เยว่เฟิงเกอรู้สึกแปลกใจเป็อย่างมาก ถึงแม้นางจะรู้ว่าม่อหลิงหานเป็คนเ็า ทั้งยังเคยได้ยินมาว่ามีนิสัยดุร้ายกระหายเื แต่เมื่อได้เห็นเองกับตา กลับอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้
“ม่อหลิงหาน ท่านทำอะไร? ” เยว่เฟิงเกอยังไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะไป
เมื่อครู่ที่นางเตะเพิงขายของนั่นก็เพื่อสั่งสอนเ้าของร้าน ให้วันหน้าไม่เอ่ยวาจามั่วซั่วอีก
ทว่า แม้เขาจะล่วงเกินนาง นางก็เพียงทำลายสินค้าในร้านเขา ไม่เคยมีความคิดถึงขั้นจะหักนิ้วเ้าของร้านทิ้ง อย่างไรเสีย การทำเช่นนั้นก็ดูจะเป็การทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่เกินไป
ซ่างกวานม่อิที่ปลอมตัวเป็ม่อหลิงหานมีแววอำมหิตวาบผ่านสายตา เขาหันศีรษะมากล่าวเสียงเบากับเยว่เฟิงเกอ “เขากล้ารังแกเ้า ข้าก็ต้องสั่งสอนให้เขารู้สำนึกเสียบ้าง”
เยว่เฟิงเกอขมวดคิ้ว มองชายตรงหน้า จะอย่างไรนางก็รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดแปลก
ยามนี้ไม่ใช่ว่าม่อหลิงหานควรอยู่ในวังเข้าเฝ้าฝ่าาหรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?
ซ่างกวานม่อิโยนเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้เ้าของร้าน สีหน้าเ็า “อย่าส่งเสียงดังน่ารำคาญ รับเงินนี่ไปรักษาเสีย”
เมื่อเ้าของร้านเห็นเงิน ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้ม เขาไม่ร้องเรียกให้คนไปแจ้งทางการอีก แต่ทนความเ็ปที่นิ้ว ไม่สนใจกระทั่งเพิงขายของที่พังครืน แหวกฝูงชนออกไป
เยว่เฟิงเกอเห็นการกระทำของชายตรงหน้าก็ยิ่งรู้สึกถึงความไม่ปกติ
หากม่อหลิงหานทำร้ายใคร เขาไม่มีทางตบหัวแล้วลูบหลังเช่นนี้แน่ คนเช่นเขาไม่มีทางสนใจความเ็ปของอีกฝ่าย ปกติทำร้ายคนแล้วต้องหมุนกายจากไปทันที
ส่วนชายตรงหน้านี้ ถึงแม้จะหน้าเหมือนม่อหลิงหานอย่างกับแกะ รูปร่างก็คล้ายอยู่เก้าส่วน แต่เยว่เฟิงเกอไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของม่อหลิงหานจากร่างของเขาเลย
ไม่ถูกต้อง ชายตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่ม่อหลิงหาน
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังคิดเช่นนี้อยู่ ราษฎรโดยรอบก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน
เด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าเห็นเหตุการณ์มาั้แ่ต้น อดกล่าวขึ้นไม่ได้ว่า “จั้นอ๋องโหดร้ายยิ่งนัก”
เด็กชายอีกคนรีบใช้ศอกกระทุ้งสีข้างของเด็กชายคนแรก “เ้าก็พูดให้น้อยๆ หน่อย ระวังจั้นอ๋องจะหักนิ้วเ้าอีกคน”
เด็กชายสองคนนี้เพิ่งพูดจบ ราษฎรรอบข้างก็ยิ่งวิจารณ์
“คิดไม่ถึงจั้นอ๋องจะเป็คนเช่นนี้ ข้าเห็นเขาเป็ดังเทพเซียนมาตลอด”
“ข้าเองก็เห็นเขาเป็ดังเทพเซียนมาตลอดเช่นกัน เขาดีกับพวกเาาวบ้านเสมอมา ข้ายังนึกว่าตัวเขาจะมีใจเมตตา”
“พวกเ้าอย่าได้พูดอะไรมั่วซั่วเชียว ประเดี๋ยวทำจั้นอ๋องไม่พอใจ อาจเป็เ้าเสียเองที่ต้องไปพบเทพเซียนจริงๆ ”
สองคนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็รีบหมุนกายจากไป ไม่กล้ากล่าววาจาใดทันที
เยว่เฟิงเกอทนฟังไม่ได้อีกต่อไป นางกล่าวขึ้นเสียงดัง “เ้าไม่ใช่จั้นอ๋อง เ้าเป็ใครกันแน่”
เยว่เฟิงเกอพูดเสียงดังมาก ทำให้บรรดาราษฎรที่หมุนกายจากไปแล้วต่างก็ได้ยินกัน
พวกเขาพากันหยุดฝีเท้าแล้วหมุนกายกลับมาทางนี้
ใบหน้าของแต่ละคนต่างแสดงถึงความไม่เข้าใจอย่างชัดเจน
