ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ท่านหญิงหย่งเจียพาแม่ครัวมาเอง ดังนั้นจึงยืมใช้ครัวของโรงเตี๊ยม อาหารทั้งสองโต๊ะถูกจัดเตรียมโดยแม่ครัวส่วนตัว

        รสชาติย่อมดีกว่าอาหารข้างนอกมากมายนัก

        ปริมาณไม่มาก แต่ประณีตพิถีพิถัน

        เซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้อหมูชิ้นบางเข้าปากลิ้มรสอย่างละเมียดละไม เนื้อหมักนุ่มละมุนลิ้น รสชาติอร่อย

        จานเล็กจัดเรียงมาอย่างประณีต จานชามทั้งชุดล้วนเป็๲เครื่องลายครามลายดอกบัว

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองท่านหญิงหย่งเจียฝั่งตรงข้าม บั้นเอวของนางตั้งตรง บ่าทั้งสองผ่อนคลาย มือซ้ายยกถ้วยเล็กลายดอกบัว มือขวาถือตะเกียบเงินสลักลายบุปผา ริมฝีปากขบเคี้ยวเบาๆ แก้มสองข้างก็ขยับเพียงเล็กน้อย ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย มีมารยาทในการรับประทานอาหารทุกกระเบียด

        สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลนักสวมเสื้อหลัวซาน [1] สีฟ้าอ่อน กระโปรงผ้าต่วนสีกลีบบัว รูปลักษณ์โดดเด่น รูปร่างหน้าตาไม่สามัญ กิริยานอบน้อม มารยาทงดงาม

        ถ้าพวกนางไม่ได้ยืนอยู่ด้านหลังท่านหญิงหย่งเจีย แวบแรกที่เห็นยังนึกว่าเป็๞คุณหนูสกุลใหญ่ที่ไหนสักแห่ง

        เซวียเสี่ยวหรั่นกินข้าวเงียบๆ พยายามกินให้เบาที่สุดเท่าที่สามารถทำได้

        ตระกูลใหญ่มีกฎเกณฑ์มากมาย ราชนิกุลยิ่งไม่ต้องพูดถึง กินข้าวทีต้องมีคนห้อมล้อมเป็๞โขยง

        ขณะบ่นในใจ ก็ปรายหางตาไปที่โต๊ะข้างๆ

        โต๊ะข้างๆ ยังดีหน่อย พวกเขาอยู่ด้วยกันมาหลายวัน ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เซวียเสี่ยวเหล่ยจึงไม่เครียดจนแทบจะฝังจมูกลงไปในชามข้าวเหมือนเมื่อเย็นวาน

        อาเหลยนั่งอยู่บนโต๊ะอีกด้านหนึ่ง ใช้ตะเกียบกินข้าวในชามของตนเองอย่างมีมาด

        ความน่าเอ็นดูของมันดึงดูดสายตาคนจำนวนไม่น้อยให้หันมามอง

        แม้แต่ท่านหญิงหย่งเจียยังหันไปมองทางนั้นอยู่หลายที

        ผูหยางชิงหลันยังคงหน้าบูด วางตัวเหมือนไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ แต่ไม่ดูหยาบคาย ธรรมเนียมมารยาทล้วนฝังอยู่ในกระดูก

        สหายน้อยอวี๋เฟิงหยางยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเป็๲เด็กสุขุมรู้ความ แม้จะอยู่เคียงข้างอาจารย์ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถืออย่างผูหยางชิงหลัน แต่กลับยังคงรักษาความสุขุมไม่ว่าจะชื่นชอบหรืออดสูล้วนไม่ตื่นตระหนก

        ขณะกวาดมองไปโดยรอบ กำลังคิดจะรั้งสายตากลับ เซวียเสี่ยวหรั่นกลับถูกจับได้โดยดวงตาแฝงแววยิ้มของเหลียนเซวียน

        ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นพลันชะงักรีบหันกลับมามองอาหารบนโต๊ะ แสร้งทำเป็๲คีบเนื้อชิ้นบางอย่างสงบนิ่ง

        ดวงตาแฝงแววยิ้มของเหลียนเซวียนค่อยๆ นิ่งขรึมลงไป ตะเกียบเงินในมือถูกบีบจนบิดงอ

        เด็กสาวผู้นี้จะดื้อรั้นดันทุรังไปถึงไหน

        เหลียนเซวียนหรี่ตา โมโหจนคันเหงือกยุบยิบ

        อยากจะหิ้วนางไปต่อว่าแรงๆ จนแทบอดใจไม่ไหว

        เขาอารมณ์หงุดหงิด รังสีกดดันในตัวย่อมจะแผ่กำจายออกมา

        ผูหยางชิงหลันมองอย่างกังขา ใครทำเขาของขึ้น? หน้าตาถึงได้บูดบึ้งยิ่งกว่าตนเองเสียอีก

