Chapter 34
“ที่นี่เป็ไง”
โจไซอากางแขนสองข้าง ภูมิใจนำเสนอตึกสี่ชั้นในโลกมนุษย์ ซึ่งพ่อของเขาเป็เ้าของ และเขาคิดว่าเหมาะกับการให้ครอบครัวกริฟฟินย้ายเข้ามาอยู่
แซ็กคารียืนกอดอกทำหน้าเคร่งขรึม เพราะยังคงโกรธโจไซอาเื่ปิดบังความลับกับเขาั้แ่ชาติก่อน เขาเงยหน้ามองตึกซึ่งเคยเป็ที่อยู่อาศัยขนาดพอเหมาะ โครงสร้างยังดูแข็งแรงและใหม่ที่สุดในย่านนี้ พื้นโดยรอบปูด้วยกระเบื้องหินมีจุดแบ่งเขตชัดเจน
ทั้งที่ดูสมบูรณ์เช่นนี้ แต่แซ็กคารีส่ายหน้า
“ทำไมล่ะ”
“รอบ ๆ โล่งเกินไปครับ ผมกลัวว่าจะเป็จุดสนใจ” แซ็กคารีหันหลังเดินกลับไปที่รถ โจไซอารีบวิ่งไปควงแขนอ้อนผู้ที่ยังไม่เลิกทำหน้าบึ้ง
“หยุดทำหน้าบูดอย่างนั้นสักที”
แซ็กคารีหลุดหัวเราะทันทีเมื่อเทพโวยวาย ใบหน้าบึ้งตึงเคร่งขรึมจึงจางหายไป ทิ้งไว้เพียงความใจดี
“ผมว่ามีอยู่ที่หนึ่ง ที่เหมาะที่สุด แต่ว่า… ตอนนี้มันเป็ของธนาคาร อาจจะมีคำสั่งทุบทิ้งสักวัน”
ทั้งสองขึ้นมานั่งบนรถ ขับไปเรื่อย ๆ ตามหาบ้านที่ดีที่สุดต่อไป แซ็กคารีคิดถึงสถานที่หนึ่งซึ่งโดยรอบมีต้นไม้คอยบดบัง และกว้างขวางมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคนในชุมชนชั้นล่างสุดในกำแพง
“ไม่ยากหรอก ก็ซื้อมาเป็ของเราสิ ที่ไหนล่ะ”
“คฤหาสน์กริฟฟินครับ”
แซ็กคารีขับรถเดินทางไปที่บ้านเกิดของตัวเองเมื่อชาติก่อน โดยมีโจไซอานั่งอยู่เคียงข้าง ต้นไม้สูงรอบคฤหาสน์กริฟฟินตอนนี้เป็สีเขียวเข้มแผ่ขยายกิ่งก้านเติบใหญ่ ลำต้นอวบอ้วนเพราะอายุกว่าร้อยปี มันช่วยอำพรางคฤหาสน์ไว้ได้ดีเยี่ยม
แซ็กคารีจอดรถด้านหน้าตึกสูงของตัวคฤหาสน์ มองบ้านของตนเองที่เริ่มเก่าและเปลี่ยนแปลงไป ไม้เลื้อยเกาะตามกำแพงจนแทบกลายเป็สีเขียว พื้นโดยรอบสกปรกเพราะหิมะที่เพิ่งละลาย ทั้งเปียกแฉะและมีแต่คราบสีดำ
“คงต้องทำความสะอาดเยอะเลยครับ”
โจไซอายกยิ้มมุมปาก แล้วเพียงชั่วพริบตาเดียว คฤหาสน์ตรงหน้าก็สะอาดหมดจด ไร้คราบดำหรือความเปียกแฉะที่พื้น ไร้ฝุ่นผงหรือหยากไย่ตามซอกผนัง แต่ยังคงไม้เลื้อยที่เกาะตามกำแพงไว้เช่นเดิม แซ็กคารีตาลุกวาวเป็ประกายตื่นเต้น คว้ามือเทพไว้แน่นและจูบข้างแก้มเป็คำขอบคุณ
“เข้าไปดูข้างในกันไหมครับว่าเรามีอะไรต้องซ่อมอีกไหม”
พวกเขาช่วยกันสำรวจบ้านหลังใหญ่ทีละห้อง แซ็กคารีมีความทรงจำอยู่ที่นี่มากมายซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็เื่เลวร้ายในชีวิตเมื่อชาติก่อน แต่เขากลับมาที่นี่ด้วยรอยยิ้มของความหวัง เพราะแซ็กคารีมีโจไซอาอยู่เคียงข้าง พร้อมกับชีวิตที่เป็อิสระไม่เหลือโซ่ตรวนหรือกรงขังเขาเอาไว้อีก
ด้านในมีฝุ่นหนาเกาะแทบทุกซอกทุกมุม โจไซอาสามารถบันดาลให้มันหายไปได้ในพริบตา ภายในมีส่วนที่ผุพังอยู่ทั่วและต้องซ่อมแซม ซึ่งพวกเขาไม่อาจตามหาความผุพังของทุกสิ่งในคฤหาสน์ได้หมดจึงจะเรียกเหล่าภูตหรือเหล่าเทพมาช่วยภายหลัง รวมถึงข้าวของบางอย่างในบ้านที่หรูหราเกินไปทำให้ที่นี่ไม่น่าอยู่ แซ็กคารีจึงอยากรื้อมันออกแล้วแทนที่ด้วยของที่มีประโยชน์มากกว่า
แซ็กคารีดูสนุกสนานกระตือรือร้นเพราะได้รื้อวิชาการออกแบบภายในกลับมาอีกครั้ง ผ่านมาแล้วร้อยปีแต่มันไม่จางหายในความทรงจำของซาตาน โจไซอาจ้องมองท่าทางตื่นเต้นด้วยรอยยิ้มเอ็นดูตลอดการเดินสำรวจรอบคฤหาสน์
“ข้างบนนั้นถ้าเป็ไปได้ก็อยากเอาออกเหมือนกันนะครับ” ซาตานเงยหน้ามองโคมไฟระย้าทำจากคริสตัลหลายร้อยชิ้นบนห้องโถง
“สวยดีออก”
“กลัวว่ามันจะเก่าจนตกลงมาสักวัน”
“บินขึ้นไปดูสิ เธอมีปีกนะ”
