สีหน้าของอวี้ปิงลั่วแปรเปลี่ยนเป็ซีดเผือด "ทะ-ท่านหมายความว่า?"
ไป๋เฉินยืนขึ้นโดยมิได้เอ่ยตอบ พลันลากร่างที่หมดสติของฉินิหยวนตรงไปยังหน้าต่าง ก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย "เ้ากลับไปที่ตระกูลของเ้าเถิด ทางที่ดีเ้าไม่ควรจะบอกกล่าวเื่นี้แก่ผู้ใดแม้แต่ผู้เดียว...ส่วนฉินิหยวนข้าจะตัดสินชะตากรรมของมันเอง"
"แต่ท่านชาย หากท่านนำมันกลับไปเช่นนี้เกรงว่าท่านอาจจะมีปัญหากับตระกูลฉิน..." อวี้ปิงลั่วพยายามกล่าวตักเตือน
ไป๋เฉินแทบจะสำลัก 'ก็ตรูนี่แหละที่มาจากตระกูลฉิน!'
เขาพยายามกระแอมเบาๆเพื่อกลบเกลื่อน "ไม่จำเป็ต้องกังวล เ้ากลับไปได้แล้ว...หลังจากนี้ข้าจะคืนความยุติธรรมให้แก่เ้าเอง"
"พรึ่บ!"
ร่างของไป๋เฉินกระโจนออกจากหน้าต่างพร้อมกับแบกร่างฉินิหยวน เขาลอบใช้เส้นทางที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงส่องและไร้ซึ่งฝูงชนตรงไปยังมุมมืดก่อนจะหายลับตาไป
อวี้ปิงลั่วทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย แต่สีหน้าของนางยังคงความเกลียดชังไว้แม้นว่าฉินิหยวนจะถูกนำตัวไปแล้วก็ตาม
.
.
.
ภายในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบมืดมิดไร้ซึ่งเสียงจอแจ ความกดอากาศภายในห้องนี้ติดลบราวกับว่าตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินอะไรทำนองนั้น ที่มุมมืดเผยให้เห็นร่างสีฟ้าที่ก้มหน้า
ฉินิหยวนที่เพิ่งได้สติก็เบิกตาอย่างยากลำบากและทอดสายตาไปรอบๆอย่างสลึมสลือ
"ที่นี่ที่ใดกัน?" ในความทรงจำสุดท้ายมันจำได้ว่ากำลังกระทำชำเราหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่บนเตียงมิใช่หรอกหรือ? แล้วมันจะมาปรากฏตัวอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อมันพยายามจะขยับตัวก็กลับพบว่า ร่างกายของมันถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกหลายเส้นจนมิอาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
"เกิดอะไรขึ้นกับข้า?" ฉินิหยวนอุทานอย่างตื่นตระหนกพร้อมทั้งพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง
"เอี๊ยด~"
ทันใดนั้นเสียงประตูบานเก่าตรงหน้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างอาภรณ์สีดำที่มีใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตร ร่างนั้นกล่าวทักทายสั้นๆด้วยรอยยิ้มมุมปาก "โอ้? ทิวาสวัสดิ์"
"ปะ-ไป๋เฉิน!" ฉินิหยวนกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าบุคคลที่พบเจอเป็คนแรกกลับกลายเป็ไป๋เฉินที่มันเกลียดชังมากที่สุด
เมื่อเริ่มตั้งสติได้ฉินิหยวนคำรามด้วยสายตาเ็า "ไป๋เฉิน! เ้ากำลังทำอะไรอยู่! ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!"
