คดีฆาตกรรมต่อเนื่องทำให้ความหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง แต่ข่าวของลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีที่ทำให้โลกออนไลน์แทบคลั่ง กลับเป็หัวข้อที่ร้อนแรงยิ่งกว่าเื่ไหนๆ
ที่น่าแปลกคือ คนที่มีภรรยาแล้วอย่างลู่เป๋าเหยียน กลับไม่มีคนต่อว่าเื่ที่เขานอกใจสักคน หานรั่วซีเองก็ไม่ได้ถูกใครตราหน้าว่าเป็มือที่สาม
นานๆ ทีจะมีคนที่พอมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง ออกมาชี้ให้เห็นถึงจุดนี้ แต่ไม่นานก็ถูกบรรดาแฟนคลับไร้สมองของหานรั่วซียำเละ และเรียกร้องให้ลบทุกคอมเมนต์ที่ต่อว่าราชินีสุดที่รัก ใครหน้าไหนจะมาเรียกราชินีของพวกเขาพล่อยๆ ว่ามือที่สามไม่ได้เด็ดขาด
ทำไมพวกแฟนคลับไร้สมองถึงได้โหดกันขนาดนี้น่ะหรือ
นั่นก็เพราะพวกเขาคิดว่าแต่เดิม เป็ูเี่อันที่มาแย่งลู่เป๋าเหยียนจากหานรั่วซีไป เพราะฉะนั้นูเี่อันต่างหากที่สมควรถูกเรียกว่ามือที่สาม
ตอนนี้ลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีกลับมาคบกันอย่างที่ควรจะเป็แล้ว จะมาบอกว่านอกใจไปคบมือที่สามได้อย่างไร คำพูดพวกนี้มีแต่คนที่ไม่รู้เื่รู้ราวอะไรเลยเท่านั้นที่จะพูดออกมาได้
ด้วยเหตุนี้ ในโลกออนไลน์จึงเต็มไปด้วยข้อความสนับสนุนเห็นดีเห็นงาม
คนที่อยู่นิวยอร์กอย่างเสิ่นเยว่ชวน เห็นกระทู้พวกนี้แล้วหัวเราะจนท้องแข็งไปหมด
การนั่งดูความบ้าคลั่งของพวกแฟนคลับที่ไม่รู้ความจริงพวกนี้ช่างบันเทิงใจจริงๆ นี่ถ้าแฟนคลับทั้งหลายรู้ว่า ตอนนี้หัวใจของลู่เป๋าเหยียนไม่ได้อยู่หานรั่วซีเลยละก็ ไม่ใจสลายกันหมดหรือไง
เขามองไปยังคนที่พยายามโทรศัพท์อยู่ตลอดอย่างลู่เป๋าเหยียน
“เจี่ยนอันยังไม่รับสายอีกเหรอ”
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนขมวดยุ่ง
“เธอปิดเครื่องไปแล้ว”
“จบกัน!” เสิ่นเยว่ชวนไม่มีทางบอกเขาหรอกว่า อาจเป็เพราะเขาโทรยิกๆๆ จนมือถือเธอแบตหมดก็ได้ ตอนนี้เขากำลังสนุกกับความทุกข์ของชาวบ้านเต็มที่
“กลับไปนายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น คุกเข่าจับชายเสื้อเธอพลางขอร้องให้ยกโทษให้ ไม่แน่เจี่ยนอันเห็นถึงความจริงใจแล้วอาจจะยอมให้อภัย”
กลับไป?
