ทำไมเซียนจวินจากแดนสวรค์ถึงกำจัดเขาไม่ได้? หรือว่าเทพเซียนแห่งแดน์ยังไม่อาจกำจัดเขาได้หรือ?
เจียงเฉิงเยว่อยู่ห่างจากกลุ่มคนระยะหนึ่ง จากนั้นกอดอกและหัวเราะเบาๆ “ทำไมทุกท่านถึงไม่ต้อนรับข้าเช่นนี้?”
หนีอิ๋นเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังหนีรั่วหลีซึ่งข่มกลั้นอารมณ์ไม่ได้ที่สุด จึงเหวี่ยงดาบิญญาชี้ไปที่ใบหน้าของเจียงเฉิงเยว่ “ิญญาร้าย เสแสร้งให้น้อยลงหน่อยเถอะ! เรียกพวกทหารภูตผีเ่าั้ของเ้าออกมา! ไม่เช่นนั้นเ้าจะสู้หนึ่งต่อหลายคนหรืออย่างไร?”
เจียงเฉิงเยว่ยิ้มอย่างเฉยเมยพลางกล่าว “สหายตัวน้อย อายุยังน้อยแต่พูดจาไม่สุภาพเลยจริงเชียว! นี่เรียกว่าอะไรนะ...ความเหลาะแหละของผู้เยาว์หรือ?”
สีหน้าของหนีรั่วหลีเปลี่ยนไป จากนั้นก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างแเีเพื่อขวางหนีอิ๋นเสวี่ยไว้ด้านหลัง
เมื่อเจียงเฉิงเยว่เห็นเช่นนั้นจึงยิ้ม ไม่ได้ขัดขวาง เขามองไปยังอัครเสนาบดีหลิวซึ่งอยู่ใจกลางของค่ายกลเผยใบหน้าออกมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น “จุดประสงค์ที่ข้ามาในวันนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับทุกท่าน” เขาเลิกคิ้วแล้วหันไปพูดกับอัครเสนาบดี “ท่านอัครเสนาบดี...ท่านคิดว่าคนพวกนี้จะปกป้องอยู่ข้างกายท่านไปได้อีกนานเท่าไร? หรือท่านคิดว่าจะสามารถซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลของนักพรตสำนักเต๋าที่จัดวางเพื่อท่านโดยเฉพาะไปตลอดชีวิต?”
อัครเสนาบดีหันไปมองไป๋เจ๋อจวินกับหนีรั่วหลีที่อยู่ข้างกายด้วยแววตาไร้หนทาง พร้อมจับแขนเสื้อของพวกเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ไป๋เจ๋อจวินกล่าวด้วยรอยยิ้มเ็า “สุดท้ายแล้ววันนี้จะไม่ปล่อยให้ฉิงชางจวินได้รับิญญาที่มีดวงดาวแห่งเกียรติยศคอยพิทักษ์ดวงชะตาอยู่ตามที่ท่าน้าแน่”
เจียงเฉิงเยว่ระบายยิ้ม “ไป๋เจ๋อจวิน เช่นนั้นท่านคิดผิดแล้ว วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อรับิญญาของอัครเสนาบดี”
มีคนสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ได้แล้วถามอย่างประชดประชัน “เช่นนั้นขอบังอาจถามว่าฉิงชางจวินว่ามาที่นี่ มีธุระสำคัญอันใด?”
เจียงเฉิงเยว่มองไปที่อัครเสนาบดีหลิว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ข้า...มาเพื่อช่วยเขา”
อัครเสนาบดีหลิวไม่ทราบว่าป่วยแล้วลนลานไปหาหมอ[1] หรือไม่ เพียงได้ยินที่บอกว่า้าจะช่วย ก็แทบหยุดร้องไห้และรีบพุ่งไปหาเจียงเฉิงเยว่ “ฉิงชางจวินช่วยข้าด้วย! ฉิงชางจวินช่วยข้าด้วย!”
