“ใช่ จั่วเหลิ่งเทียนของพันธมิตรเทียนเตาข้าก็ถูกเย่เฟิงนั่นฆ่าตาย บัญชีเืต้องชดใช้ด้วยเื!”
“เกิ่งหัวของสำนักเชียนสุ่ยข้าก็ตายในน้ำมือเด็กคนนี้ วันนี้เย่เฟิงต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
ผู้าุโขั้นยุทธ์เทวะทั้งพันธมิตรเทียนเตา และสำนักเชียนสุ่ยแสดงจุดยืนชัดเจน เห็นได้ชัดว่า้าชีวิตเย่เฟิงมากเพียงใด
“พวกท่านคงมาเสียเที่ยวแล้ว ั้แ่เย่เฟิงออกจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเมื่อคราวก่อนก็ยังไม่ได้กลับมานานถึงครึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ข้าจึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาอยู่ที่ไหน” เฒ่าจิงกล่าวพร้อมโค้งตัวให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่
หลังจากเย่เฟิงกลับถึงสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็แจ้งเื่ที่เกิดขึ้นในมิติก้นบึ้งทะเลสาบให้เขาทราบทันที ดูเหมือนว่าเย่เฟิงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคนเหล่านี้จะมาสร้างปัญหาที่นี่
ดังนั้นเฒ่าจิงจึงกล่าวเช่นนี้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่าเย่เฟิงกลับสำนักยุทธ์เทียนเสวียน คนเหล่านี้อาจไม่รู้ว่าเย่เฟิงถูกมิติปั่นป่วนนั่นกลืนกินไปหรือไม่
“เชื่อเ้าก็บ้าแล้ว มิสู้ให้พวกเราค้นสำนักยุทธ์เ้าดีกว่าหรือ?” ผู้าุโขั้นยุทธ์เทวะจากพันธมิตรเทียนเตาแสยะยิ้ม โดยที่ไม่เชื่อคำพูดของเฒ่าจิง
“สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าตามอำเภอใจ ใต้เท้าไม่คิดหรือว่าคำขอของท่านมันมากเกินไป?”
น้ำเสียงของเฒ่าจิงเย็นเยือกขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ เขาย่อมมีเส้นตายของตน ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็ใครมาจากไหนก็มิอาจแตะต้องเส้นตายนี้ได้
“เกินไปงั้นหรือ?”
ดวงตาของผู้าุโพันธมิตรเทียนเตาเผยประกายเย็นเยือก “ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ต้องคืนเงิน เย่เฟิงผู้นั้นฆ่าศิษย์ของสี่สำนัก เขาก็ต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่ตนเองทำลงไป คำขอของข้าจะเกินไปได้อย่างไร?”
ขณะกล่าวเช่นนั้น ผู้าุโพันธมิตรเทียนเตาก็คิดจะบุกสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่กลับเห็นเฒ่าจิงมาขวางทางเขา “ข้าพูดแล้ว เย่เฟิงยังไม่กลับมา ใต้เท้าไยต้องรังแกกันเช่นนี้ด้วยเล่า?”
“ข้าไม่สนเื่พวกนี้ ตราบใดที่มีคนผู้นั้นฆ่าศิษย์ข้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต” หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวเสียงเย็นพร้อมปลดปล่อยพลังปราณ
ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ย และผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้จากสำนักเชียนสุ่ยต่างก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาเช่นกัน ก่อนจะเข้าปกคลุมร่างเฒ่าจิง ทำให้เฒ่าจิงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันขึ้นมาทันที
“เย่เฟิงไม่อยู่ ข้าจึงมิทราบว่าจะชดใช้ให้กับศิษย์ของท่านทั้งสี่อย่างไรดี?” เฒ่าจิงเผยสีหน้าดูไม่ได้ เขารู้ว่าเื่นี้ไม่มีทางจบลงด้วยดี แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางส่งตัวเย่เฟิงให้เด็ดขาด เขาคือผู้พิทักษ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียน การปกป้องผู้สืบทอดาาเสวียนคืองานของเขา ดังนั้นต่อให้เสียสละชีวิต เขาก็ต้องปกป้องเย่เฟิงให้ถึงที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่
“ในเมื่อเด็กนั่นไม่อยู่ งั้นเ้าก็รับเพลิงพิโรธของพวกเราแทนเขาซะ!” หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“ใต้เท้า้าสิ่งใดก็เชิญกล่าวมาได้เลย!” เฒ่าจิงเอ่ยถาม
“มันง่ายมาก หากเ้ารับสามฝ่ามือของข้าทุกคนได้ พวกเราจะถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น!” หญิงสาวจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าว
แม้แต่เหล่าผู้คนด้านล่างยังสังเกตเห็นการประจันหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งห้าคน แต่เมื่อได้ยินคำขอของหญิงชราต่างก็รู้สึกโมโห เกลียดตัวเองที่อ่อนแอ หาไม่แล้วจะยอมให้ผู้อื่นรังแกได้อย่างไร
