หลิ่วจิ้งยังไม่ทันหายใ หั่วอี้ก็ตามนางขึ้นมาแล้ว
เมื่อเทียบกับหลิ่วจิ้งที่เหมือนของที่ถูกโยนและตกลงมาอย่างไม่มีท่วงท่าใดท่าลงของหั่วอี้นับว่าสวยกว่ามาก เขาะโจากพื้นขึ้นไปบนยอดูเาเทียม แล้วลงมาอย่างนุ่มนวลราวกับก้าวลงบนพื้นราบหลังจากหั่วอี้ตามขึ้นมาแล้วก็ยังมีหั่วหลิงเฟิ่งและเสนาบดีอู๋สองคนตามขึ้นมาด้วย
หั่วอี้เอื้อมมือไปดึงตัวหลิ่วจิ้งให้ลุกขึ้นมาทั้งที่ในหัวนางยังคงมีแต่เมฆหมอกไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
“แปะๆๆ” เสียงตบมือทำให้หลิ่วจิ้งหันมองตามต้นกำเนิดเสียงจึงพบว่าหั่วหลิงเฟิ่งปรบมืออยู่พร้อมรอยยิ้ม “องค์หญิงกล้าหาญนักท่านเป็สตรีเพียงคนเดียวที่ถูกข้าโยนขึ้นมาแล้วไม่กรีดร้อง ไม่เลวๆลำพังแค่ความกล้าหาญนี้ ข้าก็เห็นชอบให้ท่านอยู่ข้างกายอี้เอ๋อร์แล้ว”
หลิ่วจิ้งมองพวกเขาอย่างไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดีแอบดีใจที่ถึงตอนสำคัญเมื่อครู่นางคิดทันและสะกดเสียงกรีดร้องเอาไว้ได้เพียงแต่หากใครสักคนจู่ๆ ต้องมาพบกับเหตุการณ์กะทันหันเช่นนี้ แล้วจึงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่เมื่อครู่นางก็เกือบจะร้องออกมาแล้ว หากมิใช่ว่าภายหลังเกิดปัญญาขึ้นในหัวคาดว่านางก็คงจะร้องออกมาแล้วจริงๆวิธีการทำความรู้จักของหั่วหลิงเฟิ่งกลับไม่เป็ที่ยอมรับจากหลิ่วจิ้งเอาเสียเลย
“ฮูหยินท่านเล่นซนอีกแล้ว”
เสนาบดีอู๋มองหั่วหลิงเฟิ่งพลางส่ายหน้าแม้จะเป็การตำหนิแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความรัก
“ขอองค์หญิงโปรดอภัย เฟิ่งเอ๋อร์ชอบล้อเล่นกับเด็กๆ เช่นนี้”เสนาบดีอู๋เก็บสายตาละมุนที่มองหั่วหลิงเฟิ่งกลับมาแล้วหันไปยิ้มอธิบายกับหลิ่วจิ้ง
“ท่านอาช่างน่าสนใจนัก ท่านเสนาบดีอู๋มีท่านอาเป็คู่ชีวิตจะต้องมีวันคืนแสนสนุกเป็แน่เ้าค่ะ”หลิ่วจิ้งก็เอ่ยล้อเล่นเช่นกัน ่เวลาเพียงสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งเค่อที่ได้รู้จักกันนางก็พลอยซึมซาบความไม่ถือตัวของเสนาบดีอู๋สองสามีภรรยาไปด้วย
สายตาที่หั่วอี้มองไปยังหลิ่วจิ้งพลันมีความชมเชยและทะนุถนอมเพิ่มขึ้นมากเขาพบว่าหลิ่วจิ้งสามารถให้ความประหลาดใจกับเขาได้ทุกวันซึ่งไม่เหมือนกับความประหลาดใจที่เขาเคยได้จากสตรีคนอื่นเช่นในวันก่อนๆ ที่อย่างมากก็แค่ให้ความเพลิดเพลินทางกายแก่เขาไม่เหมือนกับหลิ่วจิ้งที่นอกจากความเฉลียวฉลาดแล้วก็ยังเด็ดเดี่ยวเยี่ยงชายชาตรีอีกด้วย
อุปนิสัยแข็งแกร่งและอ่อนโยนของหลิ่วจิ้งช่างดึงดูดหั่วอี้เหลือเกินทำให้เขาประทับใจในตัวนางอีกคราแล้ว
สิ่งที่ท่านอาทำเขาเคยเห็นมานักต่อนักแล้วไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดท่านอาจึงคิดว่ามีเพียงสตรีที่อาจหาญเกินคนจึงจะคู่ควรกับเขาซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่เขาไม่กล้าพาสตรีมาที่จวนอู๋ นานวันเข้าหั่วอี้ก็กลับลืมไปแล้วว่าท่านอายังมีลูกไม้นี้อยู่ครานี้เขาถึงได้พาหลิ่วจิ้งเข้ามา
