บทที่ 8: เศษเสี้ยวแห่งความหวัง
เสียงกรีดร้องและคำสาปแช่งของฮูหยินรองหลิวซื่อยังคงดังก้องไปทั่วลานกว้าง ทหารสองนายกำลังลากร่างที่ดิ้นรนขัดขืนของนางไปยังประตูจวนที่เปิดอ้าอยู่ราวกับปากขุมนรก ขณะที่ร่างของนางกำลังจะพ้นธรณีประตูไปนั้นเอง...
"ช้าก่อน"
จ้าวิ่หลานที่ยืนนิ่งอยู่ตลอดพลันเอ่ยขึ้น นางก้าวเดินอย่างสงบไปยังเบื้องหน้าเ้าเมืองฉวี ฮงต้าเสียน แล้วโน้มตัวลงกระซิบถ้อยคำบางอย่างที่ข้างหูของเขาด้วยเสียงที่เบาจนมีเพียงเขากับนางเท่านั้นที่ได้ยิน
ดวงตาของเ้าเมืองฮงต้าเสียนเป็ประกายวาบขึ้นด้วยความพึงพอใจระคนกับความทึ่งในความหลักแหลมอันอำมหิตของเด็กสาวผู้นี้ เขากระแอมเบาๆ แล้วยกมือขึ้นเป็สัญญาณ
"หยุดก่อน!"
เสียงทรงอำนาจของเขาทำให้ทหารสองนายหยุดชะงักทันที พวกเขากดร่างของหลิวซื่อไว้กับพื้นแต่ไม่ได้ลากต่อไป ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะ สร้างประกายแห่งความหวังที่ริบหรี่ขึ้นในดวงตาของสตรีผู้สิ้นไร้ไม้ตอก
ในเสี้ยววินาทีแห่งความสับสนนั้นเอง หลิวซื่อก็รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดตัวเองจนหลุดจากการเกาะกุม! นางไม่คิดหนี แต่กลับคลานสี่ขาล้มลุกคลุกคลานตรงมายังเบื้องหน้าจ้าวิ่หลานอย่างไม่คิดชีวิต!
โครม!
นางทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นแข็งๆ อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ศักดิ์ศรีของฮูหยินใหญ่แห่งจวนอู่หลง สลายไปในพริบตา เหลือเพียงสตรีผู้หวาดกลัวความตายคนหนึ่งที่กำลังจะฉุดคว้าฟางเส้นสุดท้าย
"คุณหนูิ่หลาน! หมอเทวดาจ้าว!" นางร่ำไห้ฟูมฟายจนใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาและฝุ่นดิน "ข้าผิดไปแล้ว! ข้ามันโง่เขลาตาบอด! ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง! ได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด! ขอเพียงท่านเอ่ยปากขอความเมตตาจากท่านเ้าเมืองให้ข้าสักคำ...ต่อแต่นี้ไป ชีวิตของข้าจะเป็ของท่าน! ข้ายอมเป็วัวเป็ม้าให้ท่านใช้งานไปชั่วชีวิต!"
มือนางเอื้อมมาหมายจะเกาะชายกระโปรงเก่าขาดของิ่หลาน แต่ิ่หลานกลับขยับถอยหลังเล็กน้อยอย่างรังเกียจ
นางไม่ได้มองหลิวซื่อแม้แต่น้อย แต่กลับเหลือบสายตาขึ้นไปมองบุรุษที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินอยู่บนขั้นบันได...จ้าวลู่เฉินที่มองดูเหตุการณ์อย่างตะลึงงัน
สายตาของพ่อลูกสบกันกลางอากาศ ในดวงตาของชายผู้เป็แม่ทัพใหญ่เต็มไปด้วยความเ็ป ความอัปยศ และความจนหนทาง เขาเห็นภรรยาของตนกำลังคุกเข่าอ้อนวอนบุตรีที่เขาเพิ่งตราหน้าว่า 'ด้อยความสามารถ' แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย การขยับตัวของเขาในตอนนี้ มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น
ิ่หลานรู้ดีว่าบิดาของนางจนหนทางแล้วจริงๆ
รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ก่อนที่นางจะหันกลับมามองสตรีที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างด้วยสายตาที่เ็าดุจน้ำแข็ง
"เ้าบอกว่าเ้ายอมรับผิดทุกอย่าง...และจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของเ้าไว้งั้นหรือ?"