ชาวนักพรตสำนักเต๋ารู้สึกประหลาดใจอยู่สักพัก หนีรั่วหลีเตรียมที่จะขวางอัครเสนาบดีหลิวที่พุ่งไปทางเจียงเฉิงเยว่พร้อมกล่าวอย่างรีบร้อน “ท่านอัครเสนาบดี! อย่าให้สิ่งชั่วร้ายมาครอบงำจิตสำนึก!” ยิ่งเป็การยืนยันตัวตนของเขาด้วยคำว่า ‘ลุ่มหลงผีในจิตใจ[2] ‘ ที่ออกไปโดยไม่ไตร่ตรอง
อัครเสนาบดีหลิวถูกขวางเอาไว้จึงมีสติขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหดตัวกลับมาไม่ขยับเขยื้อน เพียงตัวสั่นเท่านั้น
เจียงเฉิงเยว่ไม่ได้หงุดหงิด ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอัครเสนาบดี...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเห็นตราคำสาปนี้หรอกกระมัง?”
อัครเสนาบดีหลิวเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เจียงเฉิงเยว่ “สุดท้ายแล้วเมื่อปีนั้น ท่านได้เห็นด้วยตาของตนเองว่าตราคำสาปนี้เติบโตอยู่บนร่างของพี่ชายตนเองอย่างไร ทั้งถูกิญญานับร้อยฉีกิญญาเป็ชิ้นๆ ตายอย่างน่าสังเวชต่อหน้าของท่านอย่างไร...และยังคาดคิดเกี่ยวกับตราคำสาปเช่นนี้กับเื่ราวที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่มันเติบโต...”
เขายังไม่ทันพูดจบ หนีอิ๋นเสวี่ยกลับขัดจังหวะ “รอเดี๋ยว!”
เจียงเฉิงเยว่มองไปที่อีกฝ่าย
หนีอิ๋นเสวี่ยเอ่ย “พี่ชาย?” เขายังคงใช้ดาบชี้ไปที่เจียงเฉิงเยว่ “เฮ้ าาผีอย่างเ้ายังเชื่อถือได้อีกหรือ? ถึงอย่างไรก็ได้ฉายา ‘สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลก’ แล้วทำไมถึงพูดจาเลอะเทอะเช่นนี้? ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามท่านอัครเสนาบดีหรือว่ามีน้องชายฝาแฝดหรือไม่...แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็พี่ชายกันเล่า?”
เจียงเฉิงเยว่เผยท่าทีชื่นชมพลางยกยิ้ม “เช่นนั้นต้องถามตัวท่านอัครเสนาบดี...ในบรรดาฝาแฝดผู้ที่มีดวงดาวแห่งเกียรติยศพิทักษ์ดวงชะตานั้นเป็พี่ชายจริง...และผู้ที่ป่วยเฉียบพลันแล้วเสียชีวิตในปีนั้น...ก็ไม่ใช่น้องชายของฝาแฝด...ใช่หรือไม่? อัครเสนาบดีหลิว?”
ทุกคนตกตะลึง ทันใดนั้นพลันเกิดความโกลาหล
“ดังนั้น คนผู้นี้คือผู้ที่สาปพี่ชายของตนเองจนตายเพื่อสืบทอดดวงชะตาของพี่ชาย...จากนั้นแสร้งทำเป็พี่ชายของเขามาเป็เวลาหลายปีหรอกหรือ?!”
หลังจากนั้น พวกเขาจึงออกห่างไปเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม ถอยห่างจากตำแหน่งโดยรอบของอัครเสนาบดีหลิวไปครึ่งก้าว ต่างจ้องด้วยสายตาประหลาดใจ
อัครเสนาบดีหลิวกำหมัดแน่น กัดฟันแล้วกระตุกอยู่เป็เวลานาน จากนั้นชี้ไปที่จมูกของเจียงเฉิงเยว่แล้วคำรามอย่างสูญเสียการควบคุม “ไร้สาระ! เ้ากำลังพูดเื่ไร้สาระ!”
