หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากแน่น ลดสายตาลง หันกลับมาโดยหันหลังให้ฉือหาง
ใบหน้าของฉือหางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นางเพียงนอนข้างๆ เขาเท่านั้น ทว่าร่างกายของเขาก็ร้อนผะผ่าวอย่างช่วยไม่ได้
"ท้องของเ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?” ฉือหางนึกได้ว่าหลินกู๋หยู่มีระดู จึงเลื่อนมือไปที่หน้าท้องของนาง
หลินกู๋หยู่ยื่นมือออกไปคว้ามือของฉือหางอย่างกระวนกระวาย ความร้อนในร่างกายลดลงในที่สุด ริมฝีปากแห้งผากอย่างอธิบายไม่ได้กระซิบว่า "ข้าง่วงแล้ว"
ด้านนอกมีฝนตกปรอยๆ และเสียงฝนดูเหมือนจะมีอิทธิพลในการกล่อมคนนอนอย่างอธิบายไม่ได้ หลินกู๋หยู่ผล็อยหลับไปด้วยความสะลึมสะลือ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลินกู๋หยู่ตื่นขึ้น ภายในห้องยังคงมืดมาก นางมองไปที่ฉือหางด้วยความงุนงง
"วันนี้ฝนตกแล้ว” ฉือหางกล่าว ยื่นมือไปดึงผ้านวมขึ้น กระซิบว่า "วันนี้เ้าอย่าไปทำงานเลยดีหรือไม่?"
ฝนตกแล้ว หลินกู๋หยู่อยากนอนบนเตียงโดยไม่เคลื่อนไหวสักหนึ่งวัน
แต่อย่างไรก็ตามนางก็ไม่สามารถล้มเลิกกลางคันได้ วันนี้นางยังต้องไปทำงานที่โรงหมอ
เพียงแต่ เมื่อนึกถึงการกระทำของลู่จื่อยู่เมื่อวานนี้ หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกอึดอัดหลายส่วน
หากเป็ไปได้หลินกู๋หยู่้าเปิดโรงหมอด้วยตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องพบกับลู่จื่อยู่
เนื่องจากลู่จื่อยู่เคยให้ความสะดวกสบายแก่นาง ด้วยเหตุนี้หลินกู๋หยู่จึงไม่เคยคิดที่จะไปที่โรงหมอแห่งอื่น
เมื่อเห็นท่าทีของหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฉือหางก็รู้สึกอึดอัด "อีกสักพักเ้าค่อยลุก ข้าจะไปจุดไฟก่อน"
หลินกู๋หยู่พยักหน้าและยื่นมือไปดึงผ้าห่ม
ราวกับว่าฉือหางไม่กลัวความหนาวเย็นอย่างไรอย่างนั้น เขายกผ้าห่มขึ้นและสวมเสื้อผ้า จากนั้นเดินไปที่เตาและเริ่มจุดไฟ ต้มน้ำเพื่อเตรียมต้มบะหมี่ในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานเตียงเตาก็เริ่มร้อนขึ้น
หลินกู๋หยู่ก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย จากนั้นช่วยโต้ซาแต่งตัว หลังจากล้างตัวเสร็จแล้วนางก็เตรียมพร้อมที่จะเริ่มรับประทานอาหาร
ทั้งสองคนวางแผนว่าจะส่งโต้ซาไปสถานศึกษาก่อน แล้วจึงไปที่โรงหมอ
ด้วยความกังวลว่าโต้ซาจะหนาว หลินกู๋หยู่จึงสวมเสื้อผ้าเพิ่มขึ้น
ฉือหางอุ้มโต้ซา หลินกู๋หยู่ยืนพิงด้านข้างถือร่มไว้ในมือ กางร่มคันเดียวให้ทั้งสามคน
ทันทีที่เปิดประตูใหญ่ หลินกู๋หยู่ก็เห็นรถม้าหนึ่งคันจอดอยู่ข้างนอก
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองฉือหางด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของนางฉายแววความงุนงง
“หมอหลิน” สารถีะโลงจากรถม้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินไปหาหลินกู๋หยู่ในชุดกันฝนที่ทำจากหญ้าฟาง พูดด้วยความเคารพนบนอบว่า “นายน้อยกังวลว่าท่านจะไม่สะดวกที่จะไปในเมือง ดังนั้นจึงให้ข้ามารับท่าน"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็ส่ายศีรษะ "ช่วยขอบคุณนายน้อยของเ้าแทนข้าที ข้าไม่้า"
เมื่อพูดจบ หลินกู๋หยู่ก็จับมือของฉือหางและกำลังจะเดินอ้อมรถม้า
ม่านของรถม้าถูกเปิดออก ชายคนหนึ่งออกมาจากข้างใน มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเ็า "หมอหลิน วันนี้ฝนตก นั่งรถม้าจะสะดวกกว่า"
สะดวกกว่างั้นหรือ?
