มู่อวิ๋นจิ่นรีบพยุงตัวเดินกลับเรือนลี่เฉวียน ด้วยการไปงานโคมไฟในคืนนี้ นางมิได้ให้จื่อเซียงติดตามไปด้วย ในเวลานี้นางจึงนอนอยู่เพียงคนเดียวในห้อง
เมื่อถอดอาภรณ์ชุดนอกออก เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงแม่นมเสิ่น “พระชายาน้ำร้อนอาบน้ำเตรียมเรียบร้อยแล้ว ไปอาบน้ำก่อนเถอะเ้าค่ะ”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นรับคำแล้วเดินไปห้องข้างๆ
แม่นมเสิ่นยกน้ำขิงอุ่นๆ เข้ามา แล้วแนะนำว่า “พระชายาไปอาบน้ำก่อนเถิด เสร็จแล้วจะได้มาดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ค่อยพักผ่อนเ้าค่ะ”
“ถึงแม้อากาศในหน้าร้อนจะสูงขึ้นแล้ว แต่เมื่อร่างกายเปียกตอนไปทั้งตัวก็อาจไม่สบายได้เ้าค่ะ”
แม่นมเสิ่นพูดจบวางชามน้ำขิงลง พามู่อวิ๋นจิ่นไปอาบน้ำอาบท่า
ทันทีที่มู่อวิ๋นจิ่นจุ่มเท้าลงไปในอ่างก็ซูดปากขึ้น จากนั้นค่อยๆ หย่อนตัวลงไปนั่งอย่างเชื่องช้า
แม่นมเสิ่นยืนดูฉากกันลมด้านหลัง ช่วยมู่อวิ๋นจิ่นจัดเตรียมอาภรณ์ “พระชายาพลัดตกน้ำตกท่ามาหรือเ้าคะ?”
“ใช่” มู่อวิ๋นจิ่นตอบเสียงราบเรียบ
“อั๊ยย่ะ ทำไมไม่ระวังเลยล่ะเ้าค่ะ โชคดีที่ไม่เป็อะไรมากนะเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเอ่ยด้วยความเป็ห่วง
จากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นสวมอาภรณ์ชุดใหม่เรียบร้อย แม่นมเสิ่นเข้ามาช่วยประคองเดินออกมา จากนั้นยกชามน้ำขิงที่อุ่นๆ ยื่นให้มู่อวิ๋นจิ่น “ตอนนี้ไม่ร้อนมากแล้ว อุ่นๆ แล้ว รีบดื่มเถิดจะได้พักผ่อนเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นยกชามน้ำขิงขึ้นดื่ม กลิ่นน้ำขิงที่รุนแรงทำให้นางกลั้นหายใจกัดฟันดื่มจนหมดในรวดเดียว
น้ำขิงไหลเข้าไปในท้องทำให้ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นเริ่มอบอุ่นขึ้นมา
แม่นมเสิ่นรับถ้วยน้ำขิงมาวางไว้บนโต๊ะ เดินเข้าไปช่วยห่มผ้าให้กับมู่อวิ๋นจิ่น ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นก็พลอยหลับสู่ห้วงนิทราไปอย่างง่ายดาย
……
ในเช้าวันถัดมา ห้องโถงจวนองค์ชายหก มีของล้ำค่าต่างๆ พระราชทานลงมา
แม่นมเสิ่นน้อมรับราชโองการจากขันทีลู่ แล้วกลับหลังหันมาเห็นฉู่ลี่นั่งจิบน้ำชาอยู่้า
“ที่แท้เมื่อคืนนี้พระชายาได้ะโไปช่วยคนตกน้ำ มิน่าอาภรณ์ถึงเปียกปอนไปทั้งตัว แม้แต่ฝ่าายังพระราชทานสิ่งของเป็การยกย่องความดีงามเลยเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นมองดูของพระราชทานด้วยความปิติใจ
ติงเซี่ยนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ไกลๆ ก็ยิ้มออกมา “เสียดายที่แม่นมเสิ่นไม่เห็นพระชายาของพวกเรากล้าหาญมากเพียงใด เมื่อเช้าตอนออกไปทำธุระด้านนอก ผู้คนในตลาดต่างเล่าถึงเื่นี้กันไปทั่ว พระชายาของพวกเราในสายตาของชาวบ้าน ได้กลายเป็ยอดสตรีไปแล้ว”
“อืม พระชายาของพวกเรายอดเยี่ยมจริงเชียว เมื่อคืนข้าถามเื่นี้ขึ้น พระชายากลับบอกว่าลื่นไถลตกน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ” แม่นมเสิ่นเล่าออกมา
ในระหว่างนั้นเอง ฉู่ลี่เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา เอ่ยถามขึ้นว่า “ตอนนี้ยามใดแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“บ่าวจะไปดูให้เ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเดินไปทางเรือนลี่เฉวียน
หลังจากแม่นมเสิ่นเดินไปแล้ว จื่อเซียงเดินกลับจากจวนอัครเสนาบดีมู่มาถึงจวนองค์ชายหก เมื่อเห็นฉู่ลี่ นางก็รีบทำความเคารพทันที
“บ่าวคารวะองค์ชายหกเพคะ” จื่อเซียงเอ่ยเสียงต่ำ
ฉู่ลี่ตอบรับแล้วจ้องไปที่จื่อเซียง ก่อนถามขึ้นว่า “มู่อวิ๋นจิ่นว่ายน้ำเป็ั้แ่เมื่อไหร่?”
