สามวันต่อมา
“พานเยว่หลานรับราชโองการ”
“ด้วยโองการแห่งฟ้า คุณหนูตระกูลพานผู้งดงาม เฉลียวฉลาดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม บัดนี้ยังมิได้มีการหมั้นหมายกับตระกูลใด ฮ่องเต้เล็งเห็นว่าแม่ทัพพานเป็ผู้มีคุณต่อแผ่นดินต้าเหลียง จึงได้มอบพระราชทานมงคลสมรสให้แก่บุตรีอย่างพานเยว่หลานและคุณชาย โจวหานอี้ บุตรชายของเสนาบดีกรมพระคลัง ขอให้ทั้งสองจงมีแต่ความสุขความเจริญ”
พานเยว่หลานผู้ที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าขันทีจากวังหลวง บัดนี้ร่างกายชาวาบั้แ่หัวจรดปลายเท้า นางไม่รู้เลยว่าพระราชโองการนี้มาได้อย่างไร
“คุณหนูพานโปรดรับพระราชโองการเถิด”
หญิงสาวถูกผู้เป็มารดากระตุ้นจากด้านข้าง จึงได้ลุกขึ้นไปรับหนังสือพระราชโองการจากขันทีจาง
“ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูพานด้วยขอรับ”
“ขอบคุณ...เ้าค่ะ”
ขันทีจางผู้รับหน้าที่เดินทางมายังตระกูลพานเพื่อประกาศพระราชโองการ เมื่อได้เห็นใบหน้างามซีดขาวเพียงเท่านี้ก็มองออกแล้วว่านางมิได้พึงใจต่อพระราชโองการฉบับนี้
“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน”
“ได้โปรดรอก่อน มิทราบว่าท่านขันทีช่วยบอกได้หรือไม่ ว่าผู้ใดเป็ผู้ขอพระราชโองการฉบับนี้เ้าคะ”
ขันทีจางหันกลับไปมองร่างบางด้วยสีหน้าเวทนา นางเองก็เป็หนึ่งในผู้ที่ถูกดึงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเื่ของอำนาจทางการเมืองโดยไม่รู้ตัว
“ความจริงเื่นี้ข้าไม่สามารถพูดออกไปได้ แต่เพราะว่าเห็นเ้าไม่รู้เื่นี้ ข้าจะบอกก็แล้วกัน”
หลังจากที่ขันทีจางและคณะจากไป หญิงสาวก็วิ่งกลับไปยังเรือนของตนด้วยสีหน้าทุกข์ระทม ภายในหัวของนางยังคงได้ยินเสียงของขันทีจางดังก้อง
“เป็ฝีมือของเฉิงหรงกุ้ยเฟย พระนางไม่พอใจที่ฮองเฮาทาบทามเ้าให้กับฝ่าา”
เพียงเพราะความ้าฝักใฝ่ในอำนาจของตน ถึงกับทำลายชีวิตของสตรีผู้หนึ่ง พานเยว่หลานรู้สึกเกลียดชังคนตระกูลโจวนัก
ภายหลังได้รับพระราชโองการหญิงสาวก็เอาแต่ขังตนเองอยู่ภายในห้อง ไม่ยอมพบหน้าผู้ใด แม้แต่สองอาหลานมาที่นี่นางก็ยังบอกปัด เพราะละอายแก่ใจที่ต้องพบหน้าพวกเขา
“ท่านแม่ลูกไม่้าแต่งงานกับคุณชายตระกูลโจวนั่น”
“แม่รู้แต่พวกเราไม่สามารถขัดพระราชโองการได้ ตัดใจจากเย่เหิงเสียเถิด ถือเสียว่าลูกทั้งสองคนไร้วาสนาต่อกัน”
มารดาของพานเยว่หลานเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้บุตรสาวยอมแต่งงานกับโจวหานอี้แต่โดยดี เพราะวันนี้ทางนั้นได้ส่งของหมั้นมายังเรือนตระกูลพานพร้อมแม่สื่อเรียบร้อยแล้ว
“ข้า...ฮื่ออออ!! ท่านแม่ลูกไม่ได้รักเขา ฮื่อออ!! เหตุใดลูกต้องแต่งงานกับคนที่ลูกมิได้รัก”
