ตอนบ่ายไม่มีอะไรมากนัก ทั้งครอบครัวจึงออกมานั่งรับแดดกันในลานบ้านและแกะเมล็ดแตงโมกินกันไป นายหญิงเสิ่นออกไปสั่งปอดหมูกับบ้านข้างๆ นางบอกว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้พี่สะใภ้รองถงซื่อกิน กู้เจิงอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็ปอดหมู นายหญิงเสิ่นจึงบอกว่าเป็ตัวช่วยเร่งน้ำนม
กู้เจิง “...” สูตรลับดั้งเดิมหรือ?
ตกดึกทั้งครอบครัวก็พากันเข้านอน เพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน
กู้เจิงนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ส่วนเสิ่นเยี่ยนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ กู้เจิงยังอ่านหนังสือได้ไม่ถึงครึ่งก็เหลือบไปมองสามี นางรู้สึกซาบซึ้งใจหวังซู่เหนียงจริงๆ หากไม่มีซู่เหนียง เกรงว่าตอนนี้นางคงถูกบิดายกให้แต่งงานกับเสิ่นมู่ชิงไปแล้ว
เมื่อนึกถึงท่าทางวางก้ามของพี่สะใภ้เสิ่นมู่ชิง และใบหน้าอันมืดหม่นของเสิ่นมู่ชิง รวมถึงเื่ราวที่ซับซ้อนวุ่นวายในครอบครัวของเขา หากนางแต่งงานเข้าไป ชีวิตนี้คงวุ่นไม่จบไม่สิ้น
“เ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
เสียงของเสิ่นเยี่ยนดังขึ้นข้างหู กู้เจิงเพิ่งรู้ว่าเขาปีนขึ้นเตียงมาแล้ว
“แค่รู้สึกว่าชีวิตคนเราไม่สามารถก้าวเดินผิดได้เ้าค่ะ”
“กำลังคิดถึงเสิ่นมู่ชิงหรือ?”
กู้เจิงรีบโบกมือปฏิเสธ “จะไปคิดถึงเขาทำไมเ้าคะ ก็แค่อ่านหนังสือแล้วคิดไปเรื่อยเท่านั้นเอง”
เสิ่นเยี่ยนมองหนังสือที่กู้เจิงถืออยู่ในมือ เขาหยิบขึ้นมาดู เป็หนังสือที่ไม่ได้ขายดีในท้องตลาดนัก “หนังสือเล่มนี้เก่ามากแล้ว”
“เป็หนังสือที่เถ้าแก่หม่าเอามาจากร้านหนังสืออื่นๆ เ้าค่ะ ข้าดูเนื้อหาแล้วค่อนข้างชอบเลยเอามาอ่านเล่น” หนังสือนี้เหมือนกับนิยายที่อ่านกันทั่วไปในชาติก่อนของนาง ซึ่งเมื่อเทียบกับหนังสือบนชั้นหนังสือของเสิ่นเยี่ยนแล้ว มันเข้าใจได้ง่ายกว่ามาก
“หนังสือบนชั้นหนังสือเ้าอ่านจบหมดแล้วหรือ?” เสิ่นเยี่ยนถาม
กู้เจิง “...” นางชำเลืองมองหนังสือที่อยู่เต็มชั้นหนังสือ ก่อนจะส่งยิ้มหวาน “ท่านพี่ ข้าง่วงแล้ว พวกเรานอนกันเถอะเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “อีกไม่นานก็จะเป็่การไปเยี่ยมบ้านของคนในตระกูล แต่พวกเราจะไม่ไป”