ไป๋เฉินแสร้งทำเป็ไม่สนใจพลางลากเก้าอี้มานั่งไขว้ขาตรงหน้ามันอย่างสงบ "เอาล่ะ วันนี้จะเป็วันสุดท้ายในชีวิตที่สุขสบายของเ้า...ในยามนี้ข้าจะให้โอกาสเ้าในการสารภาพทุกสิ่งอย่างที่เ้ารู้มาเกี่ยวกับบิดาของข้าและตระกูลไป๋ แน่นอนว่าหากเป็ความจริง ข้าจะไม่แตะต้องเส้นผมของเ้าแม้แต่เส้นเดียว"
"เ้าจะทำอะไร!?" ฉินิหยวนตะคอกด้วยสีหน้าที่เป็ลางร้าย
ไป๋เฉินไม่ตอบหากแต่ถลกแขนเสื้อ "เอาล่ะ ข้าไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ คายทุกอย่างที่เ้ารู้ออกมา แล้วข้าจะปลดปล่อยเ้าให้เป็อิสระจากโลกใบนี้"
"ไป๋เฉิน! หลังจากข้าออกไปจากที่นี่ได้! แกตายแน่" ฉินิหยวนพยายามต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชและไม่ยอมแพ้ต่อคำขู่ของไป๋เฉินแม้แต่น้อย
ไป๋เฉินส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "ไม่จำเป็ต้องกังวล หลังจากนี้เ้าและบิดาของเ้าก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน...ในวันนั้นที่เ้าพยายามสังหารข้าพร้อมกับฉินฟงจนข้าไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงทิ้งตัวไปในก้นหุบเหว...แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เ้าได้กระทำล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย"
"อะไร!? ความทรงจำของเ้า!" ครานี้สีหน้าของฉินิหยวนซีดลงราวกับไก่ต้ม
มันคิดไปต่างๆนานาว่าหากข่าวคราวนี้รู้ไปถึงหูของฉินเหยียน เกรงว่าชะตากรรมของมันและบิดาของมันอาจจะถึงคราวสิ้นสุดลง
ไป๋เฉินลูบใบหน้าฉินิหยวนด้วยกริชสีดำพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล "มาทำข้อตกลงกัน ข้ามีทางเลือกให้เ้าสองทาง...หนึ่งคายทุกอย่างที่เ้ารู้ออกมา เ้าจะได้ตายไปอย่างไม่เ็ป"
"หรือสอง...ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่!" เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกของไป๋เฉินทำให้ขนทั่วร่างของฉินิหยวนลุกซู่โดยไม่ได้ตั้งใจ กริชของไป๋เฉินลูบไล้ไปตามลำคออย่างหวาดเสียว
"ช่วยข้าด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที!" เมื่อไร้ซึ่งหนทางฉินิหยวนพยายามกรีดร้องเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือหากมีบุคคลในละแวกใกล้เคียง
"หนวกหู!" ไป๋เฉินฟาดหลังมือลงที่ใบหน้าฉินิหยวนสุดแรง ฟันเกือบสิบซี่กระเด็นออกมาพร้อมกับโลหิตที่กระฉูด
"เพี้ยะ!"
เสียงตบของไป๋เฉินดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องที่มืดมิด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องครวญครางของฉินิหยวนพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้
"อะไร!? เจอแค่นี้ก็ร้องห่มร้องไห้เสียแล้ว!" ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายอย่างเหยียดหยาม "ปอดแหกจริงๆ"
ไป๋เฉินรู้ดีว่าลึกๆแล้วฉินิหยวนเป็บุคคลที่ขี้ขลาดเพียงใด มันจะไม่มีวันกัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายอย่างแน่นอนหากไม่ประสบพบกับความสิ้นหวังที่แท้จริง
ดังนั้นจนกว่าจะพึงพอใจ เขาจะทรมานมันเช่นนี้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไป๋เฉินลุกจากเก้าอี้พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางกล่าวถามเสียงแ่ "มีผู้ใดในตระกูลฉินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบิดาของข้าบ้าง?"
"ข้าไม่เกี่ย-" ในวินาทีเดียวกันกับที่ฉินิหยวนปฏิเสธ ไป๋เฉินปักกริชสีดำทมึนลงไปที่ต้นขาของมันด้วยความเร็วดุจสายฟ้า โลหิตสายเล็กๆเริ่มไหลนองตามเส้นทางไปยังเท้าของไป๋เฉิน
เสียงกรีดร้องอันทรมานโหยหวนของฉินิหยวนดังก้องไปไกล "อ๊ากกก!!!"
"ข้าให้โอกาสเ้าอีกครา..." ไป๋เฉินยังคงเค้นถามด้วยแววตาที่สงบ
"ไอ้สารเล- อ๊ากกก!!!" ไม่ทันที่มันจะได้ก่นด่าจนสิ้นสุด กริชอีกเล่มพลันส่องประกายปักลงไปยังต้นขาอีกข้างจนมิดด้าม โลหิตไหลกระฉูดนองรอบๆร่างของมันอย่างควบคุมไม่อยู่
ั์ตาของไป๋เฉินฉายแววสนุกสนาน "ไม่จำเป็ต้องกังวล จนกว่าเ้าจะปริปาก ข้าจะเล่นสนุกเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเบื่อหน่าย และเ้าจะได้ลิ้มรสมันอย่างเต็มที่"
หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของฉินิหยวนดังอย่างต่อเนื่องเป็เวลานาน ตามมาด้วยเสียงที่มาจากของมีคมกำลังกระหน่ำแทงไม่เว้นพัก
"ปล่อยข้าไป! อ๊ากกก!!!"