หญิงสาวร่ำไห้ปานใจจะขาดเพราะรู้สึกทุกข์ระทมที่ต้องแต่งงานกับคนที่ตนมิได้รัก
อีกด้าน ชายหนุ่มตระกูลเย่ที่บัดนี้ถูกขังเอาไว้ในเรือนเพราะออกไปอาละวาดที่ตระกูลโจว จึงได้ถูกพี่ชายจับตัวกลับมา บัดนี้เขาเองก็ทุกข์ใจไม่ต่างกัน คนทั้งสองเติบโตและผูกพันรักใคร่กันมาั้แ่ยังเล็ก ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้สายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูล
พวกเขาต่างคิดว่าวันหน้าตระกูลทั้งสองจะได้เกี่ยวดองกัน แต่นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะถูกทำลายด้วยพระราชโองการฉบับเดียว
“ปล่อยข้า!! ปล่อยข้าออกไป!!ข้าจะไปสังหารเ้าคนแซ่โจวนั่น เขากล้าดีอย่างไรมาแย่งชิงหลานเอ๋อไปจากข้า”
เสียงะโออกมาจากเรือนส่วนตัวของชายหนุ่ม เย่เหิงบัดนี้ช่างดูต่างจากบัณฑิตหนุ่มผู้มีอนาคตไกลยิ่งนัก เขาดื่มเหล้าเมาทุกวันั้แ่ได้ยินข่าวเื่พระราชโองการพระราชทานมงคลสมรสของพานเยว่หลาน
เด็กชายตัวน้อยผู้เป็หลานเดินมายังหน้าเรือนของผู้เป็อา เขามองไปยังประตูที่ถูกปิดสนิทพลางหันไปมองบิดาที่ยืนสีหน้าจนใจอยู่ด้านข้าง หลายวันมานี้เย่เสวียนจื่อทำตัวเป็เด็กดีว่าง่ายกว่าทุกครั้ง เพราะเขาััได้ว่าภายในจวนมีบัดนี้มีแต่บรรยากาศเศร้าหมองและยุ่งเหยิง
“ท่างพ่อ ท่างอาเสียจาย”
เย่เทียนหลางลูบหัวทุยของบุตรชาย จากนั้นจึงอุ้มเขาออกจากเรือนของน้องชายคนที่สามไป
รัชศกเจียวจิ้นปีที่สอง
เกี้ยวสีแดงหลังใหญ่ที่มีบุรุษร่างกำยำถึงแปดคนหามพร้อมกับก้าวเดินเป็จังหวะ ขบวนเ้าสาวผู้เพียบพร้อมและงดงามเป็เอกถูกแห่ไปตามถนนเส้นหลังของจิ่งโจวเมืองหลวงของต้าเหลียงอย่างยิ่งใหญ่
ร่างบางในชุดเ้าสาวสีแดงนั่งสงบนิ่งอยู่ภายใน เสียงเครื่องเป่าดังเป็จังหวะสูงต่ำ เรียกความสนใจของชาวเมืองให้เข้ามารุมล้อมเพื่อรับกลิ่นอายความเป็สิริมงคลนั้น ทว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านในกลับมิได้รู้สึกถึงมันแม้เพียงนิด
ภายในใจยังคงคุกรุ่นด้วยแรงโทสะมิจางหาย ั้แ่ที่ได้รับพระราชโองการฉบับนั้น ตระกูลพานก็พยายามยื้อการแต่งงานออกไปถึงหนึ่งปี ทว่าก็มิสามารถทำเช่นนั้นได้ตลอดไป
หญิงสาวปาดน้ำตาตนเองออกจากใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างสวยงาม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องไปยังผ้าสีแดงผืนบางที่คลุมปิดเอาไว้
ในมือลูบหยกสลักของแทนใจที่ชายหนุ่มคนรักมอบให้ตน แม้กายของนางจักต้องเป็ของผู้อื่น ทว่าใจของพานเยว่หลานก็มิยินยอมมอบให้ผู้ใด