โจไซอาเอ่ยพร้อมยกยิ้มช่วยเตือน แต่เมื่อเขาคิดถึงร่างซาตานของตนเองความตื่นเต้นดีใจกลับหดหายไป แซ็กคารีรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกเ่าั้ไม่ให้โจไซอาสังเกตทัน
“เอาออกเถอะครับ ทำความสะอาดยาก”
แซ็กคารีรีบเดินหนีไปสำรวจบันไดแต่ละขั้นแทน เทพผู้ไม่นึกติดใจอะไรจึงแค่เดินตาม ไม่ทันเห็นความกลัวและความกังวลจากซาตาน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา คฤหาสน์กริฟฟินซ่อมแซมและปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยดี แซ็กคารีมาที่นี่ทุก ๆ วันเพื่อเลือกว่าสิ่งใดควรเอาออก และสิ่งใดควรเพิ่ม จนได้ห้องที่อบอุ่นน่าอยู่แทนความหรูหราจอมปลอม สวนรกโดยรอบก็ตัดแต่งให้เป็ระเบียบป้องกันสัตว์อันตราย แต่ยังคงไว้ซึ่งต้นไม้เขียวชอุ่มเติบโตอย่างอิสระ ไม่ตัดเป็รูปทรงเลขาคณิตตรงเท่ากันทุกด้านเหมือนเมื่อก่อนเพราะมันทำให้สวนไร้ชีวิตชีวา
ส่วนกระท่อมของคนสวนที่แซ็กคารีใช้อยู่อาศัยมาตลอดก่อนที่พบโจไซอา ได้ปรับปรุงให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น ของเก่าหมดอายุการใช้งานเปลี่ยนเป็ของใหม่ ตั้งกังหันลมปั่นไฟหลอก ๆ เป็แนวรอบรั้ว เพราะแท้จริงแล้วไฟฟ้าที่นี่มาจากอำนาจวิเศษ
โจไซอาต้องสร้างเื่ราวใหญ่โตให้เหล่ามนุษย์เชื่อถือและยอมนั่งรถคันใหญ่ออกจากกำแพงสูงมาที่นี่ ทั้งสองทั้งสร้างตราสัญลักษณ์ปลอม ๆ ของมูลนิธิติดข้างรถ ทำเอกสารมากมายก่ายกองให้ทุกคนอ่าน หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบริวารของท่านพ่อ โจไซอาคงถอดใจยอมแพ้เพราะไม่ชอบเื่แบบนี้ที่สุด
แซ็กคารีเปลี่ยนชื่อที่นี่กลายเป็บ้านพักคามิเลีย ต้อนรับผู้คนยากไร้ที่ถูกมนุษย์ในกำแพงสูงทอดทิ้งให้อยู่ในความยากจนและความเหลื่อมล้ำ กว่าสามสิบชีวิตของมนุษย์ที่นี่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข พวกเขาได้ทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ความ้า โดยโจไซอามีงานหลอกมอบหมายให้พวกเขา เป็การช่วยดูแลสวนขนาดใหญ่ของที่นี่ให้สวยงามอยู่เสมอ
ผู้คนที่นี่เคารพแซ็กคารีและโจไซอาในฐานะผู้ก่อตั้งบ้านพักคามิเลีย แซ็กคารีดูมีความสุขและอารมณ์ดีทุกวันเมื่อมีพวกเขาอยู่เป็เพื่อน และที่ทำให้ยิ้มกว้างมากที่สุดคือการได้เล่นกับหนูน้อยแมรี่บ่อยมากขึ้น ได้เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ เติบโตขึ้นทุกวัน
โจไซอายกแก้วชาขึ้นจิบ นั่งมองแซ็กคารีอุ้มหนูน้อยแมรี่ในอ้อมแขน ทั้งคู่มีดวงตาสวยเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนสมกับที่มีสายเืเดียวกัน แซ็กคารีใช้ปลายจมูกทู่ถูกับแก้มเป็ก้อนกลมของแมรี่ กริฟฟิน เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะพร้อมยิ้มตาปิดจนโจไซอายิ้มตาม แล้วลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหาทั้งคู่
“ขอลองอุ้มได้ไหม”
ซาตานค่อย ๆ ส่งเด็กตัวเล็กให้โจไซอา จัดท่าทางให้อีกฝ่ายอุ้มถนัด หัวใจของเทพเต้นแรงด้วยความกังวลกลัวว่าหนูน้อยแมรี่อาจร้องไห้เพราะไม่คุ้นชิน แต่เมื่อดวงตาของเทพและเด็กน้อยสบมองกัน กลับไร้เสียงร้องไห้งอแงใด ๆ แมรี่จ้องเทพรูปงามนิ่ง กะพริบตาปริบ ๆ แล้วยกมือดูดนิ้ว
“ไม่ร้องไห้เลยนี่”
“ผมว่าแมรี่ชอบคุณนะครับ”
“จริงเหรอ” เขายิ้มดีใจ โยกตัวไปมาเบา ๆ เล่นกับเด็กน้อย
“มีเด็กคนหนึ่งอายุ 7 ขวบด้วยนี่ใช่ไหม” เทพเอ่ยถามซาตานที่จดจำทุก ๆ คนในบ้านพักได้
“ครับ บิล เอดิสัน”
“เราต้องหาครูให้บิลนะ”
“มีซาตานตนหนึ่งที่ผมรู้จัก ผมจะลองไปขอร้องเธอดูครับ”