“ไม่ไปหรือเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ “วันลาพักผ่อนของข้าหมดแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มรับตำแหน่งอย่างเป็ทางการ หลังจากเ้าตื่นนอน หลี่หนานจะมารับเ้าไปที่เรือนที่สำนักราชเลขาเตรียมไว้ให้ข้า เ้าก็ไปทำความสะอาดที่เรือนนั้นกับชุนหง ข้าจะให้ปาเม่ยไปช่วยเ้าด้วย”
“ได้เ้าค่ะ” กู้เจิงตาเป็ประกาย นางตื่นเต้นที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตกันแค่สองคนกับเสิ่นเยี่ยน
เช้าวันรุ่งขึ้น นายหญิงเสิ่นที่รู้ว่าลูกสะใภ้จะไปทำความสะอาดเรือนที่สำนักราชเลขาเตรียมไว้ให้บุตรชายพักอาศัย นางก็ได้นำของสำหรับทำความสะอาดไปใส่ไว้ในรถม้าก่อน แล้วจึงได้ออกไปกินข้าวกับคนในตระกูลที่สนิทกัน
กู้เจิงก็ให้ชุนหงนำของตกแต่งที่นางปักเอาไว้ไปใส่ไว้ในรถม้าด้วย
“คุณหนูก็อายุไม่น้อยแล้ว เหตุใดถึงปักของเล็กๆ พวกนี้ล่ะเ้าคะ?” ชุนหงมองตุ๊กตาหิมะหลายตัวในมือ
“เ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ทำไมถึงยังเล่นตุ๊กตาทุกวันอยู่อีกล่ะ?” กู้เจิงตอกกลับ ั้แ่นางปักตุ๊กตาหิมะเสร็จ ชุนหงก็เอามันไปเล่นทุกวัน
“บ่าวเพิ่งอายุสิบห้า ยังเด็กอยู่เ้าค่ะ”
“ได้ๆ เสี่ยวชุนหงของเรายังเป็เด็กน้อยอยู่” กู้เจิงล้อเลียนอย่างเอ็นดู
เมื่อจางหลี่หนานมาถึง ทั้งสองคนก็พร้อมที่จะออกจากบ้านแล้ว
“หลี่หนาน เ้าดูอ้วนขึ้นไม่น้อยเลยนะ” กู้เจิงมองจางหลี่หนานอย่างพินิจพิเคราะห์ ตอนเจอกันเมื่อปีที่แล้วเขายังดูรูปร่างกำลังดีอยู่เลย แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูมีเนื้อเยอะขึ้น
จางหลี่หนานเกาหัวอย่างเขินอาย “เป็เพราะปาเม่ยมักจะเอาของที่เหลือในจวนอ๋องกลับมาที่บ้าน มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยขอรับ”
กู้เจิงกับชุนหงมองหน้ากันยิ้มๆ
รถม้ามุ่งตรงไปยังเรือนที่สำนักราชเลขาเตรียมไว้ให้เสิ่นเยี่ยน เมื่อเข้าใกล้เมืองหลวงกู้เจิงก็มองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ
“จวนกู้กับจวนตวนอ๋องก็อยู่แถวนี้ หรือว่าเรือนนั่นก็อยู่แถวนี้ด้วย?” กู้เจิงพูดอย่างสงสัย
“ใช่ขอรับ เรือนที่เรากำลังจะไปอยู่ใกล้กับจวนตวนอ๋องมาก” จางหลี่หนานตอบคำถามกู้เจิง
“จากจวนตวนอ๋องผ่านถนนหลวงสองสายก็คือจวนกู้ของพวกเราแล้วเ้าค่ะ” ชุนหงกล่าวอย่างตื่นเต้น “คุณหนูเช่นนั้นพวกเราก็จะได้กลับบ้านบ่อยๆ ใช่ไหมเ้าคะ?”