เมื่อครู่นี้ตอนหั่วหลิงเฟิ่งโยนหลิ่วจิ้งขึ้นไปบนูเาเทียมความจริงแล้วหั่วอี้ก็มีเวลาจะไปรับตัวหลิ่วจิ้งเอาไว้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงลังเลพักหนึ่งจึงมิได้ออกไปรับนางต่อให้เป็ผู้มีฝีมือเพียงใดแต่หากล่วงเลยเวลาก็จะพลาดโอกาสเขาแค่ชะงักไปอึดใจหนึ่งก็ไปรับหลิ่วจิ้งไว้ไม่ทันเสียแล้ว จนเมื่อภายหลังได้สติกลับคืนมาเขาจึงทำได้เพียงรีบตามหลิ่วจิ้งขึ้นไปบนูเาเทียมเท่านั้น
หั่วอี้หารู้ไม่ว่าในชั่วเวลาเพียงพริบตาที่เขาลังเลอยู่แม้ว่าเขาจะตามหลังขึ้นไปก็ตามแต่กลับถูกหลิ่วจิ้งจดบัญชีแค้นเอาไว้ในใจและกากบาทตัวโตๆ ให้เขาแล้วทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้อุ้มหญิงงามกลับไป
ทิวทัศน์ที่มองจากบนูเาเทียมงดงามนักไม่เพียงสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั่วทั้งจวนสกุลอู๋ กระทั่งยังมองเห็นถนนในเมืองต้าอี้ได้บางส่วนพวกเขาสี่คนยืนอยู่บนยอดเขาเทียมสนทนาปราศรัยกันสองสามคำแต่เพราะหลิ่วจิ้งเป็กังวลว่ายังมีเทียบเชิญอีกมากที่ยังไม่ได้ส่งหั่วอี้จึงพานางกล่าวคำอำลากับเสนาบดีอู๋และหั่วหลิงเฟิ่งเพื่อไปยังเรือนหลังต่อไป
ดูท่าว่าหลิ่วจิ้งจะไปเข้าตาหั่วหลิงเฟิ่งเข้าให้แล้วนางดึงเสนาบดีอู๋ไปส่งหลิ่วจิ้งและหั่วอี้จนถึงนอกประตู แล้วกำชับหลิ่วจิ้งหลายหนว่าจะต้องมาเป็เพื่อนคุยกับนางที่จวนบ่อยๆจวบจนได้รับคำยืนยันจากหลิ่วจิ้งหนแล้วหนเล่าเช่นกันว่าจะต้องมาอีกนางจึงยอมปล่อยให้หลิ่วจิ้งและหั่วอี้กลับไป
กระทั่งรถม้าของจวนสกุลหั่วแล่นลับสายตาของหั่วหลิงเฟิ่งไปแล้ว นางจึงเก็บสายตาที่ทอดมองออกไปกลับมา
“ท่านพี่คิดเห็นเช่นใดเ้าคะ?” จู่ๆ หั่วหลิงเฟิ่งก็เปลี่ยนมามีท่าทีขึงขังเก็บท่าทางผ่อนคลายขี้เล่นเมื่อครู่ไปเสีย
เสนาบดีอู๋เข้าใจนิสัยของหั่วหลิงเฟิ่งดีที่สุดเขาเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางที่หั่วอี้และหลิ่วจิ้งจากไป จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับหั่วหลิงเฟิ่งพลางเอ่ยกับนางว่า“องค์หญิงพระองค์นี้ไม่เหมือนกับพวกเล็กๆ น้อยๆ ในจวนของอี้เอ๋อร์นางมีความอาจหาญเหนือคน ทั้งไม่ลนลานเมื่อพบเจอกับเื่ต่างๆหากมิใช่เพราะได้รับการฝึกฝนมานาน ก็นับว่าเป็สตรีผู้โดดเด่นที่หาได้ยากยิ่งจริงๆ”
“ท่านพี่คิดเหมือนข้า เป็ตามที่ท่านว่าไส้ศึกที่ผ่านการฝึกฝนมานานย่อมทำได้ถึงขั้นนี้ หากตัดความเป็ไปได้ข้อนี้ออกไปก็กลับเป็ผู้ที่คู่ควรกับอี้เอ๋อร์จริงๆ และเพราะเหตุนี้ข้าจึงเสนอให้องค์หญิงมาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อยๆหวังว่าการได้ััใกล้ชิดนางให้มากจะทำให้มองเห็นนิสัยใจคอที่แท้จริงของนางได้แจ่มชัดยิ่งกว่านี้”