ในบรรดาคำพูดไร้สาระของเสิ่นเยว่ชวน มีเพียงสองคำที่น่าสนใจ
คิ้วยุ่งๆ ของลู่เป๋าเหยียนเริ่มคลายปม เขาหันไปมองเสิ่นเยว่ชวน
เสิ่นเยว่ชวนรู้จักลู่เป๋าเหยียนดีที่สุด เห็นดังนั้นก็อ่านความคิดเขาออกทันที
“ใจเย็นเพื่อน! ที่ฉันพูดหมายถึง...เสร็จงานทางนี้แล้วค่อยกลับไปหาเจี่ยนอัน พรุ่งนี้สัญญาก็จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว บินไฟล์ทเช้าวันมะรืนก็ยังทัน สัญญาฉบับนี้สำคัญแค่ไหนกับบริษัทเรานายก็รู้ ถ้านายกลับไปตอนนี้เท่ากับที่ผ่านมาสูญเปล่าเลยนะ!”
ลู่เป๋าเหยียนอดทนรออีกเป็วันได้ที่ไหน
“จองตั๋วของคืนพรุ่งนี้ ฉันเซ็นสัญญาเสร็จก็จะกลับเลย”
เสิ่นเยว่ชวนอยากจะเป็ลม
หลายวันมานี้ลู่เป๋าเหยียนพยายามร่นตารางให้สั้นลงมาโดยตลอด ดูท่าคืนนี้เขาคงต้องทำงานโต้รุ่งอีกแน่ ถ้าพรุ่งนี้รีบกลับหลังเซ็นสัญญาทันที ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลย
แต่คนที่เก่งรอบด้านอย่างลู่เป๋าเหยียน ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาเขาก็คานไว้ได้ เพราะฉะนั้นเื่อะไรที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
เสิ่นเยว่ชวนจึงทำได้แค่โทรหาเลขาให้รีบจองตั๋วเครื่องบิน
พระอาทิตย์ตอนเก้าโมงเช้าของนิวยอร์กช่างร้อนแรงเต็มไปด้วยความปรารถนา ทว่าเมือง A ในยามนี้กลับเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ชีวิตยามค่ำคืนของคนที่นี่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
โดยปกติมีเพียงพนักงานที่ต้องเข้าเวรเท่านั้นถึงยังอยู่ที่สถานีตำรวจ แต่วันนี้ เพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้แสงไฟยังคงสว่างไสวทั่วออฟฟิศ ทุกคนพากันวุ่นอยู่กับการหาตัวคนร้าย
ูเี่อันยืนอยู่หน้าไวท์บอร์ดในห้องประชุม เธอยืนมองเบาะแสที่ตนเป็คนเขียนเอาไว้ ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหยิบเสื้อคลุมเดินออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
“เจี่ยนอัน!” สารวัตรเหยียนยื่นกาแฟมาให้เธอ “พวกเราจะสั่งมื้อดึก เธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน สั่งอะไรสักหน่อยดีไหม”
“พวกสารวัตรช่วยสั่งให้ฉันเลยก็ได้ค่ะ ขออาหารรสไม่จัดก็พอ เดี๋ยวฉันกลับมากิน”
เธอกลับเข้าไปในออฟฟิศเพื่อหยิบกุญแจรถ จากนั้นจึงเดินออกไป สารวัตรเหยียนะโไล่หลังมาว่า
“เธอจะไปไหน?”
“ฉันจะไปที่เกิดเหตุหน่อยค่ะ”
เธอสังหรณ์ใจว่า ในที่เกิดเหตุอาจจะมีเบาะแสอื่นที่ยังไม่ถูกพบ ถ้าเจออะไรเพิ่มเติม เธออาจจะตีกรอบฆาตกรเพื่อช่วยคลี่คลายคดีนี้ได้
เธอจะไม่ยอมให้ฆาตกรโรคจิตคนนี้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป
จากสถานีตำรวจมาถึงเถียนอันการ์เดนท์ระยะทางค่อนข้างไกล การขับรถในยามค่ำคืนทำให้สมองของเธอเริ่มผ่อนคลายขึ้น
ถึงอย่างนั้น ภาพข่าวฉาวของหานรั่วซีและลู่เป๋าเหยียนก็ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความคิดของเธอ ภาพที่เขาทั้งสองใกล้ชิดกันค่อยๆ ผ่านเข้ามาในสมองเธอทีละภาพ แต่ละภาพช่างชัดเจน ราวกับหานรั่วซีที่อยู่ในรูปภาพคนนั้นมีชีวิต และกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่
“อีกสองปีเป๋าเหยียนจะหย่ากับเธอ”
“ที่ผ่านมาเขาก็แค่เล่นละคร ูเี่อัน เธอทำให้เขาต้องเหนื่อยกับการเล่นละครตบตา...”