ฉือหางอุ้มโต้ซาไว้ในอ้อมแขนพลางจ้องมองไปที่บุรุษคนนั้น ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเสียที เป็ถึงคุณชายจากตระกูลใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะไล่จีบภรรยาของเขา
เขาย่อมรู้ว่าภรรยาของเขาดีอย่างไร แต่คนเ่าั้ควรจะรู้จักขอบเขตและอยู่ห่างๆ ไม่ใช่หรือ?
“ไม่จำเป็แล้ว” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว ลดเปลือกตาลงเพื่อซ่อนความขุ่นเคืองในดวงตาของนาง
"คุณชายลู่” ฉือหางชำเลืองมองลู่จื่อยู่อย่างเฉยเมยปราดหนึ่ง เลิกคิ้วดาบ "เ้าคิดว่าเ้าทำเช่นนี้มันเหมาะสมแล้วหรือไม่?"
ลู่จื่อยู่เป็คนเช่นไร เขาจะล่าถอยเพียงเพราะคำพูดสองสามคำของฉือหางได้อย่างไร?
ลู่จื่อยู่หยิบร่มหนึ่งคันออกมาจากรถม้า เป็ร่มกระดาษน้ำมันสีขาวเช่นเดียวกับชุดที่เขาสวม ซึ่งไม่เข้ากับบ้านที่ทรุดโทรมซอมซ่อหลังนี้เลย ในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เขาดูเหมือนคนที่เดินออกมาจากภาพวาด
"พี่ฉือ" ลู่จื่อยู่เดินไปข้างหน้าฉือหาง เลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่ เมื่อเห็นว่านางเงียบ เขาจึงพูดว่า "ข้าก็แค่เป็ห่วงคนในโรงหมอของเรา มีอะไรผิดหรือไม่?"
"นี่คงจะเป็ความเป็ห่วงที่มากเกินไปแล้ว” ฉือหางเงยหน้าขึ้นมองลู่จื่อยู่และพูดอย่างตรงไปตรงมา "ภรรยาของข้าไม่้าให้เ้าทำอะไรมาก เ้าทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้พวกเรารู้สึกลำบากใจ"
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือหางด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดกับลู่จื่อยู่ว่า "คุณชายลู่ วันหน้าเ้าไม่ต้องมาอีกต่อไปแล้ว ข้าไปเองได้"
ในขณะที่พูดหลินกู๋หยู่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหันศีรษะไปหาฉือหาง "โต้ซาต้องรีบไปเรียน ไม่เช่นนั้นจะสายเอาได้ เช่นนั้นท่านอาจารย์จะต้องโกรธอย่างแน่นอน"
ฉือหางโคลงศีรษะให้ลู่จื่อยู่เล็กน้อย "ขออภัย พวกเราต้องไปก่อนแล้ว"
หลินกู๋หยู่ปิดประตู แล้วตามฉือหางจากไปพร้อมร่มหนึ่งคัน
หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว หลินกู๋หยู่ก็ลอบเงยหน้ามองไปที่ลู่จื่อยู่ปราดหนึ่ง ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
นางไม่เข้าใจความคิดของลู่จื่อยู่ บุรุษที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาที่ดี มีเงินทองตามที่้า แต่เหตุใดเขาถึงทำเื่เช่นนี้มาโดยตลอด
ภรรยาเอกที่ชอบด้วยกฎหมาย
เขาสัญญากับนางว่าจะให้ตำแหน่งภรรยาเอกที่ชอบด้วยกฎหมายกับนาง?
หลินกู๋หยู่ยิ้มอย่างจนปัญญา แม้ว่านางจะได้ตำแหน่งเป็นางบำเรอ หากบุรุษคนนั้นจะมีนางเป็ผู้หญิงในชีวิตของเขาคนเดียว สำหรับนาง นั่นก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้นางเจอคนที่นางรักมากที่สุดแล้ว นางจะยังมองหาบุรุษอื่นได้อย่างไร
ฉือหางที่อุ้มโต้ซาคิดถึงสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูดกับลู่จื่อยู่ เขารู้สึกแปลกในใจเล็กน้อย
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าภรรยาของเขาไม่ชอบลู่จื่อยู่มากนัก?
แต่สิ่งที่เขาเห็นในวันนั้น เขามองผิดไปหรือไม่?