“เ้านี่นะ เป็ห่วงอี้เอ๋อร์เกินไปหรือไม่ไม่ว่าเื่ใดที่เกี่ยวข้องกับอี้เอ๋อร์เ้าก็ล้วนตึงเครียดไปเสียหมดอี้เอ๋อร์ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ยังไม่โตอีกแล้ว เขาย่อมมีความคิดอ่านของเขาเอง พวกเราไม่จำเป็ต้องเป็ห่วงเกินไปหากคอยช่วยเหลือบ้างก็มิเป็ไร แต่ถ้าฮูหยินว่างนักมิสู้คอยอยู่เป็เพื่อนสามีดีกว่า”
เสนาบดีอู๋ยื่นมือออกไปไล้จมูกหั่วหลิงเฟิ่ง คนทั้งสองยิ้มสบตากัน หวานชื่นประหนึ่งเพิ่งแต่งงานแม้แต่ดอกไม้ในจวนก็ยังััได้ถึงกลิ่นอายของความรักที่กระจายอยู่ไปทั่ว
หั่วอี้กับหลิ่วจิ้งอยู่ในรถม้ากลับไม่ได้สนทนากันหั่วอี้กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกดูว่าเทียบเชิญใดควรให้พวกเขานำไปส่งและเทียบเชิญใดจะให้พ่อบ้านหวังนำไปส่ง
หลิ่วจิ้งมีความสุขกับการที่หั่วอี้ไม่ได้มารบกวนนางนางยกชายม่านบนรถขึ้น มองดูทิวทัศน์นอกตัวรถพลางคิดเื่ในใจ
ดังเช่นผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาข้างนอกหน้าต่างรถความคิดของนางก็สับสนดั่งน้ำหลาก เมื่อเช้านี้นางยังลุ่มหลงที่หั่วอี้คำนึงถึงความรู้สึกของนางจึงให้ฐานะใหม่แก่เฉินเหยียนนางรับน้ำใจนั้นและรู้สึกหวั่นไหวประทับใจที่หั่วอี้เข้าอกเข้าใจนาง
หลิ่วจิ้งรู้สึกว่าระยะนี้อารมณ์ของนางมักถูกหั่วอี้เข้ามารบกวนนางจึงอารมณ์แปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วนไม่ใช่ลางดีเพราะมันกระทบต่อการตัดสินใจในเื่ต่างๆ ของนาง
นางนึกว่านางและหั่วอี้จะค่อยๆก้าวเข้าไปในใจของแต่ละคนและยอมรับซึ่งกันและกัน เพียงแต่ภาพลวงตาทั้งหมดนี้กลับถูกทำลายไปเสียสิ้นด้วยฝีมือของหั่วหลิงเฟิ่งทั้งที่นางยังไม่ทันได้เตรียมตัวเสียด้วยซ้ำ
ในจวนสกุลอู๋เมื่อครู่นี้หลิ่วจิ้งส่งมอบกระดาษคำตอบที่น่ายินดีแก่เสนาบดีอู๋และหั่วหลิงเฟิ่ง แต่หั่วอี้กลับให้กระดาษคำตอบที่ทำให้หลิ่วจิ้งเสียใจนัก
ในสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้การลงมือไปตามสัญชาตญาณทำให้มองใจคนออกและนั่นจึงจะทำให้ความคิดอ่านที่แท้จริงปรากฏให้ผู้อื่นรับรู้
หั่วหลิงเฟิ่งเล่นพิเรนทร์อย่างนั้น อย่าว่าแต่หลิ่วจิ้งเลยต่อให้เป็สายลับพิเศษที่ผ่านการฝึกฝนมานานก็ยังต้องใ
หากมิใช่เพราะนางมีจิตใจมั่นคง นางก็คงถูกทำให้ใแทบตายไปแล้ว แม้จะบอกว่าท้ายที่สุดจะแค่ใแต่ไร้ซึ่งอันตรายใดๆ แต่ตอนนั้นหั่วอี้ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยนางเื่นี้ทำให้นางโมโหนัก
มองใจคนจากเื่ที่มองเห็นภายนอกหลิ่วจิ้งมองเห็นการตอบสนองตามสัญชาตญาณที่แท้จริงที่สุดที่หั่วอี้มีต่อนางเื่ที่เกิดขึ้นใน่เวลาสำคัญที่จะเกิดอันตราย หั่วอี้ก็ยังปกป้องนางในทันทีไม่ได้
เื่นี้ทำให้หลิ่วจิ้งต้องเก็บฝันหวานของนางกลับคืนมาและเปลี่ยนวิธีคิดใหม่นางตัดสินใจว่าวันหน้านางจะมุ่งหวังแต่อำนาจ มุ่งหวังแต่อิทธิพล ไม่มุ่งหวังเสน่หา
หลิ่วจิ้งเพิ่งจะเปิดประตูใจ แต่ก็กลับปิดมันลงอีกคราเสียแล้ว
_____________________________
