เมื่อเทียบจัวชิงหยิ๋งที่สงวนท่าทีและไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาแล้ว หญิงสาวที่อยู่บริเวณจัตุรัสเหยียนหลงต่างกรีดร้องแสดงความคลั่งไคล้ที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา
เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของผู้หญิงสองคนที่อยู่ในห้องทางตะวันออกของจัตุรัส แต่พวกนางมีความรู้สึกต่อเหตุการณ์นี้แตกต่างกัน
เสว่ยปิงหนิงเต็มไปด้วยความสุข นางไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็อย่างไร ในสายตาของนางมีเพียงหลัวเลี่ยเท่านั้นไม่มีคนอื่นอีกแล้ว นี่คือจิตใจของผู้หญิงที่บริสุทธิ์มากคนหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม หลิวหงเหยียนหลับถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสร้อย
นางนึกถึงอดีต
เดิมทีนางก็เป็เหมือนเสว่ยปิงหนิง
แต่เพราะเล่ห์เหลี่ยมและการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในราชวงศ์ ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลัวเลี่ยกลับไม่บริสุทธิ์นัก
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลัวเลี่ยจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว แต่หลิวหงเหยียนก็รู้สึกว่าตัวเองติดหนี้บุญคุณหลัวเลี่ยอยู่เสมอ และนางก็รู้สึกว่ายังมีความรู้สึกห่างเหินคงอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถทนเห็นการแสดงออกอย่างไร้ยางอายของหญิงสาวพวกนั้นได้ เพราะนางกลัว กลัวว่าจะมีหญิงสาวที่คล้ายเสว่ยปิงหนิงปรากฏตัวขึ้นมาอีก
“เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว”
หลิวหงเหยียนรู้สึกขมขื่น
“หงเหยียน ไก้อู๋ซวงกำลังจะเป็บ้าไปแล้ว เขาจะต้านทานนางได้หรือไม่” เสว่ยปิงหนิงพูดอย่างเป็ห่วง
หลิวหงเหยียนชำเลืองมอง แน่นอนว่าตอนนี้ไก้อู๋ซวงใกล้จะเสียสติไปแล้ว เื่นี้ก็ช่วยไม่ได้ ใครจะสมปรารถนาได้ตลอดกันเล่า นางได้เกิดใหม่เป็ครั้งที่สองจากเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายแล้วและยังได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนรอบด้าน แต่แล้วเื่ราวทุกอย่างนอกจากจะไม่ได้ทำให้นางสังหารศัตรูที่ฆ่านางสำเร็จแล้ว มันยังเป็ส่วนที่ช่วยให้ศัตรูของนางสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาและได้รับนิมิตจาก์อีกด้วย เมื่อมองจากเื่ราวทั้งหมดแล้วจะไม่ให้นางคลั่งได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นไก้อู๋ซวงยังเป็ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนิสัยหยิ่งยโสมาก
ในความเป็จริงหลิวหงเหยียนก็มีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับไก้อู๋ซวงเช่นกัน
หนึ่งคือเล่ห์เหลี่ยม
และอีกหนึ่งคือวรยุทธ์
ดังนั้นหลิวหงเหยียนจึงเข้าใจความรู้สึกของไก้อู๋ซวงดี
“เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์คงจะเปรียบเทียบได้กับเคล็ดวิชาั์” หลิวหงเหยียนกล่าวอย่างราบเรียบ
เสว่ยปิงหนิงตัวสั่นและพูดอย่างไม่เชื่อว่า “ไม่ ไม่มีทาง”
เคล็ดวิชาั์เป็เคล็ดวิชาในตำนานของพลังวรยุทธ์ในระดับผู้ฝึกตน นอกจากหลัวเลี่ยแล้วก็ไม่มีใครฝึกเคล็ดวิชานี้ได้สำเร็จ ดังนั้นเคล็ดวิชาอื่นๆ ก็ไม่ถือว่าเป็เคล็ดวิชาที่ยากสำหรับเขา
หากเคล็ดวิชาที่หลัวเลี่ยสร้างขึ้นสามารถเทียบกับเคล็ดวิชาั์ได้ก็หมายความว่าเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์นี้เป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับหยินหยาง แก่น์ และวังชะตาเรียกได้ว่าเป็เคล็ดวิชาที่ทรงพลังทิ้งห่างจากเคล็ดวิชาชั้นยอดอื่นๆ อย่างมาก
เป็ไปได้หรือ?
เคล็ดวิชาั์ได้รับการยอมรับจากเทพเชียวนะ
แล้วเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์จะได้รับเกียรติเช่นนั้นหรือไม่?
เคล็ดวิชาั์กำเนิดขึ้นโดยธรรมชาติ หากเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์เทียบได้กับเคล็ดวิชาั์จริงก็ไม่ได้หมายความว่าหลัวเลี่ย...