บทสนทนาของแซ็กคารีและโจไซอามักเป็เช่นนี้เสมอั้แ่มีบ้านพักคามิเลีย คือการคุยเื่ผู้คนที่อยู่ในบ้าน พยายามจัดหาสิ่งอำนายความสะดวกให้พวกเขา หาความบันเทิงสนุกสนาน หากิจกรรมให้ไม่เบื่อ พร้อมกับหาวิธีให้พวกเขาไม่สงสัยว่าทั้งสองไม่ใช่มนุษย์ไปด้วย
“โจ แซ็ก” มาร์ธา กริฟฟินเดินเข้ามาในห้องโถง เอ่ยเรียกทั้งคู่อย่างสนิทสนมพร้อมแววตาตื่นเต้น
“ดูสิ แมรี่ไม่ร้องเลย”
การพูดอวดอย่างน่าเอ็นดูจากโจไซอากลับมาอีกครั้งเมื่อแม่ของแมรี่มาหาทั้งสอง มาร์ธาหัวเราะแล้วเอ่ยชื่นชมโจไซอา เธอขอลูกสาวตัวน้อยมาอุ้มแทน เพราะมีเื่สำคัญต้องบอกผู้ก่อตั้งบ้านคามิเลีย
“ทุกคนรอพวกคุณสองคนอยู่ที่สวน ออกไปดูสิ”
“มีอะไรเหรอ”
มาร์ธาพาทั้งคู่เดินออกจากคฤหาสน์ ลัดเลาะตามทางเดินในสวนรกเป็สีเขียวชอุ่ม ดอกไม้รอบ ๆ ผลิบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมตลอดทาง กระทั่งมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของสวนก็ได้ยินเสียงผู้คนอยู่ไม่ไกล
“ถึงแล้ว เดินเข้าไป ๆ”
แซ็กคารีและโจไซอาต่างไม่เข้าใจท่าทางตื่นเต้นของมาร์ธา ทั้งสองจับมือกันแน่นอย่างเคย เดินผ่านซุ้มประตูเถากุหลาบเข้าไปด้านในสวนที่มีกำแพงต้นไม้สูงเรียงรายบดบังข้างในไว้ราวสวนลับ กลิ่นกุหลาบหอมจรุงใจขึ้นทุกก้าวที่เดินเข้าใกล้
ผู้คนที่อยู่ในบ้านพักเกือบครบทุกคน กำลังยืนรอต้อนรับอยู่ในสวนแห่งนี้ พุ่มไม้เตี้ยตามทางเดินตัดเป็สี่เหลี่ยมตรงเท่ากันตายหมดแล้ว พวกเขาจึงเปลี่ยนเป็พุ่มดอกไม้สีสันสวยงามเรียงรายเต็มพื้นที่ มีลานโล่งเป็สนามหญ้าตัดสั้นจัดระเบียบเรียบร้อย
และใจกลางของสวนลับ มีศาลาแปดเสาสีครีมหลังคาทรงโดมที่มีเถากุหลาบเลื้อยปกคลุมอยู่ บัดนี้มันเลื้อยและเติบโตจนถึงเสาทั้งแปดเสา กุหลาบบานสะพรั่งแข่งกันในฤดูใบไม้ผลิอย่างงดงาม
“พวกเราทำให้คุณ” มาร์ธาเอ่ย
“ขอบคุณนะครับ”
แซ็กคารีบอกเธอ แล้วมองสำรวจทั่วสวนกุหลาบที่ผู้คนที่นี่จัดให้เขาใหม่ มันสวยงามมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า ต้นไม้ที่นี่ก็มีชีวิตชีวาเพราะได้รับการดูแลด้วยความรัก และที่งดงามที่สุดคือดอกกุหลาบดอกใหญ่บานเต็มสวนหลากสีสัน ทั้งสีแดงสดที่เขาชอบ สีส้ม สีเหลือง สีชมพูอ่อน และสีขาวที่ทำให้นึกถึงโจไซอา
มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่ผู้คนที่นี่จัดให้แซ็กคารีและโจไซอาเพื่อเป็คำขอบคุณ พวกเขาเตรียมอาหาร ตกแต่งห้องโถงอย่างเรียบง่ายด้วยดอกไม้สดจากในสวน แล้วร้องเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนานก่อนแยกย้ายเข้านอนในห้องของแต่ละครอบครัว
แซ็กคารีใช้ห้องนอนห้องเดิม การตกแต่งที่เขาออกแบบเองทั้งหมดไม่มีส่วนใดเปลี่ยนแปลงเพราะเขายังมีรสนิยมไม่ต่างจากเดิม ซึ่งโจไซอาตามใจเขาด้วยการไม่สั่งให้เปลี่ยน เว้นเพียงอ่างอาบน้ำที่ขอใหญ่กว่าเดิมอีกนิดเท่านั้น เพื่อให้แช่น้ำอุ่นอาบน้ำพร้อมกันสบายยิ่งขึ้น
แซ็กคารีนั่งเขียนจดหมายหาซาตานที่เขาเคารพ ชื่อว่าแอชลีย์ บรรณารักษ์หอสมุดที่เผ่าซาตาน เพื่อขอร้องให้ช่วยมาเป็ครูสอนเด็ก ๆ ที่บ้านพักคามิเลีย จากนั้นจึงพับจดหมายใส่ซอง ประทับตราของราชวงศ์เผ่าซาตานแล้วถือมันเดินไปหาโจไซอา
“ช่วยส่งให้หน่อยได้ไหมครับ” เขานั่งลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ข้างกับเทพที่นอนเหยียดขาพิงหลังกับหัวเตียงแล้วดื่มเหล้าไปด้วย
“ที่ไหน เผ่าซาตานใช่หรือเปล่า”
“ครับ”
เทพวางจดหมายลงบนฝ่ามือ เมื่อได้ที่หมาย จดหมายฉบับนั้นก็หายวับไปทันที โจไซอากระดกเครื่องดื่มที่โปรดปรานต่อ ใช้่เวลาก่อนนอนกับการพักผ่อนด้วยเครื่องดื่มรสแรง