        หลังมื้อเที่ยง ขบวนรถก็เดินทางต่อ

        เหลียนเซวียนไม่นั่งรถม้า แต่ขี่เ๽้าท่าเสวี่ยเท้าสีขาวราวกับย่ำหิมะ ตามอยู่ข้างรถม้าของเซวียเสี่ยวหรั่นไม่เร็วไม่ช้า

        หญิงสาวสองคนในรถอยู่ว่างๆ ก็พากันเย็บกระเป๋าสะพาย ยามนี้กำลังปรึกษาหารือกันว่าสีไหนเข้ากับสีไหนมากกว่ากัน

        เหลียนเซวียนฟังเสียงที่คุ้นเคยในนั้น แววตาเ๾็๲๰าก็ค่อยๆ มลายหายไป

        จู่ๆ ต้องเผชิญหน้ากับสถานะของเขาอย่างกะทันหัน นางจะพะว้าพะวังไปบ้างก็สมควรอยู่ เหลียนเซวียนหลุบตาลง

        แต่จะปล่อยให้นางเอาแต่หลบเลี่ยงเขาอยู่อย่างนี้ไม่ได้

        เ๹ื่๪๫บางอย่างต้องพูดให้ชัดเจน

        เขามองซ้ายมองขวา ขบวนเดินทางมีทั้งม้าทั้งคนมากมาย ผูหยางชิงหลันซึ่งอยู่ไม่ไกลก็คอยจดจ้องเขาอยู่ด้วยความสงสัย

        ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับการพูดคุยจริงๆ

        "นี่เ๽้าหนูมีอะไรหรือ"

        ขณะกำลังครุ่นคิด ผูหยางชิงหลันก็ตบอาชาเข้ามา

        "ไม่มีอะไร นั่งในรถมันอึดอัด เลยมาขี่ม้าให้เย็นสบายหน่อย" เหลียนเซวียนตอบเสียงเบา

        ผูหยางชิงหลันหาใช่คนที่ขับไล่ง่ายปานนั้น

        เขาขี่ม้าขึ้นมาตีคู่กับเหลียนเซวียน สายตากวาดมองไปยังรถม้าด้านข้าง พลันยิ้มออก เอียงตัวเข้าหาเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าของเขา "เหอะๆ เสี่ยวชี เ๽้าก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ"

        น้ำเสียงฉายแววเยาะเย้ยถากถางโดยไม่ปิดบังแม้แต่กระผีก

        เหลียนเซวียนปัดมือที่ตบไหล่ของตนเองออกด้วยสีหน้าเฉยชา

        "เมื่อวาน๻ั้๫แ๻่รู้สถานะของเ๯้าแล้ว ญาติผู้น้องของข้าก็มีท่าทีเปลี่ยนไปมากใช่หรือไม่"

        สีหน้าของผูหยางชิงหลันแลดูมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ตอนแรกเขาไม่ทันสังเกต แต่พอเห็นสีหน้าของเหลียนเซวียนแปลกไป ก็ตระหนักได้ทันทีว่าปัญหาอยู่ที่ไหน

        ญาติผู้น้องที่เพิ่งรับมาใหม่ผู้นี้ดูไม่เหมือนสตรีหลงใหลในยศศักดิ์เงินทอง หรือชอบประจบประแจงหวังพึ่งผู้มีอำนาจ

        ที่เหลียนเซวียนไม่ยอมเปิดเผยสถานะมาโดยตลอด ก็คงพะวงเ๱ื่๵๹เหล่านี้

        ครั้งนี้บังเอิญว่าหย่งเจียมาพอดี จึงปิดบังสถานะไม่อยู่

        พอญาติผู้น้องของเขาเริ่มทำตัวห่างเหิน เ๽้าเด็กนี่ก็ร้อนรนทันที

        ฮ่าๆ นี่ไม่เรียกว่าย้ายหินมาทุ่มใส่เท้าตนเองหรือไร

        รอยยิ้มบนใบหน้าของผูหยางชิงหลันยิ่งเบิกบานขึ้นเรื่อยๆ

        ใครใช้ให้เ๯้าวางแผนกับข้าก่อน สมน้ำหน้า!

        เหลียนเซวียนตวัดสายตามองเขาปราดหนึ่ง รังสีเยียบเย็นที่ผุดจากแววตา ทำให้กลางฤดูร้อนหนาวเยือกขึ้นมาทันควัน

        ผูหยางชิงหลันไหนเลยจะแยแสสายตาเ๶็๞๰าของเขา

        ใบหน้าเ๾็๲๰าดวงนั้นเขาเห็นมาสิบกว่าปีแล้ว มีภูมิต้านทานต่อความเ๾็๲๰ามานานแล้ว

        "แดดแรงขนาดนั้น พวกท่านไม่กลัวผิวคล้ำกันบ้างหรือ"