เสว่ยปิงหนิงไม่กล้าคิด
ในเวลานี้ไก้อู๋ซวงโกรธมาก นางทั้งโมโหและอิจฉาจนคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อกลบเสียงสรรเสริญทั้งหมด แล้วหลังจากนั้นนิมิตมงคลของ์ก็สลายเหมือนถูกลมพัดให้หายไป
มีเพียงเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำบนท้องฟ้าเท่านั้นที่ทำให้รัศมีของไก้อู๋ซวงไม่มีใครเทียบได้ มันให้ความรู้สึกราวกับว่านางกำลังจะครอบงำทุกสิ่ง
ไก้อู๋ซวงกำลังจะคลั่งจริงๆ แล้ว
แรงกดดันอันไร้จุดสิ้นสุดที่ถูกส่งออกมาจากไก้อู๋ซวงทำให้เกิดเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น
“หลัว... เลี่ย... เ้าคนพาล!”
ร่างกายทุกส่วนของไก้อู๋ซวงถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ และเปลวเพลิงในดวงตาของนางก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพลังของนางเป็ไปตามความคิด
“คนพาล?” หลัวเลี่ยขมวดคิ้ว “ทุกเื่ที่ข้าหลัวเลี่ยทำล้วนกระทำอย่างเปิดเผยจนไม่อาจยอมรับคำว่าคนพาลที่เ้ากล่าวอ้างมาได้ แต่เ้าที่กำเนิดมาจากธรรมชาติและมีอาจารย์เป็ถึงบรรพชนกลับสังหารข่งเยวี่ยเจินอย่างโหดร้ายเพราะทะนงตน ข้าว่าเ้าต่างหากที่เป็คนพาลตัวจริง”
“บังอาจ!”
ไก้อู๋ซวงโกรธมาก นางยื่นมือออกไปคว้าอากาศในทันที
ท่ามกลางเสียงกึกก้อง เปลวเพลิงที่ไม่มีจุดสิ้นสุดพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า มันปกคลุมทั่วท้องฟ้า แล้วรวมตัวกันกลายเป็ฝ่ามือเพลิงมือหนึ่งที่มีขนาดราวสามสิบจั้งลอยอยู่บนท้องฟ้า
นางเตรียมพร้อมโจมตีแล้ว
“ครั้งที่แล้วเ้ากับข้าเคยเป็คู่ต่อสู้ที่มีความสามารถสูสีกัน ตอนนั้นข้าแพ้เ้าที่ความถึกและความอดทน แต่ตอนนี้ข้าได้เกิดใหม่จากเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายแล้ว ครั้งนี้ข้ากลับมาพร้อมกับแรงปรารถนาที่จะแก้แค้น นอกจากนี้พลังของข้าในทุกๆ ด้านยังเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนเป็สองเท่า แล้วเ้าจะถือว่าเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร”
“ถ้าเ้าต่อสู้อีกครั้ง หนทางเดียวที่เ้ามีก็คือความตายเท่านั้น!”
ฝ่ามือเพลิงขนาดใหญ่กดลงมาที่พื้นดินอย่างรุนแรงจนทำให้ผืนดินแต่ระแหง
แรงกดดันนี้น่ากลัวมาก การโจมตีในครั้งนี้ของไก้อู๋ซวงทำให้ปรมาจารย์ที่มีพลังอยู่ในระดับแก่น์ต่างหวาดกลัวนาง ใครจะคิดว่าไก้อู๋ซวงจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ แม้ว่าพลังวรยุทธ์ของนางจะอยู่เพียงขั้นกลางของระดับหยินหยางเท่านั้นแต่นางกลับสามารถปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าทำไมอูอวิ๋นเซียนถึงยอมรับไก้อู๋ซวงเป็ศิษย์ได้ ทำไมนางจึงเรียกตัวเองว่าเป็ผู้ไร้เทียมทาน ทุกอย่างล้วนเป็สิ่งที่มีมูลมาก่อนแล้ว
หลัวเลี่ยที่ยืนอยู่บนหมอกเงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือเพลิงอันทรงพลัง ในใจของเขารู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด
ถ้าพูดในแง่ของความแข็งแกร่ง หลัวเลี่ยที่ยังไม่ได้สร้างเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์นั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไก้อู๋ซวงจริงๆ นอกจากนี้ยังถือว่าด้อยกว่าไก้อู๋ซวงเป็เท่าหนึ่งด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีเคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์แล้ว มันก็ทำให้พลังพื้นฐานของหลัวเลี่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ก็เหมือนกับที่เคล็ดวิชาั์ในระดับผู้ฝึกตนสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้
และตอนนี้เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ก็เป็เช่นนั้น
ในระดับหยินหยาง ระดับแก่น์ และระดับวังชะตาเคล็ดวิชานี้นับว่าเป็เคล็ดวิชาที่ยอดที่สุด
นอกจากนี้หลัวเลี่ยยังมีฐานพลังที่มั่นคงจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ร่วมด้วยอีก การซ้อนทับกันของสองยอดเคล็ดวิชาทำให้พลังของหลัวเลี่ยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและชัดเจนมาก
ดังนั้นเมื่อหลัวเลี่ยได้เผชิญหน้ากับการโจมตีของไก้อู๋ซวง เขาจึงทำเพียงยกมือขึ้นและต่อยฝ่ามือเพลิงที่มีขนาดสามสิบจั้งนั้นออกไป
ตูม!
