้ดีเถิด อย่าให้ผู้อื่นนึกดูถูกจวนโม่ของเราได้ว่าแม้แต่สาวใช้ของเ้านายยังเป็เช่นนี้”
เหล่าไท่ไท่มุ่นคิ้ว สีหน้าเย็นเยียบคล้ายถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึน แม้จะแสดงท่าว่าโมโหโม่เยี่ย แต่วาจาที่ฟังดูวกวนกลับบ่งชี้ว่าเพราะนายไม่ได้ความ บ่าวจึงกล้าเหิมเกริม
ปัดสวะมาใส่โม่เสวี่ยถงทั้งหมด
ลำเอียงชัดๆ นางไม่เคยเห็นใครลำเอียงเช่นนี้มาก่อนเลย!
“ท่านย่าปรีชายิ่ง เพราะโม่เยี่ยเป็ห่วงถงเอ๋อร์เกินไป จึงล่วงเกินต่อปากต่อคำกับท่านย่า เดิมทีก็คิดอธิบายให้กระจ่างชัดว่าจริงๆ แล้วเื่นี้เกิดขึ้นเพราะคำพูดของพี่หญิงใหญ่ แต่แน่นอนว่าถงเอ๋อร์ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ไม่ควรทิ้งน้องสี่ไว้เพียงลำพัง แต่นางบอกว่าพี่หญิงใหญ่ให้รออยู่บนรถ ถงเอ๋อร์คิดแต่จะไปตามหาพี่หญิงใหญ่ก่อน แต่ไม่คิดว่าไฉนซื่อจื่อจึงไม่ลงมาจากรถด้วย ท่านย่า ช่วยถงเอ๋อร์ถามหน่อยเถิดเ้าค่ะ ว่าเพราะเหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงไม่ให้น้องสี่ลงจากรถเล่า”
โม่เสวี่ยถงแหงนหน้าขึ้น สูดหายใจลึก แพขนตากะพริบอย่างรวดเร็ว แผ่รังสีความเ็าออกมา ไม่แสดงความอ่อนแออีกต่อไป ในเมื่อบิดาไม่อยู่ ตนเองแสร้งอ่อนแอไปก็ไม่มีใครสนใจ ดูจากท่าทีของเหล่าไท่ไท่กับโม่เสวี่ยิ่แล้ว พวกนางคงหมายจะกดหัวตนเองลงให้ได้ในครานี้
คำกล่าวนี้หนักแน่นมีเหตุผล ไม่ดูเหยาะแหยะเหมือนตอนแรก โม่เสวี่ยถงยังคงคุกเข่าอยู่เช่นเดิม สีหน้าพลันเคร่งขรึม สายตานิ่งลึกกวาดไปที่สาวใช้าุโสองคนที่กำลังเดินปรี่เข้าไปหมายจะตบปากโม่เยี่ยตามคำสั่ง กระแสความดุดันเ็าพุ่งกราดเข้าไป จนทำให้ป้าแก่ๆ สองคนต้องหยุดชะงักถอยเท้ากลับ นิ่งงันไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปอีก
โม่เสวี่ยิ่บอกโม่เสวี่ยฉงว่าอย่าลงจากรถ?
เหล่าไท่ไท่ที่สีหน้ากรุ่นไปด้วยโทสะ เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ก็เกิดสะดุดใจ โม่เสวี่ยิ่เ้ากี้เ้าการพาน้องสาวสองคนออกไปจากจวน ส่วนตนเองกลับไปขึ้นรถของผู้อื่น แต่รถม้าของโม่เสวี่ยถงเกิดอุบัติเหตุเสียกะทันหัน ซือหม่าหลิงอวิ๋นมาพบเข้าพอดิบพอดี ต่อมาโม่เสวี่ยถงลงจากรถไป แต่กลับให้โม่เสวี่ยฉงรออยู่บนรถ สุดท้ายกลับเป็โม่เสวี่ยิ่เองที่จับชู้ได้...