ภาพและเสียงที่หลอกหลอนอยู่ในสมอง ทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่าสัญญาณไฟได้เปลี่ยนเป็สีแดงจนเกือบขับรถฝ่ามันไป ยังดีที่เบรกทันในวินาทีสุดท้าย เธอรอดพ้นจากการเกิดอุบัติเหตุแล้วก็จริง แต่เพราะเบรกกะทันหัน ทำให้ถูกเข็มขัดนิรภัยรัดจนเจ็บไปหมด
ความเ็ปทำให้เธอได้สติ เธอดื่มกาแฟที่สารวัตรเหยียนให้มาเมื่อครู่ แล้วเร่งความเร็วเพื่อตรงไปยังจุดหมาย
ต้องเลิกคิดถึงข่าวฉาวพวกนั้นเสียที เธอบังคับตัวเองให้หมกมุ่นกับการทำงาน ทุ่มเทกับการตามล่าตัวฆาตกรให้เต็มที่เหมือนเมื่อ่กลางวัน
ฆาตกรลงมือก่อเหตุอย่างโเี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าพักอยู่ที่อาคารสิบหกของเถียนอันการ์เดนท์อีกต่อไป โดยเฉพาะชั้นห้าซึ่งเป็ที่เกิดเหตุ
เมื่อูเี่อันออกมาจากลิฟต์ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตายที่แผ่กระจายอยู่ในความมืด บรรยากาศในชั้นนี้ทำให้คนที่เข้ามารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ราวกับมีสัตว์ร้ายที่พร้อมจะออกมาทำร้ายคนที่ผ่านมาทุกเมื่อ กำลังแอบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
เธอสูดหายใจลึกพลางเปิดไฟตรงทางเดิน จากนั้นจึงลอดผ่านเทปกั้นเข้าไปยังห้อง 502
ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟดวงน้อยที่ส่องตรงมายังรอยสีชอร์คที่ใช้ระบุตำแหน่งของศพ เมื่อูเี่อันคิดไปถึงสภาพของผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกจับแยกชิ้นส่วน จมูกของเธอก็เหมือนจะได้กลิ่นคาวเืขึ้นมา
สายลมแ่เบาที่พัดผ่านผ้าม่าน ยิ่งทำให้สถานที่เกิดเหตุแห่งนี้ดูวังเวง
คนที่ผ่านประสบการณ์แบบนี้มานักต่อนักอย่างูเี่อัน หาได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ เธอใส่ถุงมือแล้วจึงเปิดไฟ จากนั้นก็เริ่มลงมือหาเบาะแสเหมือนกับเพิ่งเคยมาครั้งแรก เธอถือสมุดจดไปพร้อมกับเดินสำรวจทุกซอกทุกมุม
รายละเอียดต่างๆ ที่พบ เมื่อนำมาประกอบกันมักจะกลายเป็เบาะแสใหม่ได้เสมอ
สักพัก เธอก็เดินเข้าไปในห้องนอนของผู้ตาย
ศาสตราจารย์ที่สอนเธอเคยบอกไว้ว่า การตกแต่งห้องแสดงให้เห็นถึงนิสัยของเ้าของได้ เธออยากใช้จุดนี้มาวิเคราะห์สาเหตุที่ฆาตกรเลือกหญิงสาวคนนี้เป็เหยื่อในการก่อคดี
หลังสำรวจไปสักพัก ูเี่อันก็จดโน้ตไปได้ไม่น้อย เธอลากเก้าอี้ออกมานั่งอ่านพลางวิเคราะห์ข้อมูล โดยไม่รู้ตัวเลยว่าขณะนี้มีเงามืดบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
หลังจากนั่งวิเคราะห์ไปได้สักพัก เธอก็นึกถึงคำพูดที่ว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของฆาตกร มักกลับมายังสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง
แผ่นหลังของเธอเย็นวาบ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นเงาคนที่สะท้อนอยู่ตรงกำแพง
วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง ความเย็นเยียบแผ่ซ่านเข้ามาจนสั่นไปทั้งตัว
ในมือของคนคนนั้นมีมีด เขากำลังยกมันขึ้นอย่างช้าๆ โดยมีเป้าหมายชัดเจน นั่นก็คือเธอ...