"ไป๋เฉิน แกไม่ตายดีแน่! อ๊ากกก!!!"
"ปะ-ปีศาจ! เ้ามันเป็ปีศา- อ๊ากกก!!!"
หลังจากนั้นไม่นานต้นขาของมันเผยให้เห็นหน้ากระดูกที่แหวกออกอย่างเด่นชัด เนื้อส่วนมือของมันถูกลอกออกจนเผยให้เห็นเนื้อสีขาวอมชมพู รอบๆกายของมันเปี่ยมไปด้วยโลหิตที่ไหลพรากอย่างต่อเนื่อง
ยามนี้ดวงตาของฉินิหยวนเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัวสุดขีด
.
.
.
ผลสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่สิบนาที ฉินิหยวนกลับร่ำไห้ด้วยความเ็ปและมิอาจทนการทรมานของไป๋เฉินได้อีกต่อไป "ข้ายอมแล้ว ข้าจะบอก..."
"โอ้? เช่นนั้นก็ดี" ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆและดึงกริชกลับคืนมา "เอาล่ะ พูดมา"
ฉินิหยวนพยายามเอ่ยอย่างยากลำบาก "กะ-การตายของบิดาของเ้าเป็ฝีมือของฉินเหยีย-"
"อ๊ากกก!!!!"
ไป๋เฉินตวัดกริชเฉือนหูของมันออกอย่างไร้ความปราณี!
ฉินิหยวนก้มหน้าลงสะอึกสะอื้นด้วยั์ตาว่างเปล่า บัดนี้มันเริ่มเชื่อแล้วว่าชะตากรรมต่อจากนี้จะเป็สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
ในเสี้ยววินาทีนั้นมันจึงตัดสินใจที่จะกัดฟันเพื่อจบชีวิตในบัดดล หากมันไม่ยอมกล่าวความจริงเสียอย่าง ต่อให้มันตายไปไป๋เฉินก็จะมิได้ข้อมูลใดๆแม้แต่น้อย
หมับ!
แต่ทว่าในวินาทีเดียวกันนั้นไป๋เฉินกลับยัดถุงเท้าที่เหม็นหึ่งเข้าปากของฉินิหยวนอย่างฉับพลันราวกับว่าเขาเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
ไป๋เฉินเข้าไปกระซิบข้างหูอีกข้างด้วยลมหายใจเย็นะเื "จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา..."
ฉินิหยวนตาลีตาเหลือกด้วยการแสดงออกที่ไร้ซึ่งความหวังในการมีชีวิต
"ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร ในเมื่อเ้ายังไม่ยอมปริปาก เช่นนั้น..." ไป๋เฉินลอบหัวเราะเบาๆ ปลายนิ้วมือปรากฏพลังงานสีแดงวนเวียนดุจดั่งโลหิต
เมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าของฉินิหยวนแปรเปลี่ยนเป็ซีดเผือด 'พลังปราณ! ไป๋เฉินใช้พลังปราณ! เป็ไปได้อย่างไร!?'
แม้นว่าฉินิหยวนจะโดนทารุณกรรมมานานแต่สติสัมปชัญญะมันยังคงเหลืออยู่
จะกล่าวได้ว่าการที่ไป๋เฉินสามารถใช้พลังปราณได้นับเป็ข่าวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของมัน
ไป๋เฉินก้มลงมองตรงไปยังใบหน้าฉินิหยวนอย่างอบอุ่น "...มาดูกันว่าเ้าจะทนได้สักกี่น้ำ"
ฉินิหยวนส่ายหน้าอย่างรุนแรงด้วยั์ตาเบิกโพลง
ไป๋เฉินกดนิ้วมือนั้นลงไปยังเส้นเืใหญ่ที่ต้นคอฉินิหยวนโดยปล่อยให้ปราณโลหิตไหลเวียนซึมเข้าแทรก
ฉินิหยวนพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างตื่นตระหนก แต่มันมิอาจะโได้
ทันใดนั้นมันััได้ถึงบางสิ่งที่กำลังไหลเวียนไปยังทั่วร่างของมันอย่างช้าๆ
ไป๋เฉินลอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะกลับไปนั่งลงตามเดิม พร้อมทั้งหยิบขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่ข้างโต๊ะมาโยนใส่ปากราวกับกำลังนั่งดูเน็ตฟลิกซ์อย่างเพลิดเพลินใจ