“แมรี่โตเร็วมากเลยนะครับ วันนี้แกทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นยืนได้เองเลย”
“นั่นสิ เผลอแป๊บเดียวเท่านั้นเอง”
“ท่านโจไซอา” แซ็กคารีเรียกเสียงอ้อน ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักเทพ
“ว่าไง”
“อีกหลายปีข้างหน้า ตอนที่แมรี่โตขึ้น หรือตอนที่มาร์ธาแก่ลงมาก แล้วพวกเราไม่เปลี่ยนไปเลย เราจะบอกพวกเขายังไง”
“เราอยู่กับพวกเขาได้มากที่สุดแค่ไม่เกินสิบห้าปี แล้วเราต้องหายไป ให้พวกภูตมาดูแลแทน”
“ถ้าเราคิดถึงพวกเขาล่ะครับ”
“ต้องปลอมตัวมาหา”
แซ็กคารีเศร้าโศกเสียใจ ดวงตาของเขายิ่งแสดงห้วงอารมณ์ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก เพราะคิดถึงยามที่ผู้คนในบ้านพักเริ่มชรา และจากไปทีละคน ในขณะที่เขากับโจไซอายังคงเหมือนเดิมเพราะเป็ะ
“อย่าเศร้าเลยนะ เรายังเหลือเวลาอยู่กับพวกเขาอีกเยอะ” มือเรียวรีบวางแก้วเหล้าลงบนตู้ข้างเตียง แล้วลูบเส้นผมสีขาวเป็ประกายของแซ็กคารีปลอบโยน
ดวงตาสีเฮเซลมองเทพรูปงาม จับมือเรียวที่ศีรษะมากอบกุมไว้แน่นแล้วกดจูบหลังมือขณะสบตา
“เดี๋ยวนี้ยังมีเทพมารังควานท่านอยู่ไหมครับ”
โจไซอายังคงเป็เทพองค์เดียวที่สามารถรักษาโรครักระทมของเทพให้หายขาดได้ด้วยการร่วมหลับนอน แซ็กคารีจึงเป็ห่วงอีกฝ่าย เพราะโจไซอาไม่เคยเต็มใจช่วยรักษาเทพองค์ใดเลย
“ั้แ่ที่ท่านพ่อขึ้นเป็ประมุขเทพก็ลดลงเยอะแล้ว ยิ่งมาเจอฉันสภาพตอนเป็โรครักระทมอยู่ก็ถอยกลับไปเยอะเหมือนกัน ถ้าฉันกลับไปเมืองเทพแล้วเห็นว่าหายดีแล้วอาจจะตามมารังควานอีกก็ได้”
“ท่านเคยบอกผมว่าเทพมักไม่ยุ่งกับเทพที่มีคู่รักอยู่แล้วนี่ครับ”
“ใช่ แต่ว่าพวกเขาไม่รู้น่ะ” แซ็กคารีลุกขึ้นนั่งทันที ใบหน้าของเขาจริงจังปะปนความโกรธพวกเทพเ่าั้
“ทำไม”
“ปกติเทพไม่ค่อยรักกับซาตาน พวกเขาอาจจะเข้าใจว่าเธอติดตามฉันในฐานะผู้รับใช้ หรือแค่พิศวาส ร่วมหลับนอนแต่ไม่ได้รักกัน”
“เราต้องทำยังไงครับ พวกเทพถึงจะรู้ว่าเรารักกัน” โจไซอายักไหล่ ไม่ใส่ใจความคิดของเหล่าเทพองค์อื่นมากนัก
“ช่างสิ จะสำคัญอะไรในเมื่อฉันอยู่กับเธอตลอดเวลา ถ้ากลับเมืองเทพก็มีอำนาจท่านพ่อคุ้มครอง”
“แต่อาจจะมีเทพที่มารังควานท่านอยู่อีกก็ได้นะครับ แล้วถ้าตอนนั้นผมไม่ได้อยู่กับท่าน หรือเทพองค์นั้นไม่ใส่ใจอำนาจของประมุขเทพล่ะ ผมควรจะประกาศให้พวกเขารู้ให้ทั่วทั้งเมืองเทพเลย ทั่วทั้งโลกุ์ได้ยิ่งดี”
โจไซอาซาบซึ้งในความเป็ห่วงจนวิตกกังวลจากแซ็กคารี แต่เขากลับหัวเราะการพูดบ่นยาวเหยียดจากอีกฝ่ายแม้รู้ว่าไม่ควร แซ็กคารีกำลังจริงจังจึงจ้องเทพด้วยประกายความโกรธเล็กน้อยในสายตา และโจไซอายังไม่ได้สังเกตเห็นสัญญาณนั้น
“ถ้าอยากให้เทพทุกองค์รู้ ทำไมเราไม่แต่งงานกันเลยล่ะ”
โจไซอาพูดกลั้วหัวเราะ วินาทีต่อมาทั้งสองชะงักนิ่งสบตากันและกันเมื่อรู้ตัวเทพได้พูดอะไรออกมา ราวกับนาฬิกาหยุดเดินพร้อมกับเวลาหยุดนิ่ง แซ็กคารีและโจไซอาไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย แต่ความคิดภายในะเิเป็ดอกไม้ไฟบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ผมเห็นด้วย”
“ฮะ”
“เราควรแต่งงานกันนะครับ”
แซ็กคารีจับมือข้างซ้ายของเทพ ยกขึ้นจูบหลังมือแ่เบาหนึ่งครั้ง แล้วเงยหน้าสบตา เป็การขอแต่งงานที่เรียกว่าตกลงกันเสียมากกว่า เทพโจไซอาหลุดหัวเราะดังลั่นในทันทีจนซาตานทำหน้าสงสัย
“โธ่ มนุษย์คนนั้นที่แสนจะโรแมนติกของฉันหายไปไหนแล้วนะ”