เจียงเฉิงเยว่แค่นเสียงเ็า จากนั้นกอดอกอย่างเชื่องช้า “อัครเสนาบดีหลิวคิดจะปฏิเสธอย่างไรเล่า?” เขาเลิกคิ้วมองบนหน้าอกที่เปิดโล่งของอัครเสนาบดีหลิวที่ตราคำสาปยังคงขยายใหญ่ขึ้น “อัครเสนาบดีหลิยังคงยืนยันว่าตนเองตกเป็เหยื่อของคำสาปร้อยผีกลืนใจ...เช่นนั้นตราคำสาปนี้ของท่านจึงปรากฏออกมาในตอนนี้? ข้ากลับได้ยินเป็ครั้งแรกเลยว่าคำสาปร้อยผีกลืนใจสามารถปรากฏตราคำสาปออกมาได้ถึงสองครั้ง”
ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ หนีรั่วหลีเอ่ยอย่างเ็า “ไม่เคยเห็นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเป็กรณีพิเศษนี่...”
ก่อนหน้านี้ เจียงเฉิงเยว่แอบได้ยินตอนที่เขาคุยกับรุ่นน้องสองคนอย่างหนีอิ๋นเสวี่ยกับสวี่ฮ่วนเจ๋อในลานด้านหลังเรือนรับรองภายในจวนสกุลหลิว คนที่พูดเื่นี้คือหนีอิ๋นเสวี่ย และคนที่คัดค้านคือหนีรั่วหลี ่เวลานี้กลับดีจริงเชียว ตัวเขากลับมาพูดอีกครั้ง…ยังคงยึดมั่นที่จะเชื่อสิ่งที่เป็ ‘กรณีพิเศษ’ ซึ่งมิอาจเป็ไปได้เช่นนี้ แต่ไม่เชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?
หลังเจียงเฉิงเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะและพูดอย่างเหน็บแนม “หากนักพรตหนี้าสร้างปัญหาที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้...เช่นนั้นข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
“เ้า!” หนีรั่วหลียังไม่ทันตอบสนอง ศิษย์น้องผู้ใจร้อนคนนั้นกลับทนไม่ไหว จ้องเจียงเฉิงเยว่ด้วยความโกรธเคือง หนีรั่วหลีจึงวางมือบนไหล่ของอีกฝ่ายให้เขาอย่าวู่วาม หนีอิ๋นเสวี่ยจึงไม่กล้ารีบร้อน พยายามนิ่งเงียบไม่ส่งเสียงใด ส่งสายตาที่ราวกับลูกศรพุ่งออกมา
เจียงเฉิงเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ช่างเถิด มันไม่สำคัญ ข้าไม่จำเป็ต้องอธิบายให้พวกเ้าฟังมากเช่นนี้”
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ หลังไป๋เจ๋อจวินนึกคำถามขึ้นมาได้จึงถามกลับ “เช่นนั้นไม่ทราบว่าฉิงชางจวิน...วางแผนที่จะช่วยอัครเสนาบดีหลิวอย่างไร?”