เธอพยายามห้ามไม่ให้ตัวสั่น ฝืนทำเป็นิ่งสงบ ในตอนที่ฆาตกรกำลังจะแทงมีดลงมา เธอก็พลิกตัวหลบไปได้อย่างฉิวเฉียดและหันหน้ามาปะทะสายตากับฆาตกรพอดี
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโเี้ เ็าไร้ความรู้สึกราวกับแวมไพร์ที่กำลังกระหายเื
“เธอนี่ใจกล้าดีนะ” ฆาตกรพูดพลางยิ้มเย็น “ดึกดื่นขนาดนี้ยังมาที่นี่คนเดียว”
“คุณมากกว่าที่ใจกล้า” ูเี่อันพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่แค่กล้ามาที่ห้องนี้ แต่ยังกล้าพักอยู่ที่นี่อีก”
หลังหันกลับมาเธอก็กวาดตาสำรวจตัวฆาตกร เขาใส่ชุดนอนตัวโคร่ง สวมรองเท้าเตะภายในบ้าน มุมปากเลอะคราบยาสีฟัน สภาพแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะพักอยู่ในตึกนี้ ูเี่อันก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีความเป็ไปได้อย่างอื่นอีก
“คุณเฝ้าดูเหยื่อมานานแค่ไหนแล้ว” เธอถามออกไปเพื่อถ่วงเวลา
“นานมากแล้ว” เขาพูดพลางจับชายเสื้อชุดนอนของเขาขึ้นมาเช็ดคมมีดที่เงาวับด้วยสีหน้าเ็าแข็งกระด้าง “ฉันเห็นเธอเดินเข้าเดินออกตัวคนเดียว อยากจะจับเธอมาแยกเป็ชิ้นๆ ตั้งนานแล้ว”
มือของูเี่อันกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
“พวกคุณไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ทำไมถึงต้องทำกับเธอแบบนี้”
“ก็ฉันชอบ” มุมปากของเขาแย้มยิ้มประหลาด “ฉันไม่ได้จะทำแบบนั้นกับแค่ผู้หญิงคนนั้นนะ แต่จะทำแบบเดียวกันกับเธอด้วย!”
ต่อใหู้เี่อันเป็คนคล่องแคล่วแค่ไหน ก็ยากที่จะหลบการจู่โจมของเขาไปได้ เธอถูกเขาล็อกมือไว้ทั้งสองข้างและกดแนบกับกำแพง ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง จู่ๆ เธอก็คิดถึงลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา
ถ้าวันนี้เธอถูกฆ่า เขาจะรู้สึกเสียใจบ้างไหมนะ?
ไม่สิ เธอยังไม่ทันถามเขาให้เคลียร์เื่ข่าวนั่นเลย จะมาตายแบบนี้ไม่ได้!
