องครักษ์ผู้นั้นก้าวไปข้างหน้า ทว่าจู่ๆ กลับชะงักฝีเท้าแล้วพุ่งเข้าไปหาเหยียนอู๋อวี้อย่างควบคุมไม่ได้
แม้ระยะห่างจะทำร้ายนางไม่ได้ ทว่ายาในมือเขาทั้งหมดคงต้องหกราดบนตัวนางอย่างแน่นอน
เหยียนอู๋อวี้กวาดสายตามองทั่วพื้น เห็นแสงระยิบระยับน้อยนิดส่งมาจากไข่มุกเม็ดเล็กหลายเม็ด นางแสร้งทำเป็หวาดกลัวพลางถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อหลบเลี่ยงบริเวณที่ผงยากระจัดกระจาย
เมื่อมองเนื้อไข่มุกอีกครั้ง นางพลันเข้าใจได้ในทันที
กล้าลงมือต่อหน้าธารกำนัล! ทันใดนั้นพลันเกิดลมกระโชกแรงพัดมาจากระยะไม่ไกลนัก เมื่อเห็นว่าผงยาใกล้จะหกใส่เท้า นางจึงรีบหมุนตัวโผเข้าใส่อ้อมแขนป้าโฉ่วตัวสั่นสะท้าน ลมแรงระลอกนี้พัดใส่ขวดกระเบื้องพอดี จึงทำให้ขวดกระเบื้องแตกอยู่ในมือขององครักษ์
ขี้เถ้าสีขาวฟุ้งกระจายกลางอากาศ ไม่รู้ผู้ใดเอ่ยว่า “รีบปิดปากปิดจมูกเร็วเข้า”
เมื่อนึกถึงคำพูดของเต๋อเฟยก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างใและรีบทำตามทันทีพลางมองฝุ่นกระจายด้วยความใ
ฮวารั่วซีกลับรีบเอ่ยแทรก “ของชิ้นนี้ค้นเจอจากตำหนักเฟิ่งชัยใช่หรือไม่?”
องครักษ์รีบกระเสือกกระสนคุกเข่าลงกับพื้น “ทูลพระสนม ค้นพบที่ตำหนักเฟิ่งชัยจริงพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงนี้ราวกับเสียงฟ้าร้อง ดึงดูดแววตาทุกคนให้หยุดอยู่บนร่างของเหยียนอู๋อวี้
ฮวารั่วซีหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าวว่า “สนมเหยียน เ้ายังมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่!”
“หม่อมฉันไม่ใช่ฆาตกรวางยาพิษพี่หญิงน้องหญิงแน่นอนเ้าค่ะ” เหยียนอู๋อวี้แสดงสีหน้าคับข้องใจพลางถอยสองก้าวอย่างนอบน้อมทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณที่ขวดกระเบื้องตกแตก นางสะบัดแขนเสื้อยาวคุกเข่าบนพื้นเบื้องหน้าองครักษ์ พร้อมกับโขกศีรษะเอ่ยเสียงดังว่า “ไทเฮาโปรดทรงตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยเพคะ!”
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าขณะที่นางเอ่ยเช่นนี้ ภายในดวงตาพลันมีแสงเปล่งประกายวูบหนึ่ง
“ตรวจดูเถิด” ไทเฮาโบกมือ
หมอหลวงสองคนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างกล่าวตอบรับพร้อมก้าวมาข้างหน้า หมอหลวงหนึ่งในนั้นใช้ผ้าเก็บผงยานั้นขึ้นมาจากพื้นเล็กน้อย ก่อนจะใช้น้ำละลายและใช้เข็มเงินทดสอบพิษ จะเห็นได้ว่าเข็มเงินไม่เปลี่ยนสี ส่วนอีกคนโรยผงบนเข็มเงินโดยตรง ทว่าเข็มเงินก็ไม่เปลี่ยนสีเช่นกัน
“กราบทูลไทเฮา สิ่งนี้ไม่มีพิษพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงทั้งสองคนสรุปผลของตนเองร่วมกันและตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อม
“ไม่มีพิษ?” ไทเฮาเอ่ยเสียงเข้ม แววตามองเต๋อเฟย ส่วนป้าโฉ่วที่อยู่ด้านข้างมาโดยตลอดพลันคุกเข่าบนพื้นทันที “นี่คือผงไข่มุกเพคะ ปกติใช้เพื่อคงความอ่อนเยาว์ให้เป่าหลินเพคะ เพราะเก็บยาก บ่าวจึงหาขวดกระเบื้องมาใส่เพคะ”
เมื่อสิ้นเสียงป้าโฉ่ว องครักษ์ที่คุกเข่ากับพื้นอยู่ด้านข้างจึงเอ่ยโต้แย้งทันที
“ข้าน้อยเจอสิ่งนี้ในแจกันดอกไม้ หากเป็สิ่งที่ใช้เพื่อคงความอ่อนเยาว์จริง ไฉนจึงซ่อนเร้นเพียงนี้?”