หลังจากส่งโต้ซาแล้ว ทั้งสองคนก็รีบตรงเข้าไปในเมือง
อาจเป็เพราะนี่เป็เป็่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว หลายคนเริ่มขุดดินแล้ว
เมื่อเห็นคนเ่าั้กำลังง่วนอยู่กับงานในไร่นา หลินกู๋หยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฉือหาง "พวกเราก็ควรหาเวลาจัดการกับที่ดินด้วยดีหรือไม่ เรายังต้องถามท่านแม่ก่อนว่าที่ดินที่จัดสรรให้พวกเรานั้นเป็ที่ดินผืนไหน!"
"อืม ได้” ฉือหางพยักหน้ารับคำ หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้ สิ่งที่ภรรยาพูดก็ถูก "รอให้อากาศอบอุ่นขึ้น อีกสักสองสามวันข้าจะเริ่มจัดการที่ดิน"
ที่ดินที่ครอบครัวของพวกเขาได้รับจากการจัดสรรอาจเป็สองหมู่ เมื่อบวกกับที่ดินสองหมู่ของฉือเย่ ทั้งหมดรวมเป็สี่หมู่
ในระหว่างทางทั้งคู่เดินคุยกัน หัวเราะต่อกระซิกบ้างในเวลาเดียวกัน พวกเขากลับไม่รู้สึกว่าระยะทางนั้นไกลมากนัก
หลังจากส่งหลินกู๋หยู่ไปโรงหมอแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ยื่นร่มให้ฉือหาง "เ้ากลางมันกลับไป อย่าให้ตัวเปียก"
ฉือหางยิ้มและรับร่มจากมือของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่มองดูฉือหางจากไปก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนที่นั่งของตนเอง
อาจเป็เพราะฝนตกจึงไม่ค่อยมีผู้คนอยู่บนถนนนัก ภายในห้องโถงของโรงหมอก็ยิ่งร้างเงียบเหงา
หมอตู้นั่งตรงข้ามกับหลินกู๋หยู่ เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของหลินกู๋หยู่ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า "หมอหลิน เ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?"
หลินกู๋หยู่ยิ้มๆ "แค่เป็หวัดเล็กน้อย ใกล้จะหายดีแล้ว"
หมอตู้พยักหน้า จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและยุ่งกับงานในมือ
หลินกู๋หยู่รู้สึกประหลาดใจมากกับการแสดงออกของหมอตู้ แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไร
ในวันนี้หลินกู๋หยู่ไม่เห็นลู่จื่อยู่ที่โรงหมอเลย หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้ คิดว่าเขาอาจจะยอมแพ้ไปแล้วกระมัง ดังนั้นเขาจึงไม่ปรากฏตัว
ในตอนเย็น สายฝนค่อยๆ หยุดลง หลินกู๋หยู่รอแล้วรอเล่า แต่กระนั้นฉือหางก็ยังไม่มาเสียที ดังนั้นนางจึงเริ่มเตรียมตัวกลับบ้านด้วยตัวเอง
เมื่อหลินกู๋หยู่กลับถึงบ้าน นางก็ได้ยินเสียงทะเลาะลอดดังจากเรือนใหญ่ของสกุลฉือ
“ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเ้าถูกสุนัขคาบไปกินทั้งหมดแล้วหรืออย่างไร ในบ้านก็มีเงินเพียงน้อยนิด แต่พวกเ้าสองคนกลับทำเช่นนี้!” เสียงของโจวซื่อลอดดังจากข้างในเรือนใหญ่
หลินกู๋หยู่คิดว่าจะกลับเข้าบ้านทันที แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงประตูบ้าน จู่ๆ นางก็ได้ยินโจวซื่อยังคงก่นด่า "เ้าสาม เ้ารู้เื่นี้แล้วแต่ทำไมเ้าถึงไม่พูด เ้าจงใจให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างน่าสังเวช ทำไมจิตใจของเ้าถึงได้โหดร้ายขนาดนี้?”
หลินกู๋หยู่เดินไปที่นั่นและเห็นคนสามคนคุกเข่าอยู่บนพื้น เมื่อก้าวไปข้างหน้าก็เห็นฉือเทา ฟางซื่อและฉือหางคุกเข่าอยู่บนพื้น
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่น่าเกลียดเล็กน้อย
นางก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าทำไมฉือหางถึงไม่มารับนางกลับบ้าน ปรากฏว่าเขาถูกลงโทษให้คุกเข่าที่นี่นี้เอง
หลินกู๋หยู่เดินไปหา มองดูเข่าของฉือหางที่จมลึกลงไปในโคลน
ฉือเทาและฟางซื่อคุกเข่าลงบนพื้น นั่นเป็สิ่งที่สมควรแล้ว แต่ฉือหางเป็ผู้บริสุทธิ์
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะทันได้พูด ใบหน้าของโจวซื่อก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่และพูดด้วยความโกรธ "เ้าคุกเข่าลง"
ให้นางคุกเข่างั้นหรือ?