ูเี่อันเริ่มเรียกสติตัวเองกลับคืนมา พลางคิดหาวิธีเอาตัวรอด แต่ฆาตกรกลับรู้ทันว่าเธอกำลังคิดอะไร
“เธอเป็แพทย์นิติเวชของเมืองนี้ เป็เทควันโดนิดหน่อย และเคยเรียนด้านจิตวิทยาอาชญากรรม เื่พวกนี้ฉันรู้ดี” ฆาตกรหยิบเชือกขึ้นมามัดมือเธอทั้งสองข้าง “หลังเห็นเธอเมื่อเช้าฉันก็เริ่มสืบข้อมูลของเธอ ทางที่ดีตอนนี้เธออย่าดิ้นจะดีกว่า ฉันเป็เทควันโดสายดำ อาจจะเผลอหักแขนเธอก็ได้ถ้าไม่ระวัง”
ูเี่อันเชื่อหมดใจว่าเขาทำได้อย่างที่พูดแน่นอน เธอฝืนอดทนต่อไปไม่ไหวจนมือเริ่มสั่น
ปลายมีดของเขาเคลื่อนไปมาผ่านใบหน้าของเธอ “สวยเหมือนกันนะ ถ้ากรีดมีดลงบนตัวเธอคงดูสวยกว่าผู้หญิงสองคนนั้นอีก ผิวของเธอขาวใสกว่าเยอะ”
“คุณมีครอบครัวบ้างหรือเปล่า” ูเี่อันจ้องตาเขา “ถ้าคุณทำร้ายฉัน รับรองว่าหนีไม่พ้นแน่ คุณจะถูกตัดสินโทษปะาชีวิต ตัวคุณน่ะไม่เป็ไร แต่คนในครอบครัวคุณที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้สิ ทุกคนคงเรียกพวกเขาว่า ญาติของฆาตกรต่อเนื่อง พวกเขาจะตกงาน สูญเสียเพื่อน และทุกอย่างในทั้งหมด”
สายตาของฆาตกรเริ่มชั่วร้ายขึ้นทุกที
“หุบปาก!”
“คุณไม่เพียงทำร้ายหญิงสาวบริสุทธิ์สองคน แต่คุณยังทำลายชีวิตของคนในครอบครัวทั้งหมด!”
คำพูดของูเี่อันแทงใจดำของชายผู้นี้เข้าอย่างจัง
ั์ตาเขาเบิกกว้างพลางใช้มีดแทงลงมา…
ูเี่อันคิดจะกล่อมให้เขามอบตัว แต่ดูท่าคงจะเกินเยียวยา
เธอหลบคมมีดของเขา และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อสลัดเชือกให้หลุด แต่ไม่ทันไรคมมีดที่สองก็ตามลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอคงหลบไม่พ้นอีกต่อไป ลู่เป๋าเหยียนก็คงมาช่วยเธอไว้ไม่ได้
ความโชคดีในชีวิตของเธอคงใช้หมดไปแล้วสินะ
ูเี่อันเตรียมใจรับชะตากรรมไว้แล้ว แต่ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“เจี่ยนอัน!”
เป็เสียงของเจียงเส้าข่าย
การมาของเขาทำให้ฆาตกรเบนความสนใจไปชั่วขณะ ูเี่อันจึงหลบคมมีดนั้นไว้ได้ และะโบอกไปว่า
“แจ้งตำรวจซะ!”
เจียงเส้าข่ายทุบกระจกเครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยในทันที เสียงสัญญาณดังก้องไปทั่วบริเวณ สายตาของฆาตกรยิ่งดูโเี้ เขาจับตัวูเี่อันแล้วฟาดศอกลงมาบนท้ายทอยของเธออย่างแรง...
ความเ็ปที่ได้รับทำเอาูเี่อันจุกจนร้องไม่ออก เธอล้มลงบนพื้น เปลือกตาค่อยๆ หนักขึ้นทีละนิด...
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือภาพของเจียงเส้าข่ายที่กำลังสู้กับฆาตกร
เจียงเส้าข่ายเป็ศิลปะป้องกันตัวอยู่บ้าง แต่ชายคนนั้นได้เทควันโดสายดำ ร่างกายแข็งแรงกว่าเจียงเส้าข่ายมาก...
ในขณะที่กำลังเป็ห่วงเพื่อนอยู่นั้น ตาของูเี่อันก็ค่อยๆ ปิดลงและหมดสติไปในที่สุด