คำพูดของเยว่เฟิงเกอทำให้ชิงจื่อที่ยืนอยู่อีกด้านใเป็อย่างมาก ตอนที่นางเห็นม่อหลิงหานมาปรากฏกาย ยังเกือบะโออกมาแล้วว่าท่านอ๋อง แต่ยามนี้กลับมาได้ยินนายตนบอกว่า อีกฝ่ายไม่ใช่ท่านอ๋อง นางจึงได้แต่อึ้งงัน
“พระ...คุณชาย นี่มันเื่อะไรกันหรือขอรับ? ” ชิงจื่อร้อนใจจนเกือบจะหลุดปากเรียกว่าพระชายา
ซ่างกวานม่อิไม่คิดว่าเยว่เฟิงเกอจะรู้เร็วเพียงนี้ว่าตัวเขาไม่ใช่ม่อหลิงหาน เขายิ้มบางๆ ให้นาง “เปิ่นหวางจะไม่ใช่จั้นอ๋องได้อย่างไร หรือว่าบนโลกใบนี้จะยังมีม่อหลิงหานคนที่สองอีกอย่างนั้นหรือ? ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอเห็นว่าชายคนนั้นยิ้มบางๆ นางก็ยิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ม่อหลิงหานอย่างแน่นอน เพราะรอยยิ้มของเขาไปไม่ถึงดวงตา
ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เยว่เฟิงเกอนึกไปถึงชายคนเมื่อครู่ นางขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เมื่อราษฎรรอบข้างได้ยินคำพูดของชายคนนั้น ต่างก็พากันมองเยว่เฟิงเกอ รอให้นางพูดต่อไป
เยว่เฟิงเกอยิ้มเย็น “หึ อย่าคิดว่าเ้าปลอมตัวเป็ม่อหลิงหานแล้วจะหลอกทุกคนได้ ที่เ้าทำเช่นนี้คงเพราะอยากจะทำลายชื่อเสียงของจั้นอ๋อง ข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่? ”
“อ้อ? เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น? ” ซ่างกวานม่อิยิ่งกดยิ้มลึกขึ้น “เ้าอย่าลืมนะว่า เมื่อครู่เป็เปิ่นหวางที่ช่วยเ้าไว้ อย่าได้หันมาแว้งกัดเปิ่นหวางสิ”
ซ่างกวานม่อิเห็นว่ายามนี้เยว่เฟิงเกอปลอมตัวเป็ชาย ในเมื่อทุกคนจำนางไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ต้องกลัว
เยว่เฟิงเกอมองหน้าชายคนนี้อย่างจริงจัง รอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ
วิชาแปลงโฉมน่ะ นางถนัดที่สุดเลย
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเยว่เฟิงเกอทำให้ซ่างกวานม่อิเริ่มรู้สึกหนาวๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว ตัวเขาถนัดเื่การปลอมตัวมาตลอดจนสามารถกล่าวได้ว่าเขาอาศัยวิชาปลอมตัวนี้หลอกคนมานักต่อนักแล้ว แม้แต่สหายรักของเขาอย่างมู่เหยียนเฉินก็ยังจำเขาไม่ได้
ดังนั้น เยว่เฟิงเกอที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทางมองออกได้ในทันทีว่าเขาปลอมตัวมา
เมื่อในใจคิดเช่นนี้ ซ่างกวานม่อิก็มีความมั่นใจมากขึ้น
เยว่เฟิงเกอยิ้มเ็า นางกล่าวกับซ่างกวานม่อิว่า “เ้ากล้าให้ข้าลูบใบหน้าเ้าหรือไม่? หากเ้าคือม่อหลิงหานตัวจริง ข้าจะมอบทองคำให้เ้าหนึ่งร้อยตำลึง แต่หากเ้าไม่ใช่ม่อหลิงหาน เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าจะขจัดภัยร้ายให้ม่อหลิงหาน”
ซ่างกวานม่อิมั่นใจในวิชาแปลงโฉมของตนเป็อย่างมาก หน้ากากหนังมนุษย์นี้เป็เขาที่ทำขึ้นมาเอง แน่นอนบางดังปีกจักจั่น เมื่อวางไปบนใบหน้าแล้วก็แนบสนิทราวกับเป็เนื้อหนังจริงๆ
เขาไม่เชื่อว่าเพียงเยว่เฟิงเกอลูบไล้แล้วจะรับรู้ถึงความผิดปกติใดได้
คิดเช่นนี้ ซ่างกวานม่อิจึงพยักหน้าพร้อมกล่าวต่อหน้าทุกคนว่า “ใบหน้าของเปิ่นหวาง เ้าลูบได้ตามอำเภอใจ”
เมื่อราษฎรโดยรอบได้ยินเช่นนี้ก็พากันสูดลมหายใจเข้าลึก
คงไม่ใช่ว่าจั้นอ๋องม่อหลิงหานที่พวกเขาเชิดชูจะชอบทั้งชายและหญิงหรอกนะ
ไม่ใช่ว่าคนมีพระชายาอยู่แล้วหรือ หรือว่าสนใจในตัวบุรุษด้วย?