เมื่อ่เวลากราบไหว้ฟ้าดินของบ่าวสาว ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก็เดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในงาม เขาเขวี้ยงไหสุราลงไปบนพื้นด้วยความเ็ปและโทสะที่อัดแน่น พลางชี้ไปยังเ้าบ่าวในชุดสีแดงมงคลตรงหน้า
“เ้าคนแซ่โจว เ้าถือดีอย่างไรมาแย่งชิงคนรักของข้า เ้าถือดีอย่างไรมาใช้นางเป็เครื่องมือหาอำนาจของตระกูลเ้า พวกบัดซบ พวกเ้าคนตระกูลโจวมันมีแต่ตัวบัดซบทั้งนั้น”
ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มอนาคตไกลอย่างเย่เหิงจะกลายเป็ชายขี้เมาไร้สติเช่นนี้ เย่เทียนหลางที่ได้รับเทียบเชิญมาร่วมงานแต่งงาน เมื่อเห็นน้องชายที่ควรถูกขังอยู่ในเรือนออกมาอาละวาดที่นี่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็ฝีมือของผู้ใด
ต้องเป็ฝีมือของเ้าเด็กแสบนั่นแน่นอน
“อาเหิงเ้าเมาแล้วกลับเรือนไปเสีย”
“ข้าไม่กลับ!! ถ้ามิใช่เ้าโจรถ่อยผู้นี้ชิงขอพระราชโองการ เขาหรือจะคู่ควรกับหลานเอ๋อของข้า”
ชายหนุ่มชี้หน้าเ้าบ่าวอย่างไม่ยินยอม หญิงสาวที่มองผ่านผ้าคลุมหน้าสีแดงได้แต่พยายามอดกลั้น เพราะไม่้าให้เื่ราวบานปลายไปมากกว่านี้
“คุณชายสามตระกูลเย่ ข้าเห็นว่าตอนนี้ท่านกำลังเมาหนัก จึงไม่คิดถือสาต่อสิ่งที่ท่านพ่นวาจากล่าวล่วงเกินตระกูลโจวของข้า แต่ถ้าหากท่านยังไม่หยุด อย่าหาว่าข้าโจวหานอี้ไม่ไว้หน้าตระกูลเย่”
เย่เทียนหลางเห็นวาจาของโจวหานอี้เอ่ยเหน็บแนมราวกับตนสูงส่งก็ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ทว่าจ้าวหยวนเอ๋อผู้เป็ภรรยาได้จับมือเขาเอาไว้พลางส่ายหน้ามิให้เขาตอบโต้กลับคืนไป
“คนมา...พาตัวคุณชายสามกลับเรือนไปซะ วันนี้เขาก่อเื่วุ่นวายเกินไปแล้ว”
เย่เทียนหลางผู้เป็พี่ใหญ่สั่งผู้ติดตามของตนให้มาคุมตัวเย่เหิงกลับเรือน แต่ก่อนจากไปเขายังหันมาเอ่ยกับเ้าบ่าวอย่างโจวหานอี้เล็กน้อย
“นี่จะเป็ครั้งสุดท้ายที่ข้าจะยอมให้ตระกูลโจว พบกันครั้งหน้าข้าไม่ถือสาที่ท่านจะทำให้พวกเ้าได้พบกับความเ็ปดั่งเช่นที่น้องชายของข้าได้รับ”
เอ่ยจบร่างสูงก็สะบัดแขนเสื้อก้าวออกจากเรือนตระกูลโจวไป
ภายหลังเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินผ่านไป ร่างบางถูกแม่สื่อนำตัวไปยังห้องหอที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ เสียงแเื่ด้านนอกกล่าวแสดงความยินดีดังเซ็งแซ่ ทว่าเ้าสาวกลับนั่งใบหน้าเรียบเฉยราวกับมิใช่งานมงคลของตน
“คารวะคุณชายใหญ่เ้าค่ะ”
เสียงของสาวใช้ที่ทำหน้าที่เฝ้าด้านนอกเอ่ยทักทายผู้มาเยือน เรียกสติที่กำลังเหม่อลอยของหญิงสาวกลับคืนมา ประตูที่ปิดสนิทบัดนี้ถูกเตะเปิดออกเสียงดัง ร่างสูงโปร่งเดินโซซัดโซเซตรงมายังหญิงสาวที่นั่งรออยู่ ก่อนผ้าสีแดงผืนบางจะถูกสะบัดออกอย่างแรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้