คำพูดนี้สมเหตุสมผล ทำให้ทุกคนหันไปมองเหยียนอู๋อวี้เป็สายตาเดียว
เหยียนอู๋อวี้กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย “สิ่งของประเภทนี้ ปกติหม่อมฉันวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เหตุใดจึงได้ไปอยู่ในแจกันดอกไม้? องครักษ์เซียวอย่าได้พูดจาเหลวไหล”
องครักษ์เซียวเอ่ยตอบเสียงดัง “ข้าน้อยเจอขวดใบนี้ในแจกันดอกไม้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยพบมันซ่อนอย่างมิดชิด กลัวว่ามีอันใดน่าสงสัยจึงส่งมาที่นี่ หากเป็ผงไข่มุก ไฉนต้องใส่ไว้ในนั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เหยียนอู๋อวี้ตำหนิเสียงเบา “องครักษ์ใจกล้านัก พูดจาเหลวไหล หรือว่าเ้าถูกผู้ใดยุยงปลุกปั่น จงใจใส่ความข้า!”
“ข้าน้อยมิกล้าหลอกลวงไทเฮา” องครักษ์เซียวก้มหน้าลงทันที เขายกมือขึ้นสูง ยังไม่ทันเอามือลง ไข่มุกคุณภาพชั้นเลิศเม็ดหนึ่งพลันหล่นออกมาจากแขนเสื้อของเขา องครักษ์เซียวสีหน้าตื่นตระหนก รีบยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นไข่มุกอีกสองเม็ดพลันกลิ้งออกมาจากแขนเสื้อของเขา
ไข่มุกสามเม็ดกลิ้งไปมาบนพื้นสองแสงพร่างพราว มองเพียงสีและเนื้อััก็รู้ได้เลยว่ามีค่ามากนัก หากใช้เบี้ยเลี้ยงองครักษ์ไปซื้อ เกรงว่าทั้งชีวิตคงไม่อาจซื้อได้
นางกำนัลรับคำสั่งพลางนำไข่มุกมาถวายเบื้องหน้าไทเฮา เต๋อเฟยที่เหลือบมองอยู่ด้านข้างจำได้ในทันที นางหันไปมององครักษ์เซียวพลางกล่าวเสียงเคร่งขรึม “ไข่มุกล้ำค่าพวกนี้มีราคาสูงเป็อย่างยิ่ง ในโลกนี้มีเพียงสิบเม็ด ทั้งหมดเก็บไว้ในวังหลวง เ้าเอามาจากที่ใด!” ฮวารั่วซีหน้าเปลี่ยนสี นางไม่คิดเลยว่าไข่มุกล้ำค่าที่ตนเองหยิบออกมาใช้เป็อาวุธจะกลายเป็สิ่งของที่ผู้อื่นใช้โจมตีตนเอง นางก้าวไปข้างหน้า รีบคุกเข่ากับพื้นกล่าวอย่างร้อนรน “ไทเฮา นี่อาจเป็คำโต้แย้ง สนมเหยียนได้รับความโปรดปรานจากฝ่าา ในมือมีไข่มุกล้ำค่า จงใจยัดของใส่ความถือเป็เื่ปกติเพคะ”
“ไข่มุกล้ำค่านี้ราคาสูงเป็อย่างยิ่ง เมื่อครู่เต๋อเฟยก็พูดแล้วว่า ปัจจุบันนี้มีเพียงสิบเม็ด ทั้งหมดอยู่ในวังหลวง” เหยียนอู๋อวี้กล่าวตอบอย่างไม่พอใจ “หม่อมฉันมิได้มีวาสนาเช่นนี้ ทว่าหม่อมฉันรู้ว่าของล้ำค่าทั้งหมดในวังหลวงนั้นมีการจดบันทึกทุกชิ้น เพียงตรวจสอบดูก็คงรู้อย่างแน่นอนว่าส่วนใดขาดหายไป”