"เ้าค่ะ! ข้ายอมทำทุกอย่าง!" หลิวซื่อตอบรับอย่างไม่ลังเล
"ดี" ิ่หลานกล่าว "เช่นนั้น...ข้าจะให้โอกาสเ้าพิสูจน์ความจริงใจ"
นางโน้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบด้วยเสียงที่ดังพอให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน "ในวันที่ท่านนำยาพิษมาให้ข้าดื่ม...ท่านพูดกับข้าว่าอย่างไรนะ? อ้อ...ข้าจำได้แล้ว ท่านพูดว่า 'เ้าเป็แค่ลูกนังแพศยา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตายให้สวยงาม!'...เ้าจำได้หรือไม่?"
ใบหน้าของหลิวซื่อซีดเผือดราวกับกระดาษ นางสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับถูกฟ้าผ่า
"จงพูดประโยคนั้นอีกครั้ง...แต่เปลี่ยนจาก 'เ้า' เป็ 'ข้า'" ิ่หลานสั่งเสียงเย็น "จากนั้นจงโขกศีรษะให้ข้าสามครั้ง...บางที...ความเมตตาของข้าอาจจะปรากฏขึ้นมาบ้าง"
นี่ไม่ใช่การให้โอกาส...นี่คือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีให้จมดิน! คือการบังคับให้นางต้องประณามตนเองด้วยคำพูดที่นางเคยใช้ทำร้ายผู้อื่น!
ฮงต้าเสียนยืนกอดอกมองดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เขาชื่นชอบการแสดงที่อำมหิตเช่นนี้เป็ที่สุด
หลิวซื่อเงยหน้าขึ้นมองิ่หลานด้วยแววตาที่อ้อนวอนเป็ครั้งสุดท้าย แต่นางเห็นเพียงความว่างเปล่าอันเ็าตอบกลับมา นางไม่มีทางเลือก!
นางสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าที่มีแล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือและขาดห้วง...
"ขะ...ข้า...หลิวซื่อ...เป็...เป็แค่นังแพศยา..."
ปัง! นางโขกศีรษะลงกับพื้นดินแข็งๆ
"...ไม่มี...สิทธิ์...แม้แต่จะตาย...ให้สวยงาม..."
ปัง! ปัง!
นางโขกศีรษะอีกสองครั้งจนหน้าผากแตกยับมีเืไหลซึมออกมา นางเงยหน้าขึ้นมองิ่หลานอีกครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยเศษเสี้ยวแห่งความหวังสุดท้าย
ทว่า...จ้าวิ่หลานกลับหันไปทางเ้าเมืองฉวี แล้วยอบกายลงอย่างงดงาม
"ท่านเ้าเมืองเ้าค่ะ" นางกล่าวด้วยเสียงอันดังให้ทุกคนได้ยิน "ดูเหมือนว่านางจะสำนึกผิดแล้วจริงๆ ...ในเมื่อนางยอมรับด้วยตนเองแล้วว่านางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตายอย่างสวยงาม...เช่นนั้นก็ถือว่าท่านเ้าเมืองได้มอบความเมตตาให้นางแล้ว"
นางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวประโยคที่เด็ดขาดที่สุดออกมา
"...ก็โปรดอย่าให้นางได้ตายเลย...ให้การจองจำในคุกมืดที่ไร้เดือนไร้ตะวันไปตลอดชีวิต...เป็ความเมตตาสุดท้ายของท่านที่มีต่อนางเถิด"
ความหวังสุดท้ายของหลิวซื่อ...แหลกสลายลงในพริบตา! นางถูกหลอก! นางถูกหลอกให้เหยียบย่ำตัวเองเพื่อความสะใจของนังเด็กปีศาจนี่!