“จริงด้วยสิ” กู้เจิงเองก็ตื่นเต้นด้วย “ถ้าซู่เหนียงรู้ว่าพวกเราอยู่แถวนี้ จะต้องดีใจมากแน่ๆ”
“นั่นรถม้าของตวนอ๋อง ไม่รู้ว่าจะไปไหนขอรับ” จางหลี่หนานเอ่ยบอก
กู้เจิงเห็นรถม้าของตวนอ๋องกำลังเคลื่อนตัวออกมาจากหน้าจวน
“พี่สะใภ้ พวกเราไปทักทายดีไหมขอรับ?” จางหลี่หนานเสนอขึ้น
“ไม่ต้องหรอก ท่านอ๋องคงมีธุระมากมาย อย่าไปรบกวนเลย” จ้าวหยวนเช่อไม่เห็นนางย่อมเป็การดี แต่เมื่อนางปล่อยม่านลง สักพักก็ได้ยินเสียงจางหลี่หนานแจ้งขึ้นว่า “พี่สะใภ้ รถม้าของตวนอ๋องมาจอดรออยู่ขอรับ”
กู้เจิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางได้แต่ก้าวลงจากรถม้าอย่างขัดใจ
ม่านของรถม้าอีกคันเปิดออก ศีรษะเล็กของกู้เหยายื่นออกมา นางร้องเรียกเสียงใส “พี่ใหญ่”
“น้องสี่?” ภายในรถม้าของจวนอ๋องเป็กู้เหยา กู้เจิงรู้สึกเบาใจขึ้น
“นี่พี่ใหญ่จะไปไหนเ้าคะ?” กู้อิ๋งก็เลิกม่านอีกข้างของรถม้า แล้วยื่นหน้าออกมามองนางด้วยรอยยิ้ม
“คารวะพระชายาตวน” กู้เจิงทำความเคารพนำชุนหงกับหลี่หนาน
กู้อิ๋งป้องปากยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่ไม่จำเป็ต้องมากพิธีไม่ใช่หรือ?”
“แต่นี่อยู่ข้างนอก ข้าควรต้องทำตามมารยาท ไม่เช่นนั้นถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะหัวเราะเยาะเอาว่าพวกเราไร้กฎระเบียบ” กู้เจิงยิ้มพลางเอ่ยต่อว่า “ทางสำนักราชเลขาได้จัดเรือนให้สามีข้าไว้ เพื่อจะได้ไปทำงานสะดวก นี่ข้ากำลังจะเข้าไปทำความสะอาดที่เรือนสักหน่อย เพราะอีกไม่กี่วันก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่นแล้ว”
กู้อิ๋งพยักหน้ารับรู้ “ข้าได้ยินมาจากท่านอ๋องแล้วเ้าค่ะ เรือนนั่นเหมือนจะอยู่ไม่ไกลจากจวนอ๋องเท่าไหร่”
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ ใกล้มากเลยหรือ?
“เยี่ยมไปเลย ถ้าอย่างนั้นตอนที่ข้ามาหาพี่สาม ก็ยังมาเล่นกับพี่ใหญ่ได้ด้วยสินะเ้าคะ” กู้เหยาพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
“แล้วน้องสามกับน้องสี่กำลังจะไปไหนกัน?” กู้เจิงเห็นพวกนางสวมชุดหรูหรา จึงเอ่ยถามขึ้น
“ข้าจะเข้าวังไปเล่นกับองค์หญิงสิบเอ็ด พี่สามเลยจะไปส่งข้าเข้าวังเ้าค่ะ” กู้เหยาเอ่ยตอบ นางเห็นกู้เจิงมองอย่างประหลาดใจ ก็แลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน “เอาไว้ค่อยเล่าให้พี่ใหญ่ฟังนะเ้าคะ พวกเราต้องไปแล้ว”
เมื่อรถม้าของจวนตวนอ๋องเคลื่อนจากไป กู้เจิงก็อมยิ้ม “ตอนที่ข้าไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นกันนะ? ทำไมน้องสี่ถึงเหมือนจะไปสนิทกับองค์หญิงสิบเอ็ดได้?”
