“อ้อ” ปฏิกิริยาหลังได้ฟังของอวี๋เจียวช่างเ็ายิ่งนักบนใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดทั้งสิ้น
หลังจากนางเดินไปสองก้าวจึงหันกลับมาเอ่ยกับอวี๋ฝูหลิงว่า“ความหมายของพี่ฝูหลิงก็คือ นางรังเกียจที่ร่างกายของน้องชายท่านไม่ดีถึงไม่ได้แต่งเข้ามาในสกุลอวี๋ใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เื่ที่ควรหยิบยกมาอวดอ้างแต่อย่างใดนะ”
“เ้า...”อวี๋ฝูหลิงโมโหจนกระทืบเท้าเพราะวาจาทั้งสองประโยคของอวี๋เจียวเอ่ยด้วยความขุ่นเคืองว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น! อาโหรวไม่ใช่คนเช่นนั้นสักนิด”
อวี๋เจียวยกยิ้มบาง จากนั้นเดินเข้าไปในห้องโถงโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
“นี่คือภรรยาของเ้าห้า มีพร์เื่วิชาหมออย่างมากตอนนี้กำลังร่ำเรียนกับข้า” เมื่อเห็นอวี๋เจียวเข้ามาอวี๋หรูไห่เอ่ยแนะนำพลางยกยิ้มอย่างละมุนละไมยิ่งนัก
เฉินโหรวมองไปทางอวี๋เจียวแล้วพยักหน้าเล็กน้อยนางเผยยิ้มเพริศพริ้ง “ที่แท้แม่นางเมิ่งก็เป็ท่านหมอ หมอที่เป็สตรีถือว่ามีให้เห็นน้อยยิ่งนัก!”
นางได้ยินมานานแล้วว่าสกุลอวี๋ซื้อสะใภ้มาเสริมมงคลให้อวี๋ฉี่เจ๋อไม่มีแม้แต่พิธีแต่งงาน ส่วนลึกภายในใจของเฉินโหรวนึกหยามเหยียดอวี๋เจียวอย่างมากสตรีเช่นนี้มีหรือจะคู่ควรกับอวี๋ฉี่เจ๋อ? แต่ตลอดสองวันมานี้ผู้คนในหมู่บ้านต่างกล่าวกันว่าสะใภ้ที่ถูกซื้อตัวมาเสริมมงคลของสกุลอวี๋รู้วิชาหมอวันนี้นางจึงมาดูว่าแท้จริงแล้วสตรีนางนี้รู้วิชาหมอจริงหรือไม่!
อวี๋เจียวพยักหน้าไปทางเฉินโหรวก่อนจะนั่งลงข้างอวี๋หรูไห่
“ท่านย่าของเ้าไอในลักษณะใดบ้าง?” อวี๋หรูไห่เอ่ยถาม
“นางจะไออย่างหนักโดยเฉพาะยามกลางดึกเ้าค่ะ นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนแต่ตอนกลางวันนับว่าดีอยู่บ้างเ้าค่ะ” เฉินโหรวเอ่ย
อวี๋หรูไห่หันไปมองอวี๋เจียว “เ้าคิดว่าอย่างไร?”
“การตรวจโรคต้องมอง ฟัง ถามและจับชีพจร คนป่วยไม่มามีแค่คนอื่นมาอธิบายอาการป่วยคงยากเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาดสุภาษิตกล่าวว่ายามีพิษสามส่วน หมอจะเขียนเทียบยาซี้ซั้วไม่ได้เ้าค่ะ”
อวี๋เจียวหยัดกายลุกขึ้น “ท่านปู่ กับข้าวทำเสร็จแล้วเ้าค่ะข้าจะไปเรียกพวกเขามากินข้าว”
ใบหน้าของเฉินโหรวฉายแววกระอักกระอ่วน“ท่านก็รู้ว่าขาท่านย่าของข้าไม่ดีนัก ออกประตูไม่ได้ ท่านปู่อวี๋ท่านช่วยเอายาระงับอาการไอทั่วไปให้ข้าก็พอแล้วเ้าค่ะ รอกระทั่งผ่านไปอีกไม่กี่วันท่านพ่อของข้าก็จะพาท่านย่าไปหาหมอในเมืองเ้าค่ะ”
ครั้นอวี๋หรูไห่ได้ยินว่ายังจะไปหาหมอในเมืองเช่นนี้ไม่เท่ากับดูถูกวิชาหมอของเขางั้นหรือ? จึงร้องะโไปทางอวี๋เจียวว่า “แม่หนูเมิ่ง อย่าเพิ่งรีบร้อนกินข้าวในตำราที่เ้าเคยอ่านมีเทียบยาอะไรเกี่ยวกับโรคไอบ้าง?”