บนท้องฟ้าไกลออกไปหลายสิบลี้ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสามคนซ่อนตัวอยู่ และคอยสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวทางด้านสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเงียบ ๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะเหล่านี้คือยอดฝีมือาุโแห่งอาณาจักรที่ไม่ปรากฏตัวต่อโลก บัดนี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสี่กองกำลังจากต่างแดนมาเยือนสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทำพวกเขาประหลาดใจจนต้องรุดมาสังเกตการณ์
จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะหนึ่งในนั้นพูดว่า “สี่ผู้แข็งแกร่งบีบบังคับเช่นนี้ เฒ่าจิงน่าจะยอม”
“หากเฒ่าจิงยอมเงื่อนไขของพวกเขาสี่คน แม้ไม่ตาย แต่คงจะสาหัสไปจนถึงรากฐานจนมิอาจฟื้นฟูได้ภายในเวลาอันสั้น เช่นนี้สำนักยุทธ์เทียนเสวียนอาจกลายเป็สุนัขที่ไร้เ้าของ ต่อไปใครจะทำอะไรก็ได้”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะอีกคนกล่าวด้วยท่าทีรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น
ซึ่งสองในพวกเขาสามคนวางตัวเป็เอกเทศ ไม่มีกองกำลังเป็หลักเป็แหล่ง แต่ในการแข่งขันระหว่างราชวงศ์กับสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พวกเขาค่อนข้างสนับสนุนราชวงศ์มากกว่า
“เช่นนั้นคงไม่ดีเท่าไร องค์ชายใหญ่ก็สามารถเล่นงานได้เหมือนกัน”
ชายชราชุดสีทองคนหนึ่งกล่าวอย่างได้ใจ เขาแซ่จ้าว เป็เสด็จอาขององค์าาจ้าว ตบะบรรลุขั้นยุทธ์เทวะ และยังเป็ผู้สนับสนุนองค์ชายใหญ่จ้าวหยาง
เมื่อสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกำลังเจอภัย ทุกกองกำลังต่างไม่อยากสูญเสียผลประโยชน์เช่นนี้ จึงมาคอยสังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ เพื่อเตรียมแบ่งสมบัติเมื่อสำนักยุทธ์เทียนเสวียนล่มสลาย
“ว่าอย่างไร? จะตอบได้หรือยัง?”
หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยเห็นเฒ่าจิงเงียบก็พูดขึ้นด้วยท่าทีหมดความอดทน
“ท่านอาจารย์ไม่ได้เด็ดขาด หากท่านร่วงโรย เกรงว่าชะตากรรมของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนคงได้จบสิ้นเป็แน่” ฉินเจิ้นถิงที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงผ่านจิตมาหาเฒ่าจิง
“วางใจเถิด ตาแก่อย่างข้าไม่ตายง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก” เฒ่าจิงกล่าวด้วยความเชื่อมั่นพลางยิ้มให้ฉินเจิ้นถิง
จากนั้นเฒ่าจิงหันไปมองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่ด้วยสายตาแน่วแน่ ก่อนกล่าวว่า “ข้าตกลง พวกท่านใครจะเข้ามาก่อน”
เฒ่าจิงไร้หนทางเลือกเมื่อเผชิญหน้ากับการกดดันจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คน หากเขาตอบโต้ เช่นนั้นเขาจะไม่ได้เจอหายนะเพียงคนเดียว แต่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็จะเจอหายนะไปด้วย
ความพิโรธของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะนั่นมิใช่สิ่งที่คนอื่น ๆ ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะทนรับไหว อีกฝ่ายเพียงสะบัดมือก็ทำลายศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้แล้ว หากเื่เช่นนั้นเกิดขึ้นจริง สำหรับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนแล้ว มันคือหายนะอันใหญ่หลวง
ดังนั้นเฒ่าจิงจึงยอมเสียสละชีวิตของตน เพื่อปกป้องเย่เฟิงและสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
“รับฝ่ามือของข้าไปซะ!”
เมื่อสิ้นเสียงเฒ่าจิง ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยก็กะพริบร่างมาปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเฒ่าจิงในพริบตา ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตีที่อกของเฒ่าจิง จู่ ๆ พลังแห่งขั้นยุทธ์เทวะอาละวาดในกายเฒ่าจิงทันที
เฒ่าจิงพลันส่งเสียงโอดครวญ จากนั้นถูกซัดกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ลมปราณแตกซ่าน พร้อมเืไหลออกมุมปาก
“อีกรอบ!”
ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยแสยะยิ้ม รับสามฝ่ามือของพวกเขาสี่คน ชายผู้นี้บ้าไปแล้ว
“ฟิ้ว!”
เสียงสายลมดังขึ้น ชายชราวาดฝ่ามือโจมตีอีกครั้ง ฝ่ามือนี้ยังแฝงด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เมื่อโจมตีเฒ่าจิง เขาก็ต้องส่งเสียงร้องออกมา
ทว่าเฒ่าจิงกัดฟันอดทนและยังไม่สู้กลับ เขาใช้กายเนื้อรับฝ่ามือที่สองตรง ๆ เืในกายจึงสั่นคลอน พลังฝ่ามือของชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยทำอวัยวะภายในของเฒ่าจิงได้รับาเ็ ทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็ลิ่มเืและใบหน้าก็ต้องขาวซีด
