"ศิษย์พี่จะแนะนำให้เ้าได้รู้จักกับศิษย์พี่ทั้งสามคนอย่างเป็ทางการอีกครั้ง..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือแนะนำอย่างคล่องแคล่ว
ตรงหน้าของหนิงอ้ายเป็ชายหนุ่มสามคนนั่งหลดหลั่นกัน ต่างมีหน้าตารูปงามหล่อเหลาเป็อย่างมาก หากเทียบกันเเล้วก็ถือได้ว่าทั้งสามคนมีความแตกต่างเฉพาะเป็ของตัวเอง หากเทียบไปเเล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มไอดอลชายในโลกเดิมของเขาอย่างนั้น
"คนทางซ้ายมือคือศิษย์พี่สามซุนหลิง เชี่ยวชาญในเื่เวทย์รักษาเป็อย่างมาก หากไม่นับท่านอาจารย์ เ้าสามารถปรึกษานี้ศิษย์พี่สามในเื่นี้เป็คนเเรก ๆ ได้ทุกเมื่อ..." ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำนั้นได้ยกมือทักทายกับหนิงอ้ายเล็กน้อยพร้อมกับสังเกตเด็กหนุ่มตรงหน้าตนนี้ด้วยความสนใจ
"คนทางขวามือคือศิษย์พี่รอง นามว่าศิษย์พี่เกาเจิน แม้การแต่งกายภายนอกจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง เเต่ศิษย์พี่รองเชี่ยวชาญในเื่ศาสตร์แห่งการต่อสู้เป็อย่างมาก สามารถนำมาพลิกเเพลงกับการใช้โอสถและสมุนไพรในการต่อสู้ หากเ้า้าวิถีแิผสมผสาน ข้าแนะนำเป็ศิษย์พี่รองท่านนี้..." ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าแต่งกายประหลาดนั้นไม่ได้รู้สึกอันใดกับถ้อยคำนี้ทั้งสิ้น หนำซ้ำอีกฝ่ายยังคงยกคิ้วกลับมาให้ศิษย์น้องหญิงคนเดียวของตำหนักอย่างขี้เล่น ชวนให้สตรีสาวถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างปลดปลง
"ผู้ที่อยู่ตรงกลางนั่นจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากศิษย์พี่ใหญ่โจวเซิน หลังจากนี้หากเ้าจะไม่ค่อยได้พบหน้าก็อย่าได้เเปลกประหลาดใจไป ด้วยเพราะว่าหน้าที่สำคัญส่วนใหญ่ของตำหนักล้วนเป็ศิษย์พี่ที่ได้รับมอบหมายจากท่านอาจารย์ทั้งสิ้น หากถามว่าศิษย์พี่ใหญ่นั้นเชี่ยวชาญสิ่งใดมากที่สุด ข้าก็ตอบได้อย่างไม่เอนเอียงว่าคงเชี่ยวชาญทุกด้านเสียกระมัง...'' ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นแนะนำทีละคนจนมาถึงศิษย์พี่ใหญ่ของตนซึ่งคำกล่าวนั้นไม่เกินจริงเท่าไหร่ไปนัก อีกฝ่ายเพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา ชาติตระกูลและคุณสมบัติในทุกด้าน ดังนั้นในวันข้างหน้าเส้นทางหลังจากนี้คงรุ่งโรจน์ไปเป็อย่างมาก
ขณะที่ไป๋เหลียนฮวาได้แนะนำศิษย์พี่ทั้งสามคนให้ตนได้รู้จักนั้น หนิงอ้ายที่ลอบมองบุรุษทั้งสามคนตรงหน้าพร้อมกับใช้วิชาเนตรเเห่ง์ตรวจสอบเพิ่มเติม ข้อมูลที่ปรากฎขึ้นต่างเป็สิ่งที่เขาพอรับรู้มาบ้างในก่อนหน้าทั้งสิ้น เเต่ถึงอย่างไรนั้นก็มีรายละเอียดอีกเล็กน้อยที่ได้รู้เพิ่มเติมอยู่บ้าง
หนิงอ้ายยอมกับจากใจจริงว่า ทั้งหน้าตาท่าท่างหรือแม้กระทั่งเสียงของศิษย์พี่ใหญ่โจวเซินนั้นช่างเหมือนกับเเทนไทเป็อย่างมาก หนิงอ้ายครุ่นคิดถึงทุกอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้ ว่าอีกฝ่ายอาจจะทะลุมิติมาที่นี่เหมือนกับตน หรือว่าอาจจะบังเอิญเป็คนหน้าเหมือนก็เเค่นั้น หนิงอ้ายเอาเเต่ครุ่นคิดจนตกอยู่ในภวังค์ที่ตัวเองสร้างขึ้นไปชั่วขณะ อย่างเหม่อลอย ภาพความทรงจำในโลกเดิมที่เขาพยายามที่จะลืมมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ได้ถูกฉายซ้ำอย่างชัดเจนราวกับ้าตอกย้ำว่าเขาไม่เคยลืมอีกฝ่ายได้เลย