พลังเพียงหมัดเดียวของหลัวเลี่ยได้สั่นะเืไปทั่วทั้งท้องฟ้า
ฝ่ามือเพลิงขนาดใหญ่แตกสลายเป็เสี่ยงๆ เปลี่ยนเป็สายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดทุกทิศทุกทาง ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงและถอยหนีกันไป
การโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้ผู้คนรู้ว่าหลัวเลี่ยแข็งแกร่งเพียงใด
สีหน้าท่าทางของไก้อู๋ซวงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน “เ้าก็เปลี่ยนไป”
หลัวเลี่ยยิ้มเบาๆ “เ้ายังเกิดใหม่จากเคล็ดวิชานิพพานเป็ตายได้ แล้วทำไมข้าจะเปลี่ยนไปบ้างไม่ได้ล่ะ เคล็ดวิชาเต๋านับอนันต์ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากกำลังภายในไปจนถึงการแสดงพลังออกมา นอกจากนี้มันยังทำให้พลังพื้นฐานของข้ามั่นคงแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงของข้านับว่ายิ่งใหญ่กว่าการเกิดใหม่เป็ครั้งที่สองของเ้าเสียอีก ดังนั้นครั้งนี้ข้าจะต้องสังหารเ้าเพื่อล้างแค้นให้ข่งเยวี่ยเจินให้ได้!”
“การกลับมาอีกครั้งของข้าจากเคล็ดนิพพานเป็ตายทำให้พลังของข้าไปถึงจุดสูงสุดแล้วเ้าจะนับว่าเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างไร” ไก้อู๋ซวงะโออกมา นางตั้งจิตรวบรวมพลังทำให้เปลวเพลิงที่สลายไปกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง จากนั้นพลังทั้งหมดก็ตกลงมายังร่างของนางแล้วนางก็ส่งพลังทำให้พลังนี้เปลี่ยนร่างเป็ตรารูปมือและส่งตรารูปมือนี้ไปที่หลัวเลี่ย
ตูม!
ทันใดนั้นผนึกสี่เหลี่ยมก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ
มันคือตราประทับจตุรทิศที่ทำให้หลัวเลี่ยเคยทุกข์ทรมานมาก่อน
ตราประทับจตุรทิศนี้ส่งพลังกดดันไปที่หลัวเลี่ย
อีกทั้งพลังของมันในครั้งนี้ก็แข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมาก
การโจมตีของไก้อู๋ซวงในครั้งนี้ทรงพลังมากกว่าเปลวเพลิงก่อนหน้านี้อย่างยิ่ง
หลัวเลี่ยออกแรงอีกครั้งและอารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
หากเขาเป็ราชันผู้พิชิต พลังของเขาก็จะสามารถเคลื่อนย้ายจักรวาลรวมทั้งกดดันสรรพสิ่งได้ และนี่ก็คือแิของหมัดผู้พิชิต
ตูม!
หมัดผู้พิชิตเป็วิชายุทธ์ที่ปรมาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งมีพลังอยู่ในระดับวังชะตาสร้างขึ้น เมื่อหลัวเลี่ยใช้มันแล้ว พลังของเขาก็ยิ่งส่งเสริมมันจนเมื่อเขาส่งพลังออกไปผ่านวิชายุทธ์นี้ก็ทำให้มันทรงพลังมากกว่าวิชาผนึกจตุรทิศที่สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ในระดับทลายยุทธ์เสียอีก
เพียงหมัดเดียวของหลัวเลี่ยก็ทำให้อากาศแปรปรวนทันที
เมื่อได้ปะทะเข้ากับหมัดของหลัวเลี่ย ผนึกจตุรทิศขนาดใหญ่ก็สั่นะเือย่างรุนแรงและมีรอยแตกร้าวเกิดขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงะเิดัง “ตูม”
ไก้อู๋ซวงตกตะลึง นางก้าวถอยหลังไปสามถึงสี่ก้าวจนเกือบจะตกจากแท่นเหยียนซิน
หลัวเลี่ยไพล่มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลังและพูดอย่างใจเย็นว่า “การต่อสู้ครั้งหน้า เ้าจะไม่สามารถเข้าถึงตัวข้าได้อีกต่อไป”