“เออ……” จื่อเซียง เลือกก้มหน้าก้มตาแทนสบตากับฉู่ลี่ เมื่อเช้านี้นางได้ยินผู้คนเล่าเื่คุณหนูะโน้ำช่วยชีวิตคน ตัวนางเองยังนึกว่าหูฟาดไปแล้ว
ด้วยนางติดตามรับใช้มู่อวิ๋นจิ่นข้างกายแต่เล็กแต่น้อย ยังไม่รู้เลยว่าคุณหนูว่ายน้ำเป็ด้วย สมัยที่คุณหนูถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนมวลบุปผา คุณหนูห้าเคยผลักมู่อวิ๋นจิ่นตกในบ่อจนเกือบตมน้ำตาย สุดท้ายบ่าวใช้ชายหลายคนมาช่วยดึงมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นจากน้ำถึงรอดมาได้
ด้วยความจนปัญญาและลนลานไม่รู้จะตอบอย่างไรดี จู่ๆ จื่อเซียงนึกขึ้นได้ว่า่นี้ มู่อวิ๋นจิ่นมีเื่แปลกๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้นนางจึงคิดหาข้ออ้างตอบกลับไป “เมื่อก่อนคุณหนูสนิทสนมกับคูรชายใหญ่ สงสัยคุณชายใหญ่คงสอนคุณหนูว่ายน้ำเพคะ”
“อ๋อ” ฉู่ลี่พยักหน้ารับทราบ
“อั๊ยย่ะ แย่แล้วๆๆๆ รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า” แม่นมเสิ่นวิ่งพรวดเข้ามาห้องโถง กวักมือ ะโสั่งให้บ่าวใช้รีบไปตามหมอมา
ฉู่ลี่จ้องแม่นมเสิ่นอย่างงงงวย “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อคืนนี้พระชายาอาจแช่อยู่ในน้ำเย็นนานจนเกินไปจึงไม่สบาย เมื่อคู่บ่าวได้เรียกพระชายา พบว่าร่างกายของพระชายาร้อนเป็ไฟเลยเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเล่าอย่างใ
สิ้นเสียงเล่า ฉู่ลี่ลุกขึ้นเดินตรงไปที่เรือนลี่เฉวียน
มู่อวิ๋นจิ่นนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มด้วยอาการตาปรือ พยายามจะลุกขึ้นนั่งพิงหัวนอน กลับรู้สึกอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง จนต้องใช้ผ้าห่มคลุมตัวทั้งหมด
ประตูถูกผลักออก มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเสียงเท้าหลายคู่กรูกันเข้ามา แล้วเดินมาทางนาง
จากนั้นผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่เหมือนมีคนพยายามดึงเบาๆ ทันใดนั้นแสงสว่างลอดเข้าไป จนนางต้องหรี่ตาพยายามพลิกตัวหนีแสง
ฉู่ลี่ยืนอยู่ด้านข้างเตียง เห็นนางขดตัวอยู่ในผ้าห่ม จึงยื่นมือเข้าจับชีพจรตรงลำคอ
ตอนนี้ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นร้อนเป็ไฟไปทั้งตัว นางจึงััได้ถึงความเย็นะเืที่บริเวณลำคอได้อย่างรวดเร็ว จนรีบคว้าความเย็นนั้นไว้แน่น
ฉู่ลี่ตั้งใจเพียงแค่จับดูว่านางตัวร้อนขนาดไหนและก็จะดึงมือกลับ ทว่าเห็นมู่อวิ๋นจิ่นจับข้อมือเขาไว้แน่น จนมิกล้าชักกลับ
“เอี๊ยด…” เสียงประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง