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายเ้าคิดสิ่งใดอยู่งั้นรึ?? ได้ยินที่ศิษย์พี่รองเอ่ยถามเ้าหรือไม่??" ไป๋เหลียนฮวาเข้ามาสะกิดเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งนิ่งไม่ตอบสนองอันใด
"ขออภัยขอรับ ศิษย์พี่รองว่าอย่างไรหรือขอรับ" เมื่อตั้งสติได้หนิงอ้ายจึงถามกลับไปในทันที
"ศิษย์พี่รองถามเ้าว่าที่เรือนพักทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่หรือไม่?" เกาเจินถามเด็กหนุ่มผู้เป็ศิษย์น้องของตนอีกครั้ง
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับศิษย์พี่รอง..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับส่งยิ้มไปเล็กน้อย
"ไม่คิดเลยว่าท่านอาจารย์ของเราจะรับศิษย์ใหม่ที่อายุน้อยปานนี้ เ้าพึ่งมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้นเองใช่หรือไม่??"
"ปีนั้นที่ท่านอาจารย์รับศิษย์น้องหกหลิวหลวนที่อายุเพียงสิบแปดปีก็นับว่าอายุน้อยเเล้ว เเต่เมื่อเทียบกับศิษย์น้องหนิงอ้าย เฮ้อ ข้าไม่อยากจะคิดว่าตัวเองมีอายุมากกว่าถึงสิบปี..." ซุนหลิงเอ่ยขึ้น สร้างเสียงหัวเราะจากทุกคนในที่นี้ เพราะว่าพวกเขาต่างมีอายุกันมากกว่ายี่สิบห้ายี่สิบหกปีกันเเล้วเกือบทั้งสิ้น
"ฟังว่าศิษย์น้องมีปราณธาตุไฟที่บริสุทธิ์ถึงสิบส่วน สมกับเป็คนตระกูลหวังเสียจริงท่านหวังจิ่งหลงและฮูหยินเหมยสบายดีหรือไม่??" เสียงของเกาเจินถามเด็กหนุ่มขึ้นอีกครั้ง
"ศิษย์พี่รองรู้จักท่านตาของข้าด้วยรึขอรับ? ท่านตา ท่านยายของข้าสบายดีขอรับ..."
"บิดาของศิษย์พี่เป็สหายคนหนึ่งของตาเ้า เอาไว้มีโอกาสจะเข้าไปเยี่ยมเยียนที่ตระกูลหวังพร้อมกับบิดาข้าเสียเเล้วกัน..."
"เสียดายที่พวกเรามาไม่ทันการทดสอบเมื่อวันก่อน ฟังว่าศิษย์น้องหนิงอ้ายสามารถต้านรับพิษของท่านอาจารย์ได้ ฝีมือเ้าไม่อาจดูเบาได้จริง ๆ " ซุนหลิงเอ่ยชมเด็กหนุ่มเมื่อนึกขึ้นได้
"ศิษย์พี่หลินเอ่ยชมข้าเกินไปแล้วขอรับ เป็ท่านอาจารย์ที่ยั้งมือเพียงเท่านั้น หากว่าเป็พลังทั้งสิบส่วนจริงข้าเองก็ไม่รอดขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปอย่างถ่อมตัว ที่เรียกสายตาเอ็นดูจากทุกคนในที่นี้
"เป็ไปได้อย่างไรกัน!! ศิษย์น้องหนิงอ้ายบรรลุถึงระดับเทวะิญญาขั้นต้นแล้วอย่างนั้นรึ??" หลิวหลวนหรือศิษย์ลำดับที่หกเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ญาณััของเขาละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปด้วยเคล็ดวิชาประจำตระกูลหลิว ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้จึงสังเกตได้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
"ไม่จริงน่าเมื่อสองวันก่อนเ้าพึ่งอยู่ในระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงมิใช่รึ เพียงสองวัน สองวันเท่านั้น!!!''