อวี๋เจียวชะงักฝีเท้า หันกลับมาเอ่ยกับอวี๋หรูไห่ว่า “ท่านปู่รบกวนออกมาพูดคุยกันสักหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ลังเลครู่หนึ่งจากนั้นลุกขึ้นเดินไปพูดคุยกับอวี๋เจียวในห้องเก็บสมุนไพรทางฝั่งตะวันตก
“ท่านจะเขียนเทียบยาให้นางจริงหรือเ้าคะ?” อวี๋เจียวคร้านจะเอ่ยวาจาอ้อมค้อมกับเขา จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
รอบกายไม่มีคนนอก อวี๋หรูไห่ไม่จำเป็ต้องเสแสร้งต่อไปเอ่ยพลางถอนหายใจว่า “แม่หนูเมิ่งเ้าไม่รู้ถึงความเป็มาระหว่างสกุลเฉินกับสกุลอวี๋ ในตอนนั้นที่เ้าห้าสอบได้ตำแหน่งจอหงวนสามสนามสกุลเฉินรีบร้อนมาประจบประแจงแสดงเจตนาว่าอยากเป็ดองกับเ้าห้าอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่เมื่อรู้ว่าร่างกายของเ้าห้าทรุดโทรมอย่างถึงที่สุดก็ไม่เอ่ยถึงเื่นี้อีกข้าบากหน้าไปสู่ขอถึงสกุลเฉิน แต่กลับถูกสาดน้ำเย็นกลับมา [1] ข้าทนรับความกล้ำกลืนเช่นนี้ไม่ได้!”
อวี๋เจียวยกยิ้มบาง “อาการไอของฮูหยินเฒ่าสกุลเฉินสามารถรักษา แต่ในภายหน้าเงินที่ได้จากการรักษา ท่านต้องแบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่ง”
“เ้า้าเงินค่ารักษา?” สีหน้าของอวี๋หรูไห่ไม่สู้ดีนักเมื่อเอ่ยถึงเื่เงินก็ไม่ต่างกับจะเอาชีวิตชายชราอย่างเขาจริงๆ
อวี๋เจียวพยักหน้า
ใบหน้าของอวี๋หรูไห่นิ่งขรึมลง “เมิ่งอวี๋เจียว เ้าเพิ่งจะตรวจไข้ได้ไม่กี่วัน? เ้ากล้าคิดจะรับเงินค่ารักษาเสียแล้ว!คนไข้ที่มาหาหมอในจวนสกุลอวี๋ล้วนแต่มาเพราะข้า เ้าคิดว่าเ้าเป็สตรีนางหนึ่ง จะเขียนเทียบยาและตรวจโรคให้พวกเขาได้จริงงั้นหรือ? เ้าควรล้มเลิกความคิดเช่นนี้เสียั้แ่ต้น!”
“ท่านผู้เฒ่า ท่านคิดให้ดีแล้วค่อยมาหาข้า”อวี๋เจียวกล่าวจบหันหลังเดินออกไปนอกห้องโถง
นางรู้วิชาหมอของอวี๋หรูไห่อย่างชัดเจนแล้ว เงินที่นาง้า นางไม่ได้รีบร้อนจะเอาภายในประเดี๋ยวนี้รอกระทั่งอวี๋หรูไห่พบกับโรคที่ไม่อาจรักษานางเชื่อว่าอวี๋หรูไห่จะต้องยอมรับข้อเสนอแบ่งเงินครึ่งหนึ่งนี้อย่างแน่นอน
อวี๋หรูไห่ที่อยู่ในห้องฝั่งตะวันตกโมโหจนใบหน้าทะมึนสาปแช่งอย่างดุดันว่า “นังเด็กผู้หญิงคนนี้ คิดว่าตนเป็หวาถัว [2] ที่ยังมีชีวิตอยู่จนหางกระดกขึ้นฟ้าเสียแล้ว!คิดว่าหากไม่มีนังเด็กชั้นต่ำอย่างเ้าแล้วข้าจะทำอะไรไม่ได้งั้นหรือ!”
อวี๋หรูไห่หันหลังกลับไปจัดยาบนชั้นยาจำนวนหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องฝั่งตะวันตกด้วยใบหน้าบึ้งตึงเผยรอยยิ้มจอมปลอมไปทางเฉินโหรวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้“ข้าห่อยาสำหรับแก้อาการไอให้ท่านย่าของเ้าแล้ว เช้าเย็นของทุกวันให้กินหนึ่งชุดเ้าเอากลับไปกินเสียก่อน”
………………….
เชิงอรรถ
[1] 泼冷水 แปลตรงว่าสาดน้ำเย็นความหมายว่าถูกพูดให้เสียกำลังใจหรือดับเจตนารมณ์
[2] ฮวาถัว (华佗) (HuaTuo) เป็แพทย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็ศัลยแพทย์ผู้บุกเบิกมีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก