เมิ่งอู่สะพายตะกร้าไว้บนหลัง เก็บคันธนูและกระบอกไม้ไผ่เสร็จแล้วค่อยออกไป นางกล่าวว่า “รอข้ากลับมาที่เรือนนะ เย็นนี้ข้าจะให้เ้ากินเนื้อ”
อินเหิงเตือนจากด้านหลัง “ระมัดระวังตัวตอนเข้าไปในูเาด้วย ระวังงู แมลงและสัตว์ป่า”
หลังเมิ่งอู่จากไป นอกจากเวลาที่จำเป็ต้องนำยาต้มและอาหารมาให้แล้ว นางเซี่ยจะไม่เข้ามาในห้องนี้
อินเหิงรู้ว่านางเซี่ย้าหลีกเลี่ยงความสงสัย จึงไม่ได้ริเริ่มชวนคุย
แท้จริงครอบครัวของเมิ่งต้ายังไม่ยอมแพ้ ครึ่งเช้านางเย่กับเมิ่งต้าฉวยโอกาสที่เมิ่งอู่ไม่อยู่รีบมาที่นี่
สามีภรรยาคู่นี้ยังเกรงว่ารับมือกับนางเซี่ยเพียงคนเดียวไม่ไหวหรือ?
ตราบใดที่เมิ่งอู่ไม่อยู่ที่เรือน พอพวกเขาเข้ามาในลานเรือนแล้ว นางเย่จะรั้งนางเซี่ยไว้ จากนั้นให้เมิ่งต้าแบกธัญพืชกลับไป
เมื่อวานเมิ่งอู่แบกธัญพืชไปสองหาบ เมิ่งต้าจะยอมกล้ำกลืนความเจ็บใจนี้ได้อย่างไร? เมื่อเห็นว่าธัญพืชในยุ้งฉางหายไปครึ่งหนึ่ง ครอบครัวเมิ่งต้าล้วนเ็ปหัวใจยิ่งนัก ต้องหาทางเอากลับคืนมาให้ได้!
ต่อให้เมิ่งอู่จะกำเริบเสิบสานชั่วครู่ แต่นางก็มิอาจเฝ้าเรือนไว้ได้ตลอดเวลา
ขณะนางเซี่ยทำความสะอาดลานเรือนที่ทรุดโทรม ด้านนอกก็มีเสียงของนางเย่ดังขึ้น “สะใภ้รองเมิ่ง เ้ากับอาอู่ดูแลเรือนเหนื่อยยากนัก วันนี้พวกเรามีเวลาว่าง จึงแวะมาดูว่ามีอันใดให้ช่วยเหลือบ้าง”
ครั้นนางเซี่ยได้ยินเสียงนั้น หัวใจพลันบีบรัด
จากนั้นนางเย่ก็เริ่มเคาะประตูทันควัน
เคาะอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มีคนตอบรับ นางเย่หมดความอดทนจึงกล่าว “สะใภ้รองเมิ่ง พวกเรารู้ว่าเ้าอยู่ในเรือน รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”
นางเซี่ยกระสับกระส่าย ไม่สมควรตอบรับแต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี พวกเขาคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่
เวลานี้อินเหิงกล่าว “ฮูหยินไม่ต้องตื่นตระหนก ขอเพียงไม่เปิดประตู พวกเขาก็เข้ามาไม่ได้”
นางเซี่ยกล่าว “เ้าไม่ใช่คนในหมู่บ้านย่อมไม่เข้าใจ หากไม่ทำตามความ้าของพวกเขา พวกเขาจะพูดจาอย่างไรก็ได้”
เป็ดังคาด เมื่อเห็นว่านางเซี่ยยังไม่ตอบรับ นางเย่ก็เริ่มพูดจาเหลวไหลไร้สาระโดยไม่มีเหตุผลใดๆ “เ้าเป็น้องสะใภ้ พวกเรามาช่วยเหลือเ้าด้วยความปรารถนาดี แต่เ้ากลับปิดประตูเรือนเสียแ่า นี่เื่อันใดกัน? หรือในห้องมีบุรุษอื่นซ่อนอยู่ถึงไม่กล้าพบใคร?”
ถึงนางเย่ไม่ได้โวยวายหยาบคายเสียงดังเหมือนนางเหอ แต่เสียงก็ดังไม่น้อย คำพูดของนางยิ่งเฉียบคมกว่า
นางเย่กล่าวอยู่ข้างนอก “น้องชายรองออกจากเรือนไปนานหลายปีแล้วไม่กลับ น้องสะใภ้รองต้องอยู่เฝ้าห้องหับตามลำพัง เกรงว่าจะเหงาใจ หากเ้ายังไม่เปิดประตูอีก พวกเราคงคิดว่าเ้าซ่อนชายชู้ไว้ในเรือนจริงๆ”
นางเซี่ยเดือดดาลจนตัวสั่น
อินเหิงกล่าวเสียงแ่ “ขอเพียงฮูหยินจำคำกำชับของอาอู่ไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอันใดก็เพียงเพื่อยั่วยุให้ฮูหยินเปิดประตูให้”
นางเซี่ยสาวเท้าเดินตรงไปที่ประตูลานเรือน เห็นสีหน้าของนางเย่ผ่านรอยแยกของประตู ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อนางเย่เห็นนางเซี่ยก็ยิ้มกล่าว “น้องสะใภ้ เปิดประตูเถิด สักพักพวกชาวบ้านก็จะกลับมาจากไร่นาแล้ว หากได้ยินเื่นี้เข้า ต่อไปภายภาคหน้าเ้าจะวางตัวอย่างไรดี?”
นางเซี่ยกล่าวอย่างใจเย็น “ขอบคุณพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ที่ปรารถนาดี เพียงแต่ที่เรือนของข้าไม่มีอะไรต้องทำ ไม่้าความช่วยเหลือจากพวกท่านหรอก”
นางเย่กล่าว “ข้าว่าเ้าคงซ่อนชายอื่นไว้ในเรือนแน่ เ้าแอบนอกใจลับหลังน้องชายรองใช่หรือไม่?”
นางเซี่ยโกรธจัดจนหน้าซีดเผือด เอ่ยว่า “ข้ารักษาตัวให้บริสุทธิ์ใสสะอาด ท่านอย่ากุข่าวลือและสร้างปัญหาเลย!”
นางเย่กล่าว “เช่นนั้นเ้าก็เปิดประตูให้พวกเราเข้าไปดูสิ หากไม่มีชายอื่น พวกเราก็จะเชื่อเ้า”
นางเซี่ยวฉุนเฉียวอักโขจนกลายเป็หัวเราะ กล่าวว่า “หากข้าไม่เปิดประตูก็เท่ากับมีชายอื่น หากข้าเปิดประตูก็เท่ากับเปิดประตูรับหมาป่าเข้าเรือน! พวกท่านเพียงอยากฉวยโอกาสเข้ามายามอาอู่ไม่อยู่ และที่พูดเช่นนี้ก็เพื่อยั่วยุให้ข้าเปิดประตูใช่หรือไม่? อาอู่บอกว่า ผู้ใดมาหาก็ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด! ส่วนเื่ที่พวกท่านกล่าวหาก็รอให้นางกลับมาแล้วค่อยจัดการ!”
หน้านางเย่พลันเปลี่ยนสี เมิ่งต้าที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้ามืดครึ้มลง
เมิ่งต้ากล่าว “น้องสะใภ้ ล้วนเป็ครอบครัวเดียวกัน เหตุใดต้องทำราวกับเป็ศัตรูกันด้วยเล่า”
เมื่อเห็นว่าพูดดีๆ ไม่ได้ผล นางเย่จึงผลักประตูลานเรือนอย่างแรง และเห็นช่องว่างที่ประตูลานเรือน พอมองผ่านรอยแยกนั้นพบว่ามีหญ้าแห้งปกคลุมไปทั่วพื้น นางไม่สนใจสิ่งใด รีบยื่นขาเข้าไปข้างในโดยพลัน
ตราบใดที่นางยื่นขาเข้าไปข้างในได้ข้างหนึ่ง นางเซี่ยที่ขี้ขลาดยิ่งไม่กล้าออกแรงปิดประตูแน่
"อ๊าก!" ทว่านางเย่เพิ่งยื่นเท้าหน้าเข้าไป ยังไม่ทันได้ขู่นางเซี่ย พริบตาต่อมาก็ร้องลั่นด้วยความเ็ป
ในกองหญ้าแห้งมีกับดักหนูอันหนึ่งหนีบเท้าของนางเย่อย่างไร้ปรานีจนเืหลั่งรินออกมาทันควัน
นางเย่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนให้มั่นคง เมิ่งต้าจึงรีบเข้ามาพยุงนางไว้
นางเย่จ้องมองนางเซี่ยอย่างเคียดแค้นชิงชัง “สะใภ้รองเมิ่ง! เมื่อก่อนข้าดูถูกเ้าเสียแล้ว เ้าช่างใจร้ายใจดำนัก!”