หากจะถกเื่นี้กันจริงๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนล้วนมีเงาของโม่เสวี่ยิ่อยู่เื้ั หรือว่า... เื่นี้นางจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงๆ
เมื่อเกิดความรู้สึกแคลงใจ สายตาจึงกวาดไปที่โม่เสวี่ยิ่ และไม่สนใจอีกแล้วว่าบ่าวสองคนจะตบปากโม่เยี่ยจริงๆ หรือไม่
“ิ่เอ๋อร์เ้าตอบมา ว่าบอกให้ฉงเอ๋อร์รอยู่ในรถจริงหรือไม่ ทำไมเมื่อครู่ฉงเอ๋อร์ไม่เห็นเอ่ยถึงเื่นี้” เหล่าไท่ไท่คาดคั้นเสียงเย็น
นี่คือจุดที่เหล่าไท่ไท่นึกแคลงใจที่สุด เมื่อครู่ยามที่ซือหม่าหลิงอวิ๋นเข้ามาพร้อมกับโม่เสวี่ยฉง นางเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไรเลย เื่ราวทั้งหมดมีแต่ออกมาจากปากของโม่เสวี่ยิ่กับซือหม่าหลิงอวิ๋นทั้งสิ้น เื่ที่เล่ามาไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากบอกว่าโม่เสวี่ยถงกับโม่เสวี่ยฉงออกไปชมดอกเหมยกับซือหม่าหลิงอวิ๋น คนหนึ่งลงรถไป อีกคนยังอยู่ในรถ คิดไม่ถึงว่าขณะที่รถกำลังจะหยุดเกิดกระแทกอย่างแรง โม่เสวี่ยฉงจึงเสียหลักพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซือหม่าหลิงอวิ๋น ได้รับาเ็ที่ข้อเท้า ยามนั้นโม่เสวี่ยิ่เข้ามาพอดี และเปิดประตูรถจึงเห็นทั้งสองคนกำลังกอดกันอยู่
ครั้นแล้วก็กลายเป็ข่าวลือบอกต่อกันไปว่าทั้งสองคนกอดกันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดกลับกลายเป็สกุลโม่ ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวส่งคนไปปล่อยข่าวว่าจวนของพวกเขาไม่อาจแต่งบุตรอนุมาเป็ภรรยาเอกได้ นอกเสียจากจะส่งบุตรสาวภรรยาเอกไปแทนพวกเขาจึงจะยอมรับ มิเช่นนั้นจะประกาศเื่นี้ให้รู้ทั่วกัน ว่าบุตรสาวของสกุลโม่ไม่รักนวลสงวนตัว แต่กลับเรียกร้องให้ผู้อื่นมารับผิดชอบ
จวนเจิ้นกั๋วโหวไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นมีส่วนเกี่ยวข้อง บอกแต่ว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นมีเจตนาดีจึงช่วยประคองโม่เสวี่ยฉงไว้
เช่นนั้นแล้ว เพราะเหตุใดทั้งสองคนจึงกอดกันอยู่ในสภาพเสื้อผ้าไม่ครบถ้วนได้เล่า!
ยามที่ได้ยินว่าฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวปล่อยข่าวไปเช่นนั้น เหล่าไท่ไท่ก็โมโหจนหน้าเขียวคล้ำ
ทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ กล่าวหาว่าบุตรสาวสกุลโม่ไม่รู้จักจารีตประเพณี ไม่รักนวลสงวนตัว ผู้อื่นยื่นมือมาช่วยเหลือกลับคิดจะจับเขาทางอ้อม เื่นี้มิได้ส่งผลกระทบถึงแค่ชื่อเสียงของโม่เสวี่ยฉงเพียงคนเดียว นี่คือสิ่งที่เหล่าไท่ไท่ไม่อาจทนรับได้ เมื่อโม่เสวี่ยถงเป็คนก่อเื่ก็ต้องให้นางไปจัดการดับไฟด้วยตนเอง ด้วยการให้นางแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหว จึงจะเหมาะสมที่สุด
ขอเพียงแค่โม่เสวี่ยถงเป็คนแต่งออกไป จวนโหวก็จะไม่มาหาเื่อีก เื่ใหญ่ก็จะกลายเป็เื่เล็ก เื่เล็กก็จะกลายเป็ไม่มีเื่ นี่คือความคิดของเหล่าไท่ไท่ ดังนั้นจึงหมายกระชากโม่เสวี่ยถงให้ลงจากหลังม้า แสดงให้รู้ว่าตนเองมีอำนาจในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้โม่ฮว่าเหวินก็ไม่อยู่ ต่อให้เขาคิดคัดค้านในภายหน้า แต่เื่ก็ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว
ยามนี้เมื่อเห็นโม่เสวี่ยิ่ถูกโม่เสวี่ยถงกดดัน นางจึงเพียงแค่สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ
เพียงแต่... หากเื่นี้โม่เสวี่ยิ่เป็ผู้วางแผนให้เกิดขึ้นมาจริงๆ เล่า? ดูจากท่าทางของนางแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกว่ามีโอกาสเป็ไปได้ นี่เป็การใช้ตนเองเป็เครื่องมือ หากเกิดเื่ขึ้น จวนฝู่กั๋วกงย่อมไม่ปล่อยให้เื่ผ่านไปแน่นอน ถึงเวลานั้นผู้ที่ต้องรับเคราะห์ก็คือตัวนางเอง...