"ไม่!!!! นังสารเลว! ข้าจะฆ่าเ้า!!" นางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งพยายามจะพุ่งเข้าไปหาิ่หลาน แต่ก็ถูกทหารจับตัวไว้ได้ทัน
ฮงต้าเสียนหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ "ฮ่า ๆ ๆ! หมอเทวดาจ้าวช่างเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมนัก! สมแล้วที่เป็ผู้ที่ข้าเลือกสรร! ทำตามที่นางพูด! ลากตัวมันไป!"
"ข้าขอสาปแช่งเ้า! จ้าวิ่หลาน! ต่อให้ข้ากลายเป็ผีข้าก็จะกลับมาลากคอเ้าลงนรกไปด้วยกัน!"
เสียงสาปแช่งของนางค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับร่างที่ถูกลากออกไปจนลับสายตา
ณ ลานกว้างแห่งจวนอูหลงแม่ทัพ...เหลือเพียงความเงียบงันอันน่าอึดอัด จ้าวลู่เฉินยืนนิ่งอยู่บนขั้นบันได ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับคนตาย เขามิได้สูญเสียเพียงภรรยา...แต่เขาได้สูญเสียเกียรติยศและอำนาจในการปกครองบ้านของตนเองไปอย่างสมบูรณ์...ต่อหน้าบุตรีที่เขาทอดทิ้ง
ความวุ่นวายโกลาหลในคืนที่ผ่านได้จางหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความตึงเครียดที่จับต้องได้ในอากาศ จ้าวิ่หลานไม่ได้กลับไปยังเรือนเก็บฟืนอีกต่อไป ตามคำสั่งของเ้าเมืองฮงต้าเสียน และไม่ขออยู่ในเรือนที่เ้าเมืองจัดให้แต่นางก็ขอให้เรือนนั้นเป็ห้องปรุงยาสำหรักการรักษาเ้าเมืองแทน นางย้ายมายัง 'เรือนจื่อเถิง' ซึ่งเป็เรือนพักขนาดเล็กที่งดงามและเคยเป็ของมารดาผู้ล่วงลับของนางในจวนอู่หลง
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างทรงกลม ิ่หลานกำลังนั่งพิจารณาตำราแพทย์เก่าแก่ของมารดาอย่างสงบ แต่แล้วเงาร่างสูงใหญ่ทอดร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูโดยไม่มีการบอกกล่าว
จ้าวลู่เฉิน...แม่ทัพใหญ่ผู้เป็บิดาของนางยืนอยู่ที่นั่น เขาไม่ได้สวมชุดเกราะหรืออาภรณ์หรูหรา มีเพียงชุดผ้าฝ้ายสีเข้มธรรมดา แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงเสมอ บัดนี้กลับดูโค้งงอลงเล็กน้อยราวกับกำลังแบกรับน้ำหนักของโลกทั้งใบเอาไว้
เขาเดินเข้ามาในห้องช้าๆ และหยุดยืนอยู่กลางห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาบุตรีของตนเองตรงๆ
"ข้า..." เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่า "ข้าเพิ่งรู้ความจริงทั้งหมด...จากคำสารภาพของหลิวซื่อในคุก"
ิ่หลานยังคงก้มหน้ามองตำราในมือ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขาแม้แต่น้อย
"ข้าไม่เคยรู้ว่านางจะโเี้ถึงขั้นวางยาพิษเ้า...หรือวางแผนขายเ้าให้กับเ้าฮงต้าเสียนเ้าเมืองฉวี" เขากล่าวต่อ "สิ่งที่ข้ารู้...คือการที่นางบอกว่าจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เ้า ซึ่ง...ซึ่งข้าเห็นด้วยกับนาง"