เรือนที่ทางราชสำนักจัดเตรียมให้กับเสิ่นเยี่ยนอยู่ข้างๆ จวนตวนอ๋อง ดังที่กู้อิ๋งบอกจริงๆ
ภายในเรือนมีห้องปีกห้าห้อง ตรงกลางบ้านเป็ลานกว้าง มีซุ้มเถาองุ่นที่ดูเก่าแก่มาก
“คุณหนู เรือนนี้ช่างงามนักเ้าค่ะ ถ้ามีสวนดอกไม้ ก็คล้ายกับเรือนของซู่เหนียงเลยนะเ้าคะ” ชุนหงวิ่งไป ดูรอบๆ เรือน
“พี่สะใภ้ ชุนหง หลายวันก่อนข้าพาสหายมาทำความสะอาดไปแล้วรอบหนึ่ง เครื่องเรือนที่ใช้ไม่ได้ก็เอาไปทิ้งหมดแล้ว ส่วนราวจับที่ชำรุดก็ซ่อมไปแล้ว แต่งานที่เหลือพวกเราทำไม่ไหวขอรับ” จางหลี่หนานยิ้มและกล่าวต่อ “ตอนนี้ก็ลำบากพี่สะใภ้กับชุนหงแล้ว”
“ไม่หรอก ต้องขอบคุณเ้าและสหายเ้าเสียมากกว่า ฝากบอกพวกเขาว่า ถ้างานทางนี้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ข้ากับสามีจะเชิญพวกเขามาทานอาหารที่บ้าน” กู้เจิงรู้สึกชอบเรือนแห่งนี้มาก
“ได้เลยขอรับ งั้นข้าขอตัวไปค่ายทหารก่อน”
กู้เจิงพยักหน้ารับ
พอจางหลี่หนานจากไป กู้เจิงก็ปิดประตู นางมองดูเรือนหลังนี้ที่แม้จะอยู่สักสองครอบครัวก็ไม่มีปัญหา
“คุณหนู มาดูเร็วเ้าค่ะ ที่นี่มีคูน้ำเล็กๆ ด้วย แถมยังปูด้วยก้อนกรวด มีปลาด้วนะเ้าคะ”ชุนหงะโร้องบอกมาจากด้านหลัง
กู้เจิงเดินตามเสียงของชุนหง นางเห็นคูน้ำเล็กๆ ใสสะอาดคดเคี้ยวจากทางเดินไปถึงส่วนหัวที่เป็บ่อน้ำเล็กๆ ถ้าคูน้ำนี้แห้ง แค่ตักน้ำจากในบ่อมาเติมก็พอแล้ว
“ชุนหง เอาตุ๊กตาหิมะออกมาหน่อยสิ” กู้เจิงเห็นทางเดินนี้หันหน้าเข้าหาประตูใหญ่
“คุณหนูจะแขวนไว้ตรงนี้หรือเ้าคะ?” ชุนหงมองปราดเดียวก็รู้ถึงความคิดของคุณหนู
“ใช่ แขวนตรงนี้ทั้งหมดเลย” กู้เจิงชี้ไปยังแถบ้าทางเดิน ด้านในตุ๊กตาหิมะยัดด้วยปุยฝ้ายเอาไว้ จึงไม่ได้หนักอะไร พอมีลมพัดมาโดน ตุ๊กตาหิมะก็จะแกว่งไปตามลม ดูน่ารักยิ่งนัก
ชุนหงเริ่มทำความสะอาดตามห้องต่างๆ ในเรือน กู้เจิงก็เข้าไปช่วยนางทำงานด้วย
ขณะที่สองนายบ่าวกำลังช่วยกันทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง ก็มีเสียงประตูผลักเปิดออกดังแว่วมาจากหน้าเรือน “พี่สะใภ้ พี่ชุนหง ข้ามาแล้ว”
ปาเม่ยพาสาวใช้ของจวนตวนอ๋องมาแปดคน พวกนางถือเครื่องมือทำความสะอาดมาพร้อมสรรพ
“ปาเม่ย เ้าพาคนมามากมายเพื่อมาช่วยข้าหรือ?” กู้เจิงเบิ่งตาอย่างแปลกใจ
“ท่านอ๋องทราบว่าข้าจะมาช่วยพี่สะใภ้ทำความสะอาด จึงสั่งให้ข้าพาคนมาช่วยด้วยเ้าค่ะ” ปาเม่ยพูดพลางสั่งให้ทุกคนเริ่มทำงาน
สาวใช้ทั้งแปดคนถูกแบ่งออกเป็สี่กลุ่ม ปาเม่ยแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางของนางนั้นสมกับที่เป็ผู้ดูแลเรือนของจวนอ๋อง
กู้เจิงกับชุนหงมองหน้ากันยิ้มๆ
“ที่แท้เรือนหลังนี้ก็อยู่หลังสวนใหญ่ของจวนอ๋องเรานี่เอง” ปาเม่ยมองเห็นยอดศาลาแปดเหลี่ยมในจวนอ๋องตรงอีกฝั่งของกำแพง “พี่สะใภ้ ถ้ากำแพงนี้ทำเป็ประตู ข้าคงจะมาคุยกับพี่สะใภ้ได้บ่อยๆ เลยเ้าค่ะ”