"ศิษย์น้องช่างมากไปด้วยพร์อย่างเเท้จริง บางคนนั้นต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียวกว่าจะบรรลุขั้นใหญ่ระดับเทวะิญญาเช่นนี้ได้ เ้านี่สมกับเป็ตัวประหลาดน้อยที่ท่านอาจารย์คัดเลือกมาเสียจริง..."
"เเล้วเ้าได้ทำการผนึกจิติญญาปราณธาตุของเ้าเเล้วหรือไม่??" ซุนหลิงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็ห่วง
"ทุกอย่างเรียบร้อยขอรับเพียงเเต่ข้าอาจต้องใช่เวลาในการปรับตัวอีกสักเล็กน้อยเท่านั้น..."
"จริงสิ!!!ข้ามีบางคนที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักขอรับ..." สิ้นเสียงของหนิงอ้ายนั่น ต้าเฮยที่ซ่อนตัวอยู่ในอกเสื้อด้านในของเด็กหนุ่มได้เลื้อยพันก่อนที่จะขดตัวคออยู่บนมือของหนิงอ้ายราวกับว่ากำลังรอคอยเวลานี้มาอย่างยาวนาน
"นี่คือต้าเฮยเป็สัตว์เลี้ยงขอข้าเอง ต้าเฮยทำความรู้จักกับศิษย์พี่ของข้าเสียสิ...''
"ยินดีที่ได้รู้จักกับเหล่าศิษย์พี่ของหนิงอ้ายทุกคน หวังว่าทุกคนจะช่วยกันปกป้องหนิงอ้ายไปด้วยกันหลังจากนี้..." ต้าเฮยส่งกระเเสจิตตอบกลับไปพร้อมกับส่งสายตาอสรพิษจ้องมองทุกคนราวกับ้าเอ่ยย้ำให้รับรู้
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำเอาทุกคนใเป็อย่างมาก เพราะความสามารถเช่นนี้จะปรากฎขึ้นกับสัตว์อสูรมายาระดับกลางขึ้นไปเท่านั้น การศิษย์น้องของพวกเขาสามารถสัตว์อสูรที่มีระดับพลังที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ นับว่าเกิดความคาดหมายของพวกเขายิ่ง
ที่สำคัญระดับพลังของอีกฝ่ายที่พวกเขาไม่สามารถััรับรู้ได้ หมายความว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่เพียงสัตว์อสูรระดับมายาขั้นกลางเพียงเท่านั้น พวกเขาต่างคิดว่าหากเ้าตัวน้อยนี้อยู่เหนือขั้นไปจากนี้จริง นับว่านี่เป็สิ่งที่สร้างความตกตะลึงได้เป็อย่างมาก
"ต้าเฮยอาจจะซนไปบ้างขอศิษย์พี่อย่าได้ถือสาเอาความนะขอรับ อย่างไรเ้าตัวน้อยก็เป็ตัวี้เีตัวหนึ่งเเค่นั้นเอง..." หนิงอ้ายเมื่อเห็นว่าเ้าตัวน้อยน่าจะส่งกระเเสจิตบางอย่างกับศิษย์พี่ของตนโดยที่ไม่ให้เขาได้รับรู้ พร้อมกับจ้องมองทุกคนอย่างไม่ละสายตา เขาจึงเอ่ยหยอกล้ออีกฝ่ายไป ทางฝั่งของต้าเฮยที่ได้ยินดังนั้นส่งเสียงขู่ฟ่อประท้วงเล็กน้อยก่อนที่จะเลื้อยหายเข้าไปในอกเสื้อของเด็กหนุ่มตามเดิม
หนิงอ้ายก็ได้เล่าเื่ราวบางส่วนของตนให้ศิษย์พี่ของตนในที่นี้ได้รับรู้ บ้างก็มีบ้างที่ทุกคนต่างพูดคุยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเื่ต่าง ๆ อย่างคึกคัก ด้วยเพราะว่าโดยปกติทุกคนต่างเก็บตัวอยู่ในเรือนพักของตนจึงไม่ค่อยได้พบปะกันมากนัก โอกาสที่ดีเช่นนี้พวกเขาจึงได้ใช้เวลาตลอด่บ่ายนี้ได้การพูดคุยกัน