ความจริงจังหนักแน่นที่มากเกินไป กินพื้นที่ความโรแมนติกที่แซ็กคารีเคยมีเมื่อครั้งเกิดเป็มนุษย์ เขาหัวเราะตามโจไซอาเมื่อรู้สาเหตุ แล้วพยายามทำให้การขอแต่งงานเป็ความทรงจำน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการโอบแขนกอดโจไซอา ยื่นหน้ากระซิบข้างหู
“แต่งงานกันนะครับ”
เขาพูดอีกครั้งทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เทพหลับตากำมือแน่นเพราะน้ำเสียงชวนเขินอายข้างหู ไม่ยอมพูดตอบหรือเล่นตามน้ำใด ๆ
“ทำไมล่ะ แบบนี้ก็ไม่โรแมนติกเหรอ”
“อืม… ยังไม่ค่อย”
แซ็กคารีลุกจากเตียงทันที เดินตึงตังแน่วแน่ออกไปจากห้องนอนนานหลายนาทีจนโจไซอากำลังจะลุกเดินออกไปตาม แต่ซาตานเปิดประตูห้องเข้ามาเสียก่อน
พร้อมกุหลาบสีแดงหนึ่งดอก
“ท่านเทพโจไซอา”
แซ็กคารีคุกเข่าท่าทำความเคารพของซาตาน แล้วชูดอกกุหลาบที่เพิ่งเด็ดมาจากสวน
“ได้โปรด แต่งงานกับผม”
“แซ็ก เล่นอะไรของเธอเนี่ย ฮ่า ๆๆ”
ประมุขเทพเห็นดีเห็นงามกับงานแต่งงานของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แม่ของโจไซอายิ่งตื่นเต้น เตรียมหาของขวัญแต่งงานให้ทั้งสอง และเตรียมจัดงานสิบวันสิบคืนจนสามีต้องห้ามว่าควรเป็การตัดสินใจของคู่สมรส
เป้าหมายต่อไปของแซ็กคารีและโจไซอา จึงเป็การเดินทางไปที่วังในเผ่าซาตาน เพื่อบอกข่าวดีกับาาและราชินีเผ่า หรือพ่อแม่ของแซ็กคารี
แน่นอนว่าซาตานหนุ่มยังไม่ยอมอยู่ในร่างของซาตาน เขาตอบปัดอย่างแเีว่าอยากขี่กริฟฟินไปกับโจไซอามากกว่า ทั้งสองจึงนั่งอยู่บนหลังกริฟฟินคู่กายของโจไซอาเพื่อเดินทางไปเผ่าซาตาน แม้เ้ากริฟฟินจะหงุดหงิดเพราะไม่ถูกชะตาแซ็กคารีั้แ่เดินเข้าใกล้ก็ตาม
เหล่าซาตานให้การต้อนรับทั้งโจไซอาและแซ็กคารีอย่างดี พวกเขาโค้งคำนับแสดงความเคารพต่อเทพและลูกชายของาาเผ่า เปิดทางให้พวกเขาเข้าวังอย่างง่ายดาย และพบาาที่ห้องโถงห้องเดิมกับที่โจไซอามาครั้งแรก
“ท่านพ่อ ท่านแม่”
แซ็กคารีทำความเคารพพวกเขา ส่วนโจไซอากวาดตามองสำรวจซาตานหลายตนที่นั่งอยู่เต็มห้องโถงใหญ่ซึ่งกำลังคุกเข่าให้เทพ
“ท่านเทพโจไซอา”
“ผมมีเื่สำคัญอยากบอกพวกท่านครับ” ใบหน้าหล่อเหลาของแซ็กคารีมีรอยยิ้มประดับ ความดีใจฉายชัดจนแม่เอ่ยทัก
“เื่อะไรกัน ทำไมตื่นเต้นเชียว”
แซ็กคารีคว้าจับมือเรียวของเทพ สบมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อน และหันมองท่านพ่อกับท่านแม่
“ผมกับท่านเทพโจไซอาจะแต่งงานกันครับ”
เมื่อได้ยินข่าวดีจากปากลูกของาาเผ่า เหล่าซาตานในห้องโถงต่างแสดงความยินดี และดีอกดีใจ ใบหน้าของซาตานไม่ว่าจะในร่างของมนุษย์ หรือในร่างสีขาวซีดนวลต่างมีรอยยิ้มแต่งแต้ม
กระทั่งาาเอ่ยพร้อมวางมือบนหลังลูกชาย
“เ้าชายแห่งเผ่าซาตานกับบุตรแห่งประมุขเทพ เหมาะสมกันจริง ๆ เลยนะ” คำพูดแสดงถึงยศและอำนาจหลุดจากปากพ่อ รอยยิ้มจึงหายวับไปจากใบหน้าของแซ็กคารี เกิดความกลัวในจิตใจเพราะเขาเดาคำพูดต่อนี้ได้
“เมื่อลูกขึ้นเป็าาแทนพ่อ เผ่าพันธุ์ซาตานจะยิ่งใหญ่”
ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งเป็ภาพช้า เสียงหัวเราะของาาบาดลึกในหัวใจของแซ็กคารี เขายืนนิ่งงัน ใบหน้าไร้รอยยิ้ม โจไซอาััความรู้สึกของชายผู้เป็ที่รักได้ เขารู้ดีกว่าใครว่าแซ็กคารีโหยหาอิสระและการทำในสิ่งที่้า
“แซ็กคารีไม่อยากเป็าา” เทพเอ่ยเสียงแข็ง หยุดทุกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของซาตานทุกตนในห้องโถง
“โจ…” ท่อนแขนซาตานโอบเอวเทพเอาไว้ พยายามห้ามโจไซอา
“เราจะแต่งงานกัน แล้วทำในสิ่งที่เรา้า ซึ่งไม่ใช่การกลับมาเป็าาปกครองที่นี่แน่นอน”
