“ค่าน้ำเดือนนี้เพิ่งจะจ่ายไปเองนี่นา?”
เถารั่วเซียงบ่นพึมพำๆ พร้อมกับเดินไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก คิดไม่ถึงว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องกลับเป็ฉินหลาง และที่สำคัญเ้าหมอนี่ยังมองหน้าเธอแล้วยิ้มยียวนกวนประสาทด้วย
“น้าเถา ผมสังเกตว่าน้าไม่ค่อยระมัดระวังตัวเลย” ฉินหลางยังกล้าพูดอย่างกับกำลังสั่งสอนเธออยู่ “ลองคิดดูสิครับ เดิมทีผู้หญิงสวยๆ อย่างน้า ก็ดึงดูดให้พวกผู้ชายลามกเข้าหาเยอะอยู่แล้ว น้ายังจะไม่ระมัดระวังตัวอีก ผมล่ะเป็ห่วงน้าจริงๆ เลย!”
“นายก็เป็เด็กหัวงูเหอะ!” เถารั่วเซียงสบถ เห็นหน้าฉินหลางแล้วเถารั่วเซียงก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“น้าเถา เมื่อกี้น้าบอกว่าไม่โกรธผมแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“นั่นมันเมื่อกี้” เถารั่วเซียงสบถอีกครั้ง “ใครใช้ให้นายโกหกฉัน?”
“ผมโกหกเื่อะไร? ผมไม่ได้บอกจะกลับบ้านสักหน่อย น้าต่างหากที่บอกให้ผมรีบกลับบ้าน” ฉินหลางอธิบาย
“ยังจะมาเถียงอีก—เอ๋” เถารั่วเซียงกำลังจะสั่งสอนฉินหลางสักสองสามคำ ทันใดนั้นฉินหลางเอาดอกไม้ช่อหนึ่งที่ซ่อนไว้ด้านหลังยื่นให้เธอราวกับเล่นมายากล เมื่อเธอเห็นดอกไม้ช่อนั้นความโกรธในใจก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ด้วยรูปร่างหน้าตาของเถารั่วเซียง ทำให้เธอได้รับดอกไม้เป็ประจำอยู่แล้ว แต่นี่กลับเป็ครั้งแรกที่ได้รับดอกไม้ที่สดใหม่ขนาดนี้ ช่อดอกไม้ในมือฉินหลาง ไม่ใช่ดอกกุหลาบหรือดอกลิลลี่ที่ซื้อมากจากร้านดอกไม้ แต่เป็ดอกไม้ป่าที่ดูธรรมชาติมากๆ มีกลิ่นหอมจางๆ ที่ทำให้รู้สึกถึงฤดูใบไม้ผลิ และที่สำคัญท่ามกลางดอกไม้พวกนี้ ยังมีกิ่งดอกท้อสีชมพูที่เพิ่งจะผลิบานอยู่ด้วย
“นายไปเอาดอกไม้พวกนี้มาจากไหน? แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบดอกท้อ?” เถารั่วเซียงเอ่ยถาม
“อันที่จริง ก่อนหน้านี้ผมโกหก” ฉินหลางพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ความจริงแล้วผมไม่ได้ไปคลายเครียด แต่ผมไป ‘เด็ดดอกไม้’ ครับ”
“เ้าเด็กไร้ยางอาย! ไม่รู้กาลเทศะ!” เถารั่วเซียงด่าขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้โมโหจริงๆ และที่สำคัญเธอยังให้ฉินหลางเข้าไปในห้องอีกด้วย “อยู่ดีๆ เอาดอกไม้มาให้อาจารย์ทำไม!”
“อ้าว นักเรียนมอบดอกไม้ให้อาจารย์ไม่ได้เหรอครับ?” ฉินหลางถามขึ้น “ผมรู้สึกเหมือนความคิดของน้าจะมีปัญหานะครับ นักเรียนมอบดอกไม้ให้อาจารย์ สามารถเป็ได้หลายอย่าง เช่นเพื่ออวยพรให้อาจารย์สวยอย่างนี้ตลอดไป หรือจะเป็การอวยพรให้อาจารย์มีความสุข หรืออาจจะเป็การอวยพรให้อาจารย์สุขภาพร่างกายแข็งแรงก็ได้ ไม่ได้เป็อย่างที่น้าคิดได้อย่างเดียว”
“นี่…นาย ฉันคิดอะไรไม่ทราบ?”