ท่านหมอคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาด้านในพร้อมกล่องยา พร้อมกับทำความเคารพฉู่ลี่ จากนั้นไปนั่งข้างเตียงเห็นฉู่ลี่กับมู่อวิ๋นจิ่นจับมือกันแแ่ พลางหัวเราะออกมา “องค์ชายหก ข้าน้อยขอจับชีพจรพระชายาหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉู่ลี่พยักหน้าแล้วค่อยๆ ดึงมือออก ดูเหมือนมู่อวิ๋นจิ่นยิ่งกำแน่นขึ้นจนข้อมือสั่นระริก
ท่านหมอเดินขึ้นไปก้าวหนึ่ง วางผ้าไหมลงข้อมือแล้วจับชีพจรมู่อวิ๋นจิ่น
ท่านหมอยกมือประสานโค้งคำนับฉู่ลี่แล้วรายงานอาการ “เมื่อคืนนี้พระชายาอาจอยู่ในน้ำนานจนเกินไปส่งผลให้เป็หวัด ตอนนี้ตัวร้อนเป็อย่างยิ่ง ข้าน้อยจะไปเตรียมยาให้พระชายาได้ต้มดื่ม ไม่นานก็หายเป็ปกติดังเดิมพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นท่านหมอหวาง ตามบ่าวไปจัดยาเถอะเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นบอกกท่านหมอหวาง
ท่านหมอหวางรับทราบ รีบเดินตามแม่นมเสิ่นออกไปด้านนอก
แม่นมเสิ่นพาท่านหมอหวางออกไปแล้ว จื่อเซียงใช้ผ้าชุ่มน้ำเย็นมาเช็ดที่บริเวณคอให้มู่อวิ๋นจิ่น
“เ้าดูแลนางให้ดี” ฉู่ลี่มองมู่อวิ๋นจิ่นที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ค่อยๆ ดึงมือออกแล้วเดินออกจากห้องไป
จื่อเซียงเห็นฉู่ลี่เดินออกไปแล้ว ค่อยหายใจอย่างโล่งอก
……
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงยามปั้งหว่าน[1] อาการตัวร้อนของมู่อวิ๋นจิ่นค่อยทุเลาเบาลง เรี่ยวแรงของนางเริ่มกลับมา สามารถกัดฟันลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว
“คุณหนูลุกขึ้นมาได้ยังไงเ้าคะ?” จื่อเซียงยกยาที่เพิ่งต้มเดินเข้ามาในห้อง จึงถามด้วยความแปลกใจ
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว บิดตัวไปมา “แค่ะโลงทะเลสาบเท่านั้น กลับทรมานข้าหนักขนาดนี้ ร่างกายนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน”
“คุณหนูมิใช่อิฐใช่ปูนที่จะไม่ต้องเจ็บป่วยนะเ้าค่ะ รีบดื่มยาก่อนเถิด เมื่อบ่ายดื่มไปชามหนึ่งแล้วเห็นผลได้ดีเกินคาด” จื่อเซียงใช้ช้อนตักยาขึ้นมาเป่าเบาๆ ทีละช้อนๆ
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกขยาดกับยาสีดำในชามเหลือทน ได้แต่ยกมือปฏิเสธ “ยกออกไปเถอะ ข้าไม่ดื่มแล้ว นอนอีกหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
“มิได้นะเ้าค่ะ ท่านหมอหวางบอกไว้ต้องดื่มทานติดต่อกันสามวัน หนึ่งวันดื่มสามมื้อ คุณหนูเพิ่งดื่ม่บ่ายไปหนึ่งชามเองเ้าค่ะ” จื่อเซียงพูดไปด้วยยื่นช้อนที่มียาส่งให้มู่อวิ๋นจิ่นได้ดื่ม
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่ถอดใจ ก้มหน้าก้มตาดื่มยาอย่างเลือกมิได้ ในลำคอต่างพรั่งพรูด้วยความขมที่แผ่ซ่าน ทำให้นางต้องหลับตาปี๋กลั้นหายใจดื่มจนหมดให้จบๆ ไปในครั้งเดียว
ในตอนนี้ นางนึกถึงยาตะวันตกที่เป็เม็ดและแคปซูลเสียเหลือเกิน!