“ท่านเทพโจไซอา ตามกฎของพวกเราเผ่าพันธุ์ซาตานแล้ว—”
“ช่างกฎบ้าพวกนั้นสิ ฉันจะไม่ยอมให้พ่อแม่จุกจิกจอมบงการมาขวางเราอีกแล้ว”
โจไซอาโมโหขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะถูกจี้ตรงจุด พวกพ่อแม่สร้างกรอบขีดเส้นทางให้เอเดน กริฟฟิน และขวางทางความรักทั้งคู่มาั้แ่ชาติก่อน เวลาเกือบร้อยปีกว่าที่ทั้งคู่จะได้กลับมารักกันเหมือนเดิม พ่อแม่ที่ทำตัวเหมือนผู้คุมนักโทษเช่นนี้ไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวใด ๆ
แซ็กคารีแอบยิ้มเพียงลำพัง
ก่อนจะดึงแขนของโจไซอาเอาไว้ ไม่ให้แสดงพลังอำนาจใด ๆ ออกมาด้วยความโกรธ
“โจ ออกไปข้างนอกกันเถอะ” เขากระซิบเสียงเบาข้างหู เทพจึงใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว แต่ดวงตายังคงจ้องาาเผ่าไร้ความเกรงกลัว
“ผมคิดอย่างที่ท่านเทพพูดครับ และท่านพ่อรู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่อยากเป็าา”
แซ็กคารีโค้งศีรษะทำความเคารพอย่างลวก ๆ แล้วโอบเทพข้างกายให้หันหลังกลับเพื่อออกไปจากที่นี่ ก่อนที่โจไซอาจะโมโหมากกว่านี้ หรือก่อนที่ท่านพ่อจะสั่งให้ทหารซาตานเข้ามาทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย
“ท่านองค์เทพ”
แซ็กคารีพาโจไซอามาที่หอสมุดของซาตาน แอชลีย์บรรณารักษ์รีบร้อนคุกเข่าทำความเคารพทันที โจไซอาจึงรีบโบกมือให้เธอลุกขึ้นยืน
“ผมขอใช้สถานที่หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ ได้ ตามสบายเลยแซ็ก” เธอดูตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นแซ็กคารีมาพร้อมกับเทพรูปงาม พร้อมท่าทางสนิทสนมใกล้ชิด
“ทางที่ดี ออกไปก่อนดีกว่านะครับ” แซ็กคารีกระซิบข้างหูเธอ บรรณารักษ์เหลือบมองเทพไม่สบอารมณ์ แล้วพยักหน้าหงึกหงัก บินออกจากหอคอยทันที
โจไซอาทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ในหอสมุด ถอนหายใจเสียงดังระบายความหงุดหงิดแต่ไม่ได้ผล แซ็กคารีจึงนั่งเก้าอี้ข้างกัน ก้มหน้าลงเพื่อมองใบหน้าโจไซอา แต่ยังเห็นเรียวคิ้วขมวดชนกันตรงกลางเช่นเดิมไม่ยอมคลายออก
“ผมจะแต่งงานกับท่านอยู่ดีครับ ถึงอนาคตจะถูกตามตัวกลับมาเป็าาผมก็จะหนีออกมาหาท่าน” โจไซอาหลับตา พยายามหายใจเข้าออกเพื่อข่มอารมณ์โกรธของตนเอง มือใหญ่จึงช่วยกอบกุมมือเรียวใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือแ่เบาไล่อารมณ์โมโหออกไป
“ไม่ต้องห่วงนะโจ ไม่มีใครมาขวางเราได้อีกแล้ว”
“ฉันแค่อยากให้เธอเป็อิสระเท่านั้นเอง” ซาตานยกมือเรียวขึ้นจูบหอม
“ขอบคุณนะครับ เรามาค่อย ๆ คิดหาวิธีกันนะ”
“กฎของซาตานว่าไง ลูกต้องขึ้นเป็าาไม่มีข้อแม้เหรอ เธอไม่มีพี่น้องแล้วใช่ไหม แล้วที่ยืนอยู่เต็มห้องนั่นใครบ้าง”
“ผมไม่มีพี่น้องครับ ส่วนที่อยู่ในห้อง ฝั่งซ้ายคือภรรยาลำดับที่สองถึงสิบของท่านพ่อ ฝั่งขวาคือสามีลำดับที่สองถึงเจ็ดของท่านแม่”
“เดี๋ยวก่อน ๆ หมายความว่าไง” เทพแทบตาถลนออกจากเบ้า เมื่อรู้ว่าทั้งห้องโถงนั้นต่างคือภรรยาและสามีตนอื่น ๆ ของาากับราชินี
“ซาตานมักมีคู่รักมากกว่าหนึ่งเป็เื่ปกติน่ะครับ”
“แล้วไม่มีใครมีลูกเลยเหรอ”
“ครับ มันยากสำหรับซาตาน มีแค่ผมตนเดียวที่เทพแห่งการกำเนิดประทานพรให้”
หนทางแห่งความหวังชัดเจนขึ้นในทันทีเมื่อกล่าวถึงเทพแห่งการกำเนิด ในโลกของเทพ ไม่ว่าุ์ตนใดก็สามารถมีลูกได้ ตามการตัดสินใจของเทพแห่งการกำเนิดซึ่งจะพิจารณาหาผู้ที่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ดีที่สุดแล้วจึงประทานพร