ทุกคนมองเขาแล้วหันไปมองเจียงเฉิงเยว่ ค่อยๆ เผยความคาดหวัง เฝ้ารอคำตอบ
เจียงเฉิงเยว่บอก “ง่ายๆ...” เขามองไปที่อัครเสนาบดีหลิว จากนั้นเลิกคิ้ว “อิงตามเหตุผลแล้ว เมื่อคำสาปร้อยผีกลืนใจกลับมากลืนกิน ควรจะให้าาผีผู้ทำสัญญารับผิดชอบถึงจะถูกต้อง...และคนผู้นั้นที่ลงนามในสัญญากับท่านอัครเสนาบดีในเวลานั้นก็ขาดความรับผิดชอบอยู่เล็กน้อย แต่ว่า...ข้าสามารถบอกวิธีดีๆ ให้ท่านอัครเสนาบดีได้...” เขายกมือขึ้นกลางอากาศ หลังจากนั้นพลังิญญาก็สว่างวาบ ปลายนิ้วที่สว่างไสวส่งเสียง ‘เปรี๊ยะ’ มองเห็นว่าเป็ค่ายกลอัญเชิญที่พร้อมจะเผยตลอดเวลา
เจียงเฉิงเยว่พูดอย่างโน้มน้าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอัครเสนาบดี ท่านเพียงแค่ต้อง...เอ่ยนามของาาผีผู้นั้น แล้วข้าจะบังคับเรียกเขามาให้ท่านในทันที ผลกรรมนี้ต้องให้เขาร่วมรับผิดชอบด้วย การกระทำเช่นนี้เป็วิธีเดียวที่จะช่วยท่านอัครเสนาบดีจากการแว้งกัดของคำสาปร้อยผีกลืนใจได้”
ควันสีดำลอยขึ้นด้านหลังเขา เสียงร้องโหยหวนของผีนับร้อยดังไม่ขาดสาย ในที่นี้นอกจากเสียงผีคร่ำครวญกับเสียงหมาป่าหอนแล้วไม่มีเสียงอื่นใดอีก ทุกคนเพ่งสายตาไปที่ร่างของอัครเสนาบดีหลิว ต่างรอคำตอบจากเขา
เจียงเฉิงเยว่แน่ใจว่าอัครเสนาบดีหลิวจะให้การเกี่ยวกับาาผีผู้ทำสัญญาเพื่อรักษาชีวิตอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่เร่งรัด ยืนรอร่วมกันกับชาวสำนักเต๋าอย่างสบายๆ รอผลแห่งชัยชนะงอกเงยอย่างเงียบงันด้วยความพึงพอใจ สวี่ฮ่วนเจ๋อที่อยู่ข้างกายหนีอิ๋นเสวี่ยในกลุ่มคนมาโดยตลอดรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถาม “ฉิงชางจวิน...ค่ายกลเมื่อครู่นี้ ท่านเป็ผู้ทำลายหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่หายใจไม่ออก พลันรู้สึกผิดอย่างไม่มีที่มาที่ไป
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่สวี่ฮ่วนเจ๋อ ก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้ง “ที่ฉิงชางจวินทำลายค่ายกลก่อนหน้านี้ กับการกระทำที่ฉิงชางจวินบีบบังคับค่ายกลอัญเชิญในยามนี้...ล้วนเป็พลังิญญาที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง ฉิงชางจวิน ในฐานะที่เป็าาผี เหตุใดจึงสามารถเรียกใช้พลังิญญาที่ครอบงำและบริสุทธิ์เช่นนี้ได้?”
เขายังพูดไม่จบ ทุกคนกลับตกตะลึง เจียงเฉิงเยว่เองก็รวมอยู่ใน ‘ทุกคน’ ด้วย
ประมาทเข้าเสียแล้ว!!! มีผู้คนมากมาย จึงมีความเป็ไปได้สูงที่จะพบคนเฉลียวฉลาด อัครเสนาบดีหลิวยังไม่ได้ให้การเกี่ยวกับผู้ร้ายเื้ั เขากลับต้องกลัวว่าการสมรู้ร่วมคิดนี้ของเขากับหลี่อวิ๋นหังจะถูกเปิดโปงเสียก่อน!