หนิงอ้ายััได้ว่าเหล่าบรรดาศิษย์พี่ของเขาเเต่ละคน แม้จะเป็ชายหนุ่มที่อาจจะไม่ได้มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งมากมายสักเท่าใด ทว่ากับเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจเป็อย่างมาก เเต่ละคนล้วนเล่าเื่ราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่งจากอดีตหรือปัจจุบันที่ต่างเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในที่นี้
บรรยากาศในตอนเเรกที่อาจจะดูเหินห่างกันไปบ้าง เเต่ในตอนนี้กลับมีความสนิทสนมที่เพิ่มมากขึ้นหลากหลายเท่า จากการพูดคุยนี้นั้นทำให้หนิงอ้ายได้รับรู้เพิ่มขึ้นว่าศิษย์พี่ของพวกเขาทุกคนในที่นี้ต่างล้วนมาจากตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงกันทั้งสิ้น บ้างก็เป็ตระกูลชาตินักรบ บ้างก็เป็ตระกูลขุนนาง
เเต่เมื่อมาอยู่ร่วมกันในตำหนักเเห่งนี้แล้ว พวกเขาทุกคนต่างโยนทิ้งหัวโขนที่มีอยู่ไปทั้งสิ้น จุดหมายปลายทางของเเต่ละคนยังมีอยู่ที่เดิม เพียงเเต่ว่าสิ่งที่มีเพิ่มขึ้นนั้นคือ เพื่อน พี่น้อง มิตรสหายที่ไว้ใจกันได้
"ศิษย์พี่ขอเป็ตัวเเทนของทุกคน พวกเรายินดีและภูมิใจเป็อย่างมากที่ท่านอาจารย์ได้เลือกเ้าเป็ศิษย์ผู้สืบทอดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาของพวกเรา..."
"ไม่ต้องคิดว่าการมาของเ้านั้นเป็การแย่งชิงโอกาสของใคร เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็ของตัวเองทั้งสิ้น สุดท้ายนี้ ในสายตาของคนอื่นนอกตำหนักเ้าอาจจะเป็ศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักก็จริง เเต่สำหรับเหล่าศิษย์พี่ทุกคนนั้นเ้าก็เป็ศิษย์น้องเล็กของพวกข้า เป็ศิษย์น้องร่วมอาจารย์เดียวกัน"
"มีคำกล่าวที่ว่ากราบอาจารย์หนึ่งวัน นับถือเป็บิดาตลอดไป พวกเราทุกคนในที่นี้ต่างยึดถือตนนับถือและกราบไหว้ท่านอาจารย์กันทั้งสิ้น เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต่างไปต่างครอบครัวใหญ่ที่มีสายใหญ่พันผูกร่วมกัน ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นความสัมพันธ์นี้จะไม่มีทางเปลี่ยนไป..." โจวเซินเอ่ยถ้อยคำที่ยาวนานเเต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง
ตลอดทุกคำพูดของอีกฝ่ายนั้น พวกเขาต่างจับมือมองหน้ากันคล้ายกับเป็สัญญาว่าพวกเขานั่นจะยึดถือสายใยนี้ตลอดไป...