เทพแห่งความผูกพันกับเทพแห่งความรัก หรือพ่อแม่ของโจไซอาเป็เทพที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี ทั้งสองต่างมีจิตใจงดงามเหมือนกัน เทพแห่งการกำเนิดจึงประทานพรให้เทพแห่งความรักตั้งท้องโจไซอา เวลาต่อมาเมื่อพ่อแม่เลี้ยงดูโจไซอาให้เติบโตอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จึงกลายเป็เทพองค์โปรดของเทพแห่งการกำเนิด
โจไซอาหวังว่าเขาจะสามารถใช้ข้อนี้ในการขอร้องเทพได้
“เราต้องไปขอร้องเทพแห่งการกำเนิด ให้าาเผ่าซาตานมีลูกอีกตน”
“แต่ในประวัติศาสตร์บอกว่า เทพแห่งการกำเนิดสาปให้ซาตานมีลูกยากนะครับ”
“ทุก ๆ เื่ถ้ามีเหตุผลแล้วถึงอย่างไรก็ต้องยอม ฉันเชื่อว่าเทพแห่งการกำเนิดจะช่วยเรา แซ็ก” แซ็กคารีพยักหน้า เริ่มเห็นความหวังอย่างที่โจไซอาเห็น
เมื่อได้หนทางแก้ปัญหาความโกรธจึงคลายลง โจไซอาถอนหายใจเสียงดังเป็ครั้งสุดท้าย แล้วลืมตามองสำรวจรอบ ๆ หอคอยสูงที่มีชั้นหนังสือเต็มผนังจรดเพดาน ดวงตาเป็ประกายตื่นเต้นราวเพิ่งเห็นความสวยงามของมัน เพราะตอนเดินเข้ามาเขาโมโหจนมองไม่เห็นสิ่งใด
“ที่นี่สวยดีนะ”
“ใช่ครับ สวยมาก ๆ เลย ผมชอบมาที่นี่ั้แ่เด็กแล้ว”
“มาอ่านหนังสือน่ะเหรอ อ่านครบทุกเล่มในนี้เลยหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ มีเล่มที่ยังไม่เคยอ่านอยู่บ้าง มีเล่มโปรดของผมอยู่ด้วย จะไปหยิบมาให้ดูนะครับ”
แซ็กคารีกระตือรือร้นเหมือนเด็กเมื่อเอ่ยถึงสิ่งที่ชอบ เขาลุกจากเก้าอี้ เงยหน้ามองหนังสือเล่มโปรด เตรียมตัวจะแปลงกายเป็ร่างของซาตานและบินขึ้นไปหยิบบนชั้นหนังสือ แต่กลับยืนนิ่งเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่อาจกลับไปเป็ซาตานได้อีกแล้ว หากยังมีใครก็ตามมองเขาอยู่เช่นนี้
“เป็อะไรไป แซ็ก”
“เปล่าครับ เปล่า”
“หนังสือเล่มโปรดของเธอล่ะ อยู่ที่ไหน” แซ็กคารียืนนิ่งไม่ตอบคำถาม เผยให้เห็นความผิดปกติชัดเจน
“แซ็ก…”
“ผมจะ… บินขึ้นไปหยิบมาให้ดูครับ” ซาตานยกยิ้มแล้วหันมองเทพ แสร้งทำเป็ว่าเขาปกติดีจนโจไซอาสบายใจ
เมื่อเทพหันมองสำรวจชั้นหนังสือในหอคอย แซ็กคารีจึงค่อย ๆ แปลงกายเป็ซาตาน ผิวกายเปลี่ยนเป็สีขาวซีดนวลทั้งตัว ร่างกายสูงใหญ่ ปีกสยาย เขางอกออกจากศีรษะเพียงแค่ข้างเดียว ส่วนอีกข้างเหลือเพียงส่วนโคนมีร่องรอยแตกหัก
เขาก้มหน้าก้มตาบินขึ้นไปหยิบหนังสือที่จำได้แม่นว่าวางอยู่ตรงไหน แล้วบินลงมาส่งหนังสือเล่มนั้นให้โจไซอาด้วยการคุกเข่าลงให้ต่ำกว่าเทพยามนั่งเก้าอี้ไม้ ก้มหน้าแทบคางชิดอกเพื่อปกปิดใบหน้าอัปลักษณ์
“เล่มนี้เหรอ”
โจไซอารับหนังสือมาถือเอาไว้ พลิกดูหน้าปกซึ่งเป็ภาษาของซาตานที่เขาอ่านออกแค่บางคำ ตั้งใจจะหันหน้าไปถามซาตานข้างกายว่าตนเองอ่านถูกหรือไม่ แต่ต้องทิ้งทุกอย่างในมือลงเมื่อเห็นเขาของแซ็กคารี
“แซ็ก! เกิดอะไรขึ้น”
ซาตานไม่อาจเก็บร่างอัปลักษณ์ของตนเองเป็ความลับได้อีกแล้ว เขาขยับกายเข้าหาเทพ ซบหน้าผากที่หน้าขาโจไซอาอย่างเศร้าโศก ไม่ลืมที่จะระมัดระวังไม่ให้เขาอีกข้างทำเทพาเ็
มือเรียวแตะเขาข้างซ้ายที่ยังสมบูรณ์แ่เบา และจับร่องรอยแตกหักหายไปของเขาข้างขวา จากนั้นจึงสำรวจร่างกายของซาตานที่เขารัก เห็นรอยแผลเป็ที่ข้อมือข้างขวา กับแผลใหญ่กว่าที่สะบัก
“แซ็ก ทำไมมีแต่แผลแบบนี้ เธอเจ็บหรือเปล่า”
“จากพวกภูตทะเลตอนผมไปหาเทพแห่งความทรงจำครับ” แซ็กคารีเอ่ยเสียงอู้อี้อยู่ที่ตักโจไซอา เทพพยายามจับข้างแก้มดันให้เงยหน้าขึ้นเท่าไรก็ไม่ยอม
“ทำไมไม่บอกฉันเลยล่ะ มานี่มาฉันช่วย”