ในความเป็จริงแล้ว กลยุทธ์ที่ฉับพลันนี้ของฉิงชางจวินแก้ปัญหาที่ต้นตอและมุ่งไปที่จุดสำคัญ ซึ่งก็มีการแนะนำจากผู้สูงส่งที่อยู่เื้ัอีกด้วย ไม่จำเป็ต้องเอ่ยเลยว่า เสวียนเหยาซ่างเซียนคือผู้สูงส่งคนนั้น
หากคิดว่าในตอนแรก เจียงเฉิงเยว่เดินไปรอบจวนของอัครเสนาบดีเพียงลำพังอยู่หลายวัน ก็เหมือนกับเต่าที่หดตัวอยู่ในกระดองแข็ง และไม่สามารถหาที่กัดได้ หลี่อวิ๋นหังเพียงให้คำแนะนำเพิ่มสองประโยค จึงทำให้เขาหาจุดแรกเริ่มที่จะแก้ปัญหาได้ในทันที ่เวลาเดียวกับที่เขากระจ่างแจ้ง หัวใจของเขากลับยินดีอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่ยินดีก็ไม่ใช่เพียงเห็นแสงรุ่งอรุณของความหวังเท่านั้น ทว่าเป็เพราะความเชื่อใจของหลี่อวิ๋นหังที่มีต่อเขาด้วย
อาหังเชื่อเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เคยโต้แย้งอะไรเพื่อตนเองต่อหน้าหลี่อวิ๋นหัง หลี่อวิ๋นหังกลับเชื่อว่าเขาไม่ใช่ผู้อยู่เื้ัโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำใด ดังนั้นจึงได้ชี้แนะเขาว่าควรจะหลอกล่อให้อัครเสนาบดีหลิวเผยผู้ร้ายตัวจริงอย่างไร ชั่วขณะนั้นเจียงเฉิงเยว่รู้สึกเช่นกันว่าอัครเสนาบดีหลิวจะให้การหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ ถึงอย่างไรอาหังก็เชื่อเขาอยู่ดี...เพราะอย่างนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับชาวสำนักเต๋าเมื่อครู่ เขาถึงได้ผ่อนคลายและสงบนิ่งมากเช่นนี้
ทว่ายามนี้ ความผ่อนคลายกับความสงบหายไปหมดสิ้น แม้ว่าอัครเสนาบดีหลิวจะไม่เปิดปาก ให้เขาแบกรับความอัปยศต่อไปย่อมเป็เื่เล็ก ทว่าหากถูกใครทราบเข้าว่าหลี่อวิ๋นหังร่วมมือกับเขา เขาจะต้องนำความเดือดร้อนไปถึงอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
เซียนกับผีมีเส้นทางที่แตกต่างกัน เมฆกับโคลนย่อมแตกต่างกัน แต่ไหนแต่ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบหรือร่วมมือกัน
สถานการณ์ที่น่าหวาดผวาจากการหลอกลวง ทำให้สมองของเจียงเฉิงเยว่ทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้หลี่อวิ๋นหังแนะนำวิธีรับมือผ่านการเชื่อมต่อทางจิต เขากลับพูดโกหกอย่างเลอะเลือนออกไปเสียแล้ว คุยโวเกินจริงจนจบ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเ็าที่มีความเหยียดหยามยั่วยุอยู่หลายส่วน “ข้าเร้นกายจากโลกเพื่อบ่มเพาะกว่าร้อยห้าสิบปี การทำลายค่ายกลเด็กๆ อย่างพวกท่านไม่กี่คนเช่นนี้...น่าแปลกใจมากเชียวหรือ?”
ทันใดนั้น ใบหน้าของชาวสำนักเต๋าจึงดูดีขึ้น
“ในฐานะาาผีที่ร่างมนุษย์ธรรมดาเพื่อบ่มเพาะ นี่ย่อมทำได้หรือ? ฉิงชางจวินผู้นี้ไม่เล่นไพ่ตามกฎ3 เสียจริง”
ถึงขั้นมีผู้วิเคราะห์อย่างเป็แบบแผน “เซียนหลิวเฟิงหนึ่งในสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลกก็สำเร็จเป็เซียน...กับฉิงชางจวินผู้นี้เคยเป็บุคคลที่มีชื่อเดียวกันกับเขา คาดว่าคงอดใจไม่ได้ที่จะอิจฉา ก่อนหน้านี้เขาฝ่าฝืนกฎ์ เกรงว่าคงหมดหวังจะได้เลื่อนขั้น...หรือว่าเขาใช้วิธีนี้เปิดเส้นทางใหม่และคิดจะใช้ตัวตนการบ่มเพาะธรรมดานี้เพื่อเลื่อนขั้น?”