“ก็ความหมายแบบนั้นไง น้าน่าจะเข้าใจอยู่”
“เข้าใจอะไรของนาย!” เถารั่วเซียงสบถ “จริงสิ นายไปเอาดอกท้อมาจากไหนกันแน่? ดอกท้อในเมืองเซี่ยหยาง ร่วงโรยไปหมดั้แ่เดือนก่อนแล้ว”
“เด็ดมาจากบนดอย” ฉินหลางตอบด้วยรอยยิ้ม “แม้ดอกไม้ในเมืองจะร่วงโรยไปหมดแล้ว แต่ดอกไม้บนยอดดอยเพิ่งเริ่มจะผลิบาน—น้าเถาคงเคยได้ยินคำนี้ใช่ไหมครับ ดังนั้นผมตั้งใจไปดอยไป๋ผิน เพื่อเก็บดอกไม้บนยอดดอยไป๋ผินมาฝากอาจารย์เถาไงครับ”
“ดอกไม้นี่หอมจัง!” เถารั่วเซียงดมกลิ่นดอกไม้แล้วอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“แน่นอนสิครับ ดอกไม้ที่คนปลูกมีหรือจะหอมเท่าดอกไม้ป่า นี่เป็ดอกไม้ป่าที่แท้จริงเลยนะครับ” ฉินหลางตอบด้วยรอยยิ้ม
“ต่อปากต่อคำ—จริงสิ นายบอกว่าไปเด็ดมาจากดอยไป๋ผิน? ใช่ดอยไป๋ผินในอำเภอหนานผิงรึเปล่า?” เถารั่วเซียงพูดด้วยความใ “ที่นั่นยังไม่เปิดให้ผู้คนขึ้นไปไม่ใช่เหรอ?”
“หลังจากที่ผมไป ที่นั่นก็เปิดแล้ว” ฉินหลางไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด “รีบหาแจกันมาใส่ไว้เถอะ…ฮึๆ ถ้าซุนปอรู้ว่าคุณรับดอกไม้ของผมแล้ว ไม่รู้ว่าจะกระอักเืรึเปล่า”
“ต้องเรียกว่าอาจารย์ซุน! ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์บ้างเลยนะ!”
“เื่นี้โทษผมไม่ได้นะครับ ตอนที่กินข้าวกับซุนปอครั้งก่อน เขาบอกผมเองว่าให้เรียกกันอย่างพี่น้อง คุณจำไม่ได้แล้วเหรอครับ?”
“นายนี่ข้ออ้างเยอะจังนะ!” เถารั่วเซียงรู้ว่าตนไม่มีทางเถียงชนะฉินหลางแน่นอน จึงเอาดอกไม้ไปใส่แจกัน จากนั้นกำลังจะเอาแจหันไปใส่น้ำในห้องน้ำ แต่ฉินหลางกลับก้ามเอาไว้ก่อน ฉินหลางหยิบเซี่ยปี้ครึ่งขวดในกระเป๋ายื่นให้เถารั่วเซียง พร้อมกับพูดว่า “ซื้อมาจากท่ารถอำเภอหนานผิง ขวดละ 5 หยวน เหลือครึ่งขวดก็ยังราคา 2 หยวนครึ่งอยู่ดี ดังนั้นคุณเอาไปใส่ในแจกันดอกไม้เถอะ ถ้าทิ้งไปเสียดายแย่เลย”
“เอาเซี่ยปี้มาใส่แจกันดอกไม้เนี่ยนะ?” ตอนนี้เถารั่วเซียงรู้สึกแบบ…ไม่รู้จะอธิบายยังไง
“แล้วไม่ได้เหรอครับ?” ฉินหลางถามกลับ “คุณเป็อาจารย์ชีวะซะเปล่า กลับไม่รู้ว่าเอาเซี่ยปี้มาใส่ในแจกันดอกไม้จะให้ผลที่น่าทึ่งมาก ในเซี่ยปี้มีส่วนผสมของน้ำตาล และน้ำตาลสามารถช่วยให้ดอกไม้คงความสดได้นานขึ้นและที่สำคัญ ในเซี่ยปี้ขวดนี้ยังมีเศษน้ำลายของผมปนอยู่ด้วย”
“นายนี่มัน…ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับนายแล้วจริงๆ!” เถารั่วเซียงสบถ “ถ้าอย่างนั้น ยกให้นายเป็คนจัดการก็แล้วกัน”
เถารั่วเซียงยื่นแจกัน กับช่อดอกไม้ให้ฉินหลาง ส่วนฉินหลางก็ไม่รีรอ เทเซี่ยปี้ครึ่งขวดลงไปในแจกันดอกไม้ แล้วหันไปบอกเถารั่วเซียงว่า “สบายใจได้ ดอกไม้จะเหี่ยวแห้งช้ากว่าที่คุณคิดไว้เยอะ”
“ฉันจะลองเชื่อนายสักครั้ง” เถารั่วเซียงวางแจกันดอกไม้ไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ จากนั้นหันไปถามฉินหลางว่า “วันนี้นายไม่กลับบ้านเหรอ?”