หลินกู๋หยู่คิดว่าโจวซื่อจะต้องเป็บ้าไปแล้วอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกนางหรือ?
หลินกู๋หยู่ยังไม่ทันได้พูด นางก็ได้ยินฉือหางพูดว่า "เ้ารีบกลับไปเถอะ อย่ามาที่นี่"
เดิมทีหลินกู๋หยู่้าจะต่อล้อต่อเถียงกับโจวซื่อด้วยเหตุผล แต่เมื่อคิดพิจารณาถึงอารมณ์ที่กำลังร้อนรุ่มเป็ฟืนเป็ไฟของโจวซื่อแล้ว นางก็คร้านเกินกว่าจะพูดคุยกับโจวซื่อ การให้ฉือหางอยู่ตรงกลางคงไม่ใช่เื่ดีนัก
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินกู๋หยู่ก็หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
“เ้าหยุด” โจวซื่อชี้นิ้วมือไปที่ด้านหลังของหลินกู๋หยู่และพูดด้วยน้ำเสียงเย็น
หลินกู๋หยู่ไม่ได้สนใจสิ่งที่โจวซื่อพูดแม้แต่น้อย จากนั้นเดินไปข้างหน้าต่อไป ทว่าหลังจากเดินไปข้างหน้าเพียงสองก้าว จู่ๆ นางก็เห็นซ่งซื่อยืนอยู่ตรงหน้านาง
“พี่สะใภ้ใหญ่?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองซ่งซื่อ จากนั้นเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “พี่หมายความว่าอย่างไร?”
ซ่งซื่อมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเฉยเมย ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะพูดอย่างเฉยเมย "น้องสะใภ้สาม ในเมื่อเ้ามาที่นี่แล้ว ทำไมเ้าถึงออกไปโดยไม่อธิบายให้กระจ่างก่อน?"
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?” หลินกู๋หยู่เหลือบมองไปที่คนสามคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเรียบเฉย และเอ่ยถามอย่างขบขัน
โจวซื่อรีบเดินไปหาหลินกู๋หยู่ คว้าแขนของหลินกู๋หยู่และพูดอย่างโกรธเคือง "ทำไมหรือ ข้าในฐานะแม่สามีไม่สามารถสั่งว่าเ้าได้งั้นหรือ?"
“ท่านแม่ ท่านจะทำอะไร?”
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ฉือหางมาอยู่ด้านข้างหลินกู๋หยู่ เขาคว้ามือของโจวซื่อออกไปและปกป้องหลินกู๋หยู่ข้างหลังเขา
“ใครบอกให้เ้าลุกขึ้น” ใบหน้าของโจวซื่อน่าเกลียดยิ่งขึ้น คิ้วของนางขมวดแน่น นิ้วมือชี้ไปที่ใบหน้าของฉือหางและพูดด้วยความขัดเคืองว่า “เดี๋ยวนี้เ้าอาจหาญใช้กำลังกับแม่ของเ้าแล้วหรือ!”
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางจับมือของฉือหางไว้
ั้แ่สมัยโบราณ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้นั้นเป็ความสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ยากที่สุด หากไม่ระวังก็จะกลายเป็เช่นนี้
หลินกู๋หยู่รู้อยู่แก่ใจว่าฉือหางไม่้าให้นางพลอยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
“ท่านแม่ พวกเราทำอะไรผิด ทำไมพวกเราถึงต้องถูกลงโทษให้คุกเข่าด้วย!” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองโจวซื่อและเอ่ยอย่างสงสัย
“พวกเ้าสองคนร่วมมือกับครอบครัวรองร่วมกันโกงเงินของพวกเรา” ใบหน้าของโจวซื่อน่าเกลียดมากและชี้นิ้วมือไปที่ใบหน้าของฉือหาง “พวกเ้าสองคนวางแผนได้เก่งจริงๆ”
“เราสองคนวางแผนโกงเงินพวกเ้าหรือ?” หลินกู๋หยู่แค่นเสียงเ็าและพูดอย่างโกรธเคือง “พวกเ้ามีอะไรที่คุ้มค่าเพียงพอที่พวกเราจะวางแผนโกงเงิน หรือเป็เพราะพวกเ้าไม่้าลงโทษครอบครัวของพี่รอง แล้วเอาเื่โกงเงินมาใส่ความพวกเรางั้นหรือ?”