“ซูเฟย อายเจียจำได้ว่าเ้ามีไข่มุกล้ำค่านี้อยู่ห้าเม็ด ปีนั้นเ้าเลื่อนขั้นเป็ซูเฟย ฝ่าาเป็ผู้พระราชทานให้” แม้ไทเฮาจะลำเอียงเล็กน้อย ทว่านางยังคงจดจำได้ชัดเจน
หากสตรีที่อยู่เบื้องหน้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ไทเฮาไม่มีทางเปลืองสมองปกป้องนางอย่างแน่นอน
ฮวารั่วซีมิใช่คนโง่เขลา นางตั้งสติกลับมาทันทีพลางเอ่ยเสียงแ่เบา “ไข่มุกล้ำค่าห้าเม็ดของหม่อมฉันยังอยู่ครบเพคะ วันนี้ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย คิดว่าเ้าของไข่มุกล้ำค่านี้ต้องเป็ผู้อื่นเพคะ”
ทันใดนั้นนางพลันลุกขึ้นไปยืนข้างกายไทเฮา
เดิมเหยียนอู๋อวี้มิได้คิดว่าไทเฮาจะเคาะกระดานตัดสิน[1] เมื่อพูดถึงการค้นหา เพียงแค่ให้ฮวารั่วซีปิดปากก็เพียงพอ หากเป็เื่จริง ครั้งนี้ฮวารั่วซีคงยากที่จะหนีจากการลงโทษ ทว่าในเมื่อไทเฮาตรัสแล้วว่า้าปกป้องนาง เหยียนอู๋อวี้รู้ว่าหากตนเองยืนกรานซักไซ้ไล่เลียงจะต้องทำให้ไทเฮาทรงไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน
“ทูลไทเฮา เื้ัเื่นี้ต้องมีลับลมคมในเป็แน่เพคะ ไทเฮาโปรดนำองครักษ์ผู้นี้ไปสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อจะได้รู้ตัวฆาตกรที่อยู่เื้ัที่แท้จริง” เหยียนอู๋อวี้กล่าวเสียงราบเรียบ
“ลากตัวไป” ไทเฮากลับไร้ซึ่งมีความลังเล
มีเพียงแค่ฮวารั่วซีที่แววตามืดลงชั่วขณะที่คนผู้นั้นถูกลากตัวออกไป
ดูท่าแล้ว มีบางคน้าฆ่าคนปิดปาก! เหยียนอู๋อวี้รู้ดี มุมปากพลันยิ้มเยาะอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนตายเปิดปากพูดไม่ได้จริงๆ
การตรวจค้นตำหนักหลังต่อจากนั้นไม่พบสิ่งใดเลย จึงนำขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่เหมือนกับขวดที่แตกบนพื้นทุกประการมาขวดหนึ่ง ทว่าหลังจากเปิดออกมาดูแล้ว ด้านในกลับเป็ผงไข่มุกอย่างไม่ต้องสงสัย
เื่นี้นับว่าจบลงด้วยประการฉะนี้ ทว่าไทเฮากล่าวกับเหยียนอู๋อวี้ก่อนจากไปประโยคหนึ่ง “ไม่มีบุปผาใดเบ่งบานได้เนิ่นนาน มนุษย์ก็เฉกเช่นเดียวกัน รู้จักพอประมาณ จึงจะอยู่ยืนยาว”
คำพูดเหล่านี้เพียง้าบอกเหยียนอู๋อวี้เป็นัยว่าต้องรู้จักที่จะปล่อยซ่งอี้เฉินออกมาบ้าง
นางยินยอม ทว่าซ่งอี้เฉินยินยอมหรือไม่? เป้าธนูที่ดีเช่นนี้ เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้หรือ?
เชิงอรรถ
[1] เคาะกระดานตัดสิน หมายถึง การเคาะเพื่อตัดสินหรือสั่งปะาในสมัยโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้