หลังจากกล้ำกลืนฝืนทนยกยาขึ้นซดจนหมดชาม มู่อวิ๋นจิ่นขมคอจนแทบทนไม่ไหว ดีที่จื่อเซียงเตรียมน้ำผึ้งไว้จึงรีบดื่มเข้าใจดับความขมในลำคอ
จื่อเซียงเดินเอาชามไปล้างและเก็บเรียบร้อย ค่อยเดินกลับมานั่งคุยเป็เพื่อนมู่อวิ๋นจิ่น “คุณหนู วันนี้ฝ่าาพระราชทานของล้ำค่ามากมาย ตรัสว่าคุณหนูมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง เหมาะสมที่จะได้รับการชื่นชม”
“ฝ่าาทรงทราบเื่แล้วอย่างนั้นหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้น
“ใช่แล้วเ้าค่ะ บัดนี้ในเมืองเตี๋ยฮวาต่างเล่าเื่นี้กันไปทั่ว นึกไม่ถึงว่ามีบางคนเล่าว่า คุณหนูฉินก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่คุณหนูฉินกลับยืนงงปล่อยให้เด็กน้อยตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ! นึกไม่ถึงเลยว่าพระชายาหกจะะโลงน้ำไปช่วยเด็กน้อยคนนั้นเอาไว้เ้าค่ะ” จื่อเซียงเล่าไปด้วยความภูมิใจยิ่งนัก
“เื่เล่าพวกนี้ไม่รู้ว่าเป็ประโยชน์หรือกำลังทำร้ายข้ากันแน่” มู่อวิ๋นจิ่นยู่ปาก
จื่อเซียงหัวเราะคิกคัก “แน่นอนว่าเป็ประโยชน์ต่อคุณหนูสิเ้าค่ะ เมื่อคืนบ่าวได้ยินเื่คุณหนูะโไปช่วยเด็กน้อยตกน้ำใแทบตาย คุณหนูไปว่ายน้ำเป็ั้แ่เมื่อไหร่ ทำไมบ่าวไม่รู้เื่เลยละเ้าคะ?”
“ข้าก็เรียนกับพี่ชายนะสิ” มู่อวิ๋นจิ่นรีบหาข้ออ้างเอาตัวรอด
“ที่แท้ก็เป็อย่างนี้นี่เอง วันนี้องค์ชายหกถามบ่าวถึงเื่นี้ บ่าวก็ละล่ำละลักตอบไม่ถูก แต่พอคิดไปคิดมาก็เลยบอกเหมือนที่คุณหนูบอกบ่าว ว่าคุณชายใหญ่สอนเ้าค่ะ” จื่อเซียงเล่า
คิ้วทั้งสองข้างของมู่อวิ๋นจิ่นเลื่อนเข้าหากัน “ฉู่ลี่ถามเื่นี้กับเ้าด้วยหรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ วันนี้ก่อนยามอู่สือ[2]ที่ท่านหมอหวางจะมาถึงจวน องค์ชายหกได้ถามบ่าวขึ้น แต่หลังจากรักษาเสร็จแล้ว องค์ชายหกไปไหนแล้วก็มิทราบเ้าค่ะ” จื่อเซียงย้อนคิดก่อนเล่าขึ้นมา
มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้ว่าตอนนี้จะพูดอะไรดี จนกระทั่งจื่อเซียงพูดขึ้นต่อไปว่า “ก่อนที่ท่านหมอหวางจะมาถึงจวน คุณหนูเอาแต่จับมือขององค์ชายหกมิปล่อยเลยเ้าค่ะ”
“เ้าว่าอะไรนะ?” มู่อวิ๋นจิ่นสะดุ้งโหยง ถลึงตาจ้องจื่อเซียง
จื่อเซียงหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ “บ่าวบอกว่า วันนี้ตอนคุณหนูตัวร้อนเป็ไฟไม่ได้สติ เอาแต่จับมือองค์ชายหกไม่ปล่อยเ้าค่ะ”
“……”
“......”
ชั่วพริบตานั้น มู่อวิ๋นจิ่นทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นางพยายามระลึกถึงเหตุการณ์่บ่าย แต่กลับนึกอะไรไม่บอกเลย
“ข้าจับมือฉู่ลี่ไม่ปล่อยแล้วเขามีปฏิกิริยาอะไรบ้าง?” มู่อวิ๋นจิ่นรุกถามจื่อเซียงต่อ ตามด้วยแอบมองมือเ้ากรรมของนาง
องค์ชายหกมิได้ว่ากระไร ปล่อยให้คุณหนูจับไว้อย่างนั้น จนกระทั่งท่านหมอหวางจับชีพจรเสร็จแล้ว จึงค่อยๆ ปลดมือออกเ้าค่ะ
“ตายแล้ว ตายแล้วจริงๆ คราวนี้จบเห่เป็แน่ ข้าไม่มีหน้าไปสู้หน้าฉู่ลี่อีกแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นจับแก้มทั้งสองข้าง ไม่รู้ว่าอาการป่วยเป็เหตุหรือมิอาจสู้หน้าได้ ใบหน้ากลับร้อนระอุแดงฉานขึ้นมา
[1] ยามปั้งหว่าน คือ่เวลาั้แ่ 16.00 - 20.00 น.
[2] ยามอู่สือ คือ ่เวลาั้แ่ 11.00-13.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้