“การใช้พลังิญญาเพื่อทำลายค่ายกลพลังิญญา การกระทำนี้ทำให้พวกเราที่เป็นักพรตสำนักเต๋าอับอายอย่างชัดเจน...แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ ช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”
ด้วยหูที่ฉับไวของเจียงเฉิงเยว่ จึงได้ยินถ้อยคำที่คนเ่าั้พูดโดยไม่ตกหล่น เขาหัวเราะในใจอย่างบ้าคลั่งภายใต้ความประหลาดใจ ์! ช่างเป็การจับพลัดจับผลูจริงเชียว?! อย่างไรก็ตาม เขอดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งคนเ่าั้ที่เชื่อมโยงต้นสายปลายเหตุให้เขาโดยที่ตนเองไม่เคยคิดมาก่อน!
ภายหลังอธิบายเื่นี้อย่างชัดเจน เจียงเฉิงเยว่ไม่ลืมธุระสำคัญที่ตนเองมา จากนั้นมองไปที่อัครเสนาบดีหลิวอีกครั้ง “ท่านอัครเสนาบดี...ยังคิดไม่ออกอีกหรือ? สิ่งที่ข้า้าจากท่านมีเพียงนามเท่านั้น ขอเพียงเอ่ยออกมา...ข้าจะช่วยให้ิญญาของท่านไม่แตกสลาย”
เมื่อเขาเปลี่ยนหัวข้อกลับมาเช่นนี้ ทุกคนจึงกลับมามีสติ จากนั้นเพ่งสายตาไปบนใบหน้าของอัครเสนาบดีหลิวผู้นั้นอีกครั้งซึ่งอดไม่ได้ที่จะลังเล
อัครเสนาบดีหลิวกัดฟัน ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา มีเส้นเืปูดที่ขมับทั้งสองข้าง ราวกับว่ากำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง
สถานการณ์แปลกออกไป เจียงเฉิงเยว่รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ผ่านไปเป็เวลานาน อัครเสนาบดีหลิวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาฉายแววเ็า เอ่ยด้วยความโกรธ “ฉิงชางจวิน! เ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้วโดยพลัน ไม่มีใจที่จะพัวพันกับอีกฝ่ายต่อไป เอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ข้าพูดไปแล้ว ขอเพียงเอ่ยนามาาผีที่ทำสัญญากับท่าน ณ ตอนนั้นออกมา!”
อัครเสนาบดีหลิววิ่งไปข้างหน้าครึ่งก้าวด้วยความโมโห จากนั้นหยุดฝีเท้าได้ทันเวลา เขากัดฟันเอ่ย “ฉิงชางจวิน ในเมื่อเ้าไม่รักษาสัญญาและเปิดโปงเื่ในปีนั้นออกมา...เป็เ้าที่ไม่ปรานีก่อน ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายเลย! จะยังมีาาผีผู้ทำสัญญาที่ไหนอีก ผู้ที่ทำสัญญากับข้าเมื่อปีนั้นไม่ใช่เ้าหรอกหรือ?!”
------------------------
[1] ป่วยแล้วลนลานไปหาหมอ เป็สำนวน หมายถึง พบวิกฤตแล้วเที่ยวไปขอความช่วยเหลือจากทุกหนทุกแห่ง
[2] ลุ่มหลงผีในจิตใจ เป็สำนวน หมายถึง ถูกทำให้สับสนจนขาดสติ