เวลาได้ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะอีกไม่กี่ชั่วจิบชาก็จะถึงยามซวีแล้ว ทุกคนในที่นี้ต่างมีความคิดเห็นตรงกันว่าสมควรแก่เวลาที่จะต้องเลิกลาการพูดคุยในครั้งนี้เสียที วันพรุ่งนี้ก็จะเป็วันเเรกที่หนิงอ้ายจะได้รับการสั่งสอนจากท่านอาจารย์เเบบตัวต่อตัวเเล้ว จึงสมควรที่จะให้เด็กหนุ่มได้พักผ่อนเก็บแรงสำหรับไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนจึงเอ่ยคำลากันเล็กน้อยก่อนที่จะหายไปตามทิศทางที่เป็ที่ตั้งเรือนพักของตน
"ศิษย์น้องหนิงอ้ายเ้ากลับคนเดียวได้อยู่ใช่หรือไม่??? ศิษย์พี่ต้องไปจัดการธุระอีกสักเล็กน้อยให้ท่านอาจารย์ที่อาคารส่วนกลางของเรา..." ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วง
"ศิษย์พี่ไป๋ไม่ต้องเป็กังวล ข้าสามารถกลับเรือนพักเองได้ขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปให้คลายความเป็ห่วง
"ศิษย์น้องไป๋วางใจเถอะ เดี๋ยวศิษย์พี่จะเป็ผู้ไปส่งเอง...'' โจวเซินที่ได้ยินบทสนทนาของศิษย์น้องของตนทั้งคู่ จึงอาสาเป็ผู้ไปส่งด้วยตนเอง
"เรือนพักของศิษย์พี่ใหญ่ไปทางเดียวกันกับเรือนพักของศิษย์น้องหนิงอ้าย ข้าฝากด้วยนะเ้าคะ...'' เมื่อกล่าวจบร่างกายบอบบาวของสตรีสาวหนึ่งเดียวในตำหนักก็ได้หายไปด้วยความรวดเร็ว
"เอ่อ...ไม่รบกวนศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ'' หนิงอ้ายพยายามปฏิเสธอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว เพราะตั้งเเต่ที่ศิษย์พี่ไป๋ได้แนะนำให้ตนได้รู้จักอีกฝ่ายเเล้วนั้น เป็เขาเองที่ไม่ค่อยกล้าสบตาที่อีกฝ่ายส่งมาสักเท่าไหร่
"เ้าอย่าได้คิดมาก มาเถอะ โอ้ย!!!" เสียงร้องของชายหนุ่มดังขึ้น เมื่อพินิจดูดี ๆ แล้วจะเห็นว่ามีรอยฟันที่ถูกกัดจนเืไหลออกมา
"ต้าเฮยเด็กดื้อ เ้าขอโทษศิษย์พี่ใหญ่เดี๋ยวนี้เลยนะ!!" หนิงอ้ายร้องขึ้นอย่างใพน้อมกับดุเ้าตัวน้อยที่ตอนนี้ทำหน้าตาไม่รับรู้ตีมึนน่าหมั่นเขี้ยวยิ่งนัก
"ศิษย์พี่ใหญ่เป็อะไรมากไหมขอรับ ยังไงข้าจะสั่งสอนเ้าตัวดื้อให้รู้ความมากกว่านี้..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาของอีกฝ่ายขึ้นมาดูรอยกัดดังกล่าว ยังดีที่เ้าตัวน้อยไม่ปล่อยพิษลงไปด้วยไม่เช่นนั้นเื่ราวคงไม่เป็เช่นนี้
"ศิษย์น้องอย่าเป็กังวลไป เ้าลืมแล้วอย่างนั้นรึ?? สิ่งที่พวกเราไม่ขาดเเคลนคือโอสถรักษา เ้าทำใจให้สบายเสียเถอะ ที่สำคัญอย่าได้ดุเ้าต้าเฮยอีกฝ่ายคงหวงเ้าที่เป็เ้านายเพียงเท่านั้น..." กล่าวจบโจวเซินก็ได้หยิบโอสถรักษาภายนอกเทใส่บริเวณที่ถูกกัด เพียงชั่วครู่รอยกัดนั้นก็หายวับไปราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
"เช่นนั้นก็ลากันตรงนี้..." โจวเซินเอ่ยย้ำอีกครั้งพร้อมกับแตะไหล่ของเด็กหนุ่มเบา ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเเยกหายไปทางฝั่งเรือนพักของตนด้วยความรวดเร็ว
ทางฝั่งของหนิงอ้ายเมื่อเห็นคนที่หน้าตาเหมือนกับคนในความทรงจำของตนเดินห่างออกไปแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ ใบหน้าของอีกฝ่ายที่เหมือนกับเเทนไทช่างทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักเสียจริง
เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระนี้ให้ออกไปทั้งสิ้น ก่อนที่ร่างบางจะเริ่มบ่นเ้าตัวดื้อที่เก็บตัวเงียบในอกเสื้อของตนโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของใครบางคนทั้งสิ้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้