ทางด้านเยว่เฟิงเกอ นางไม่ได้ใมากนัก ในเมื่อเขายินยอมให้นางลูบใบหน้าแล้ว นางก็ยื่นมือออกไปจริงๆ
ยามที่มือของนางััเข้ากับใบหน้าของซ่างกวานม่อิ ไม่นานก็ลูบไปโดนใบหน้าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากหนังมนุษย์นั้น
ซ่างกวานม่อิใจสั่นทันที แต่ยังแสร้งทำเป็สงบนิ่ง ปล่อยให้เยว่เฟิงเกอลูบไล้ต่อไป
เยว่เฟิงเกอยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครู่นางััได้ถึงรอยต่อระหว่างใบหน้าที่แท้จริงกับหน้ากากที่เขาสวมเอาไว้แล้ว
สิ่งนี้เป็ของที่นางเคยใช้อยู่ตลอดครั้นยังอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน เพียงแต่หน้ากากหนังในยุคโบราณนี้นับว่าทำขึ้นได้ไม่ละเอียดเท่าหน้ากากในยุคปัจจุบัน
ดังนั้น นางจึงพบความผิดปกตินั้นได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ทุกคนกำลังจะถูกการกระทำของซ่างกวานม่อิและเยว่เฟิงเกอทำเอาเกือบตาบอดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียง “แควก” พร้อมๆ กับที่หนังแผ่นหนึ่งหลุดกระเด็นออกมา
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง เมื่อหน้ากากนั้นถูกกระชากออกมาก็เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามราวเทพเซียนสูงส่งเหนือโลกีย์
ซ่างกวานม่อิคิดไม่ถึงว่า เยว่เฟิงเกอจะกระชากหน้ากากออกมาได้จริงๆ ตอนที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้นก็แอบรู้สึกยอมรับนับถือเยว่เฟิงเกอที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมานิดๆ
วิชาแปลงโฉมของเขาไม่มีใครมองออก เหตุใดเยว่เฟิงเกอถึงรู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่ใช่ม่อหลิงหาน?
ยิ่งกว่านั้น นางเพียงใช้มือลูบหน้าเขาแค่ไม่กี่ที ก็สามารถกระชากหน้ากากออกมาได้แล้ว
เช่นนี้จะไม่ให้ซ่างกวานม่อิตกตะลึงได้อย่างไร
เมื่อผู้คนโดยรอบเห็นว่าชายสูงใหญ่คนนั้นไม่ใช่จั้นอ๋องม่อหลิงหาน ต่างก็พากันชี้นิ้วด่าว่าเขา
“เสียทีที่หน้าตาสูงส่งหล่อเหลาถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงจะมีนิสัยโเี้”
“นั่นน่ะสิ ดีที่มีคุณชายท่านนี้ช่วยกระชากหน้ากากตัวจริงของเขาออกมา ไม่เช่นนั้นเขาคงหลอกทุกคนได้แล้ว”
“ข้าขอโทษที่เมื่อครู่กล่าววาจาไม่ดีต่อจั้นอ๋อง”
“ข้าก็ขอโทษ ข้าก็ขอโทษ”
ยามที่ทุกคนกล่าวขอโทษ สายตาที่มองไปยังเยว่เฟิงเกอเต็มไปด้วยความนับถือ
ซ่างกวานม่อิเห็นว่าแผนของตนล้มเหลว เขากำลังคิดจะหลบหนี กลับถูกเยว่เฟิงเกอจับไว้
“ทำไมเล่า เมื่อครู่ยังอยากทำลายชื่อเสียงของจั้นอ๋องอยู่เลย ตอนนี้ถูกเปิดโปงแล้วเลยคิดจะหนีงั้นหรือ? ” เยว่เฟิงเกอมองซ่างกวานม่อิด้วยสีหน้าเ็า
ซ่างกวานม่อิเก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับ สายตาเขาเปลี่ยนเป็เ็า
ในเมื่อเยว่เฟิงเกอเปิดโปงเขาแล้ว ก็ไม่จำเป็ต้องยิ้มแย้มสนทนากับนางอีกต่อไป
“ปล่อยมือ” ซ่างกวานม่อิพูดพลางซัดฝ่ามือใส่เยว่เฟิงเกอไปทีหนึ่ง
เยว่เฟิงเกอหันกายหลบฝ่ามือนั้นของซ่างกวานม่อิได้อย่างง่ายดาย
และมือของนางยังคงจับชุดของซ่างกวานม่อิไว้ไม่ปล่อย
“กล้าปลอมตัวเป็ม่อหลิงหาน แล้วยังคิดจะทำลายชื่อเสียงเขา เ้ากำลังรนหาที่ตายชัดๆ ” เยว่เฟิงเกอกล่าวเสียงเย็น นางซัดฝ่ามือใส่ซ่างกวานม่อิ