เหล่าไท่ไท่ใบหน้าครึ้มทะมึน หันไปทางโม่เสวี่ยิ่ กระทุ้งไม้เท้าทีหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยสายตาเย็นเยียบ “แม่หนูิ่ เ้าจะอธิบายอย่างไร”
ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้โม่เสวี่ยเยี่ยนหลานสาวแท้ๆ ที่เกิดจากภรรยาเอกสุดที่รักของนางต้องเดือดร้อน เหล่าไท่ไท่ก็พร้อมจะผลักคนผู้นั้นเข้าสู่กองไฟแห่งหายนะทั้งสิ้น
โม่เสวี่ยิ่คิดไม่ถึงว่าโม่เสวี่ยถงจะกล่าวเช่นนี้ กุเื่ที่ไม่มีอยู่ให้เกิดขึ้นได้ หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก็รีบคุกเข่าลง น้ำตาร่วงเผาะ “ท่านย่า แม้ว่าิ่เอ๋อร์จะไม่รู้ความอย่างไร ก็ย่อมรู้ว่าชายหญิงนั้นแตกต่าง แล้วจะห้ามมิให้ฉงเอ๋อร์ลงจากรถ แล้วปล่อยให้นางกับซื่อจื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองได้อย่างไรเล่า”
กล่าวจบก็หมุนตัวมาหาโม่เสวี่ยถง มองนางด้วยความเสียใจพลางกล่าวว่า “น้องสามกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าอยู่ที่นี่ก็คิดแทนเ้าทั้งหมด นึกไม่ถึงว่าเ้ากลับปัดความผิดมาลงที่ข้า อยากให้บุตรสาวสกุลโม่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนหรืออย่างไร ั้แ่เ้าเข้ามาเมืองหลวง ข้ามีอะไรดีๆ ได้กินได้ดื่ม มีของอะไรดีๆ ได้ใช้บ้างเล่า ทุกอย่างล้วนต้องมอบให้แก่น้องสามก่อนทั้งหมด วันนี้ที่เสนอให้ไปเที่ยวชมป่าเหมยด้วยกัน ก็เพราะเห็นเ้าไม่รู้จักใครเลย จึงกลัวว่าจะเหงา คิดไม่ถึงว่าเ้าจะเข้าใจผิดลั่นวาจาออกมาแบบนี้ แล้วจะให้ข้ามีชีวิตอยู่อย่างไร”
ทันทีที่กล่าวจบ โม่ซิ่วที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็คุกเข่าลง ร้องให้ตัวโยนอย่างน่าสงสาร
“คุณหนูสาม คุณหนูใหญ่ดีต่อท่านด้วยใจจริง แม้แต่ยามที่ท่านอยู่จวนลั่ว คุณหนูใหญ่ก็ให้คนส่งของต่างๆ ไปให้อยู่เสมอ ั้แ่ของกินไปจนถึงเครื่องประดับล้ำค่า นางไม่เคยเก็บไว้กับตนเองเลยสักชิ้น คิดถึงแต่ท่านก่อนเสมอ แต่ตอนนี้ท่านกลับเอ่ยวาจาใส่ร้ายป้ายสีคุณหนูใหญ่ นี่หรือคือสิ่งตอบแทนที่ท่านมอบให้กับความรักและความหวังดีของคุณหนูใหญ่ ช่างน่าผิดหวังหดหู่ใจยิ่ง” โม่ซิ่วยื่นมือไปโอบกอดโม่เสวี่ยิ่ไว้ ร้องไห้แล้วหันมากล่าวตัดพ้อโม่เสวี่ยถง
โม่เสวี่ยิ่หยิบผ้าแพรขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมพูดจา แสดงท่าทางให้คนรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ผู้นุ่มนวลอ่อนโยนกำลังถูกคนปรักปรำให้ร้ายจริงๆ
คนที่ได้เห็นได้ยิน ไม่มีผู้ใดไม่หันไปมองโม่เสวี่ยถง ต่างรู้สึกว่านางเป็คนไม่มีจิตสำนึก ทำคุณบูชาโทษ สีหน้าของเหล่าไท่ไท่ยิ่งบูดบึ้งขึ้นเรื่อยๆ เื่นี้คนในจวนโม่ยังรู้กันไม่มาก แต่โม่เสวี่ยิ่ร้องไห้ดังขนาดนี้ เกรงว่าก็คงจะปิดปากคนไม่ได้แล้ว
“พอแล้ว จะร้องไห้ไปทำไม มีอะไรพูดกันดีๆ ก็ได้” เหล่าไท่ไท่เลิกคิ้วขึ้นแผดเสียงดุ
“เ้าค่ะท่านย่า ิ่เอ๋อร์ผิดไปแล้ว ิ่เอ๋อร์ไม่ร้องแล้วเ้าค่ะ” โม่เสวี่ยิ่ขบริมฝีปาก ลดเสียงสะอื้นให้เบาลง กลับมาวางท่าสงบนิ่งแล้วเอ่ยคำพูดสุดท้ายเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งประโยค
“ขอท่านย่าโปรดให้ความเป็ธรรมด้วยเ้าค่ะ”