โจไซอาร่วมรักกับแซ็กคารีในร่างของมนุษย์เพียงอย่างเดียว าแที่อยู่ในร่างซาตานจึงยังฝังลึกไม่จางหายไป เทพตั้งใจจะมอบจุมพิตให้ซาตาน แต่แซ็กคารีทำตัวแข็งไม่ยอมขยับ
“แซ็ก ฉันขอมองตาของเธอหน่อยนะ ได้ไหม”
เสียงหวานอ้อนวอน ทำให้แซ็กคารีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นเชื่องช้า ทันทีที่โจไซอาเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของซาตาน เทพเบิกตากว้างด้วยความใ
“นี่อะไร เกิดอะไรขึ้น” มือเรียวกุมข้างสันกรามซาตาน พยายามใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาออกแต่มันประทับฝังแน่นบนผิวกายสีขาวซีดนวล
“มันคือบทลงโทษเมื่อซาตานร้องไห้ ลบยังไงก็ไม่ออกหรอกครับ”
“โธ่ ที่รัก”
“ซาตานไม่ควรร้องไห้ แล้วเขายังหักไปข้างหนึ่งแบบนี้ ผมดูไม่ได้เลยครับ” แซ็กคารีหัวเราะอย่างฝืนทน ผิวกายของเขากำลังเปลี่ยนเป็สีน้ำผึ้ง ปีกกำลังเก็บซ่อนเอาไว้ใต้ร่างของมนุษย์ แต่โจไซอารีบเอ่ยห้าม
“เดี๋ยวก่อนแซ็ก” ผิวกายกลับมาเป็สีขาวซีดราวหินอ่อนเช่นเดิม ทุกส่วนของซาตานล้วนเป็สีเดียวกันไม่เว้นแม้แต่เส้นขนตาที่เรียงตัวงดงาม แซ็กคารีในยามนี้ห่างไกลจากคำว่าอัปลักษณ์อย่างที่เ้าของร่างกายคิด
โจไซอาจับสันกรามของซาตานให้เงยหน้าขึ้น แล้วค่อย ๆ มอบจุมพิตที่เปลือกตา จูบซับคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนแก้มทั้งสองข้างอย่างรักใคร่ ไล่จูบทีละเล็ก มอบจุมพิตให้ทีละน้อย จนถึงปลายคางที่หยดน้ำตาไหลรวมกัน จากนั้นจึงจุมพิตแนบค้างที่ริมฝีปาก
เมื่อผละออกมองใบหน้าชายผู้เป็ที่รัก เทพจึงยิ้มกว้างกับผลงานของตนเองที่สามารถลบคราบน้ำตานั้นออกไปจนหมด ต่อไปเป็เขาข้างขวาที่แตกหัก
โจไซอาจูบแซ็กคารีอีกครั้ง ค่อย ๆ ดูดดึงริมฝีปากของซาตานอย่างเนิบช้า แซ็กคารีจูบตอบเขาอย่างคุ้นเคยจังหวะและร่างกายกันดี ซึมซับความรักจากภาษากายที่โจไซอามอบให้โดยที่ไม่เคยคิดเบื่อหรืออยากพอ เขาอยากได้รับจูบจากโจไซอาตลอดไป
มือเรียวยกขึ้นััเขาโค้งงอสวยข้างขวาที่กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และผละจูบ
“เธอหายแล้ว”
แซ็กคารีแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ยกมือขึ้นจับเขาข้างขวาของตนเองเพื่อยืนยัน
“ท่านโจไซอา”
ซาตานโผกอดเทพผู้ที่ทำทุกอย่างให้เป็เื่ง่ายเสมอ ครั้งแรกที่เทพได้โอบกอดแซ็กคารีในร่างซาตานแบบที่ไม่ใช่การคล้องรอบลำคอเพื่อให้อีกฝ่ายบินเดินทางไปที่ต่าง ๆ เขารู้สึกแปลกใหม่และยังไม่ชิน แน่นอนว่าเขาชื่นชมความงดงามของเผ่าพันธุ์ซาตานมากขึ้นอีกเมื่อได้อยู่ใกล้แซ็กคารี
ซาตานผละกอด โดยที่ท่อนแขนสองข้างยังโอบรอบเอวโจไซอาอยู่ ร่างกายของซาตานสูงใหญ่ แต่แซ็กคารีคุกเข่านั่งทับส้นเท้าให้อยู่ต่ำกว่าเทพที่นั่งเก้าอี้ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าตนเองอยู่ต่ำกว่าตามสถานะของทั้งคู่ แต่เพราะเขารักและเทิดทูนโจไซอาพร้อม ๆ กัน อยากออดอ้อนอีกฝ่ายให้เป็ที่น่าเอ็นดูในสายตาโจไซอา
เทพจับข้างแก้มแซ็กคารี ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากแ่เบา ก่อนผละออกเพื่อสบตากันและกัน
แรงดึงดูดมหาศาลระหว่างทั้งคู่ ฉุดรั้งให้สองร่างขยับเข้าหาและจูบกันอีก ครั้งนี้ซาตานหนุ่มเอียงคอปรับองศาให้แนบชิด โอบกอดรอบเอวเทพแน่น ป้อนความรักให้เทพผ่านทางปาก และรับความรักจากเทพ
ความรักนิรันดร์อย่างที่โจไซอาเชื่อมาเสมอ
ความรักโดยไร้สิ่งใดขัดขวาง
ของเทพนามว่าโจไซอา และซาตานนามว่าแซ็กคารี ที่ตั้งมั่นอยากใช้ชีวิตะด้วยกันตลอดไป
end.
#เฮเซลอาย