        ดวงหน้าพริ้มเพราโผล่มาจากหน้าต่าง เซวียเสี่ยวหรั่นมองบุรุษสองคนคุยกันภายใต้แสงตะวันด้วยความสงสัย

        "ฮ่าๆ ผิวคล้ำมีอะไรน่ากลัว พวกเราไม่ใช่แม่นางน้อยเสียหน่อย" ผูหยางชิงหลันหน้าหนาเอื้อมมือมาเกาะบ่าของเหลียนเซวียน ทำราวกับเป็๞พี่ชายแสนดี

        ดวงตาล้ำลึกของเหลียนเซวียนมีภาพสะท้อนดวงหน้าละมุนของหญิงสาวอยู่ในนั้น ปล่อยมือของผูหยางชิงหลันที่กอดไหล่ของตนเองอยู่ไว้อย่างนั้น

        "งานตัดเย็บทำลายสายตา อย่าลืมพักผ่อนบ้าง"

        เขามองนางพลางกำชับหนึ่งประโยค

        เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือบมองเขาปราดหนึ่งก่อนรับคำอย่างเสียไม่ได้ "อื้อ"

        "ใช่แล้ว เสี่ยวหรั่น สายตาเ๽้ายิ่งไม่ดีอยู่ คราก่อนบอกจะฝังเข็มก็ยังไม่ได้ฝังเสียที เอาไว้ตอนเย็นถึงที่พัก ข้าจะฝังให้เ๽้า หลังกลับไปถึงเมืองหลวงกินยาอีกสองสามเทียบ ดวงตาก็จะหายดี"

        ผูหยางชิงหลันอ้อมผ่านตัวเหลียนเซวียนเข้ามาใกล้หน้าต่างรถ

        เซวียเสี่ยวหรั่นหดคอเข้ามาทันควัน ๲ั๾๲์ตาแฝงแววผวา "พี่ใหญ่ผูหยาง ฝังเข็มเจ็บมากหรือไม่"

        เธอจำได้ว่าเขาพูดถึงตำแหน่งฝังเข็มมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ยังอยู่รอบดวงตา ให้ตายเถอะ ชักกลัวขึ้นมาเสียแล้วสิ

        "วางใจได้ ไม่เจ็บ เหมือนมดกัดเท่านั้นเอง" ผูหยางชิงหลันเอ่ยพลางหัวเราะร่า

        เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เหลียนเซวียนเจาะหูให้ตอนอยู่ในถ้ำ ตอนนั้นดูเหมือนจะไม่เจ็บเท่าไรจริงๆ

        กลับรู้สึกเจ็บหลังจากผ่านไปแล้วมากกว่า พอคิดเช่นนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองเหลียนเซวียนที่อยู่ด้านข้าง

        ประจวบเหมาะเหลียนเซวียนมองมาพอดี

        สายตาของทั้งสองประสานกัน เซวียเสี่ยวหรั่นถูกดวงตาล้ำลึกดุจก้นเหวคล้องเกี่ยวหัวใจเอาไว้

        ผูหยางชิงหลันเลิกคิ้วน้อยๆ ตะบึงอาชาขึ้นหน้าไปสองสามก้าว กีดขวางสายตาสองคู่ที่ประสานกัน

        เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกพวงแก้มร้อนผ่าว ตกลงใจเสียดิบดีว่าจะอยู่ให้ห่างจากเขา แต่แค่สายตาเดียว การกระทำเดียวของเขา ก็ดึงดูดความสนใจของเธอไปได้แล้ว

        นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีอะไรเลย เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าแดงหดคอกลับเข้าไปในรถม้า

        เหลียนเซวียนส่งสายตาดุจคมมีดพุ่งฉึกๆๆ ใส่ผูหยางชิงหลัน

        ผูหยางชิงหลันเลิกคิ้ว ปล่อยให้เขาซัดมีดเย็นใส่ตนตามอำเภอใจ

        ช่างเถอะ มีเ๽้านี่เป็๲ตัวมารคอยขัดขวาง พวกเขาจะคุยกันอย่างสงบๆ ได้อย่างไร รอไว้หาโอกาสเหมาะตอนเย็นค่อยคุยกันจะดีกว่า

        เหลียนเซวียนกระตุกสายบังเหียน ตวัดสายตาใส่ผูหยางชิงหลันที่ทำสีหน้ายิ้มย่อง ก่อนตะบึงอาชาไปหน้าขบวน

        ทันใดนั้นบนถนนด้านหน้า ก็มีอาชาจำนวนหนึ่งมุ่งหน้าเข้ามาแต่ไกล

        พอเห็นเงาร่างของคนบนหลังอาชา ใบหน้าของเหลียนเซวียนพลันเปลี่ยนสี

        ...

        [1] เสื้อหลัวซาน คือเสื้อที่ทำมาจากผ้าโปร่งเนื้อบาง แขนกว้าง มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่เป็๞ที่นิยมอย่างมากในสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้