“กลับไปทำไม ไกลก็ไกล ที่สำคัญ นานๆ ทีพ่อกับแม่จะได้อยู่แค่กันสองต่อสองในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ผมไม่กลับไปเป็ก้างขวางคอดีกว่า” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไม คืนนี้น้าเถามีนัดเหรอครับ ถึงได้รีบไล่ผมกลับ?”
“ฉันบอกว่าจะไล่นายกลับเหรอ?” ดูเหมือนว่าเถารั่วเซียงจะคิดอะไรได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “ถ้างั้น คืนนี้นายออกไปเป็เพื่อนฉันหน่อย—ฉันมีนัดกับเพื่อนสมัยเรียนมหาลัย เดี๋ยวฉันพานายไปกินข้าวฟรี”
“ผมไม่ค่อยสนใจเื่กินข้าวฟรีเท่าไหร่—เพื่อนสมัยเรียนของคุณสวยรึเปล่า?”
“นายนี่มันเป็เด็กหัวงูจริงๆ ด้วย! เธอเป็คนสวยมาก แต่ว่ามีแฟนแล้ว นายอย่าคิดจะตีท้ายครัวคนอื่นเขานะ แล้วที่สำคัญ เธออายุมากกว่านาย เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางชอบเด็กนักเรียนมัธยมอย่างนายแน่นอน” เถารั่วเซียงรีบทำลายความคิดเพ้อเจ้อของฉินหลาง
“น้าเถา น้าอย่าพูดอะไรเด็ดขาดขนาดนั้นสิครับ สมัยนี้เขานิยมคู่รักพี่สาวกับน้องชายจะตายไป อีกอย่างผู้ชายมัธยมที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาอย่างผม เป็สเป็กของสาวใหญ่ส่วนมากเลยนะครับ ไม่แน่เขาอาจจะชอบผมก็ได้—”
“ไม่มีทางแน่นอน! อย่าพูดไร้สาระ รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง” เถารั่วเซียงสบถ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน และปิดประตูห้องนอนดังปัง
ฉินหลางสามารถจินตนาการณ์ภาพบรรยากาศสุดสยิวที่เกิดขึ้นข้างในได้ แต่เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็น จึงทำได้เพียงจินตนาการณ์เท่านั้น
ผ่านไปประมาณ 20 นาที กว่าเถารั่วเซียงจะเดินออกมาจากห้องนอน หลังจากที่เธอแต่งตัวแล้ว แม้จะแต่งเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้เธอดูยั่วยวนชวนหลงไหลมากยิ่งขึ้น ราวกับดอกท้อที่อยู่ในแจกัน โดดเด่นและดึงดูดสายตาฉินหลางเอาไว้
เถารั่วเซียงใส่ชุดเดรสยาวเข้ารูป ที่ข้อมือขวาของเธอมีสร้อยข้อมือสีรุ้งแวววาว ปล่อยผมยาวสยายไปตามธรรมชาติ กับรองเท้าส้นแก้วคู่หนึ่ง ทั้งร้อนแรงและน่าหลงใหลมาก มองเท่าไรก็ไม่เบื่อ ไม่อาจจะละสายตาออกไปได้เลย
“เสร็จละ เราไปกันเถอะ” เถารั่วเซียงเห็นปฏิกิริยาของฉินหลาง ก็รู้ว่าตัวเองใส่ชุดนี้แล้วดูดี มีเสน่ห์แพรวพราวมาก ไม่น้อยหน้าเพื่อนสนิทของเธอแน่นอน
“จะไปแล้วเหรอ? คุณแต่งตัวเต็มขนาดนี้ จะไม่ให้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าสักชุดก่อนเหรอครับ?” ฉินหลางถ่มขึ้น
“นายแค่ไปกินข้าวฟรีเท่านั้น จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำไม” เถารั่วเซียงสบถ “อีกอย่าง วันนี้ฉันนัดดินเนอร์กับเพื่อนสนิทฉัน พวกเราสองคนเป็ตัวเอก เราสองคนต่างหากที่เป็ดอกไม้ ส่วนนาย—”
“ผมเข้าใจ ผมก็เป็แค่ใบไม้ที่ช่วยเสริมให้ดอกไม้โดดเด่นมากขึ้นใช่ไหม”
“ไม่ใช่ นายเป็กองขี้ควาย”
“…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้