เมื่อนางเซี่ยเห็นเืไหลอาบเท้าของนางเย่ ก็ใจนโง่งม ใบหน้าซีดเผือดพูดไม่ออก
นางเย่ไม่สนใจจะเข้าไปในเรือนอีกต่อไป เร่งให้เมิ่งต้าช่วยพยุงกลับไป
นางเซี่ยยังคงตื่นใ ทว่าคาดไม่ถึงว่าเมิ่งต้าจะยังไม่ยอมแพ้ ตอนบ่ายเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง
คราวนี้เขาไม่ได้เดินเข้ามาทางประตูหลัก แต่มองรั้วที่ล้อมรอบลานเรือนอย่างเรียบง่าย แม้นางเซี่ยไม่ยอมเปิดประตูให้เขา เขาก็ไม่ต้องใช้ความพยายามที่จะปีนข้ามรั้วเข้าไป
นางเซี่ยเห็นเขาอยู่บนรั้วจึงเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า “พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทำอะไร?”
เมิ่งต้ากล่าวอย่างชอบธรรม “น้องสะใภ้ ครอบครัวของข้าห้าปากท้องรอธัญพืชไปประทังชีวิต แต่อาอู่ของบ้านเ้ารังแกคนมากเกินไป เช่นนั้นก็โทษข้าไม่ได้”
ยามเช้านางเซี่ยเห็นกับตาว่าเมิ่งอู่เหลาไม้ไผ่จนแหลมแล้วปักไว้ข้างรั้ว
หากเมิ่งต้าบุกเข้ามาตรงๆ โดยไม่สนใจสิ่งใด แน่นอนว่าเท้าของเขาต้องถูกไม้ไผ่เสียบ
ท้ายที่สุดนางเซี่ยเป็คนใจอ่อน เมื่อนึกถึงบทเรียนอันแสนเ็ปของนางเย่ก่อนหน้านี้ ก็ทนเห็นภาพนองเืเช่นนั้นไม่ได้ แต่หากนางกล่าวเตือนเมิ่งต้า อย่างนั้นเมิ่งต้าก็จะดึงไม้ไผ่ปลายแหลมพวกนั้นออก แล้วบุกเข้ามาในเรือนกระมัง?
นางเซี่ยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องะโเสียงดัง บอกว่าเมิ่งต้าบุกรุกเข้ามาในเรือนเวลากลางวัน รังแกสตรีอ่อนแอที่ไม่มีที่พึ่งพิงเช่นนาง…
บุรุษที่มีภรรยาแล้วบุกเข้าไปในเรือนของสตรีที่แต่งงานแล้ว หากมีคนได้ยินเข้า ไม่ต้องพูดถึงว่าผลลัพธ์ที่ตามมาร้ายแรงเกินคาดเดาเพียงใด
เมิ่งต้าคาดไม่ถึงว่านางเซี่ยจะทำเช่นนี้ พลันนั้นเขาสะดุ้งใจนเหงื่อท่วมตัว ไม่สนใจจะปีนรั้วข้ามไปอีก รีบวิ่งหนีไปโดยเร็วด้วยความหดหู่
หลังเมิ่งต้าจากไป นางเซี่ยก็นั่งพิงอยู่ใต้ชายคาอย่างเหนื่อยล้า
อินเหิงเอ่ยในเวลาที่เหมาะสม “ฮูหยิน ท่านมิอาจฝืนทน?”
น้ำเสียงของเขาฟังไม่ออกถึงอารมณ์โกรธ ไม่มีแม้แต่อารมณ์กระเพื่อมไหวเช่นกัน
นางเซี่ยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเอ่ยว่า “เพียงพวกเขาจากไปก็พอแล้ว ไยจะต้องทำร้ายกันด้วย”
อินเหิงกล่าว “หากไม่เ็ปทรมาน ก็จะรู้สึกว่าเื่นี้ไม่มีราคาที่ต้องจ่าย ครั้งนี้จากไป แต่ครั้งหน้าก็จะกลับมาอีก”
ทว่านางเซี่ยเป็เพียงสตรีชาวนาธรรมดา นางไม่เด็ดขาดเหมือนเมิ่งอู่ และไม่สงบเยือกเย็นเหมือนอินเหิง แล้วจะคิดมากมายที่ใด
เวลานี้นางหวังเพียงว่าเมิ่งอู่จะรีบกลับเรือนโดยเร็ว
พอตกเย็น ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหนือหลังคาเรือนทุกหลังเริ่มมีควันลอยโขมง
นางเซี่ยรอแล้วรอเล่า จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทในที่สุดเมิ่งอู่ก็กลับมาถึงเรือน
เมิ่งอู่เรียกนางเซี่ยอยู่นอกประตู นางเซี่ยรีบร้อนปลดสลักประตูด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ในตะกร้าที่เมิ่งอู่แบกมานั้นเต็มไปด้วยสมุนไพร ในมือนางหิ้วกระต่ายป่าหนึ่งตัวและไก่ป่าอีกหนึ่งตัว
นางเซี่ยมองดูอย่างตะลึงงัน ไก่ป่ายังคงกระพือปีก คาดไม่ถึงว่าจะยังมีชีวิตอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้